ตอนที่ 70 กะลาสี วิตามิน และงานประกาศผลสอบ
“ท่านฟาร์มา มีนกพิราบส่งสารมาจากท่าเรือมาร์เชลครับ”
ฟาร์มาที่กำลังพูดคุยกับเหล่าคนงาน ผู้รักษาการแทนอย่างอดัมก็ได้เข้ามาเรียกเขา
“จากใครเหรอครับ? “
พอได้ยินว่ามันถูกส่งมาจากท่าเรือ ฟาร์มาก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจไปขณะหนึ่ง หรือจะมีเหตุอย่างเรือหลุดการกักกัน สืบเนื่องมาจากทุกๆ ปีในช่วงเดือนสิงหาถึงกันยา จะมีพ่อค้าจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาภายในจักรวรรดิ แน่นอนว่าฟาร์มาไม่ลืมที่จะจ้างเหล่าแพทย์โอสถขั้นหนึ่งมารวมตัวกันอีกครั้งในปีนี้เพื่อสอนวิธีการตรวจสอบและกักกันเรือที่จะเทียบท่า ทางจักรพรรดินีเองก็เห็นด้วยกับความคิดนี้จึงได้สั่งออกมาเป็นโองการ
“พลเรือเอกณองแห่งบริษัทอินเดี้ยนตะวันออกภายใต้กองเรือหลวงแซงต์เฟลิฟต้องการพบท่านอย่างเร่งด่วน กรุณามาที่ท่าเรือมาร์เชลหมายเลข 3 โดยเร็วที่สุด”
“พลเรือเอกณอง…ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันนะ”
“ท่านฟาร์มา มีเรื่องด่วนเข้ามาเหรอคะ? “
“ท่านพี่จะไปแล้วเหรอคะ?”
ลอตเต้กับบลานซ์ถามฟาร์มา
“ตอนนี้ผมต้องรีบไปที่ท่าเรือมาร์เชลแล้ว ทั้งสองคนจะไปด้วยไหม? “
“ค่ะ ฉันขอไปด้วยค่ะ”
ลอตเต้ตอบรับด้วยทันที ไม่รอช้าฟาร์มาได้รีบควบม้ากลับไปที่ท่าเรือมาร์เชล พอถึงที่หมายก็ต้องพบกับ เรือประจัญบานขนาดใหญ่กำลังจะจอดเทียบท่าเรือมาร์เชลอยู่
“หือ ฟาร์มานายก็มาด้วยเหรอ”
ปาลเล่บังเอิญเดินทางมาที่นี่พร้อมกับบรูโน แล้วก็พบเข้ากับเรือประจัญบานนี้ ก่อนที่บรูโนจะแนะนำตัวเขาให้กับเหล่าผู้บริหารของบริษัทอินเดี้ยนตะวันออกได้รู้จัก
“โฮ้ยยยย”
พอเรือเข้ามาใกล้มากขึ้น พวกเขาก็ได้ยินเสียงของชายคนหนึ่งมาจากดาดฟ้าเรือ แล้วฟาร์มาก็โบกมือกลับไปให้ ธงสีแดงแสดงให้เห็นถึงสัญลักษณ์ของเรือธงประจำบริษัทอินเดี้ยนตะวันออกกำลังส่องระยิบระยับใต้ผืนฟ้าอันสดใส มันเป็นเรือของพลเรือเอกณอง
พลเรือเอกณองผู้จัดซื้อลูกอมจำนวนมากให้กับเหล่ากะลาสีเรือ ลงจากเรือมาพร้อมกับเหล่าลูกเรือของเขา โดยลำดับแรกนั้นเขาได้เข้าไปทักทายกับบรูโน ซึ่งเป็นเจ้าเมืองของเมืองมาร์เชล แน่นอนว่าบรูโนก็ได้ทำการทักทายกลับไป
“คงจะเป็นการเดินทางที่ยากลำบากมากเลยสินะครับ พลเรือเอก”
“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ท่านให้ยืมเหล่านักเรียนแพทย์โอสถลงเรือกับพวกข้ามาด้วย พวกเขาช่วยได้เยอะเลยทีเดียว”
ดูเหมือนเขาจะพาลูกศิษย์ของบรูโนออกทะเลไปด้วย
“หากนักเรียนที่ผมสั่งสอนมาช่วยท่านได้ผมก็ยินดี ทั้งการสนับสนุนของท่านที่มีต่อเมืองมาร์เชลของเราและการปราบปรามโจรสลัดนั้นช่วยเหล่าผู้คนของเราได้มากเลย”
บรูโนกล่าวยกย่องณอง
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย เป็นธรรมดาอยู่แล้วสำหรับข้าที่ต้องมาแวะใช้งานท่าเรือตลอดแบบนี้”
ดูเหมือนทางบริษัทอินเดี้ยนตะวันออกจะใช้ท่าเรือของเมืองมาร์เชลเป็นท่าจอดโดยมีการทำข้อตกลงกันก่อนหน้านี้ผ่านผู้รักษาการแทนอย่างอดัม
