ตอนที่ 71 งานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟและยาถ่ายพยาธิ
“นี่มันใหญ่กว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีกนะเนี่ย”
หลังจากเดินสำรวจตั้งแต่ต้นจรดปลายของวัสดุที่ถูกสร้างขึ้นมาเสร็จสมบูรณ์แล้ว เอเลนก็กล่าวความประทับใจของเธอออกมา
“แทบจะทนรอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้แทบไม่ไหวเลยค่ะ”
แกรนดยุกเมโลดี้ เลอ รูซ์ ผู้ได้รับพิมพ์เขียวสำหรับบรรจุภัณฑ์และอุปกรณ์ที่จะใช้ภายในโรงงานผลิตยา ซึ่งเธอก็มองมันด้วยความสนใจ
ชิ้นส่วนขนาดใหญ่ได้ถูกวางเรียงรายไว้ในระยะสายตาของเธอซึ่งมันก็คือของที่ฟาร์มานั้นขอให้เธอเป็นคนทำขึ้นมา และเพราะความใหญ่นั้นจึงทำให้ต้องนำชิ้นส่วนพวกนี้มาประกอบที่กลางแจ้งแทนที่จะเป็นภายในเวิร์คช็อป แน่นอนว่าเธอไม่ลืมที่จะขอให้ฟาร์มาช่วยเหลือในด้านการตรวจสอบเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการผลิต พอเขาเข้ามาตรวจสอบทั้งการ สัมผัส ลูบ จากนั้นจึงใช้ค้อนทุบเพื่อทดสอบความทนทาน ท้ายที่สุดก็จบที่ให้เอเลนใช้ศาสตร์แห่งเทพสร้างแท่งน้ำแข็งขึ้นมาโจมตี ผลที่ได้ก็ทำให้ทราบว่าของที่เมโลดี้สร้างขึ้นมานั้นสมบูรณ์แบบ
“นี่มันถูกสร้างขึ้นมาได้อย่างดีเยี่ยมเลยนะครับ ถึงตอนแรกผมจะกังวลบ้างว่าให้คุณเมโลดี้มาช่วยแบบนี้จะดีหรือเปล่า แต่…พอได้เห็นแบบนี้แล้วผมคิดถูกแล้วจริงๆ ครับที่ขอให้คุณเข้ามาช่วยงานนี้”
ก่อนหน้านี้ฟาร์มาได้เดินทางไปที่คฤหาสน์ของแกรนดยุกเมโลดี้พร้อมกับเอเลน กล่าวขอโทษเธอที่ต้องสร้างภาระให้มากขึ้นแม้เธอจะมีงานที่ต้องทำอยู่อีกมาก
ความสามารถในการสร้างของที่ไม่แตกหักนั้นเมโลดี้ถือว่าเป็นที่หนึ่ง เธอสามารถสร้างแก้วที่แม้จะเผลอทำตกพื้นก็ไม่แตกสลาย กระทั่งโลหะรูปร่างของมันก็ไม่บิดเบี้ยว ในครั้งนี้เขาจึงได้ไหว้วานเธอให้ช่วยทำใยแก้วเสริมแกร่งให้ของที่จะทำขึ้นด้วย
“อืม ถึงตอนแรกฉันจะรู้สึกสับสนไปบ้าง แต่คำขอของท่านฟาร์มามันดูน่าสนใจจริงๆ นะคะ”
แกรนดยุกเมโลดี้ยิ้มอย่างอบอุ่นออกมาขณะกำลังหมุนกังหันลมที่มีขนาดเท่าฝ่ามือไปที่ทิศของลมพัด แม้เธอจะเคยทำเครื่องแก้วทางการแพทย์และเครื่องมือในห้องปฏิบัติการที่เป็นโลหะ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้รับคำขอสำหรับผลิตภัณฑ์โลหะที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้
“ส่วนประกอบสำหรับตัวใบพัดที่เหลือจะถูกจัดส่งให้ในสัปดาห์หน้านะคะ ต้องขอบคุณที่สามารถยืมตัวคนงานจากเวิร์คช็อปอื่นมาช่วยได้ด้วย”
ดูเหมือนงานที่เมโลดี้ทำจะเสร็จเร็วกว่าที่วางแผนไว้
“ต้องขอบคุณมากจริงๆ นะครับ ที่มาช่วยทำเรื่องเร่งด่วนขนาดนี้ให้”
ฟาร์มาขอบคุณเมโลดี้ที่ให้ความสำคัญกับคำขอของเขามากพอสมควร และเพราะวันส่งมอบของนั้นเร็วกว่าที่กำหนดไว้ เขาจึงวางแผนที่จะให้ค่าตอบแทนเพิ่มเติมกับเธอด้วย
“เราจำเป็นต้องทดสอบการถอดประกอบอุปกรณ์ไว้เพื่อทำการขนย้ายมายังมาร์เชลด้วย ว่าแต่ส่วนของฐานนั้นได้ช่างฝีมือกลุ่มอื่นจัดการไปแล้วสินะครับ? “
“ใช่ค่ะ เรามอบหมายงานนั้นไว้ให้กับอีกกลุ่มแล้ว”
สิ่งที่ฟาร์มาสั่งทำคือกังหันลมขนาดใหญ่ที่จำเป็นสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลม
ขั้นตอนแรกนั้นเป็นเพียงการทดสอบการทำงานจึงเป็นเพียงแค่กังหันขนาดเล็ก ส่วนตัวที่มีขนาดใหญ่กำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมการ
