ตอนที่ 69 โรงงานผลิตยามาร์เชล และ ระบบกังหันลมจากศาสตร์แห่งเทพ
ช่วงเดือนสิงหาปี 1147 ม้าเร็วสองตัวกำลังวิ่งผ่านที่ราบมาร์เชล
ตัวหนึ่งนั้นถูกขี่โดยปาลเล่โดยที่บลานซ์เป็นผู้โดยสาร ส่วนอีกตัวนั้นถูกขี่โดยฟาร์มาซึ่งก็มีลอตเต้ซ้อนท้ายอยู่เช่นกัน จุดมุ่งหมายในครั้งนี้คือการตรวจสอบพื้นที่เมืองและโรงงานผลิตยา โดยครั้งนี้มีเพียงแค่คนภายในตระกูลเดอ เมดิซิสเท่านั้นที่เดินทางมาด้วย
เนื่องจากเอเลนนั้นยังติดงานดูแลผู้ป่วยส่วนตัวอยู่ ฟาร์มาจึงได้ให้เหล่าพนักงานพาทไทม์ภายในร้านดูแลร้านขายยาต่างโลกไปก่อนจึงทำให้ไม่จำเป็นต้องปิดร้านแต่อย่างใด
“ท่านพี่คะ หนูว่าม้ามันออกจะวิ่งเร็วไปหน่อยไหมคะ เราน่าจะผ่อนจังหวะกันสักหน่อยจะได้ไม่เกิดอันตรายด้วย!”
บลานซ์นั้นนั่งอยู่ข้างหน้าของปาลเล่และสะโพกของเธอที่นั่งอยู่บนอานก็ลอยขึ้นทุกขณะที่ม้ากำลังวิ่ง สีหน้าของเธอบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ารู้สึกกลัวเป็นอย่างมาก อันเนื่องมาจากม้าของปาลเล่นั้นเป็นม้าศึกความเร็วในการเคลื่อนที่จึงสูงเป็นอย่างมาก บลานซ์ที่กลัวว่าตัวเองจะตกลงไปจากม้าก็ทำได้เพียงพยายามเกาะแผงคอของม้าเอาไว้อย่างสิ้นหวัง
“ท่านฟาร์มาคะ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนแล้วเหรอคะ เราจะถึงแล้วหรือยังคะ!? “
ทางด้านลอตเต้นั้นกำลังโอบเอวของฟาร์มาเอาไว้ในขณะที่หลับตาแน่น เนื่องจากเธอนั้นไม่มีความสามารถหรือประสบการณ์ในการขี่ม้ามาก่อนเลย ทั้งแรงกายหรือใจจึงไม่เพียงพอจะรับมือกับสิ่งนี้ได้
“ลองพยายามลืมตาดูสิลอตเต้ ยังไงคุณก็ไม่ตกลงไปหรอกหาจับสะโพกผมไว้แน่นๆ แบบนี้”
ใบหน้าของเธอตอนนี้เรียกว่าติดอยู่กับแผ่นหลังของฟาร์มาเลยก็ว่าได้ ก่อนที่เธอจะส่ายหัวไปมาพร้อมกับพูดซ้ำๆ ว่า “ไม่ไหวหรอกคะ ไม่ไหวๆ” เธอพยายามเกาะฟาร์มาเอาไว้อย่างสุดแรงในขณะเดียวกันก็รู้สึกเขินอายเป็นอย่างมากที่ต้องใกล้ชิดกับเขามากขนาดนี้ ลอตเต้ตอนนี้เรียกได้ว่าเริ่มเข้าวัยแตกสาวแล้ว ฟาร์มาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ยิ้มออกมา
“นี่ฟาร์มา มาสร้างของแบบนี้อยู่ในที่ชนบทแบบนี้ไหวจริงเหรอ? “
ปาลเล่ถามฟาร์มาด้วยเสียงที่ดังเอามากๆ ขณะขี่ม้า
“ไม่มีอะไรอยู่รอบข้างแบบนี้ยังจะดีกว่าเสียอีกครับ แถมผมคิดว่าหุบเขาแถวนั้นก็สวยเอามากๆ ด้วย พอท่านพี่ไปถึงก็จะรู้เองครับ”