“มาสิครับ พาลูกเรือของท่านไปพักผ่อนให้หายเหนื่อยจากการเดินทางอันยาวไกลเสีย”
“พวกข้าขอขอบคุณในน้ำใจ”
พลเรือเอกฌองทำความเคารพบรูโน หลังจากทักทายกันเสร็จ พลเรือเอกฌองก็ถือโอกาสเข้าไปหาฟาร์มา
“ข้าต้องขอโทษที่เรียกตัวมานะ คุณเจ้าของร้าน แต่พอดีข้าได้ยินว่าท่านมาที่มาร์เชลพอดีน่ะ”
“โถ คุณณอง แบบนี้นี่เองก็ว่าทำไมผมถึงไม่เห็นคุณมาที่ร้านของเราพักใหญ่เลย”
ฟาร์มาก็รู้สึกคิดถึงเขาเช่นกัน เพราะเขานั้นไม่ได้พบหน้ากับพลเรือเอกฌองตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมาเลย
“คุณพลเรือเอกเท่สุดๆ ไปเลย”
ดวงตาของบลานซ์เป็นประกายเมื่อมองไปที่ณองก่อนจะเดินตามเขาไปด้วย
“คุณณองเคยพบกับบลานซ์มาก่อนหรือเปล่าครับ”
“ข้าไม่รู้จักเด็กคนนั้นเลยนะ!”
ทางบลานซ์เองก็เหมือนจะจำไม่ได้ว่าชายชราคนนี้ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าประจำของร้านขายยา ซึ่งแตกต่างจากชายชราในชุดโค้ตสีน้ำเงินกรมท่าที่ประดับด้วยลายลูกไม้สีทองแสดงถึงยศพลเรือเอกที่ปลายแขนและปกเสื้อ พร้อมกับอินทรธนูสีทองที่มีชุดสีขาวยาวซ้อนอยู่ข้างในเสื้อคลุม
(เด็กผู้หญิง ทักจะแพ้ทางหมวกไบรคอนกับเครื่องแบบนี่นะ)
ฟาร์มาเริ่มเข้าใจถึงรสนิยมบางอย่างของบลานซ์
“ข้าเพิ่งกลับมาจากการเดินทางไกลล่ะ นี่ก็กำลังกักตัวกันเสร็จไป ฮู้วรู้สึกดีจริงๆ พอได้เหยียบแผ่นดินแบบนี้ มนุษย์เรายังไงก็ต้องอยู่บนบกแหละนะ”
“เราก็ไม่ได้เจอกันนานจริงๆ แหละครับ ว่าแต่ร่างกายของคุณจะไม่เป็นไรเหรอครับ? “
ฟาร์มาเป็นกังวลเกี่ยวกับการเดินทางระยะยาวที่อาจจะส่งผลต่อผู้สูงวัย
“มันอาจจะส่งผลเสียต่อข้าได้สินะที่ท่านอยากจะพูด นั่นสินะที่ข้าไปเจอก็มีทั้งโรคระบาดที่ทำให้ทั้งพริกไทยหรือพืชผลแห้งแล้งไปเสียหมด ไหนจะเรื่องความขัดแย้งบริเวณชายแดนของอาณานิคมที่เกิดอยู่เป็นพักๆ แต่ด้วยรับสั่งของจักรพรรดินีที่มอบหมายให้พวกข้าบุกเบิกดินแดนแห่งใหม่ก็มีแต่ต้องไปแหละนะ”
“คุณกำลังจะสร้างเส้นทางการเดินทางใหม่เหรอครับ? “
ฟาร์มาฟังอย่างตั้งใจขณะนั้นก็รู้สึกประหลาดใจกับการเล่าเรื่องราวอย่างมีชีวิตชีวาของณอง ทางบรูโนก็ยืนมองการพูดคุยของทั้งส่องแบบเงียบๆ ส่วนปาลเล่ก็ถึงกับตกใจเมื่อทราบว่าชายชราคนนี้คือณอง ชายผู้ที่เด็กได้ยินชื่อก็เป็นต้องหยุดร้องไห้ คนสุดท้ายลอตเต้เนื่องจากเธอไม่ทราบว่านั่นคือณองจากการมองดูในระยะไกล จึงทำได้เพียงหลบในเงามืดแล้วเฝ้ามองต่อไปแทน
“ที่ข้าสามารถค้นพบทวีปใหม่ๆ ได้ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณท่านจริงๆ นะ เพราะเรื่องแบบนี้ก็ไปคุยกันที่เมืองหลวงมันก็อย่างไรอยู่ แต่ถ้าเป็นที่นี่ก็คงไม่มีปัญหาอะไร”
ฌองบุตรชายแห่งท้องทะเลกล่าวอย่างภาคภูมิใจขณะลูบเคราของเขาไปด้วย
“นี่มันการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มากเลยนะครับ! เรียกว่าเป็นความสำเร็จที่ยอดเยี่ยมเลย!”
