Perfect World โลกอันสมบูรณ์แบบ - ตอนที่ 1256
เป็นเวลาหนึ่งเดือนแล้ว แต่ก็ไร้ข่าวคราวของฮวง ยังคงบำเพ็ญเพียรอยู่
สองเดือนผ่านไป ยังคงมีค่ายกลบดบังบริเวณที่ตั้งสำนักเทพสวรรค์ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีข่าวอะไรแว่วออกมา
หลายคนข้างนอกต่างก็หยักยิ้ม อดหัวเราะไม่ได้ รู้สึกว่าฮวงต้องเคราะห์ร้าย โอกาสแพ้มีมากกว่าชนะแน่นอน
“ผ่านไปตั้งสองเดือนแล้ว ยังบำเพ็ญเพียรไม่เสร็จ กำลังทำอะไรกันแน่ คลอดลูกเหมือนผู้หญิงหรือไง ฮ่าฮ่า!”
“คนของสำนักเซียนที่มีเมล็ดพันธุ์สูงส่ง ทยอยนิพพานกันแล้ว เดินออกจากการบำเพ็ญเพียร ฮวงไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ แต่ยังทำสมาธิ ยังกัดฟันทน หากพูดออกไปคงน่าขำแน่!”
สองเดือนผ่านไป ยังคงไร้วี่แววของฮวง ความเงียบแบบนี้ทำให้เกิดข่าวลือต่างๆ นานาข้างนอก บางคนกำลังหัวเราะเยาะ
หลายคนคิดว่า การจำศีลแบบนี้ของเขานับว่าเป็นความล้มเหลว!
ไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสมกับพรสวรรค์ ก็จะไม่มีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตา เขาจะเอาอะไรมาทลายขีดจำกัด? ไม่มีทางผงาดได้เลยสักนิด
พรสวรรค์อย่างเขา การเป็นเจ้าสำนักที่แข็งแกร่งนั้นไม่มีปัญหาเลยสักนิด แต่ทุกคนรู้ดีว่าเขาไม่มีทางยอมจำนน มีข่าวแว่วมาแล้วว่า เขาเตรียมพร้อมทำศึกอยู่เสมอ อยากเป็นบุคคลชั้นยอด
แต่มันไม่สมจริงเอาเสียเลย ฝึกวิชาโบราณ แต่เขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม หากเลือกเส้นทางวิชาปัจจุบัน เขาไม่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักปราชญ์เต็มที่ สองสำนักไม่เปิดประตูเหนือเมฆให้เขา!
สามเดือนแล้ว สือฮ่าวก็ยังเงียบงัน บริเวณที่พำนักของปรมาจารย์ในสำนักเทพสวรรค์มีหญ้าขึ้นเต็มไปหมด ภายใต้การหล่อเลี้ยงจากพลังปราณ เรียกได้ว่าโตพรวดพราด สูงกว่าตัวคนแล้ว
ที่นี่มีหญ้าขึ้นรกร้าง ขาดพลังชีวิต ทิวทัศน์ทรุดโทรม
ไม่มีใครสนใจ เพราะปรมาจารย์เคยกำชับไว้ว่า ห้ามให้ใครเข้าใกล้เด็ดขาด จะได้ไม่รบกวนสือฮ่าวที่กำลังจำศีล
“ฮวงจะทลายขีดจำกัดที่น่าตะลึงได้จริงหรือ?”