ฟาร์มาตอบขณะดูแผนที่ไปด้วย โดยปลายทางนั้นคือหุบเขาแห่งหนึ่งในอาณาเขตของเมืองมาร์เชลซึ่งมีลมจากทะเลคอยพัดผ่านไม่ไกลจากโรงงานผลิตยานัก มันเป็นทุ่งราบที่ไม่มีใครอยู่อาศัยในบริเวณรอบๆ ซึ่งมีอดัมเป็นผู้รักษาการแทนคอยดูแลอยู่ แผนการครั้งนี้คือการสร้างกังหันลมตัวต้นแบบขนาดยักษ์ขึ้นบริเวณดังกล่าว และนำกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมนั้นไปจ่ายให้กับโรงงานผลิตยาในพื้นที่ของมาร์เชล
“เป็นสถานที่ที่จะสร้างพลังเปรี๊ยๆ เหมือนของท่านโซฟีสินะคะ ท่านฟาร์มาคงจะรู้สึกดีไม่น้อยเลย”
ฟาร์มาก็ได้แต่ยิ้มรับที่ลอตเต้พอจะเข้าใจเรื่องกระแสไฟฟ้าบ้าง
“แล้วผมก็ไม่ค่อยจะได้ยินว่ามีคนรู้สึกดีกับอะไรแบบนั้นด้วยนะ”
“เอ๋ อย่างงั้นเหรอคะ? “
“โดยสรุปก็คือสถานที่ที่เหมาะกับการผลิตกระแสไฟฟ้าคือสถานที่ที่ลมผ่านได้สะดวก หรือไม่ก็แหล่งน้ำที่มีน้ำไหลผ่านอย่างสม่ำเสมอในระดับความสูงที่ต่างกันอย่างเหมาะสม….ถึงจะบอกแบบนั้นพี่ก็ไม่เข้าใจนายอยู่ดีว่าจะสร้างมันไปทำไมเพราะถึงไม่มีมันโลกของเขาก็ยังขับเคลื่อนต่อไปข้างหน้าได้”
ปาลเล่พิจารณาถึงเรื่องดังกล่าวก่อนจะกลับมาจับบังเหียนของม้าอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาพร้อมจะสนับสนุนความคิดของน้องชายตนเองอยู่แล้ว แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ในรูปแนวคิดเชิงนามธรรม
“หากเรามีไฟฟ้าพวกนี้เราสามารถทำอะไรได้อีกหลายอย่างเลยนะครับ”
“ของแบบนั้นศาสตร์แห่งเทพก็ช่วยได้นี่? หรือไม่ก็พวกคริสทัลที่มีก็ได้ไม่ใช่
เหรอ? “
ปาลเล่อ้างอิงถึงพื้นฐานของพื้นฐานโลกใบนี้
“แม้ว่าการพัฒนาหลายๆ อย่างหากเราใช้ศาสตร์แห่งเทพก็คงจะทำให้สำเร็จได้ง่าย แต่เทคโนโลยีพวกนี้ไม่เพียงแค่ชนชั้นสูงแต่เหล่าสามัญชนก็จะต้องสามารถใช้ได้ด้วยครับ เพราะก่อนหน้านี้หลายๆ อย่างอาจจะจำเป็นต้องพึ่งชนชั้นสูงอย่างพวกเรา แต่หลังจากนี้เราต้องหาทางทำให้แม้ไม่มีพวกเรา การพัฒนาหลายๆ อย่างก็ยังสามารถดำเนินต่อไปได้ครับ”
สืบเนื่องจากเรื่องการทดสอบทางพันธุกรรม ฟาร์มาตระหนักได้ถึงความไม่สะดวกของการไม่มีไฟฟ้าได้เป็นอย่างดี เพราะโลกนี้ยังไม่สามารถสร้างกระแสไฟฟ้ามาได้ หากมีเรื่องแบบนี้อีกก็คงไม่พ้นยืมมือโซฟีเอาทุกครั้ง ยังไม่รวมไปถึงการทดลองหรือเทคโนโลยีที่หากไม่ใช่ฟาร์มาก็ไม่มีทางจะใช้ได้อีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีอีกหลายกรณีที่เขาอยากจะมีไฟฟ้าไว้ใช้ในการวิเคราะห์จัดการแก้ปัญหาภายในโลกใบนี้ เช่น เอกซเรย์ ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ การวิเคราะห์เชิงชีวเคมี เครื่องกระตุ้นหัวใจ อุปกรณ์วินิจฉัยอัลตราโซนิก การใช้เครื่องพยุงการทำงานของหัวใจและปอด เห็นได้ชัดเลยว่าประโยชน์ของไฟฟ้าในการช่วยชีวิตผู้คนนั้นมีมากมาย