ฟาร์มารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากเพราะนี่มันไม่ใช่แค่การค้นพบเกาะใหม่ๆ แต่เป็นถึงทวีป จะให้เทียบกับโลกของเขาก็เหมือนตอนที่โลกใบนี้ค้นพบทวีปอเมริกา แต่ณองก็ได้แต่พูดกลับประมาณว่า “เรื่องแค่นี้เองน่า” อย่างเขินอาย ก่อนจะพูดต่อ
“ถึงแบบนั้น ก็ต้องขอบคุณท่านจริงๆ! เพราะเราต้องผ่านเส้นทางบริเวณมหาสมุทรต้องสาปซึ่งมีเหล่าวิญญาณร้ายอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก บริเวณนั้นเราต่างเรียกมันว่า “สุสานเรือ” จากสภาพพื้นที่โดยรอบที่ไม่สามารถมองเห็นเกาะใดๆ ได้เลยโดยรอบ แถมปัญหาอีกมากมายต่างโถมเข้ามาพอเราถึงตรงนั้น แต่ศัตรูหลักๆ เลยก็คือเรื่องเสบียงอาหารที่แหละ เพราะครั้งนี้เราได้ปรับอะไรหลายๆ อย่างให้เข้าที่แหละเหมาะสมมากขึ้นจึงไม่มีใครชีวิตจากการเดินทางนี้เลย พวกข้าก็เลยไปกันได้ไกลกว่าที่แล้วมา!”
เหล่าลูกเรือที่เดินทางไปด้วยก็ต่างพยักหน้าให้กับคำของพลเรือเอกณองขณะกำลังเดินลงเรือมา
(สุสานเรือที่มีวิญญาณร้ายอาศัยอยู่งั้นเหรอ ค่อนข้างแปลกเหมือนกันนะ แต่หากเป็นโลกใบนี้ มันก็คงจะมีจริงๆ ก็ได้พวกวิญญาณร้ายไม่น่าใช่เรือแต่งขึ้นมา)
ฟาร์มาได้แต่ตะลึงกับเรื่องที่ตนได้ยิน
“ลูกอมลงเรือนี่อุดมไปด้วยวิตามินมากจริงๆ นี่มันเป็นสิ่งประดิษฐ์สำหรับยุคสมัยใหม่ที่ของจะไม่มีวันเน่าเสีย ไหนจะเรื่องสารบางอย่างที่เรานำไปใส่น้ำซึ่งสร้างมาจากศาสตร์แห่งเทพน้ำก็จะไม่เสียและสามารถใช้ได้ตลอดทาง เหมือนกับบรรจุภัณฑ์ที่ใช้เก็บเนื้อกับขวดที่ใส่ปลานั่นก็ด้วยพวกมันรักษาอาหารได้เป็นอย่างดีเลย”
ฟาร์มากับณองนั้นได้พูดคุยกันก่อนหน้านี้แล้วเกี่ยวกับการเก็บรักษาน้ำและอาหารระหว่างการเดินทางข้ามสมุทร เขายังได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการหาผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุวายุมารักษาระดับและเร่งความเร็วเรือจากลม ในขณะที่ผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพวารีมีหน้าที่ในการจัดหาน้ำเพิ่มเติม
เมื่อนำทุกอย่างไปปฏิบัติตามที่ฟาร์มาบอกแล้วณองก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สามารถเพลิดเพลินกับอาหารที่ดีขึ้นกว่าเดิมและการล่องเรือด้วยความเร็วสูงกว่าเดิมทีเคย
หากลูกเรือล้มป่วยทีละคนเนื่องจากขาดสารอาหารหรือเจ็บป่วย พวกเขาจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกเลิกการเดินทางและเดินทางกลับ จนถึงขณะนี้ การเดินทางในมหาสมุทรเป็นเวลาหลายเดือนนั้นไม่สามารถทำได้เนื่องจากการเน่าเสียของอาหารและน้ำดื่ม
“เจ้านี่แหละเครื่องรางในการเดินทางของข้า”
ว่าแล้วพลเรือเอกณองก็หยิบเอาลูกอมในกระเป๋าของเขาออกมาชื่นชมด้วยความเร่าร้อน ก็จะเคี้ยวมัน
“ข้าขอขอบคุณท่านเจ้าของร้านที่ทำให้การเดินทางในครั้งนี้สะดวกสบายไม่ต่างกับการเดินทางบนบกเลยแม้แต่น้อย”
“ท่านเป็นแพทย์โอสถที่ยอดเยี่ยมเหมือนที่พลเรือเอกบอกจริงๆ นั่นแหละครับ”