โดยทั่วไปแล้วกังหันลมที่มีขนาดใหญ่กำลังในการผลิตกระแสไฟนั้นจะมีมากกว่าขนาดเล็ก แม้ความเร็วในการหมุนจะช้ากว่าก็ตาม แต่ถึงจะเป็นกังหันขนาดเล็กแต่หากสร้างในปริมาณที่มากพอก็น่าจะพอทดแทนส่วนต่างนั้นได้ อีกทั้งนี่ยังเป็นเรื่องดีที่จะมีตัวต้นแบบเอาไว้ทดสอบประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้า สิ่งที่ต้องเตรียมไม่ว่าจะเป็น ใบพัด ฮับ เฟืองปรับความเร็ว ตัวลดความเร็ว เครื่องกำเนิดไฟฟ้า ระบบจ่ายกระแสไฟจากกังหันไปยังโรงงาน และหม้อแปลงไฟฟ้าที่ใช้ขดลวดสำหรับส่งพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ของทั้งหมดนี้กำลังถูกสร้างและดำเนินการตามแผนงานเป็นอย่างดี เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่หวัง
“ถ้าท่านอยากจะได้อะไรเพิ่มเติมก็สามารถสั่งมาอีกได้เลยนะคะ”
“เอ๋ แค่นี้ก็เพียงพอแล้วครับ”
(อ้างอิงจากโลกของเขาแล้ว ยิ่งกังหันลมมีขนาดใหญ่เท่าไรพลังงานที่ผลิตได้นั้นจะมากขึ้นตาม)
และเพราะขนาดที่เพิ่มขึ้นมานั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากมันจะมีขนาดยาวเกิน 100 เมตร
ฟาร์มาคาดว่าเขาน่าจะได้รับกระแสไฟฟ้าในปริมาณที่เหมาะสมตลอดทุกช่วงเวลา จากการสร้างสถานที่ที่ลมจะพัดไปในทิศทางที่แน่นอนด้วยมนตร์ที่ถูกสลักอยู่ในพื่นที่รกร้างของมาร์เชล
“ว่าแต่ทำไมนายถึงไปตั้งกังหันลมไกลจากโรงงานล่ะ? “
เอเลนถามขึ้น เพราะหากคิดถึงประสิทธิภาพในการส่งพลังงานแล้วการที่มีตัวส่งใกล้กว่าย่อมดีกว่าไกล
“เพราะเสียงหมุนของกังหันลมนั้นค่อนข้างจะดังพอสมควร และเพื่อป้องกันอุบัติเหตุหากใบพัดเกิดตกลงมาด้วยน่ะ”
“ก็จริงนะคะ ใบพัดใหญ่ขนาดนั้นตกลงมาก็คงจะแย่”
เมโลดี้กล่าวขึ้นขณะนึกถึงความเป็นไปได้นั้นด้วย
“แต่ไม่ได้หมายความว่าของที่ท่านเมโลดี้ทำไม่มีคุณภาพนะคะ”
เอเลนพูดแก้ไขเผื่อความเข้าใจผิด ก่อนที่ฟาร์มาจะเสริมต่อ
“ใช่ครับ นั่นเป็นเพียงมาตรการความปลอดภัย”
อันที่จริงแล้ว อุบัติเหตุที่เกิดจากใบพัดสำหรับการผลิตกระแสไฟฟ้าบนโลกของเขานั้นก็เคยมีบ้าง เขาจึงกังวลว่าจะมีใครเป็นอะไรไปจากเรื่องนี้ไหม
“ขอบคุณสำหรับการช่วยเหลือตลอดเวลาที่ผ่านมานะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
แล้วฟาร์มากับเอเลนก็ออกจากคฤหาสน์ของเมโลดี้เพื่อพักหาอาหารกลางวันทาน พวกเขาได้ไปรวมตัวกับลอตเต้เพื่อเดินทางไปซื้อของรอบเมือง
หลวงแซงต์เฟลิฟ
“เมืองหลวงจักรวรรดิรายสัปดาห์ ฉบับพิเศษ ฉบับพิเศษ!”
เสียงที่สดใสได้ดังก้องอยู่บนถนนสายหลักของเมืองหลวงจักรวรรดิ ท่ามกลางฝูงชนที่ยึดครองท้องถนนของเมืองหลวง เหล่าชาวเมืองต่างก็รับหนังสือพิมพ์ฉบับคัดลอกไปอ่านกันถ้วนหน้า ดูเหมือนว่าหนังสือพิมพ์ “เมืองหลวงจักรวรรดิรายสัปดาห์”ของพี่น้องมิตเทอแรนด์จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่มีหนังสือพิมพ์ฉบับพิเศษสำหรับแจกให้ทุกคนได้อ่านฟรีๆ
พาดหัวข่าวหลักๆ นั้นก็จะเป็นรูปถ่ายของพลเรือเอกฌองซึ่งติดเหรียญตราขนาดใหญ่ไว้ที่อก จักรพรรดินีเอลิซาเบทประกาศถึงการค้นพบทวีปใหม่อย่างเป็นทางการซึ่งก็เป็นผลงานที่มาจากพลเรือเอกฌอง
“ทวีปใหม่งั้นเหรอ? “
“ว่าแต่ทวีปนี่มันต้องใหญ่ขนาดไหนกันนะ พวกเขาแยกความต่างของมันกับเกาะได้ยังไงกัน? “
“แปลว่าเราจะได้พบแร่หายากบางชนิด…บางทีอาจจะเป็นพวกแร่ทองหรือเงินไหมนะ? “
จินตนาการของชาวเมืองต่างก็เตลิดไปกันใหญ่
“นี่ก็เป็นเวลากว่าหลายพันปีแล้วนะที่พวกเราไม่พบทวีปใหม่ ข้าละสงสัยจริงๆ ที่อยู่ดีๆ พวกเขาก็มาเจอเอาในเวลานี้”
“ว่ากันว่ามันถูกพบตอนที่มุ่งไปทางตะวันตกนะ”
