ตอนที่ 103 การติดต่อครั้งแรก (ครึ่งแรก)
「นี่คือสงคราม!」
เสียงของพลเรือเอกฌองดังก้องขึ้นไปทั่วมหาสมุทร
「ตอนนี้เราจะสร้างป้อมปราการชายฝั่งสำหรับการตรวจตรา นอกจากนี้จงนำสิ่งของมาวางเพื่อเป็นเครื่องกีดขวางบริเวณ หน้ากองเรือเสีย นอกจากนี้เราจะใช้เกาะที่อยู่นอกชายฝั่งเป็นฐานป้องกันในกรณีที่ล่าถอย รีบทำตามที่สั่งอย่ารอช้า!」
「ฮ่ะ!」
เหล่าลูกเรือทุกคนได้เปลี่ยนเป็นโหมดพร้อมรบตามที่พลเรือเอกฌองกล่าว แล้วก็ลงมือตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว
เรือใบขนาดใหญ่ย่อมเป็นเป้าหมายที่เห็นได้ชัดแม้จะอยู่กลางทะเล นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่สามารถโจมตีศัตรูที่ไหลจากฝั่งได้ด้วย กลับกันหากศัตรูสามารถจมเรือพวกเขาได้ พวกเขาก็จบสิ้นแล้ว
อย่างที่พลเรือเอกฌองกล่าว ตอนนี้พวกเขาจำเป็นต้องสร้างพื้นที่ปลอดภัยบนบกเอาไว้ด้วย และก็มีทางหนีทีไล่สำหรับในทะเล
เหล่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพได้แบ่งทีมกันไปทำงานตามธาตุที่เหมาะสม
「” ผืนแผ่นดินเอ๋ย จงยกสูงขึ้นและผสานกันเป็นหนึ่ง” 」
ผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุดินที่มีพลังเชิงบวกก็ได้ใช้ศาสตร์แห่งเทพเพื่อสร้างกำแพงดินสูงใหญ่ขึ้นมาป้องกันเอาไว้
โดยมีจุดมุ่งหมายจะใช้บริเวณดังกล่าวเป็นด่านหน้าในการป้องกันการโจมตี
「” จงเบิกทางให้กับข้า” 」
ต่อมาก็เป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุดินที่มีพลังเชิงลบ พวกเขาได้ขุดคูนำสองชั้นขึ้นมาล้อมรอบกำแพงทันที
「” จงเติมเต็ม” 」
จากนั้นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุน้ำก็ใช้คทาเติมน้ำเข้าไปในคูที่ถูกขุดขึ้น
「” เปลวเพลงเอ๋ยจงลุกโชน” 」
ผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุไฟก็ทำการจุดไฟบริเวณชายหาดกว่า 100 เมตร เพื่อสร้างทัศนวิสัย
「” คมเขี้ยวแห่งผืนดิน” 」
ผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุดิน ทำการสร้างรั้วดินขึ้นมาไว้ข้างหน้ากำแพงอีกที
ทุกสิ่งที่ทำมาเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่นาที ความรวดเร็วนี้ทำให้เห็นได้ชัดว่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพมีความสำคัญในสนามรบมากแค่ไหน หากฝ่ายตรงข้ามเป็นศาสตร์แห่งเทพเหมือนกันโอกาสที่จะโดนตีปราการแตกได้ก็ย่อมสูง แต่หากเป็นเพียงศัตรูทั่วไปที่ทำได้เพียงแค่การโจมตีทางกายภาพ พวกเขาคงไม่สามารถทะลวงมันเข้ามาได้โดยง่าย มันแข็งแกร่งขนาดที่วา่กระสุนปืนใหญ่ยังไม่สามารถทะลุมายังแนวหลังได้
「วันนี้พวกเราใช้พลังแห่งเทพจนหมดแล้ว」
「เกินกว่านี้ข้าคงไม่รอดแน่」
「ใครก็ได้ขอโพชั่นให้ตรงนี้หน่อย」