เหล่าลูกเรือก็ต่างแสดงความขอบคุณต่อฟาร์มา ซึ่งคนเหล่านี้ก็เป็นลูกเรือกลุ่มที่ช่วยฟาร์มาทำความสะอาดร้านขายยาตอนเหตุการณ์ร้านถูกลูกน้องของ
เวรอนโจมตีเข้า ฟาร์มาจึงจำพวกเขาได้ทั้งหมด แล้วฟาร์มาตระหนักอีกครั้งว่าการเดินทางในมหาสมุทรด้วยเรือใบเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันถึงชีวิตและความตาย เพียงแค่คำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าวก็อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้
“สภาพโดยรวมของการเดินเรือรอบนี้ถือว่าปลอดภัยขึ้นจริงๆ”
“ถึงจะไม่มีใครตายรอบนี้ แต่ก็มีลูกเรือบางคนเกือบเสียชีวิตจากโรคแปลกๆ นอกเหนือจากเลือดออกตามไรฟันอยู่เหมือนกัน บางที่อาจจะเป็นเพราะพวกวิญญาณร้ายที่เรามองไม่เห็นยังไงท่านช่วยดูพวกเขาให้หน่อยได้ไหม? “
“แบบนี้นี่เอง คุณก็เลยเรียกผมให้มาที่นี่สินะครับ”
จากนั้นผู้ป่วยสามคนก็ถูกหามลงเรือมาด้วยเปลหาม พวกเขามีอาการท้องร่วงไม่หยุด ผิวหนังมีลักษณะที่หยาบกร้าน ไม่ค่อยรู้สึกตัว และที่รุนแรงที่สุดคือพวกเขามีอาการเห็นภาพหลอน ซึ่งทุกคนนั้นมีอาการที่ว่ามาเหมือนกันทุกคน ฟาร์มากับปาลเล่จึงได้เข้าไปตรวจ
“ผิวของพวกเขาค่อนข้างมีริ้วรอยและหยาบกร้านมากเลยนะครับ แผลพุพองตรงนี้สภาพแย่มากเลย แถมสีผิวก็มีลักษณะแดงดำด้วย”
พอฟาร์มาดึงแขนเสื้อของผู้ป่วยออก ก็พบจุดที่น่าสนใจคือไม่มีอาการอักเสบที่อยู่ภายในร่มผ้าเลย
“ผมคิดว่าสาเหตุน่าจะมาจากแสงแดดนะครับ ดูจากอาการอักเสบตรงนี้”
ฟาร์มาจดมันลงไปในเวชระเบียน
“อาการผิวไวต่อแสงเหรอ? ไม่สิ แค่นั้นเพียงอย่างเดียวมันอธิบายถึงอาการที่เหลือไม่ได้ด้วย”
ปาลเล่เห็นด้วยกับที่ฟาร์มาวินิจฉัย
“ท่านพี่ลองดูให้ดีๆ สิครับ”
ฟาร์มาชี้ไปยังบริเวณที่มีผื่นขึ้น
“รอยแดงที่มีลักษณะสมมาตรแบบนี้….รวมกับลักษณะของอาการแล้ว น่าจะเป็นอาการขาดสารบางอย่าง..”
พอเขาตรวจสอบบริเวณลิ้นของผู้ป่วยด้วยก็พบว่ามันบวมแดงและมีอาการอักเสบ
“เข้าใจละ แบบนี้นี่เอง”
ฟาร์มาหยักหน้าให้
“เพลแลกรา หรือ อาการขาดไนอะซิน”
ฟาร์มาแจ้งอาการของผู้ป่วยให้ทราบตามที่วินิจฉัย ซึ่งมันก็น่าจะมีเพียงแค่โรคนั้นอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อมองด้วยตาเปล่า
“โรคนั้นสินะ แล้วเรารักษามันได้ไหม”
ชายชราณองกำลังฟังบทสทนาจากทางด้านหลังพวกเขาก็ถามขึ้นเนื่องจากเป็นชื่อโรคที่ตนไม่เคยได้ยิน นั่นยิ่งทำให้เขากังวลเกี่ยวกับอาการของลูกเรือมากขึ้น
“พวกลูกเรือได้ดื่มกันบ่อยไหมครับ? “
ฟาร์มาขอข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังของผู้ป่วย
“ก็หนักกันพอสมควรนะ”
พลเรือเอกณองตอบแทนพวกลูกเรือที่หมดสติ
“สาเหตุน่าจะมาจากเรื่องนั้นครับ”
ฟาร์มาอธิบายถึงที่มาของอาการป่วยดังกล่าวว่าสามารถพบได้ในผู้มีดื่มแอลกอฮอล์ในระดับที่มากจนเกินไป
“อึก การดื่มพวกแอลกอฮอล์มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยเหรอ! ทั้งที่พวกเราก็แค่อยากจะดื่มด่ำกับรัมพวกนี้เท่านั้นเอง!”