ชาวเมืองต่างก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไปมาขณะอ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย
“แต่ทางตะวันตกมันเป็นสุดขอบโลกไม่ใช่เหรอ แถมยังเป็นสุสานเรืออีก…ใครมันเป็นคนคิดไอเดียสำรวจสุดบ้าบอนี้ขึ้นมากันนะ แค่คิดข้าก็สยองแล้ว”
“ก็พลเรือเอกฌองไม่ใช่เหรอ? เขาเป็นถึงผู้บัญชาการกองเรือบริษัทอินเดี้ยนตะวันออกของจักรวรรดิเราเลยนะ ถ้าเขาจะทำในสิ่งที่ใครไม่มีทางทำได้ย่อมไม่แปลกหรอกน่า”
ในบรรดาพลเมืองของจักรวรรดิทั้งหมด พลเรือเอกฌองได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเลยทีเดียว
“เห ถ้าตามรายงานนี้เดี๋ยวประเทศอื่นก็คงจะตามกันมาในภายหลังสินะ”
ขณะเดินไปตามทางเดินของเมืองหลวง เอเลนก็ได้รับหนังสือพิมพ์และอ่านมัน โดยชื่อของทวีปนั้นได้ถูกตั้งตามชื่อของคนที่ค้นพบ ซึ่งมันถูกเรียกว่าทวีปเลอ คอนทิเนน การ์บิน ตามชื่อของพลเรือเอกฌองด้วยความนับถือ ก่อนที่เขาจะได้รับยศบารอนกิตติมศักดิ์แม้จะเป็นเพียงสามัญชนที่ไม่ได้เกิดมามีพลังแห่งเทพ
“ทางจักรวรรดิเราเป็นคนค้นพบเป็นชาติแรกแบบนี้ เราจำเป็นจะต้องแจ้งให้ประเทศอื่นๆ ทราบด้วยใช่ไหม? “
“แน่นอนสิ แต่พอเห็นแบบนี้ฉันก็หวังว่าพวกกะลาสีจะมีความกล้าแล้วออกทะเลกันมากขึ้นนะ ถ้าหากทำตามคำแนะนำของฟาร์มาคุงเกี่ยวกับโภชนาการบนเรือ บวกกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นของพลเรือเอก การเดินทางจากนี้คงจะประสบความสำเร็จกันหมดไหมนะ?”
เอเลนพยายามพูดย้ำขึ้นในส่วนของคำแนะนำจากฟาร์มา
“อืม ผมว่าถ้าให้กะลาสีธรรมดาออกไปเดินทางแบบนี้แม้จะเตรียมตัวแล้วแต่ก็……ค่อนข้างเสี่ยงนะ”
ฟาร์มานั้นกังวลเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ก็มีเรื่องอื่นที่รู้สึกกังวลมากกว่า
หลังจากการกลับมาอย่างมีชัยของพลเรือเอกฌอง ฟาร์มาได้ทำการบินไปยังทวีปใหม่ด้วยคทาเทพโอสถเพื่อสำรวจว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นั่นหรือไม่ จากมุมมองบนอวกาศแล้วแม้จะมีรูปร่างที่แตกต่างไปบ้าง แต่ลักษณะของทวีปที่ยาวไปตั้งแต่ซีกโลกเหนือจรดใต้นั้นคล้ายกับทวีปอเมริกาเป็นอย่างมาก แถมยังที่เทือกเขาสูงที่เชื่อมกันคล้ายกับกระดูกสันหลังอีกด้วย
ดูเหมือนว่าที่มันถูกบอกว่าเป็นทวีปใหม่จะมาจากการที่มีที่ราบกว้างจนผิดปกติอย่างมากต่างจากเกาะ ก่อนจะพบชนพื้นเมืองจำนวนหนึ่งที่มีอารยธรรมในการทำการเกษตรกรรมขนาดเล็กบริเวณชายฝั่งทางตะวันตก เนื่องจากพลเรือเอก
ฌองนั้นขึ้นบกมาทางฝั่งตะวันออกจึงทำให้เขาเข้าใจว่าพื้นที่นี้ไม่มีใครอาศัยอยู่ จากการมองดูในระยะไกลคนพวกนี้ดูเหมือนชาวเอเชียผสมมองโก ส่วนทางด้านวัฒนธรรมการแต่งตัวนั้นทำให้นึกถึงการผสมผสานกันระหว่างชาวจีน ทิเบตซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากชาวพื้นเมืองของทางทวีปอเมริกาเหนือและใต้
ฟาร์มารู้สึกเป็นกังวลกับท่าทีของแต่ละประเทศรวมไปถึงจักรวรรดิแซงต์เฟลิฟ ว่าจะส่งผลหรือคุกคามชนพื้นเมืองอย่างไรบ้าง เนื่องจากทวีปที่ใหญ่ขนาดนี้ย่อมตามมาด้วยทรัพยากรจำนวนมาก
(ประวัติศาสตร์การล่าอาณานิคมจะมาซ้ำรอยเอาที่นี่อีกไหมนะ.…)
ไม่ว่าสนธิสัญญาระหว่างประเทศจะห้ามไม่ให้มีการรุกรานได้มากเพียงใด แต่ตราบใดที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องไม่ว่าจะทรัพยากร ที่ดินต่างๆ ทั้งโจรหรือโจรสลัดก็พร้อมจะออกมาตักตวงผลประโยชน์ แถมก็ไม่ใช่ว่าทุกประเทศจะเห็นด้วยกับสนธิสัญญาที่ว่า ถึงจะมีการรุกรานเกิดขึ้นมาจริงทวีปแห่งนี้มันก็อยู่เกือบสุดขอบโลก นกพิราบสื่อสาร การข่าวข้อมูลก็ใช่จะเดินทางไปมาได้โดยง่าย