เหล่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพต่างนั่งปาดเหงื่อกันในขณะใช้มาตราวัดพลังตรวจสอบดู ตอนนี้พลังแห่งเทพของพวกเขาหมดลงไปแล้ว แต่กำลังสำรองก็ยังเหลือไว้ต่อสู้อยู่ ก็จริงว่าหากพลังแห่งเทพพวกเขาหมด พวกเขาก็ยังสามารถนำอาวุธปืนมาใช้แทนคทาได้ แต่ด้วยความภาคภูมิใจของชนชั้นสูง อาวุธอย่างเดียวที่พวกเขาจะใช้ก็คือคทา หากพวกเขาต้องหยิบปืนขึ้นมาจัดการศัตรูถึงแม้จะเป็นทวีปใหม่ที่ตนไม่เคยรู้จักพวกเขาก็เลือกที่จะยอมตายเสียดีกว่า ดังนั้นเพื่อไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น พวกเขาจึงเตรียมพลังสำรองเอาไว้
นั่นก็คือการใช้ยาฟื้นฟูพลังแห่งเทพที่จัดเตรียมโดยมาร์โจลีนและแพทย์โอสถคนอื่นๆ พวกเขาได้มอบโพชั่นให้กับผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพทุกคน
「เชิญค่ะ! รับไปได้เลยนะคะ! รู้สึกคุ้มค่าจริงที่ทำการเตรียมยาฟื้นพลังแห่งเทพเผื่อเอาไว้」
หากปกติแล้วพวกเขาจะต้องใช้เวลาในการฟื้นพลังถึง 1 วันเต็ม แต่โพชั่นดังกล่าวจะช่วยลดเวลาเหลือเพียงแค่ครึ่งวัน
ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องบอกว่าโพชั่นนี้เป็นของที่จะยืมพลังแห่งเทพที่สามารถใช้ได้ในวันถัดไปเสียมากกว่า แน่นอนว่าย่อมมีการจ่ายค่าตอบแทนในภายหลัง
คลาร่าที่เฝ้ามองดูสถานการณ์ทั้งหมดด้วยความกระวนนกระวายก็เริ่มให้คำแนะนำกับพลเรือเอกฌองอีกครั้ง
「การป้องกันมันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่ายังไงก็ควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้น่าจะดีกว่านะคะ」
「การป้องกันตัวและการรับรองความปลอดภัยของตัวเองเป็นที่ยอมรับกันในกฎหมายระหว่างประเทศอยู่แล้ว ดังนั้นจะให้พวกเราเอาแต่อยู่เฉยๆ รับการโจมตีโดยไม่โต้กลับเลยได้อย่างไรกันเล่า!」
พลเรือเอกฌองแสดงความไม่พอใจ
「แต่ในมุมฉันมองว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เข้าใจถึงเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศด้วยซ้ำค่ะ กลับกันการที่พวกเราสร้างแนวป้องกันเปลี่ยนภูมิประเทศ เผาผืนป่า…การที่มาทำลายดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่แบบนี้ มันอาจจะสร้างความบาดหมางให้มากขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะคะ ก็จริงอยู่ว่าพวกเราควรป้องกันตัวหากถูกผู้บุกรุกโจมตี ยังไงตอนนี้แผนที่และการสำรวจเบื้องต้นก็เสร็จไปแล้วนี่คะ ถึงจะเป็นการล่วงเกินไปบ้าง แต่เพื่อความปลอดภัยฉันมองว่าพวกเราควรจะกลับไปยังแผ่นดินแม่ได้แล้วนะคะ」
คลาร่าอธิบายเหตุผลของเธอทั้งน้ำตาด้วยความลำบากใจ
「อันที่จริง เราสามารถเปลี่ยนฐานที่อยู่ของเราได้นะครับ หากเราออกจากดินแดนเขตนี้ของพวกเขาไป พวกเขาก็ไม่น่าจะตามมาโจมตีอีก เราอาจจะลองหาพื้นที่ใหม่ทางเหนือหรือใต้ดูสักหน่อย ยังไงก็ไม่มีเหตุผลให้พวกเราต้องลงหลักปักฐานแค่ที่นี่ด้วย」
ทางต้นหนเรือก็แนะนำให้ลองย้ายฐานที่มั่นดู เพราะไม่ใช่ว่าทุกคนที่เดินทางมาด้วยจะเป็นนักรบ หลายคนในที่นี้ก็อยากจะเลี่ยงการต่อสู้ให้ได้มากที่สุด แต่ทางพลเรือเอกฌองส่ายหน้าปฏิเสธ