แม้ฟาร์มาจะยังมีความกังวลเกี่ยวกับการนำอารยธรรมกระแสไฟฟ้าเข้ามายังโลกที่ผู้คนไม่รู้จักไฟฟ้า ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะนำพามาซึ่งปัญหาจากอารยธรรมดังกล่าวโดยไม่รู้ตัวก็ได้ นั่นทำให้จนถึงขณะนี้เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงการใช้ไฟฟ้าเท่าที่จะทำได้ แต่การรักษาขั้นสูงนั้นกลับจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้าทั้งสิ้น
“นอกจากเรื่องยาแล้วท่านฟาร์มายังรู้อะไรไปเสียหมดเลยนะคะ”
ลอตเต้พูดยกย่องเขา
“เพราะทั้งเคมีและฟิสิกส์ต่างก็เป็นรากฐานของศาสตร์แห่งยาน่ะ”
(คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ และศาสตร์เคมีอื่นๆ ที่ไม่ใช่ชีววิทยา ถึงเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ทั้งหมดนั้นก็ถูกสอนอยู่ภายใต้หลักสูตรของคณะเภสัชศาสตร์…)
เหตุผลที่ฟาร์มานั้นคุ้นเคยกับไฟฟ้าเป็นอย่างดีสืบเนื่องมาจากเขาเองก็เป็นส่วนหนึ่งในคณะเภสัชศาสตร์และเรียนจบมาด้านนี้มา แถมไม่เพียงแค่ฟิสิกส์ เคมี คณิตศาสตร์ หรือ วิทยาการสารสนเทศเท่านั้นที่ฟาร์มาเชี่ยวชาญ แต่ความรู้ของเขานั้นครอบคลุมไปถึงวิศวกรรมไฟฟ้า ศิลปศาสตร์ และหลักสูตรพิเศษอื่นๆ ที่เขากำลังเรียนรู้อยู่ในชีวิตก่อนด้วย
เขาต้องเร่งสร้างระบบการผลิตไฟฟ้าให้เสร็จโดยเร็ว เพราะงานที่ต้องไปเป็นอาจารย์สอนภายในวิทยาลัยนั้นกำลังใกล้เข้ามาทุกที ด้วยเหตุนี้เขาจำเป็นต้องหาพื้นที่ที่เหมาะสมเสียก่อน
“แถมหากเรายกเรื่องการทดสอบทางพันธุกรรมขึ้นมา เมื่อมีไฟฟ้าแล้ว ทุกคนก็สามารถทำ PCR และ อิเล็กโตรโฟรีซิสได้โดยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพด้วยครับ กระทั่งลอตเต้เองก็ยังทำได้เลย”
“เอ๋ ฉันก็ทำได้ด้วยเหรอคะ? อยากลองดูบ้างจังเลย..ว่าแต่ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ? “
ลอตเต้พูดออกมาด้วยความยินดี
“พี่ว่าแบบนั้นมันค่อนข้างจะอันตรายไปหน่อยนะ ยิ่งเป็นคนที่มีความรู้ครึ่งๆ กลางๆ”
ปาลเล่กำลังคิดถึงเรื่องอันตรายที่จะเกิดขึ้นหากเหล่าสามัญชนผู้โง่เขลาเข้าถึงไฟฟ้าได้
“นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เราจำเป็นต้องสร้างอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยให้คนเหล่านั้นด้วยไงครับ”
“แบบนี้นี่เอง”