“ต้องแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปแน่นอน แต่เขาไม่มีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม ถ้าอยากสู้กับพวกวิปริตเกินคนเหล่านั้น คงเป็นไปไม่ได้แล้ว”
“น่าเสียดาย ไม่ได้รับความสำคัญจากสองสำนัก ฮวงต้องตกต่ำเป็นแน่ ยากจะบุกเบิกเส้นทางอันรุ่งโรจน์ วันหน้าเขาจะแข็งแกร่งกว่าข้ามากโข เหนือกว่าอัจฉริยะทั่วไป แต่สูญเสียสิทธิ์จะแข่งขันกับอัจฉริยะสูงส่งของสองสำนักแล้ว”
แม้แต่ลูกศิษย์บางส่วนที่หลงเหลือในสำนักเทพสวรรค์ก็คิดเห็นเช่นนี้ ไม่หวังในตัวสือฮ่าวอีก เพราะนี่เป็นความจริงอันโหดร้าย ขาดความช่วยเหลือจากสองสำนัก อนาคตของฮวงหมดสิ้นแสงสว่างแล้ว
คนในสำนักยังเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนนอก คนที่เคยเป็นปรปักษ์กับสือฮ่าวกำลังยิ้มเยาะ รอเย้ยหยันสือฮ่าว
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่ออัจฉริยะยิ่งใหญ่เสร็จสิ้นการจำศีลคนแล้วคนเล่า รอยยิ้มของคนพวกนั้นชัดเจนยิ่งขึ้น เห็นสือฮ่าวลิ้มรสความแพ้พ่ายในเส้นทางอันมืดมิดแล้ว
“หึหึ ข้ารอเขาโผล่มา คาดหวังอยากเจอฮวงเหลือเกิน” มีคนแสยะยิ้ม สีหน้าเรียบเฉย เจือความเย็นชา
สือฮ่าวยังคงจำศีลเสมอมา ภายใต้การคาดเดาผู้คน ท่ามกลางเจตนาร้ายของคยบางส่วน
ตอนนี้ ณ ใต้ตีนเขาวิเศษ สือฮ่าวเปลี่ยนบ่อสมุนไพรแล้วไม่รู้ตั้งกี่บ่อ ทรมานนับครั้งไม่ถ้วน ขัดเกลาไม่หยุด ตั้งแต่แช่สมุนไพร พิษร้ายแรงกัดกร่อน ไปจนถึงคมดาบฟันกาย ไม่จบไม่สิ้น
เช่นเขาเคยถูกปรมาจารย์ใช้หอกสำริดตรึงเขาอย่างไม่ปรานี ปลายหอกคมกริบ เนื้อตัวของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลน่ากลัว อนาถสิ้นดี
จากนั้น ใช้สมุนไพรชะล้างตัวเขา ระหว่างนี้ สือฮ่าวต้องอดทนกับความเจ็บปวด กระตุ้นวิชาขัดเกลากระดูก บำเพ็ญเพียรราวกับอยู่ในขุมนรก
จากที่ปรมาจารย์พูด รุ่นของพวกสือฮ่าวดูเหมือนมากประสบการณ์ แท้จริงแล้วยังห่างไกลอย่างมาก ความทรมานและความทุกข์ที่พบเจอมีจำกัด ยังไม่เพียงพอ ต่างก็เป็นพวกคนอ่อนปวกเปียก
เมื่อความโกลาหลที่แท้จริงมาเยือน มันจะเป็นนรกบนดิน สู้ศึกต่อเนื่อง มีโรคภัยไข้เจ็บรบกวนทุกเมื่อ หากไม่มีร่างกายที่แข็งแกร่งดุจรูปปั้นหิน แค่ภาพพวกนั้นก็ทำให้ตกใจจนสูญสิ้นกำลังใจแน่นอน
นี่ไม่ใช่การทรมานโดยตั้งใจ แต่เป็นการขัดเกลากายเนื้ออย่างแท้จริง กำลังสร้างร่างกายให้อยู่ยงคงกระพัน ทำให้เขาบรรลุสภาพตามที่หวังไว้
“อยากใช้กายเป็นพันธุ์ หากไม่มีร่างกายที่สมบูรณ์แบบก็อย่าหวัง มิเช่นนั้นร่างกายจะแหลกสลายกลางทาง”
ระยะนี้ สือฮ่าวเคยถูกเขาเทพเจ้าทับจนร่างหัก แทบจะกลายเป็นเนื้อเละ ซ้ำยังเคยถูกคมดาบเฉือนจนเหลือแค่กระดูก
แม้จะเป็นแบบนี้ ปรมาจารย์ก็ให้สือฮ่าวใช้วิชาขัดเกลากระดูกอยู่ตลอด มีจะมีจิตใจแข็งแกร่งอย่างสือฮ่าวก็แทบจะสติแตกเช่นกัน
เขากัดฟันอดทน ไม่เคยพร่ำบ่นและโวยวาย มีเพียงต้องเดินไปให้ถึงที่สุด เพราะปรมาจารย์บอกว่า ทนทรมานตอนนี้เพื่อจะผงาดในวันหน้า เพื่อชีวิตใหม่ที่สมบูรณ์สวยงาม!