「แบบนั้นมันก็ไม่ต่างอะไรกับการหนีเลยนะ! นอกจากนี้เรายังต้องทำการสำรวจพื้นที่ใหม่อีก เราจะเสียทั้งเวลา ฐานที่มั่นและทรัพยากรอย่างเปล่าประโยชน์ไปอีกเยอะเลยด้วย!」
「แต่การที่วงเวทป้องกันสามารถถูกทำลายลงได้ในคืนเดียว มันก็น่าจะบอกได้ชัดแล้วไม่ใช่เหรอครับว่าอีกฝ่ายคุ้นเคยกับการรับมือของพวกนี้แค่ไหน อย่างที่ท่านทราบว่าศาสตร์แห่งเทพส่วนใหญ่เป็นของที่มีไว้ใช้รับมือพวกวิญญาณร้ายและสัตว์ป่า เป็นพลังที่ไม่ได้ออกมาเพื่อฆ่ามนุษย์ด้วยกัน ทางที่ดีเราก็ควรจะเลี่ยงเผชิญหน้ากับพวกที่สามารถรับมือกับเราได้จะเหมาะสมกว่านะครับ」
นักบวชที่เป็นชนชั้นสูงซึ่งเดินทางมาด้วย เขาก็มีทักษะในการต่อสู้ที่สูงและไม่รังเกียจที่จะทำสงคราม ทว่าเขาก็มีความกังวลเกี่ยวกับกลุ่มที่ทำให้บาเรียของพวกเขาถูกทำลายลงได้ในคืนเดียว
「นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องยากนะครับ ที่จะปลูกพืชในดินแดนที่อันตรายแบบนี้ พวกเราไม่มีเวลาพอจะสำรวจเพิ่มด้วย ถึงจะสร้างฐานที่มั่นได้สำเร็จ สุดท้ายก็คงจะไร้ความหมายเพราะพวกเรายังจำเป็นต้องกลับไปแผ่นดินแม่ก่อนอยู่ดีและคงไม่มีใครดูแลฐานนี้ให้พวกเรา」
「ให้ตายสิ」
สุดท้ายพลเรือเอกฌองก็ต้องยอมวางมือ ตามคำขอของผู้ช่วย แต่มันก็ยังมีบางสิ่งที่เขาปล่อยวางไม่ได้
「เอางั้นก็ได้ พวกเราจะเริ่มย้ายฐานที่มั่นกันในวันพรุ่งนี้ แต่ทางศัตรูอาจจะยังอยู่บริเวณใกล้นี้ ข้าไม่ยอมจะหนีไปทั้งที่ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของศัตรูหรอกนะ!」
「เรื่องนั้นทางผมก็เห็นด้วยครับ」
หากถอยไปโดยไม่มีข้อมูลอะไรเลย สุดท้ายในอนาคตอาจจะก็ต้องกลับมาเผชิญหน้ากันอยู่ดี ดังนั้นก่อนจะถอนตัวออกไปอย่างน้อยพลเรือเอกฌองก็อยากจะได้ข้อมูลของผู้บุกรุกกลับไปรายงานบ้านเกิดเสียหน่อย
「แล้วเราจะรู้ได้ยังไงคะว่าอีกฝ่ายซ่อนตัวอยู่ตรงไหน เพราะฉันสัมผัสไม่ได้ถึงวี่แว่วของพวกเขาเลย」
มาร์โจลีนถาม
「หากตามที่ยามเฝ้ากลางคืนบอก เขาไม่พบเห็นแสงไฟเกิดขึ้นในช่วงกลางคืนเลย ก็แปลว่าพวกมันสามารถบุกเข้ามาในเวลากลางคืนโดยไม่ใช้แสงไฟได้และมีกลยุทธ์ที่แม่นยำในการทำลายบาเรียได้อีกด้วย」
「พวกเขาใช้แสงดาวหรือเดือนน่าจะพอเป็นคำอธิบายได้นะครับ」
「แต่เมื่อคืนเป็นข้างแรมนะ บางทีพวกเขาอาจจะมีของที่ช่วยทำให้มองเห็นตอนกลางคืนก็ได้」
「ความเป็นไปได้ที่จะใช้คริสทัลก็มีด้วยสิ」
พลเรือเอกฌองคิด เพราะคริสทัลนั้นสามารถส่องแสงออกมาได้หากได้รับพลังของผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพ
แต่ทางนักบวชก็ปฏิเสธความเป็นไปได้นี้ไปเพราะมันจะทำงานได้ก็ต่อเมื่อถูกติดตั้งไว้อย่างเหมาะสมกับตัวคทา
「หากพวกเขาสามารถใช้คริสทัลได้จริง พวกเขาก็คงจะใช้ความได้เปรียบนั้นลอบเข้ามาโจมตีพวกเราในที่มืดไปก่อนหน้านี้แล้วด้ว」