“การผลิตกระแสไฟฟ้าขึ้นมาก็มีด้วยกันหลายแบบด้วยครับ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานความร้อน พลังงานน้ำ พลังงานลม พลังงานนิวเคลียร์ แต่หลักการทั้งหมดนั้นจะคล้ายกันตรงที่เราสามารถนำกระแสไฟฟ้าออกมาโดยการใช้แม่เหล็กดึงเข้าและออกผ่านการหมุนขดลวดที่มีโลหะพันกันอยู่จำนวนมากหลายๆ ครั้ง…ซึ่งในจุดนี้ไม่ว่าวิธีไหนก็สามารถสร้างกระแสไฟฟ้าได้ทั้งนั้นครับ”
ก่อนที่เขาจะอธิบายไปถึงกังหันน้ำ กังหันลมและกังหันที่ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำ
“ค่อนข้างง่ายเลยนี่นะ”
ปาลเล่สามารถทำความเข้าใจได้โดยไม่ยากนัก ต่างจากลอตเต้ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า “ไม่เข้าใจเลยสักนิดค่ะ”
“การนำไฟฟ้าที่ผลิตได้มาใช้กับโรงงานผลิตของเรานั้น จะทำให้การทดลองตัวยาทำได้ดีขึ้นแถม อนาคตเรายังสามารถต่อยอดระบบการผลิตกระแสไฟฟ้าภายในเมืองหลวงได้อีกด้วยนะครับ”
“พลังลม…..พวกกังหันลมสามารถผลิตพลังงานได้จากการหมุนสินะ…แต่แรงลมภายในหุบเขานี้มันไม่อ่อนเกินไปหน่อยเหรอ? “
จากมุมมองของปาลเล่แล้ว กังหันลมขนาดใหญ่นั้นจะหมุนจากสายลมอ่อนๆ ระดับนี้ได้หรือ
“เพราะแบบนั้นถึงต้องมีท่านพี่ไงครับ”
“หา? พี่เนี่ยนะ? “
น้ำเสียงของปาลเล่เกิดสั่นขึ้นมาเหมือนกับเป็นกังวลถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น
“ก็เพราะท่านพี่สามารถสลักมนตร์ได้ทุกธาตุเลยนี่ครับ ผมก็เลยอยากจะให้ท่านพี่เขียนมนตร์สลักลงที่นี่เพื่อดึงดูดสายลมให้พัดเข้ามามากขึ้น”
ฟาร์มาได้ยินจากเอเลนมาว่ามันมีศาสตร์แห่งเทพที่ช่วยลดความดันอากาศได้ ซึ่งทางเอเลนนั้นสามารถสลักมนตร์พวกนี้ได้เฉพาะสายธาตุวารีเท่านั้น แตกต่างจากปาลเล่ที่สามารถเขียนมนตร์สลักได้ทุกธาตุ
“แต่ธาตุที่พี่ใช้ได้ก็มีแต่น้ำนะ ถึงจะเขียนมนตร์ลงไปมันก็ทำงานไม่ได้หรอก”
มันเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการศึกษาหาความรู้โดยไม่เกี่ยงว่าตนนั้นจะถูกปกป้องโดยองค์เทพที่ศึกษาหรือไม่ แต่เป็นเพียงแค่ความอยากรู้ในศาสตร์แห่งเทพเจ้าแต่ละองค์เป็นอย่างไร
“แค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ”
“เอาเถอะ ถ้าแค่นั้นก็ไม่มีปัญหาหรอก”
ปาลเล่ลงจากหลังม้า ก่อนจะนำคทาสีดำขนาดใหญ่แทงลงไปที่พื้นก่อนจะร่ายมนตร์ ไม่นานนักก็ได้เกิดวงเวทธาตุวายุก่อตัวขึ้นเป็นเส้นแสงสว่างจ้าก่อนที่มันจะประกอบตัวกันเป็นรูปดาวเจ็ดแฉก นั่นคือวิธีการในการสลักพลังแห่งเทพลงผืนแผ่นดินและบัดนี้มันก็เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ใช่ว่ามันจะสามารถทำงานได้อันเนื่องจากคุณสมบัติธาตุของตัวผู้สลักนั้นไม่ตรงกับมนตร์ดังกล่าว