“บางทีเราอาจจะไม่ควรประกาศมันออกมาก็ได้นะ”
“เดี๋ยวสิทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะ? เวลาแบบนี้มันต้องฉลองไม่ใช่หรือไง แม้ฉันจะเป็นพลเมืองของจักรวรรดิ แต่ฉันก็รู้สึกยินดีกับการค้นพบทวีปใหม่นะ”
(ถ้าหากที่นั่นไม่ได้มีชนพื้นเมืองละก็นะ…)
น้ำเสียงของฟาร์มาที่อยากจะพูดเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองนั้นค่อนข้างจะมืดมน เพราะหากเกิดอะไรขึ้นมาจริงๆ เขาก็จำเป็นต้องรับผิดชอบจากการที่มีส่วนร่วมนั้นด้วย
ฟาร์มาเป็นคนแรกที่พูดถึงเรื่องโลกกลมให้กับพลเรือเอกฌองผู้กังวลเกี่ยวกับปลายทางของทะเล พร้อมยังกล่าวว่า “ข้าคิดมาตลอดเลยว่าที่จุดจบของโลกใบนี้จะมีอะไรอยู่กัน” พร้อมกับขอความช่วยเหลือจากเขาจนทำให้ท้ายที่สุดพลเรือเอกฌองก็ได้เดินทางไปยังทิศตะวันตก
การติดต่อและแลกเปลี่ยนกันของมนุษย์ในระดับทวีปนั้นควรจะมีผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย
ฟาร์มาก็เพียงได้แต่หวังว่าพวกเขาจะเป็นคู่ค้าที่เท่าเทียมกัน ไม่ถูกฝ่ายใดกดขี่ข่มเหง เพราะตัวเขาในตอนนี้ก็ใช่จะมีพลังในการออกเสียงอะไรมากมายในเรื่องนี้ได้
(หรือเราควรเอาเรื่องนี้ไปคุยกับจักรพรรดินีดีนะ หากเกิดอะไรขึ้นมาจริงบางทีเราน่าจะเตรียมที่ดินไว้สำหรับชนพื้นเมืองล่วงหน้าเพื่อเป็นที่หลบภัย
จากประเทศอื่นๆ หรือกระทั่งจักรวรรดิเอง…จะเข้าท่าไหมนะ ไม่สิยังไงก็ต้องทำถึงจะต้องควักเงินตัวเองออกด้วยก็ตาม…..ก็หวังว่าจักรพรรดินีจะให้ความร่วมมือด้วยนะ ดูเธอก็เป็นคนรักสงบด้วย)
ฟาร์มาเริ่มพิจารณาเรื่องต่างๆ ภายในหัว
“ท่านฟาร์มาทำหน้าบากใจอีกแล้วค่ะ……”
ลอตเต้เอานิ้วชี้ไปที่ปากก่อนทำท่ากังวล
“รอบนี้เป็นเรื่องไหนอีกล่ะที่ทำให้นายคิดมาก? “
เอเลนยกแว่นขึ้นก่อนจะถามราวกับว่าเป็นเรื่องปกติ
“เอาเถอะอย่ามาทำหน้ามืดมนไปเลยน่า มาสนุกกับการซื้อของดีกว่า เดี๋ยวพอซื้อของไปนายก็หายกังวลเองแหละ”
อากาศในช่วงนี้กำลังร้อนอบอ้าว เทศกาลสินค้าจะถูกจัดขึ้นในทุกๆ ปีของช่วงเวลานี้ที่เมืองหลวง จำนวนของพ่อค้าริมทางและพ่อค้าที่มาลงทะเบียนกับจักรวรรดินั้นก็มากขึ้นกว่าปีที่แล้ว จะพ่อค้าคนกลาง หรือแพทย์โอสถระดับสูงก็เยอะขึ้นจนผิดตา กลิ่นเครื่องเทศก็ลอยฟุ้งผ่านอากาศทำให้ฟาร์มาคิดว่าอาจจะถึงเวลาของปาร์ตี้แกงกะหรี่แล้ว
“ว่าแต่คุณอยากไปโซนไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า? “
“ฉันว่าจะไปโซนพวกของทำยานะ ที่เหลือก็ไปหากรอบแว่นกับเลนส์”
พอได้ยินเอเลนพูดแบบนั้น ฟาร์มาก็เริ่มคิดหาของที่จะซื้อเพื่อไม่ให้ตัวเองคิดมากกับเรื่องอื่น
“อื้ม น่าจะซื้อหลายอันเตรียมเผื่อไว้เลยแล้วกัน”
“ว่าไงนะ? “
“น่าเสียดายจริงๆ ก่อนกลับมาฉันน่าจะขอให้ท่านแกรนดยุกเมโลดี้ทำแว่นที่ไม่มีวันแตกหักในสักหน่อยน้า”
“เขาไม่ได้ว่างขนาดนั้นสักหน่อย”
เอเลนผู้มักจะทำแว่นตาตกแตกเป็นประจำจากการสอนเรื่องราวและวิทยาการในโลกอนาคตของเขา
(ขาแว่นสั้นไปแถมไม่มีแผ่นรองจมูกก็ทำให้แว่นมันหลุดออกมาได้ง่ายด้วยสิ…)
หลายครั้งที่ฟาร์มาอยากจะช่วยปรับปรุงเรื่องแว่นตาให้กับเอเลน แต่เธอก็เอาแต่บอกเขาว่าแว่นตาที่เขาทำมันดูไม่ทันสมัยเลยแล้วปฏิเสธเขาทุกครั้ง เพราะเธอเชื่อว่าแว่นตาก็คือส่วนหนึ่งของใบหน้าเธอ จนทำให้เขาไม่กล้าจะแตะต้องมันอีก
“ทางลอตเต้ก็น่าจะขนมสินะ”
“ใช่แล้วค่ะ! ฉันได้ยินว่ามีของหวานหายากมาขายด้วย ไว้พวกเรามาทานด้วยกันนะคะ!”