「งั้นก็อย่าให้กองไฟที่อยู่หน้าแนวป้องกันดับไปเสียล่ะ!」
คณะสำรวจการ์บันเข้าสู่ค่ำคืนที่แสนตึงเครียดแล้ว
「แสดงตัวออกมาเลยสิ จะได้เห็นสักทีว่าพวกเจ้าเป็นใครกันแน่!」
พลเรือเอกฌองตะโกนดังลั่นไปทั่วผืนแผ่นดิน
ขณะนี้เป็นช่วงเวลากลางคืนที่ความมืดมิดได้เข้ามากลืนกินทั่วบริเวณ ขณะที่พวกเขากำลังนั่งเฝ้ารอ พลวิทยุก็วิ่งมารายงานด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
「ขอรายงานครับ คลื่นวิทยุที่ผมส่งไปยังเมืองหลวง ในตอนนี้การติดต่อของพวกเรากับจักรวรรดิไม่สามารถทำได้ครับ สถานีของจักรวรรดิและบริเวณใกล้เคียงไม่มีการตอบสนองต่อคลื่นสัญญาณของเราเลย ไม่ว่าจะใช้คลื่นไหนการส่งสารก็ไม่สำเร็จเลยครับ」
「เป็นไปได้ยังไงกัน?! มันจะไร้เหตุผลเกินไปแล้ว ตรวจสอบดูซะว่าอุปกรณ์พังหรือเปล่าแล้วลองซ่อมมันดูหรือยัง!」
「คือว่าเรื่องนั้น…อุปกรณ์การสื่อสารของเรายังทำงานได้ตามปกติครับ การส่งคลื่นออกไปก็สำเร็จด้วย….ดังนั้นทางเราจึงสรุปได้ว่าคลื่นวิทยุบริเวณชายฝั่งที่พวกเราอยู่อยู่ปิดกันเอาไว้ด้วยบาเรียบางอย่างที่มองไม่เห็นครับ」
「นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน!」
พลวิทยุแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมาราวกับหมดหนทาง
「นี่เจ้าจะบอกว่าพวกเราถูกปล่อยให้อยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้วงั้นเหรอ!!」
ระยะห่าง 8 พันกิโลเมตรจากมาร์เชล
กองเรือถูกทอดทิ้งเอาไว้ในดินแดนศัตรูที่ไม่รู้จัก
ทุกคนในที่นี้เริ่มเข้าใจถึงความหมายของมัน สายลมเริ่มกรรโชกพัดออกมาจากแผ่นดินจนทำให้เปลวเพลิงจากศาสตร์แห่งเทพที่จุดไว้บริเวณแนวหน้าดับลงพร้อมกันทั้งหมด
「ไฟดับแล้ว! รีบจุดไฟไหม้อีกทีเร็วเข้า!」
「” เปลวเพลงเอ๋ยจงลุกโชน” 」
ผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพได้ปล่อยเพลิงขึ้นไปบนท้องฟ้าทำให้เกิดระเบิดแสงจ้าขึ้น
และเมื่อแสงได้ส่องสว่าง ภาพด้านล่างที่พวกเขาเห็นก็คือเงาสีดำ ทั้ง 5 ที่ปรากฏออกมาและพวกเขาก็อยู่ห่างจากบริเวณฐานไปประมาณ 10 กว่าเมตร
「ตรงนั้นไง!」
「” จงพันธนาการ” 」
นักบวชได้ใช้ศาสตร์แห่งเทพเข้าโจมตีหมายกักขังผู้บุกรุกเอาไว้
มันเป็นมนตร์ที่จะทำให้ศัตรูไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ มันใช้ได้ผลทั้งกับมนุษย์และสัตว์ป่า มันจะทำให้พวกเขากลายอยู่ในสภาพไม่ต่างอะไรกับนักโทษที่ไม่อาจขัดขืนได้
ทว่า มนตร์ดังกล่าวกลับไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของเงาทั้ง 5 ลงได้ และการบุกรุกของเงาพวกนั้นก็เริ่มขึ้น
กลุ่มเงาเหล่านั้นเดินเรียงแถวกันมา ทีละก้าวข้ามคูนำที่ถูกขุดเอาไว้โดยไม่ได้สนใจความลึกของมันแม้แต่น้อย เหล่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพก็พยายามจะระบุตัวตนของเงาดังกล่าวให้ได้
” วายุพิโรธ!”
” เพลิงคลั่ง!”