ณองวางมือทาบอกตัวเองขณะคร่ำครวญออกมาด้วยความเศร้าโศก ดูเหมือนเขาจะไม่คาดถึงเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ว่าจะเป็นเช่นนี้
“ผมก็ไม่ได้บอกว่ามันเลวร้ายขนาดนั้นหรอกครับคุณณอง”
“งะ-งั้นเหรอ”
“ก็แค่อย่าให้มันมากจนเกินไป ไม่ว่าจะการกิน การดื่มครับ ส่วนผู้ป่วยเหล่านี้ที่มีภาวะขาดไนอะซินนั้น นอกจากการขาดสารอาหารเรื้อรังระหว่างการเดินทางไกลแล้วยังมีผลมาจากการรับแสงแดดในปริมาณมากจนเกินไปครับ”
บรูโนที่ฟังคำอธิบายของฟาร์มาได้สักพักก็เดินเข้ามาหาเขาเพื่อจดบันทึกข้อมูล
“แล้วมันแย่มากเลยหรือเปล่า”
ณองก็ได้แต่เอียงศีรษะสงสัยตามด้วยความหดหู่ใจ
“ก็อยู่ในกรณีเดียวกันกับการขาดวิตามินครับ”
ไนอะซินในบางครั้งจะถูกเรียกในชื่อของวิตามินB3ในตอนแรก เพราะในอดีตสารพวกนี้มันถูกตั้งชื่อว่าA B C ตามลำดับของการค้นพบ แต่ในปัจจุบันจากการวิจัยทางโครงสร้างสารประกอบต่างๆ ภายในอย่างชัดเจนแล้ว
ชื่อของวิตามินบี 3 ก็ไม่ได้ถูกใช้ในชื่ออย่างเป็นทางการอีกต่อไป
โดยปัจจุบันนั้นมีการค้นพบวิตามินด้วยกันทั้งหมด 13 ชนิด
ฟาร์มายังได้อธิบายเกี่ยวกับ วิตามินA (เรตินอล) , วิตามินD (แคลซิเฟอรอล) , วิตามินE (โทโคฟิรอล) , วิตามินK (ไฟลโลควิโนน) , วิตามินB1 (ไทอะมีน) , วิตามินB2 (ไรโบฟลาวิน) , วิตามินB6 (ไพริดอกซิน) , วิตามินB12 (ไซยาโนโคบาลามิน) ในที่นี้ยังรวมไปถึงกรดจำพวกแพนโทธีนิกอย่าง ไบโอติน, กรดโฟลิก, วิตามินC (กรดแอสคอร์บิก) และท้ายที่สุด ไนอะซิน
“อย่างนี้นี่เอง…แปลว่าเราได้รับวิตามินพวกนี้ที่มีถึง 13 ชนิดไม่เพียงพอสินะ! แต่วิตามินพวกนี้ก็หาได้ยากด้วยสิ…แถวพออยู่บนเรือจะให้หลีกเลี่ยงแสงแดดก็ไม่ได้ แบบนี้พอจะมีวิธีรักษาไหม?”
“ขอเพียงแต่เติมไนอะซินในส่วนที่ขาดไป อาการของมันก็จะดีขึ้น
ส่วนอาการอื่นๆ ที่ตามมานั้นก็จะค่อยๆ ลดลงไปเองครับ เพราะทั้งสามคนนั้นมีอาการที่เหมือนกันหมดดังนั้นผมจะจ่ายยาเม็ดอาหารเสริมให้พวกเขาทุกคนนะครับ”
แน่นอนว่าเพื่อความแน่ใจเขาได้ใช้ดวงตาวินิจฉัยอีกครั้ง ก่อนจะนำนิโคตินาไมด์จำนวนมากกับวิตามินBที่ใช้บริโภคทางปาก เนื่องจากเขากังวลเรื่องที่ตับอาจจะเสียหายจากการดื่มแอลกอฮอล์มากจนเกินไปด้วยจึงได้สั่งให้เลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ออกไปก่อนนับจากนี้
“โอ้ งั้นก็แปลว่าพวกเขาจะไม่เป็นไรแล้วสินะ! สารอาหารนี่มันสำคัญจริงๆ”
พอพลเรือเอกณองสบายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเขาก็พยายามยืดตัวก่อนจะเกิดอะไรเกร็งบริเวณที่เอวจนทำให้เหล่าลูกเรือต้องเขามาช่วยประคองไว้ ฟาร์มาที่เห็นแบบนั้นก็เลยเข้าไปช่วยเขาด้วยการถ่ายพลังแห่งเทพเข้าไปที่ร่างของณอง
“อูย เจ็บชะมัด ข้ากำลังกลับมาถึงแท้ๆ เลยน้อ”
“เห็นทีเราคงต้องรีบทำวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายให้ครบแล้วสินะครับ เพื่อลูกเรือกับนักเดินทางจากนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเหมือนคุณต้องการแคลเซียมด้วยนะครับคุณณอง”
ฟาร์มาสัญญาว่าจะพัฒนาตัวยาวิตามินและสารอาหารที่จำเป็นให้กับบริษัทอินเดี้ยนตะวันออก
“ถ้าแบบนั้นก็จะดีมากเลย! หลังงานที่เมืองหลวงจบแล้วข้าคงต้องขอยืมมือท่านอีกครั้งด้วย เพราะจากนี้แผนการค้นหาทวีปใหม่ก็ต้องดำเนินต่อไปด้วย!”