ลอตเต้ถือถุงใบใหญ่ไว้ในมือแล้วราวกับพร้อมในการซื้อของที่เธอต้องการแล้ว
“ดูกระตือรือร้นดีนะ งั้นก็แยกไปดูของตามที่ทุกคนอยากได้ก็แล้วกันนะ เสร็จจากนี้ก็ค่อยกลับไปที่ร้านขายยากัน”
แล้วฟาร์มาก็แยกทางกับเอเลนและลอตเต้ ก่อนที่เขาจะซื้อกระดาษคุณภาพสูงสำหรับการทำหนังสือจากแผงขายของ ซึ่งแน่นอนว่าเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของแผงขายของภายในงานทั้งหมดแล้วไม่ว่าจะเป็นกระดาษคุณภาพสูง หมึกคุณภาพสูงที่สามารถหาได้แค่ตอนนี้เท่านั้น
“เอาละครบสักที พวกเครื่องแกงกะหรี่คงต้องเป็นพรุ่งนี้แทนไม่งั้นกลิ่นมันคงได้ติดกระดาษเอาหมดแน่”
ปีที่แล้วเกิดเหตุการณ์ที่กลิ่นของเครื่องเทศไปติดเข้ากับกระดาษจนไม่สามารถใช้งานได้จำนวนมาก
ฟาร์มากำลังเดินทางไปหาลอตเต้พร้อมกับสัมภาระใบใหญ่ด้วยสีหน้าที่ร่าเริง
“เดี๋ยวนะ เธอไม่ได้อยู่ที่หน้าร้านขายขนมหรอกเหรอ”
เป็นเรื่องที่หายากมากสำหรับลอตเต้ เพราะเธอในตอนนี้กำลังมองบางอย่างบนแผงลอยที่ไม่ใช่ร้านขายขนม
“ดูนี่สิคะท่านฟาร์มา ดูร้านขายสัตว์นี่สิคะ~! “
ใต้เต็นท์ขนาดใหญ่นั้นคือร้านขายสัตว์เลี้ยง ซึ่งสัตว์เลี้ยงที่ขายภายในนั้นก็มีทั้งสุนัข แมว นกแก้ว นกหงส์หยก
“ปีที่แล้วไม่มีร้านแบบนี้นี่นะ”
สืบเนื่องจากเหตุการณ์กาฬมรณะปีก่อน ผู้ค้าสัตว์จึงถูกห้ามไม่ให้เข้ามาภายในเมืองหลวง แต่ดูเหมือนปีนี้จะไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว
มีรั้วไม้ขนาดเล็กซึ่งตั้งอยู่ภายในเต็นท์ กำลังนำสัตว์ออกมาจัดแสดงให้เหล่าลูกค้าดู ไม่ว่าจะเป็นสุนัขที่กำลังวิ่งไปมาอย่าง พุดเดิ้ล เทอร์เรีย ปาปิยอง พิเรนีส หรือจะพวกแมวอย่าง เปอร์เซีย ลูกผสม เบงกอล อีกทั้งยังมีนกแก้วหลากสี นกตัวเล็กตัวน้อยกำลังส่งเสียงร้องอยู่ภายในกรง
“น้องหมาน่ารักจังเลยค่ะ!”
ฟาร์มาเองก็กำลังรู้เป็นครั้งแรกหลังจากมาที่นี่ว่าลอตเต้เป็นคนรักสุนัข
“เจ้าตัวเล็กพวกนี้นี่น่ารักมากเลยค่ะ ฉันละสายตาจากพวกมันไปไม่ได้เลยจนถึงตอนนี้!”
ลอตเต้กำลังจ้องมองไปยังลูกสุนัขพุดเดิ้ลและปาปิยองซึ่งเลียมือของเธออยู่
(ไม่ว่าจะลูกสุนัขหรือลอตเต้ก็ทำท่าน่ารักไม่แพ้กันเลยนะ)
ฟาร์มาพอจะเข้าใจเข้าใจความรู้สึกของลอตเต้ได้เป็นอย่างดีถึงความน่ารักที่แทบจะฆ่าแกงกันได้เลย พอมาลองคิดดู ฟาร์มาสังเกตว่าลอตเต้ก็ให้อารมณ์ดูเหมือนลูกสุนัขตัวเล็กเหมือนกัน
“ว้าย ดูดวงตาของพวกมันสิคะ! เจ้าหนูพวกนี้! อยากจะให้ฉันพากลับไปด้วยเหรอคะ?! “
“คุณอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่ถ้าชอบขนาดนั้นแล้วจะซื้อกลับไปก็ได้นะ”
ตระกูลเดอ เมดิซิสนั้นมีทั้งม้าที่เลี้ยงเอาไว้เพื่อขี่ นอกจากนั้นยังมีวัวสำหรับรีดน้ำนม แพะ เป็ด โดยถูกเลี้ยงไว้ที่โรงเลี้ยง ซึ่งห่างจากตัวคฤหาสน์พอสมควร แน่นอนว่าไม่มีที่ให้พักอาศัยสำหรับสัตว์อย่างแมวหรือสุนัข โดยบรูโนให้เหตุผลให้เรื่องของความสะอาด
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่านฟาร์มา….ตระกูลเดอ เมดิซิสก็เป็นถึงตระกูลแพทย์โอสถดังนั้นฉันจึงไม่อาจปล่อยให้ขนพวกมันหลุดร่วงและทำให้คฤหาสน์เลอะเทอะได้ค่ะ แถมฉันก็ไม่มั่นใจด้วยว่าตัวเองต้องการพวกมันจริงหรือเปล่า”