ปรมาจารย์ก็เคยเดินบนเส้นทางนี้เช่นกัน แต่น่าเสียดายมาก เขาล้มเหลว จึงขัดเกลาสือฮ่าวนับครั้งไม่ถ้วน เห็นเขาเป็นเหล็กกล้า จะตีให้เป็นทองคำเซียน ต้องสำเร็จให้ได้!
เมื่อผ่านไปสามเดือน สือฮ่าวผ่านจากการขัดเกลากายเนื้อมาถึงการหลอมจิต เห็นได้ชัดว่าอย่างหลังอันตรายยิ่งกว่า
ระหว่างนี้ ปรมาจารย์ทำทุกวิถีทาง กระตุ้นพลังจิตของเขา เพื่อสร้างดวงจิต บีบคั้นศักยภาพของเขาไม่หยุด
“ดวงจิตที่สอง!”
ปรมาจารย์คาดหวังในตัวเขาอย่างมาก บีบคั้นให้เขาสร้างดวงจิตที่สอง เพราะพลังจิตของเขาแก่กล้าอย่างยิ่ง เหนือกว่าเทพสวรรค์ขั้นเดียวกันนานแล้ว
เปลวไฟพลังจิตสีเงินลุกโชน ดวงจิตที่สองของสือฮ่าวกำลังเติบโต สุดท้ายก็สมจริงราวกับมีชีวิต เหมือนดวงจิตแรกของสือฮ่าวราวกับแกะ เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่าเท่านั้น
“นี่มัน…” ปรมาจารย์ตกใจ เขาแค่อยากทดสอบชายหนุ่มคนนี้เท่านั้น ไม่คิดเลยว่าจะสร้างดวงจิตได้เช่นนี้ เขาอยากใช้วิชานี้ขัดเกลาจิตและวิญญาณของเขา คิดไม่ถึงเลยว่าจะสำเร็จ
ตอนนี้ สือฮ่าวเกิดความรู้สึกประหลาดอย่างหนึ่ง ตัวเองสองคนในหนึ่งร่าง แปลกยิ่งนัก ช่างวิเศษจริงๆ เรียกได้ว่าเป็นชีวิตใหม่
หากเป็นเช่นนี้ เขาสามารถทำเรื่องได้มากมายแล้วใช่ไหม?
เพียงแต่ว่า คำพูดต่อไปของปรมาจารย์ ทำลายความคิดของเขาจนหมดสิ้น
“ธรรมเรียบง่าย ตั้งใจจดจ่อ ทั้งแปลงร่าง ใช้จิตชักใย ธรรมกายที่สอง กายไร้พ่ายที่สามอะไรพวกนั้น เป็นทางอ้อม เป็นความโชติช่วงชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายก็ต้องทำลาย มีแค่ตัวตนที่แท้จริงเท่านั้นที่เป็นของจริง”
ธรรมเรียบง่ายที่ว่า ไม่ใช่แค่พูดเท่านั้น ดวงจิตที่สอง แปลงร่างอะไรที่ว่าเป็นแค่วิธีบนเส้นทางของการฝึกตน ไม่ใช่หนทางสูงส่งที่ต้องเดินให้ได้
“ในโลกหล้า ตัวเราเองก็เป็นฟ้าดิน จักรวาล ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือยกระดับให้ถึงขั้นสูงสุด หลุดพ้นออกมา จากนั้นก็สร้างตัวตนที่แท้จริง ไม่ใช่การปรุงแต่ง เติมแขนขาและวิญญาณเพิ่มเติมให้ตัวเอง” ปรมาจารย์พูดอย่างตรงไปตรงมา
สิ่งที่เขาพูดอาจไม่ใช่หลักการที่ถูกต้องที่สุด แต่มันมีเหตุผล บางทีอาจเพราะข้อจำกัดทางชีวิต เขายังไม่ใช่มือดีขั้นเซียนที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ สิ่งที่พูดอาจมีผิดบ้าง แต่โดยรวมแล้วมันเป็นสัจธรรม
ไม่นาน ดวงจิตที่สองของสือฮ่าวก็ถูกตัวเขาใช้เป็นเปลวไฟ แผดเผาดวงจิตที่หนึ่งของตัวเอง ไฟลุกโชนไม่หยุด หายลับไปในดวงจิตหลัก
ดวงจิตที่สองกลายเป็นของบำรุง ทำให้ดวงจิตหลักแข็งแกร่งขึ้น
เรียกได้ว่า ตั้งแต่แบ่งออกเป็นดวงจิตที่สอง จนถึงหลอมรวมเป็นหนึ่ง มันเหมือนการสร้าง ขัดเกลานับครั้งไม่ถ้วน ปรับปรุงให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เห็นดวงจิตเป็นเหล็กกล้า หลอมและตีไม่หยุด ขจัดสารเจือปนในดวงจิต ทำให้มันบริสุทธิ์ผุดผ่อง กลายเป็นโลหะ ทองคำเซียนที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างโชกโชน
นี่ไม่ใช่การสิ้นสุด เป็นแค่การเริ่มต้น!
