Perfect Superstar - ตอนที่ 426 เจ้านี่เป็นใคร?
ตอนที่ 426 เจ้านี่เป็นใคร?
ซูจิ้งมีชื่อเสียงมากในวงการบันเทิงของเซียงเจียง
เธอออดิชั่นโด่งดังในชั่วข้ามคืน อัลบั้มแรกที่ดังเป็นพลุแตกคือ ‘ดับเบิลแพลทินัม’ ถูกเรียกว่าเป็นราชินีแห่งวงการเพลง ตอนที่โด่งดังถึงขีดสุดเธอออกจากวงการเพื่อแต่งงานเข้าสู่ตระกูลที่ร่ำรวยอย่างกล้าหาญ กลายเป็นไอดอลของศิลปินหญิงอีกนับไม่ถ้วน
หลังจากแต่งงานซูจิ้งไม่ได้ย่างกรายเข้าสู่วงการบันเทิงอีกเลย แต่อิทธิพลของเธอในวงการยังหลงเหลืออยู่ โดยเฉพาะ ‘มูลนิธิกองทุนการกุศลแฮปปี้แองเจิล’ ที่เธอก่อตั้งขึ้น ได้รับความสนับสนุนจากดาราศิลปินมากมาย
หลายปีก่อนที่ซูจิ้งหย่ากับคุณชายของตระกูลดังเป็นข่าวดังไปทั้งเซียงเจียง หลังจากกลายเป็นโสดอีกครั้งเธอก็หวนคืนสู่วงการบันเทิง แม้จะไม่ได้โด่งดังเท่าในอดีต แต่เธอก็มีชื่อเสียงและเส้นสายในวงการเป็นอย่างมาก
ซูจิ้งมักจะจัดงานกาล่าดินเนอร์อยู่บ่อยๆ เพื่อมูลนิธิกองทุนการกุศลแฮปปี้แองเจิลของเธอ แขกที่ได้รับเชิญถ้าไม่ใช่ชนชั้นสูงในเซียงเจียงก็เป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการบันเทิง นักร้องศิลปินตัวเล็กๆ นั้นอย่าได้หวังจะได้มาโผล่ในงานเลย
ลู่เฉินเพิ่งมาถึงเซียงเจียง ซูจิ้งก็ให้คนส่งบัตรเชิญมาให้ ทำให้หลีเจินมีมุมมองใหม่เกี่ยวกับพื้นเพเบื้องหลังของเจ้านาย
เธอถามอย่างเป็นห่วงว่า “บอสคะ คุณมีเสื้อผ้าที่จะใส่ไปงานเลี้ยงหรือยังคะ จะให้ฉันส่งร้านซักรีดให้ไหมคะ”
ลู่เฉินยิ้มตอบ “ไม่มี โชคดีที่คุณเตือนก่อน วันนี้ผมค่อยไปซื้อใหม่สักสองชุดแล้วกัน”
ครั้งนี้เขามาที่เซียงเจียงพกสัมภาระมาเพียงเล็กน้อย มีเพียงกระเป๋าเดินทางที่ใส่เสื้อผ้าทั่วไปสำหรับเปลี่ยน ยังไม่มีชุดสูทเป็นทางการที่จะใส่ไปงานกาล่าดินเนอร์เลย ถ้าไม่ได้หลีเจินเตือน เขาคงลืมไปเลย
หลีเจินได้กลายเป็นผู้ช่วยส่วนตัวและเลขาเต็มตัว เอ่ยคำเตือนอย่างใส่ใจว่า “ถ้าไปตัดสูทตอนนี้คงไม่ทัน ฉันรู้จักช่างตัดสูทเก่งๆ หลายคนแต่ต้องจองนานเป็นเดือนสองเดือนถึงจะได้ บอสคะ คุณชอบสูทแบรนด์ไหนคะ”
ตัดสูทไม่ทัน จึงได้แต่ซื้อแบบสำเร็จรูป ลู่เฉินคิดแล้วตอบว่า “อาร์มานี”
ลู่เฉินชอบชุดสูทและเสื้อคลุมของอาร์มานี เขาใส่บ่อยตอนอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่
หลีเจินตบมือ “ร้านอาร์มานีในเซียงเจียงอยู่ในย่านเซ็นทรัล ฉันรู้ว่าอยู่ตรงไหน”
ลู่เฉินยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นไปด้วยกันเถอะ พวกเราไปซื้อรถก่อน แล้วค่อยไปซื้อเสื้อผ้า!”