แน่นอนว่าเหล่าข้ารับใช้ก็ไม่ได้ละเลยในเรื่องของการดูแลความสะอาดภายในคฤหาสน์เลยแม้แต่น้อยเพราะทราบถึงนิสัยรักความสะอาดของบรูโนเป็นอย่างดี แต่ลอตเต้ก็ส่ายหน้าแล้วคิดว่าตนไม่อยากจะทำให้บรูโนโมโหหากสุนัขพวกนี้ไปทำอะไรเสียหายเข้า
“แต่เด็กพวกนี้ก็น่ารักจริงๆ นั่นแหละค่ะ! พอได้เห็นแบบนี้แล้วมันช่วยเยียวยาใจได้ดีจริงๆ”
“งั้นถ้าดูกันเสร็จแล้ว ก็ค่อยกลับไปที่ร้านขายยาแล้วกันนะครับ”
ฟาร์มาตัดสินใจที่จะเดินทางกลับไปที่ร้านขายยาก่อนจึงลุกขึ้นยืน แต่ในจังหวะที่เขาจะหันหลังกลับไป ลอตเต้ก็ได้นำมือของเธอมาจับเข้าที่เสื้อคลุมของฟาร์มา
“อ๊ะ รอก่อนค่ะท่านฟาร์มา ฉันเห็นเด็กคนนั้นอาการไม่ค่อยดีมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วเพราะแบบนั้น..…”
ฟาร์มาชายตามองไปตามนิ้วของลอตเต้ที่ชี้ไปยังลูกสุนัขตัวหนึ่งซึ่งอยู่ภายในคอกโดยมันทำท่าเหมือนจะหมดแรงอยู่ เจ้าของร้านขายสัตว์ที่เห็นทั้งคู่คุยกันแบบนั้นก็ตอบกลับเหมือนอารมณ์เสียหน่อยๆ
“อ้า ถ้าเจ้าตัวนั้นน่ะ ข้ากำลังเรียกสัตวแพทย์มาดูให้ ไม่ต้องกังวลหรอกน่า”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็สบายใจแล้วค่ะ!”
ล้อตเต้พยักหน้าให้เหมือนกำลังสบายใจกับคำที่ได้ยิน
“โอ้ ว่าแล้วก็มาถึงพอดี”
เจ้าของร้านออกไปทักทายสัตวแพทย์ที่เหมือนมาถูกเวลา เธอเป็นสัตวแพทย์สาวร่างเล็ก แต่สิ่งที่ยืนยันได้ว่าเธอนั้นคือของจริงก็คงจะเป็นตราสัตวแพทย์ขั้นหนึ่งซึ่งมีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าที่ติดอยู่บนอกของเธอ เนื่องจากฟาร์มามองมาที่เธอในจังหวะที่เธอก็หันมาพอดีสายตาของพวกเขาจึงสบกัน ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไป
“อ๊ะ ท่านศาสตราจารย์! ท่านศาสตราจารย์ฟาร์มา เดอ เมดิซิสนี่นา! ว๊าย ไม่นะฉันควรจะทำยังไงดี”
เธอรู้สึกตกใจเป็นอย่างมากที่ได้พบกับฟาร์มา จนแก้มแดงไปถึงใบหู
“อ่ะ? เอ๋?”
ฟาร์มาสงสัยเพราะไม่เคยพบเธอมาก่อน ส่วนทางลอตเต้เกาหัวพยายามนึกอยู่
“ยินดีที่ได้พบนะคะ ฉันมีชื่อว่าโจเซฟีน แบริเออร์ เป็นสัตวแพทย์ค่ะ เป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้พบกับท่านที่นี่ ศาสตราจารย์!”
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ? “
หลายคนมักจะเรียกฟาร์มาว่าคุณเจ้าของร้าน แต่หาได้ยากมากที่จะมีใครเรียกเขาว่าศาสตราจารย์
“เป็นทางฉันค่ะที่รู้จักท่านเพียงฝ่ายเดียวจากภาพเหมือนที่ติดบนบอร์ดของมหาวิทยาลัยค่ะ”
“งั้นก็หมายความว่า…”
ฟาร์มาเริ่มเข้าใจในทันที
“ฉันเป็นนักเรียนใหม่ของทางมหาวิทยาลัยยาจักรวรรดิที่จะเข้าเรียนในเดือนหน้านี้ค่ะ”
“ทั้งที่เป็นสัตวแพทย์อยู่แล้วแต่ก็ยังต้องการเรียนเกี่ยวกับศาสตร์รักษามนุษย์สินะครับ? “
ฟาร์มาอยากจะชื่นชมเธอว่าเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นและขยันหมั่นเพียร
“ใช่แล้วค่ะ ฉันอยากจะเรียนศาสตร์ของแพทย์โอสถตั้งแต่เริ่มเลย และฉันยังอยากจะได้เรียนรู้ศาสตร์แห่งยาที่ไม่เพียงรักษามนุษย์แต่ยังสามารถเข้าถึงพวกสัตว์ได้อีกด้วย เหลือสิ่งอื่นใดฉันอยากจะเข้าเรียนในคลาสของ
ท่านศาสตราจารย์เมดิซิสค่ะ!”