“เข้าใจแล้วครับ งั้นเราต้องรีบทำมันให้สำเร็จก่อนเวลานั้นจะมาถึงแล้วสิ”
จากที่ทราบมาเหมือนว่าพวกเขาจะมีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้กับเรือสินค้า ที่จะเดินทางไปมาในงานเทศกาลสินค้าแซงต์เฟลิฟซึ่งจัดขึ้นที่เมืองหลวง โดยผู้ว่าจ้างก็คือทางจักรวรรดิ เรียกได้ว่าบริษัทอินเดี้ยนตะวันออกนี้ก็มีลักษณะคล้ายกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นในอดีต
พอฟาร์มาได้ยินเรื่องนี้อีกครั้งก็นึกอะไรที่สำคัญขึ้นมาได้
“จริงสิครับ พอพูดถึงทวีปใหม่ที่คุณไปเจอมา ที่นั่นมีคนอาศัยอยู่หรือเปล่าครับ? “
“ไม่เลยนะ จนถึงตอนนี้พวกข้ายังไม่เจอเลย แถมยังมีพืชที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนหลายชนิดเลย แต่จะเสี่ยงฝืนสำรวจต่อไปก็ใช่จะดีด้วย ดังนั้นพวกข้าก็เลยได้จอดเทียบท่าที่ทวีปใหม่นั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนจะรีบเดินทางกลับโดยไม่ได้แตะต้องของในที่นั้นกันเลย”
ฟาร์มายกย่องให้กับการตัดสินใจที่ยอดเยี่ยมของพลเรือเอกณอง
“แล้วถ้าเกิดพบชนพื้นเมืองแถวนั้นขึ้นมาละครับจะทำอย่างไร? “
“ถ้าเกิดว่ามีชนพื้นเมืองแถวนั้นจริง เราก็คงจะไม่สามารถไปรุกรานอะไรเขาได้หรอกตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศ แล้วพยายามเจรจาทำการค้าขายแทน”
หากไม่มีชนพื้นเมือง พื้นที่ดังกล่าวก็จะกลายเป็นของจักรวรรดิแทนในนามของผู้ที่สามารถบุกเบิกพื้นที่ใหม่ได้ ฟาร์มาที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโล่งใจเพราะมันทำให้นึกถึงยุคล่าอาณานิคมในโลกก่อน แต่เขาก็ยังจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์นี้อีกทีในภายหลัง
“พวกเราจำเป็นต้องระวังอย่างมากในการติดต่อชนพื้นเมือง สัตว์และพืชประจำถิ่นของทวีปใหม่นั้นด้วยนะครับ เพราะจะให้พาโรคที่ไม่รู้จักติดตัวกลับจักรวรรดิมาด้วยก็ได้ เนื่องจากพวกเราที่อาจจะไม่มีภูมิคุ้มกันในโรคพวกนั้นเลวร้ายที่สุดก็อาจจะพากันตายเสียหมด”
อ้างอิงจากเหตุการณ์ในโลกของเขาเมื่อคราวค้นพบทวีปอเมริกา ชาวยุโรปนั้นได้นำไข้ทรพิษ โรคหัด และโรคคางทูมที่มีในทวีปยุโรปเดินทางมาด้วย ส่งผลให้ชาวพื้นเมืองอเมริกาที่ไม่มีภูมิคุ้มกันโรคดังกล่าวติดโรคจนเกิดการแพร่ระบาดส่งผลทำให้ผู้คนจำนวนมากเสียชีวิตจากโรคนี้
ฟาร์มาไม่ลืมที่จะใช้ดวงตาวินิจฉัยตรวจสอบลูกเรือทุกคนที่กลับมาว่านำเชื้อจากทวีปใหม่ติดมาไหม โชคดีที่สุดท้ายแล้วเขาไม่พบมัน
(ทวีปใหม่ถูกค้นพบแล้ว..ความฝันของเราบางทีอาจจะเป็นจริงก็ได้)
ฟาร์มาได้แต่คาดหวังอยู่ในใจให้ที่นั่นมีข้าวโพด ฟักทอง และมะเขือเทศ
หลังจากนั้นฟาร์มาก็กลับมาที่เมืองหลวงจักรวรรดิ เพื่อจัดการงานที่ร้านขายยา การผลิตจัดเตรียมยาต่างๆ การประชุมเพื่อควบคุมโรค การประชุมกับกิลด์ และงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องภายในวิทยาลัยยากับเอเลนที่เขาจำต้องไปเริ่มสอนช่วงเดือนตุลาคม
อาคารวิจัยหลังใหม่ได้ถูกสร้างขึ้นสำหรับภาควิชาโอสถวิทยาอย่างครบวงจรเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าทั้งอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยในห้องปฏิบัติการแห่งใหม่ เลขาและผู้ช่วยวิจัยก็ได้รับการว่าจ้างเข้ามาเป็นจำนวนมาก หนังสือเรียนสำหรับภาควิชาบังคับในภาคเรียนใหม่ก็ถูกจัดเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยในร้านค้าของวิทยาลัย