“วิชาขัดเกลากระดูกมาจากสำนักเซียน เห็นได้ชัดว่าอัจฉริยะของที่นั่นก็กำลังทำการแปรสภาพเช่นนี้ ขอเพียงเจ้าพยายามทำให้ดีกว่า ทำมากกว่าจึงจะดี!” ปรมาจารย์เตือน
กระทั่งสุดท้าย ปรมาจารย์ถ่ายทอดวิชาที่พิเศษยิ่งกว่า ไม่จำกัดแค่เคล็ดวิชาของสำนักเซียนแล้ว
เขาให้สือฮ่าวหลอมดวงจิตเป็นอาวุธ ไม่ใช่ดวงจิตที่สอง มันอันตรายอย่างยิ่ง แต่ขัดเกลาดวงจิตของตัวเอง เป็นหนทางมรณะอย่างหนึ่ง
หากล้มเหลวจะสิ้นชีพทันที ทิ้งกายเนื้อไร้ดวงจิตไว้ หากสำเร็จพลังจิตจะค่อยๆ แข็งแกร่งมากขึ้น!
ตอนแรก ดวงจิตหลักยังอยู่ มือถืออาวุธที่หลอมจากพลังจิตเคลื่อนไหวอยู่ตรงนั้น ช่างน่าตกใจนัก
แต่ต่อมา ดวงจิตหลักหายไป กลายเป็นกระบี่ เป็นหอกสีทอง สร้างดาบสวรรค์ไร้เทียมทานด้วยตัวเอง!
มันน่าตะลึงยิ่งนัก การหล่อหลอม ขัดเกลานับพันนับหมื่นครั้ง สร้างดวงจิตครั้งแล้วครั้งเล่า ขจัดสิ่งปนเปื้อนที่ว่า เหลือไว้เพียงส่วนสำคัญ แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอีกขั้น
สือฮ่าวพูดเสียงสั่นเครือว่า “นี่มันวิชาสยบความวุ่นวายไม่ใช่หรือ?”
หนึ่งในสามวิชากระบี่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ในยุคเซียนโบราณ เคยสังหารผู้รุกรานต่างแดนจนนองเลือด กระดูกกองเป็นภูเขา ทำให้ยุคสมัยสุขสงบ!
และวิชานี้แปลงดวงจิตให้เป็นกระบี่ มีอานุภาพไม่สิ้นสุด ทุกที่ที่มันผ่าน ภูเขาจะถล่ม ดวงดาวดับสูญ ไม่มีอะไรขวางมันได้!
“เป็นแค่วิชาไม่สมบูรณ์ ใช้มันมาขัดเกลาดวงจิตเท่านั้น หากจะใช้โจมตี มันยังห่างไกลอยู่มาก วิชาลึกลับชนิดนี้ยากลึกเกินหยั่งตั้งแต่ยุคเซียนโบราณ ไม่รั่วไหลสู่ภายนอก อยากได้มันมาครองนั้นยากเหลือเกิน”
ดวงจิตของสือฮ่าวถูกขัดเกลาอย่างต่อเนื่อง มันแข็งแกร่งมากกว่าเดิม ยิ่งใหญ่เป็นที่สุด
ต่อมาไม่นาน ปรมาจารย์ก็นำอาวุธชิ้นหนึ่งออกมา มันแดงฉานดุจหัวแร้ง รูปร่างคล้ายเหล็กท่อน มีทั้งหมดสิบแปดท่อน หลอมวิญญาณของคนโดยเฉพาะ
มันเป็นอาวุธวิญญาณ สร้างขึ้นเพื่อทลายดวงจิต
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า หนทางต่อไปของสือฮ่าวจะน่ากลัวปานใด ใช้ดวงจิตต่อต้านอาวุธวิญญาณ มันอันตรายเป็นที่สุด เป็นไปได้สูงว่าอาจถึงตาย
“กายเนื้อของเจ้าต้านทานอาวุธวิเศษได้ ยิ่งใหญ่สุดแสนแล้ว กำลังแปรเปลี่ยนเป็นกายอมตะ ดวงจิตก็ควรเป็นเช่นนี้ด้วยจึงจะถูก ต้องต่อต้านอาวุธวิญญาณได้จึงจะดี!”