“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณโจเซฟีน สำหรับงานตอนนี้ก็คือดูอาการของสุนัขตัวนี้สินะครับ? “
“ใช่ค่ะ แต่ก็รู้สึกอายจังที่ต้องมาทำต่อหน้าศาสตราจารย์แบบนี้”
“น่าสนุกจังเลยนะคะท่านฟาร์มาพอได้มาเจอกับนักเรียนใหม่แบบนี้”
ลอตเต้รู้สึกตื่นเต้นตาม
พอเธอกล่าวชื่นชมฟาร์มาเสร็จ เธอก็กลับไปเตรียมอุปกรณ์ในการวินิจฉัยอาการต่อ
“ต้องขอบคุณกล้องจุลทรรศน์ที่ศาสตราจารย์ฟาร์มมาเป็นผู้ประดิษฐ์ขึ้นจริงๆ เลยค่ะ เพราะมันทำให้เหล่าสัตวแพทย์สามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย แถมยังจะพยายามพัฒนาตัวยาใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ศาสตราจารย์ถือเป็นอาจารย์ผู้สอนคนโปรดของฉันเลยค่ะ”
“ฮ่ะๆ …คุณก็ชมผมเกินไปแล้วครับ…”
ดูเหมือนว่าโจเซฟีนจะรู้ว่าผู้ประดิษฐ์กล้องจุลทรรศน์คือฟาร์มา พอได้ยินแบบนี้ก็อดรู้สึกจั๊กจี้ไม่ไหว จากนั้นเธอก็นำคทาแห่งเทพสำหรับการรักษาออกมาเริ่มตรวจอาการ
“อาการท้องร่วง สุขภาพขนก็ไม่ค่อยจะดี ร่างกายก็อ่อนแอด้วย ขอโทษทีนะแต่เดี๋ยวฉันจะดูก้นของเธอหน่อยนะ…อ๋อ..ที่แท้ก็พยาธิตัวตืดนี่เอง”
พอโจเซฟีนดูบริเวณหางของลูกสุนัขก็พบเข้ากับอะไรบางอย่างที่เหมือนเม็ดข้าวสีขาวติดอยู่ภายในทวารหนักของมัน
นั่นเป็นส่วนหนึ่งของร่างตัวปรสิตที่เรียกมันว่าพยาธิตัวตืด
“เด็กคนนี้อาจจะมีร่างกายที่อ่อนแอตั้งแต่แรก แต่ตัวปรสิตเองก็ไม่ได้ทำอันตรายอะไรมากขนาดนั้น ดังนั้นแค่คอยจับตาดูไว้ให้ดีๆ ก็น่าจะไม่มีปัญหา ฉันจะให้อาหารเสริมสำหรับลูกสุนัขไปนะคะ ทีนี้ก็ค่อยๆ ป้อนให้มันกินที”
“ได้ยินแบบนั้นข้าก็โล่งใจ”
พอเจ้าของร้านจะจ่ายค่ารักษาให้ โจเซฟีนก็ปฏิเสธขึ้นมาทันที
“นั่นเป็นผลการวินิจฉัยแล้วแนวทางการรักษาของฉันค่ะ แต่ฉันอยากจะทราบว่าท่านศาสตราจารย์คิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง? “
โจเซฟีนมองกลับมาที่ฟาร์มาก่อนจะถามเหมือนต้องการคำแนะนำ แล้วฟาร์มาก็เดินเข้าไปหาลูกสุนัขตัวนั้น
“เหมือนกับที่คุณพูดครับสุนัขตัวนี้มีพยาธิตัวตืดที่ทำให้สุนัขทุกข์ทรมานจากภาวะทุพโภชนาการ ดังนั้นการเติมเต็มด้วยอาหารเสริมจึงเหมาะสมครับ อีกทั้งเราน่าจะใช้ยาถ่ายพยาธิเข้ามาช่วยในด้านนี้ด้วย”
พยาธิตัวตืดสุนัขเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของพยาธิตัวตืดที่หัวติดอยู่กับลำไส้โดยมีตัวดูดสารอาหารและขอเกี่ยวเอาไว้ ส่วนหางของมันที่มีไข่จะค่อยๆ ขยายและโผล่ออกมาจากทวารหนัก แม้ว่าจะทำความสะอาดและจัดการมันทวารหนัก แต่ก็ใช่ว่าสามารถจัดการมันได้หมดสิ้น แน่นอนว่ายาระบายก็ไม่เป็นผล
“ท่านคิดว่าต้องใช้ยาถ่ายพยาธิเหรอคะ? ถ้าเป็นอย่างโกฐจุฬาลัมพาจะดีไหมคะ?? “
ดูเหมือนทางโจเซฟีนจะเตรียมเอาขวดยาออกมาจากกระเป๋ายาที่เธอพกมาด้วย
“สมุนไพรที่มีฤทธิ์ในการกำจัดพยาธินั้นจะใช้ได้ผลกับพวกประเภทพยาธิตัวกลมครับ แต่ถ้าเป็นพยาธิตัวตืดมันจะไม่ได้ผล”
ฟาร์มาสร้างพราซิควอนเทลขึ้นมาภายในกระเป๋าของตัวเองด้วยความสามารถการสร้างสสารก่อนจะสร้างห่อขึ้นมาอีกชั้นแล้วทำท่าคุยกระเป๋าเหมือนพยายามหามัน
“นี่คือพราซิควอนเทลครับ เป็นยาที่มีฤทธิ์ในการทำให้พยาธิเป็นอัมพาต ให้เอาไปผสมกับน้ำดื่มแล้วดื่มเข้าไปให้หมดในคราวเดียวนะครับ”
เขาอธิบายให้เจ้าของร้านฟังถึงรายละเอียดการใช้ยา ทางโจเซฟีนก็พยักหน้าแล้วจัดบันทึกตามไปด้วย
“แล้วก็ถ้าคุณไม่กำจัดพวกหมัดให้ดีๆ ครั้งหน้าสัตว์พวกนี้ก็อาจจะติดเชื้ออีกจากหมัดที่ว่านะครับ”
“ทางฉันมีสมุนไพรที่สามารถกำจัดหมัดได้ค่ะ โดยจะใช้น้ำหอมจากมิ้นต์ไม่ก็ลาเวนเดอร์พรมไปที่ขนของพวกมันค่ะ พอเสร็จแล้วค่อยชำระล้างอากาศบริเวณนี้อีกที”