พวกเขาพยายามจะพัดร่างของเงาดำนั้นให้กระเด็นไปด้วยสายลมและไฟซึ่งร่ายประสานกัน ทว่าผลที่ได้ก็มีเพียงเงาดำนั้นถอยไปเล็กน้อย สุดท้ายพวกมันก็เริ่มก้าวเข้ามาเรื่อยๆ ด้วยความเร็วที่คงที่ หน่วยจู่โจมเสริมก็ทำการยิงปืนกราดใส่พวกมัน ทว่าพวกมันก็ไม่แสดงอาการใดๆ ออกมาเลยหลังรับการโจมตีเข้าไป
「” สวดส่งแด่ผู้วายชนม์” 」
นักบวชได้ทำการใช้มนตร์ขับไล่วิญญาณ แต่มันก็ไม่เป็นผล ก็แปลว่าพวกเขาไม่ใช่วิญญาณร้ายหรือสิ่งชั่วร้ายอะไรทำนองนั้น
「ไอ้เจ้าตัวพวกนี้มันอะไรกัน!」
เหล่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพเริ่มแสดงท่าทีตื่นตระหนก จากนั้นเงาดำนับไม่ถ้วนก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำทะเล และล้อมรอบเรือเอาไว้ ลักษณะของเงานั้นคล้ายกับศีรษะคนที่ลอยเหนือน้ำขึ้นมา
ลักษณะของเงาเหมือนกับเงาที่เดินออกมาจากทางป่า
「พวกเราถูกล้อมเอาไว้แล้ว!」
พอได้มองเข้าไปใกล้ๆ ก็พบว่าเงาดังกล่าวนั้น คือบางสิ่งที่สวมผ้าคลุมสีดำเอาไว้อยู่ แขนและขาก็มีการเคลื่อนไหวที่ดูผิดปกติไปจนไม่เป็นธรรมชาติต่างจากมนุษย์
「” บาเรียศักดิ์สิทธิ์” 」
เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาโจมตีส่วนล่างของเรือได้ นักบวชจึงรีบสร้างบาเรียขึ้นล้อมรอบเรือเอาไว้ ในขณะที่คืนอื่นๆ ก็ระดมกำลังออกมาปกป้องเรือ
「” ศรแห่งเพลิง” 」
เปลวไฟที่โนอาปล่อยออกมานั้นได้ปะทะเข้ากับศีรษะของเงาดำที่อยู่บริเวณไกลสุดจากฝั่งผืนดิน
มันเป็นการโจมตีที่รุนแรงมาก จนทำให้ร่างนั้นปลิวและล้มลงไป
เมื่อร่างนั้นหยุดนิ่งไปเหมือนกับตุ๊กตา ร่างอื่นๆ ก็หยุดเคลื่อนไหวไปชั่วขณะเช่นเดียวกัน โนอาเริ่มเรียบเรียงสิ่งที่เกิดขึ้น
「เจอตัวแล้ว」
เงาทั้งหมดหยุดลง เพราะเขาโจมตีโดนสิ่งนั้น
「เงาพวกนี้ถูกมนุษย์คนนั้นควบคุมเอาไว้อยู่」
ด้วยความเฉียบแหลมและไหวพริบของผู้เคยเป็นข้ารับใช้ส่วนตัวแห่งจักรพรรดินี
” กรงขังแห่งเพลิง”
เสาแห่งเพลิงได้เกิดขึ้นมาและเข้าไปล้อมผู้ร่ายมนตร์เอาไว้ ทางผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุดิน ก็เสริมกำลังด้วยการสร้างคุกหินขึ้นมาล้อมไว้อีกที ทีนี้พวกเขาก็ได้ตัวคนร้ายมาแล้ว
ทว่าผู้ที่ถูกจองจำอยู่ภายในนั้นกลับไม่แสดงอาการสับสนใดๆ เลย ก่อนจะชี้นิ้วไปตรงหน้าของโนอา
「อะไรกัน? 」
ราวกับต้องการจะตอบโต้โนอา เขาได้ทำการลากเส้นบางอย่างด้วยนิ้ว ตรงมายังเรือที่จอดอยู่
ทันใดนั้นคุกหินก็ถูกทำลายออกเป็นสองส่วนราวกับ ผลไม้ที่ถูกผ่าครึ่ง ไม่เพียงเท่านั้น เรือที่เป็นเป้าหมายทั้งหมดก็ถูกทำลายลงเป็นสองส่วนเช่นเดียวกัน จนทำให้เสากระโดงเรือหักลง และพวกลูกเรือที่อยู่เรือก็ตกลงไปในทะเล
” ผืนน้ำแข็ง!”
ผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุน้ำได้แทงคทาของตนลงไปยังทะเลเพื่อสร้างผืนน้ำแข็งขึ้นมาเป็นฐานยืนในทะเลฉุกเฉิน
ทางพลเรือเอกฌองก็ใช้ปืนของตนยิงไปยังร่างของผู้ร่ายมนตร์นั้นในทันที แต่กระสุนของเขากลับถูกเบี่ยงออกไปด้วยสิ่งกีดขวางที่มองไม่เห็น
เรือขนาดใหญ่ได้ล่มลงไปในทะเลก่อนจะเกิดกระแสน้ำวนดูดมันลงสู้ก้นทะเล
เหล่าผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพก็เริ่มจัดขบวนทัพเพื่อต่อสู้ใหม่หลังพวกเขาปืนขึ้นมาบนแผ่นน้ำแข็งบนทะเล และบางส่วนก็ขึ้นบกไปได้แล้ว
「นั่นไม่ใช่ศาสตร์แห่งเทพ」
นักบวชที่ขึ้นมาจากน้ำโดยทั้งตัวเปียกโชกไปหมดพูดขึ้น
จากนั้นคนร้ายที่ทำการโจมตีพวกเขาก็ถูกผ้าคลุมหัวออกเพื่อแสดงใบหน้าของตน
ใบหน้าที่ปรากฏออกมาคือหญิงสาวผมดำ
「ผู้หญิงงั้นเหรอ!」
เธอนั่งขัดสมาธิบนพื้นดินด้วยท่าทางที่สง่างามราวกับมองเห็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพเป็นเพียงฝุ่นลม จากนั้นเธอก็เอาพัดที่ถือมาด้วยวางไว้บนพื้นแล้วมองมาทางพวกเขา
ไม่นานนัก ก็ได้เกิดลวดลายบางอย่างขึ้นที่พื้น มันมีลักษณะเหมือนกับร่างของนกและพืชบางอย่างที่เปล่งแสงสีแดงออกมา จากนั้นบาเรียทีกางเอาไว้ทั่วบริเวณดังกล่าวก็ถูกทำลายลงด้วยแสงสีแดง
นักบวชร้องลั่นออกมาเมื่อเห็นเหตุการณ์ต่อจากนั้น ที่เกิดร่างของนกยักษ์ที่ถูกปกคลุมด้วยขนสีเพลิงและต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่บนหลังออกมาจากลวดลายดังกล่าว นี่มันคือจุดเริ่มต้นของฝันร้ายในคืนนี้
「พระเจ้า……」
คทาในมือของพวกนักบวชต่างสั่นสะท้าน
ความแตกต่างของพลังระหว่างสองฝ่ายมันชัดเจนแล้ว คลาร่าร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง
「ทุกคนทิ้งคทาลงเดี๋ยวนี้!」
คลาร่าคือคนแรกที่โยนคทาของเธอทิ้งไปและเตือนทุกคนด้วยความสิ้นหวัง แต่ก็ไม่มีใครฟังเสียงของเธอเลย
วินาทีนั้นเอง นกลึกลับที่เกิดขึ้นมาก็ส่องแสงจ้าออกมา ทันใดนั้นลำแสงที่จ้าออกมาก็พุ่งตรงไปยังร่างของผู้ที่ถือคทาเอาไว้ทุกคน
หญิงสาวคนนั้นทำการทำลายคทาและจัดการผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพทุกคนในคราวเดียว
จากนั้นมันก็ร่อนลงพื้นและให้หญิงสาวขี่หลังของมัน พร้อมกับบินขึ้นบนฟ้าไป ก่อนที่มันจะโฉบลงมาที่พื้นอีกครั้งและคว้าเอาตัวคลาร่าซึ่งมีสติอยู่ไปด้วยปากของมัน
「กรี๊ด‼」
นี่คือคืนแห่งโศกนาฏกรรม
กองเรือทั้ง 5 ที่ภาคภูมิของจักรวรรดิ ได้หายไปในเกลียวคลื่นในชั่วพริบตา ก่อนที่สุดท้าย คลื่นจะนำพาเศษซากของต่างๆ ภายในเรือกลับมายังชายฝั่งด้วยความเงียบงัน
——-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟครับผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code
MANGA DISCUSSION