ปรมาจารย์บอกว่า ต่างแดนมีอาวุธวิญญาณที่น่ากลัวยิ่งนัก ตอนนั้นแดนนี้ปราชันในปลายยุคเซียนโบราณ นั่นเป็นเพราะอีกฝ่ายใช้อาวุธวิญญาณจำนวนมาก จึงทำให้สิ่งมีชีวิตในเก้าสวรรค์สิบพิภพประสบกับความสูญเสียอย่างมหาศาล
หนึ่งในนั้นมีอาวุธวิญญาณสูงส่งหลายชิ้นที่สังหารเซียน ทำลายดวงจิตของสิ่งมีชีวิตขั้นนั้น สะเทือนขวัญผู้คนในแดนนี้
สือฮ่าวได้ฟังก็สูดหายใจดังเฮือก เงียบงันไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ให้ปรมาจารย์ใช้เหล็กท่อนโจมตีดวงจิตของเขาไม่หยุด เขาใช้ดวงจิตอันเปลือยเปล่าต่อต้านมัน
“ท่าทางวิชาสยบความวุ่นวายจะล้ำค่ากว่าที่คิด สักวันหนึ่ง จะไม่ใช่แค่กายเนื้อที่เป็นอมตะ แต่ข้าจะทำให้ดวงจิตเดินไปถึงขั้นนั้นด้วย ไม่กลัวการโจมตีใดๆ!” สือฮ่าวทำหน้าหนักแน่น
ชัดเจนมากว่า ในเมื่อวิชาสยบความวุ่นวายทำให้ดวงจิตกลายเป็นอาวุธ สังหารศัตรูมากเหลือคณานับ ทำลายทุกสิ่งกีดขวางได้ เช่นนั้นต้องทำให้ดวงจิตแข็งแกร่งจนถึงขั้นสุดยอด
แม้แต่การโจมตียังไร้พ่ายแบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาวุธวิญญาณป้องกันที่เป็นฝ่ายถูกกระทำ มันเป็นวิชาสูงส่ง!
สี่เดือนผ่านไปแล้ว สือฮ่าวยังคงจำศีลอยู่เช่นเดิม
ห้าเดือนผ่านไป สำนักเทพสวรรค์ยังคงเงียบสงบ
ครึ่งปีผ่านไป คนภายนอกพากันส่ายหน้า อัจฉริยะไร้ความหวังคนหนึ่งจำศีลนานปานนี้ จะมีเรื่องน่ายินดีอะไรอีก?
“อัจฉริยะสำนักเซียนทำสำเร็จแล้วสี่คน คนที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักปราชญ์หลายคนก็ปรากฏตัวกันแทบจะทุกคนแล้ว แต่กลับไร้วี่แววของฮวง ข้าพูดได้ไหมว่าเขาใจกล้ายิ่งนัก ฮ่าฮ่า…” มีคนหัวเราะลั่น
“ผู้สูงส่งเหล่านั้นมีเมล็ดพันธุ์สมบูรณ์ ต่างก็ใช้เวลาไม่นานเท่าใดนัก แต่ฮวงกลับทรหดเช่นนี้ ไม่ยอมออกมา ช่างเหนียมอายและน่ารักจริงๆ หึหึ!”
หลายคนแสยะยิ้ม เยาะเย้ยและเหน็บแนมอย่างโจ่งแจ้ง คนไม่น้อยกำลังรอสมน้ำหน้าสือฮ่าว