ฟาร์มารู้สึกทึ่งกับการตัดสินใจที่รวดเร็วของโจเซฟีน
“ปัดเป่าสายลม”
ดูเหมือนเธอจะเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุวายุ
“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ท่านศาสตราจารย์”
โจเซฟีนจับมือฟาร์มา
“เช่นนั้นไว้เจอกันที่มหาวิทยาลัยนะคะ”
พอได้เห็นภาพแบบนี้ฟาร์มาก็ได้ย้อนคิดว่าบางสิ่งก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาแผนปัจจุบันในการแก้ไขปัญหา
เสร็จจากเรื่องนั้น ลอตเต้ก็ได้ไปกว้านซื้อเค้กจนเต็มกระเป๋า ทางเอเลนก็ไปซื้อแว่นตามาในปริมาณที่พอจะเปิดร้านขายเองเลยทีเดียว
ไม่กี่วันต่อมา ฟาร์มาที่เห็นถึงประโยชน์ของยาถ่ายพยาธิก็ได้เดินทางไปยังวังหลวงโดยมีลอตเต้ติดตามมาด้วยเนื่องจากข้ารับใช้ภายในวังได้นำสารมาแจ้งว่าจักรพรรดินีต้องการเรียกลอตเต้เข้าพบ
“ดูเหมือนท่านจักรพรรดินีจะมีเรื่องด่วนต้องการคุยนะคะ”
“บางทีอาจจะเป็นเรื่องงานศิลปะชิ้นใหม่หรือปล่าครับ? “
แต่เพราะไม่ได้บอกว่าต้องเป็นลอตเต้คนเดียวเท่านั้นที่เข้าพบได้ ฟาร์มาก็เลยถือโอกาสตามไปด้วยเลย
“ฝ่าบาท ขออภัยที่ทำให้ท่านต้องคอย ฉันชาร์ล็อต ซอเรลมาถึงแล้วเพคะ…”
จักรพรรดินีกำลังพักผ่อนอยู่บนม้านั่งในสวนของพระราชวังพอได้ยินเสียงทักเธอก็หันมาที่ลอตเต้ราวกับกำลังรอคอยพอดี
“มาแล้วสินะ มาดูนี่สิ ตรงนี้มีทั้งสุนัขและแมวเลยนะ ชาร์ล็อต”
ดูเหมือนจักรพรรดินีจะทำการปล่อยพวกสัตว์ร้ายอย่าง เสือ สิงโต หมาป่าให้วิ่งเล่นภายในสวนขนาดใหญ่นี้ แถมยังมองพวกมันเหมือนเป็นเพียงสุนัขและแมว หากสังเกตดูดีๆ ก็จะเห็นอีกด้วยว่ามีนกล่าเหยื่อเกาะบนม้านั่งด้วย
ในจังหวะนั้นเองเธอก็ยังคอยโยนบอลให้พวกหมาป่าเหมือนเล่นกับสุนัข
“อย่ารีบเข้าไปจับมันนะ! ถ้าอยากจะสัมผัสกับพวกสุนัขและแมวน้อยพวกนี้ ต้องค่อยๆ เข้าหาแล้วฟังเสียงพวกมันดู”
(เดี๋ยวสิจักรพรรดินีท่านจะให้ไปฟังเสียงของพวกมันเหรอ พวกมันเป็นสัตว์ร้ายนะ!)
นอกจากหัวใจที่กำลังเต้นแรงของฟาร์มาแล้ว ลอตเต้ก็ยังเข้ามากระซิบกับฟาร์มาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
“น้องแมวกับน้องหมาที่น่ารักเหรอคะ? ท่านฟาร์มาคะรู้สึกว่านั่นจะต่างจากน้องหมาน้องแมวที่ฉันรู้จักไปสักหน่อยนะคะ”
“สิงโตกับเสือก็ถือว่าเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของแมว ส่วนหมาป่าก็นับว่าเป็นสุนัขได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็อยู่ที่ลอตเต้แล้วว่าจะมองมันน่ารักไหม…”
แต่สำหรับจักรพรรดินีแล้วช่องว่างของสามัญสำนึกแบบปกติกับพวกสัตว์นั้นดูท่าจะใหญ่เอามากๆ
พวกสัตว์ที่รู้ว่าใครคือเจ้านายของตนก็ต่างสงบท่าทีราวกับหมาแมวที่เชื่องแล้ว
ฟาร์มารู้สึกสงสัยว่าจะเป็นตัวจักรพรรดินีเองหรือเปล่านะที่ฝึกฝนพวกมัน
“อย่าได้กลัวไปเลย นี่ถือเป็นหนึ่งในเคล็ดลับการฝึกของเราเลยนะ เจ้าก็ของเข้ามาดูสิ”
จักรพรรดินียื่นข้อเสนอให้กับลอตเต้
“ปะ-เป็นเกียรติอย่างยิงเพคะ ฝ่าบาท”
เลือดของลอตเต้เย็นลงราวกับโดนน้ำแข็ง
(จักรพรรดินีตัวเธอเป็นเหมือนราชาของเหล่าสัตว์ร้ายเลย…)
สิ่งเดียวที่ฟาร์มาจะช่วยให้คำแนะลอตเต้ในตอนนี้ได้ก็คือ….
“ตอนสัมผัสมันก็ระวังอย่าให้ตัวเองเสียมือไปนะ ลอตเต้”
“มะ-ไม่น้าาาา!”
“นี่ก็เพื่อการฝึกฝนการมีปฏิสัมพันธ์กับสัตว์ในอนาคตยังไล่ะ นี่เจ้าจะมีโอกาสได้ฝึกก่อนเลยนะ”
ท้ายที่สุด เพื่อความปลอดภัยของลอตเต้ ฟาร์มาเลยขอให้อนุญาตบรูโนให้ลอตเต้ได้เลี้ยงสัตว์ตัวเล็กๆ เอาไว้แทน
—–
Note : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR code
ตอนต่อไป : การพบกันอีกครั้งกับจูเลียน่าและเปิดเทอมใหม่
MANGA DISCUSSION