หลีเจินอึ้ง “บอส คุณจะซื้อรถหรือคะ”
ลู่เฉินพยักหน้า “ซื้อรถบีเอ็มให้ผู้กำกับวั่นกับลุงเฉียงคนละคันก่อน พวกเขาต้องใช้”
หลีเจินพูดไม่ออก
เธอออกมาทำงานใช้ชีวิต เคยติดตามเจ้านายหลายคน เคยเห็นเจ้านายในรูปแบบต่างๆ
แต่เจ้านายที่ใจป้ำเหมือนลู่เฉิน หลีเจินเคยเจออยู่ไม่กี่คน
ศิลปินที่ตระหนี่ในวงการบันเทิงมีมากมาย ดาราบางคนถึงกับไม่ยอมจ่ายค่าข้าวกล่องให้กับผู้ช่วยด้วยซ้ำ เรื่องนี้ไม่ได้เป็นข่าวใหม่อะไร
ลู่เฉินเพิ่งมาถึงก็มอบรถบีเอ็มดับเบิลยูให้กับผู้บริหารสตูดิโอทั้งสองคนคนละคัน ทั้งยังบอกอย่างเรียบเฉยราวกับซื้อเสื้อผ้าสองชุด ทำให้หลีเจินแอบแลบลิ้น
ดาราจีนแผ่นดินใหญ่หาเงินได้ง่ายเหลือเกิน?
สายตาที่หลีเจินมองลู่เฉินสุกสกาวเหมือนประกายดาว แค่ใจดีใจป้ำยังไม่พอ ยังทั้งหนุ่มทั้งหล่อ เก่งมีความสามารถขนาดนี้ นี่แหละราชาแห่งเพชรของวงการบันเทิง!
อนาคตคงจะฮอตน่าดู!
หลีเจินไม่คิดว่าลู่เฉินมีแฟนเป็นราชินีแห่งวงการเพลงแล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์ เพราะที่นี่คือเซียงเจียง
แต่เธอรู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสแน่นอน…เพราะต่างกันมากเกินไป
ลู่เฉินมีหรือจะรู้ว่าคำพูดประโยคเดียวของตัวเอง ทำให้ความคิดของเลขาสาวเบี่ยงเบนทิศทางไปมากมาย เขาเรียกวั่นเสี่ยวเฉวียนกับเฉินเหวินเฉียงไปด้วยกัน ทำธุระของวันนี้ให้เสร็จเรียบร้อย
รถตู้คันหนึ่งพาคนทั้งหมดห้าคนออกไปอีกครั้ง ถ้าบอกว่าใครมีความคิดซับซ้อนที่สุด น่าจะเป็นเฉินเหวินเฉียง
ชีวิตของเฉินเหวินเฉียงเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์และอุปสรรคยิ่งกว่าหลีเจินเสียอีก เห็นความดีความชั่วในจิตใจมนุษย์มานักต่อนัก เขาได้ฝึกฝนจิตใจจนเข้มแข็ง ไม่ถูกสั่นคลอนได้ง่าย
แม้เป็นเช่นนี้ ความใจกว้างและความเชื่อมั่นของลู่เฉินยังคงทำให้เขารู้สึกว่า ‘เลือกถูกคนแล้ว’
เฉินเหวินเฉียงพูดคำหวานสวยงามแสดงความปลาบปลื้มไม่เป็น แล้วก็ไม่แสดงออกด้วยท่าทีมากเกินไป เขาเพียงแต่จดจำไว้ในใจ อนาคตเขาจะใช้การทำงานเป็นการตอบแทน
ลู่เฉินเป็นคนนำทีมด้วยตัวเอง คนทั้งกลุ่มเดินทางไปที่ศูนย์โชว์รูมรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูก่อนเพื่อจองรถสองคัน จากนั้นไปที่ร้านเสื้อผ้าอาร์มานี สุดท้ายไปที่กรมการค้าของเซียงเจียงเพื่อถ่ายรูปและเซ็นชื่อขอใบอนุญาต ทำเรื่องการจดทะเบียนสตูดิโอให้เรียบร้อย
ถึงตอนนี้สตูดิโอลู่เฉินเซียงเจียงฟิล์มแอนด์ทีวีได้ก่อตั้งขึ้นที่เซียงเจียงโดยถูกกฎหมายเสียที