วิทยาลัยยาแซงต์เฟลิฟนั้นได้ถือกำเนิดขึ้นใหม่เป็นมหาวิทยาลัยยาแซงต์เฟลิฟ โดยมีคณะแพทยศาสตร์จากทางวิทยาลัยแพทย์ซาเลโนเข้ามาผนวกรวมด้วย เป็นภาควิชาแพทยศาสตร์สมัยใหม่ รวมไปถึงภาควิชาวิจัยยา
พอเขาเสร็จงานจากทางมหาวิทยาลัยแล้วเขาก็เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับบ้าน
“…นี่ก็ผ่านมาได้ปีหนึ่งแล้วสินะ เร็วจริงๆ”
ฟาร์มาคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว นี่ก็ครบหนึ่งปีแล้วตั้งแต่การกำจัดกาฬมรณะ แถมยังมีเรื่องหลังจากนั้นที่เขาถูกเชิญให้มาเป็นอาจารย์สอนให้กับทางวิทยาลัยยาแซงต์เฟลิฟ
“นั่นสินะ ถึงฉันจะเตรียมตัวมาพอสมควรแล้วก็เถอะแต่ก็ยังรู้สึกสบายใจไม่ได้อยู่ดี”
เอเลนนำเอกสารกองใหญ่ใส่เข้าในกระเป๋าของเธอ
“ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้นี่นะ แถมอาคารก็สร้างเสร็จตั้งแต่เดือนก่อนแล้วด้วย บางทีเราคงจะได้เจอกับพวกนักเรียนของมหาวิทยาลัยตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไปแล้วสิ”
ส่วนตัวแล้วเขาไม่ได้มีความที่รู้สึกไม่ชอบการปฏิสัมพันธ์กับนักเรียนตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นยาคุทานิ ไม่ว่าจะเรื่องการบรรยาย การอภิปราย ตั้งกลุ่มชมรม หรือการให้คำแนะแนวส่วนตัว
การพบปะกับนักเรียนผู้มีความสามารถนั้นจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจให้งานวิจัยของเขาเองด้วย เหล่านักเรียกที่ออกจากห้องวิจัยของเขาไป เขาก็มีความรู้สึกเหมือนลูกนกที่ออกจากรังเพื่อโผบินไปที่แห่งใหม่ รับตำแหน่งที่เหมาะสม กลายเป็นอาจารย์สอนเด็กรุ่นหลัง ฟาร์มาคิดถึงความรู้สึกเหล่านั้นที่ยังคงฝังลึกในตัวเขา แต่ดูเหมือนทางเอเลนนั้นจะมีอาการประหม่าและไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
“ฟาร์มาคุงนี่ดูจะไม่เป็นอะไรเลยสินะ ดูทางฉันสิไม่รู้ว่าตัวเองจะบรรยายสอนได้ถูกไหม แล้วไหนจะเรื่องนักเรียนในคลาสอีก ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงแล้วเนี้ย”
ก็ดูเป็นเรื่องปกติที่เอเลนจะไม่มีความมั่นใจกับงานที่ใหญ่แบบนี้
“ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อยดีครับ คุณคงไม่โดนนักเรียนกินเอาหรอกน่า”
ทั้งสองเดินพูดคุยกันขณะออกจากมหาวิทยาลัย จนพบเข้ากับฝูนชนมากมายที่ล้อมกันอยู่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย ดูเหมือนพวกเขากำลังมุงดูกระดานข่าวที่ติดไว้บริเวณหน้าทางเข้าของมหาวิทยาลัย
“เกิดอะไรขึ้นกันนะ? “
เอเลนคว้าแขนของฟาร์มาไว้และลากเขาเดินเข้าไปดู
“จริงด้วยสิ วันนี้เป็นวันประกาศผลนักเรียนที่สอบผ่านนี่นา แปลว่าเด็กพวกนั้นคือคนที่นายจะต้องสอนสินะฟาร์มาคุง”
มหาวิทยาลัยยาแห่งจักรวรรดิแซงต์เฟลิฟ หรือเรียกสั้นๆ ว่า มหาลัยยา ได้มีการเปิดรับสมัครเข้าเรียน โดยที่ตัวผู้เรียนนั้นไม่จำเป็นต้องเสียค่าเล่าเรียนซึ่งก็มี 4 คณะด้วยกันที่เปิดสอน แน่นอนว่าทางมหาลัยรับทั้งคนภายในและนอกจักรวรรดิ ซึ่งผลการสอบนั้นก็ได้ถูกประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เอ๋ แปลว่าคนกว่าหลายร้อยคนเดินทางมาเพื่อดูสิ่งนี้กันสินะ? “