ลู่เฉินยังเป็นตัวแทนสตูดิโอยื่นหนังสือขออนุญาตใช้แผนสนับสนุนธุรกิจละครและภาพยนต์ท้องถิ่นอีกด้วย
หนังสือขออนุญาตฉบับนี้หากผ่านแล้ว การถ่ายทำละครและภาพยนตร์ของสตูดิโอไม่เพียงแต่ได้รับสิทธิ์ในการลดภาษีแล้วยังได้เงินสนับสนุนจากรัฐบาลอีกด้วย และยังสามารถยื่นเรื่องผ่านช่องทางสีเขียวเพื่อออกอากาศพร้อมกันทั้งในเซียงเจียงและในจีนแผ่นดินใหญ่
นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ลู่เฉินเดินทางลงใต้มาที่เซียงเจียงเพื่อก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์ของตัวเอง
ความจริงแล้วบริษัทภาพยนตร์อื่นจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่หันมาลงทุนในเซียงเจียงคล้ายคลึงกับเขามีไม่น้อย สามารถคาดเดาอนาคตได้ว่า วงการภาพยนตร์ที่ราบเรียบของเซียงเจียงจะต้องเกิดคลื่นโหมสะพัด เกิดการแก่งแย่งกันอย่างดุเดือด!
…
รถตู้เบนซ์สีดำจอดลงที่หน้าโรงแรมแชงกรีลาอย่างมั่นคง
ประตูรถยนต์เคลื่อนเปิดออกโดยไร้เสียง ชายหนุ่มสวมชุดสูทสีเทาเข้มของอาร์มานีเดินลงมาจากรถ ก้าวย่างบนพรมแดงอย่างมั่นคง รอบด้านปรากฏแสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปวูบวาบ
ลู่เฉินอดขมวดคิ้วไม่ได้ คิดไม่ถึงว่างานกาล่าดินเนอร์ในคืนนี้จะมีปาปารัสซี่มามากมาย
ปาปารัสซี่ของเซียงเจียงนั้นขึ้นชื่อเรื่องชอบสะกดรอยตามและขุดคุ้ยประวัติส่วนตัว จนถูกเรียกว่าเป็นสิ่งที่น่าปวดหัวที่สุดของดาราศิลปิน ที่ไหนมีดารานักแสดงปรากฏตัว ก็ต้องมีเงาของพวกเขาเคลื่อนไหวติดตามกันอย่างคึกคัก
เคยมีคนบอกว่า หนังสือพิมพ์และนิตยสารของเซียงเจียงล้วนอาศัยพวกปาปารัสซี่เหล่านี้ค้ำจุนเอาไว้ ถ้าไม่มีพวกเขา วงการบันเทิงของเซียงเจียงคงจะเงียบเหงาน่าดู เป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้
และความไม่เกรงกลัวด้วยรู้ว่าตนมีคนหนุนหลังเช่นนี้ ก็ทำให้นักข่าวปาปารัซซี่ของเซียงเจียงยิ่งกำเริบเสิบสาน ถึงขั้นเขียนข่าวปลอมหลอกลวงคนอื่น ทำให้สาธารณะชนเกิดความโกรธแค้นต่อต้านวงการบันเทิง ช่วงไม่กี่ปีมานี้เพิ่งจะน้อยลง เพราะไม่กล้าซี้ซั้วเขียนข่าวมั่วอีก
สำหรับลู่เฉิน ปาปารัสซี่ของเซียงเจียงนั้นเขาต้องคอยระวังป้องกันเอาไว้ให้ดี คุณธรรมของพวกเขาน้อยกว่านักข่าวของจีนแผ่นดินใหญ่หลายขุม
ก่อนที่จะมาเซียงเจียง เฉินเฟยเอ๋อร์ได้เตือนเรื่องนี้เอาไว้กับลู่เฉินล่วงหน้าแล้ว
ลู่เฉินกำลังคิดอยากจะกีดกันปาปารัสซี่ แต่ปาปารัสซี่ที่แอบซุ่มอยู่ใกล้ๆ โรงแรมนั้นกลับตกตะลึง…เอ๋ เจ้านี่ใครกัน? ทำไมไม่เคยเห็นมาก่อน?
………………………………