ชื่อจริงของผู้เข้าสอบได้ถูกติดไว้บนกระดาน แน่นอนว่าภายในฝูงชนนั้นก็มีทั้งเสียงหัวเราะและร้องไห้ปะปนกันไป หลังจากที่พวกเขาพยายามดูว่ามีชื่อของตนอยู่บนกระดานนั้นหรือไม่
“ปีนี้ผู้สมัครสอบมีมากกว่าเดิมถึง 20 เท่าได้เลยสินะ”
ฟาร์มาพยายามนึกข้อมูลในความทรงจำของเขา
“25.8เท่าต่างหาก นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ตอนที่เป็นวิทยาลัยยาเลยนะ แถมมีกระทั่งนักเรียนที่ลาออกมาจากทางโนวารูตเพื่อมาสอบเข้าที่นี่ด้วย”
“เอ๋ นี่มหาวิทยาลัยของเราโด่งดังขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ตัวมหาวิทยาลัยหรอก แต่เป็นคลาสของนายต่างหากล่ะฟาร์มาคุง”
ฟาร์มาเฝ้ามองเหล่านักเรียนแสดงท่าทางและสีหน้าออกมาจากระยะไกล เขาได้มองเห็นทั้งนักเรียนที่เป็นลมจนล้มลงจากการที่ไม่พบชื่อของตัวเองติดบนกระดานนั้นไม่ว่าจะพยายามหาสักกี่ครั้ง นักเรียนที่กระโดดโลดเต้นไปมา นักเรียนที่พาผู้ปกครองมาดูผลด้วย ความสุขปนเศร้าที่คละคลุ้งกันภายในมวลชน ทำให้เขานึกถึงบรรยากาศเก่าในอดีต
“ฉันละอยากจะบ้าตาย! นี่มันไร้สาระชะมัด!”
มีเสียงคนกรีดร้องขึ้นมาอย่างกะทันหันภายในหมู่ผู้เข้าสอบ
“นี่ฉันต้องมาเรียนมหาวิทยาลัยยาที่มีอาจารย์สอนเป็นแค่เด็กเนี่ยนะ!”
เขาเป็นชายหนุ่มที่ดูจากสำเนียงแล้วน่าจะเป็นชาวต่างชาติ นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าเขาเป็นนักเรียนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ แล้วไม่ทราบมาก่อนว่าอาจารย์สอนในภาควิชาดังกล่าวเป็นเพียงเด็กคนหนึ่ง
แต่เพราะบริเวณกระดานข่าวนั้นจะมีการติดรูปเหมือนของอาจารย์ผู้สอนทุกคนเอาไว้ จึงทำให้เหล่านักเรียนที่ไม่ทราบเรื่องนี้มาก่อนได้เห็นชื่อและใบหน้าของฟาร์มาเข้าพอดี เห็นได้ชัดว่ายังมีคนอีกจำนวนมากที่รู้จักฟาร์มาจากผลงานความสำเร็จ ว่าตัวเขานั้นเป็นคนดังในหมู่นักเรียนแพทย์โอสถ นักวิจัยทางการแพทย์ และนักโอสถวิทยา แต่นั่นก็เพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น ดังนั้นคนที่จะรู้จักใบหน้าของเขาจริงๆ ก็คงจะมีแต่คนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองหลวงและแวะเวียนไปยังร้านขายยาเท่านั้นและรู้ว่าฟาร์มาเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง
“พอได้เห็นนักเรียนบ่นออกมาแบบนี้ฉันละดีใจจนน้ำตาแทบจะไหลแล้วสิ.”
เอเลนรู้ได้เลยทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเด็กพวกนั้น
“การบรรยายของฟาร์มาคุงอยู่ในภาควิชาบังคับด้วยนี่นะ”
เอเลนมองเห็นภาพที่เด็กพวกนั้นจะไปร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ แล้วส่งผลให้พวกเขาไม่สามารถเข้าคลาสนั้นได้อีก ก่อนจะจบลงด้วยการเสียเครดิตภายในสังคมการรักษาไป
“แค่เริ่มมาก็เห็นความวุ่นวายเข้าแล้วสินะ”
ฟาร์มายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย
——————
Note 1 : พอได้พักยาวสิ่งที่ทำคือดูเมะและเล่นเกมครับ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR code
MANGA DISCUSSION