“เสร็จแล้ว ทีนี้นายจะทำยังไงกับมนตร์ที่ยังใช้ไม่ได้นี่กันล่ะ? “
ปาลเล่ถามอีกครั้ง
“ขอบคุณมากครับ ถ้าอย่างงั้นผมก็จะทำให้มันทำงานได้เองครับ”
หลังจากปาลเล่สร้างวงเวทศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ ฟาร์มาก็นำหินคริสทัลขนาดใหญ่ที่พกติดตัวมาวางไว้ใจกลางของวงเวทนั้น ก่อนจะบีบอัดพลังแห่งเทพของเขาเข้าไปภายในคริสทัล
วงเวทที่ปาลเล่เป็นผู้สลักไว้เริ่มทำงานขึ้นขณะที่ตัวคริสทัลเองก็กำลังส่องแสงออกมา ทันใดนั้นสายลมอันรุนแรงก็เริ่มพัดผ่านจากทะเลเข้ามาภายในหุบเขา ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของมันยังอยู่ในปริมาณคงที่อีกด้วย
ดูเหมือนพลังแห่งเทพของฟาร์มานั้นจะมีคุณลักษณะธาตุเป็นกลาง เรื่องที่เอเลนสรุปไว้ก่อนหน้านี้ถึง การที่ฟาร์มาสามารถใช้งานอุปกรณ์ วงเวทของธาตุใดๆ ก็ได้นั้นจึงเป็นเรื่องจริง
“ฟาร์มานี่นายทำได้ยังไงกัน?! มนตร์ที่พี่สลักลงไปในนั้นมันเป็นธาตุลมนะ! อย่าบอกนะว่านอกจากมนตร์ธาตุน้ำแล้วนายยังสามารถใช้ธาตุอื่นได้อีก!? “
ปาลเล่รู้สึกประหลาดใจจนตัวแข็งทื่อไป
“ที่ทำได้ผมคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องบังเอิญเท่านั้นเองครับ”
“พลังแห่งเทพที่ถูกส่งให้กับสลักมนตร์นี้มันถูกเติมจนเต็มเลยนะ….ด้วยปริมาณขนาดนี้น่าจะอยู่ไปได้อีกหลายเดือนเลย นี่นายตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เนี่ย? “
โดยปกติแล้วพลังแห่งเทพที่ถูกถ่ายลงไปนั้นจะอยู่ได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์
(แต่จากที่เราเห็นพลังแห่งที่เทพบรรจุข้างในคริสทัลนี่น่าจะต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปีเลยนะถึงจะหมดลง)
ฟาร์มาได้แต่คิดอยู่ภายในใจโดยไม่พูดมันออกมา
“พอตัวสลักมนตร์นี้ถูกเปิดใช้งานแล้ว สายลมก็จะสามารถโพยพัดต่อไปในสภาวะที่ถูกตั้งเงื่อนไขเอาไว้แบบเดียวกันตลอดเวลานับจากนี้”
“เอ๋ มันจะไม่เปลี่ยนไปไม่ว่าจะเป็นช่วงกลางคืน หรือช่วงมีลมเบาบาง กระทั่งจะมีพายุเข้าเลยงั้นเหรอครับ”
(ถ้าเป็นแบบนี้ก็น่าจะสร้างหม้อแปลงไฟฟ้าก่อนจะต่อเข้ากับโครงข่ายไฟฟ้าได้เลยสินะ)
“งั้นเราก็มาเริ่มทำฟาร์มกังหันลมกันต่อเลยดีกว่าครับ”
จากนั้นไม่นานนัก ปาลเล่ก็ได้ติดตามบรูโนไปเยี่ยมชมดินแดนภายใน ส่วนทางฟาร์มาก็เดินทางไปที่โรงงานผลิตยากับลอตเต้ ซึ่งตัวโรงงานตอนนี้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างเสร็จสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าจะเป็นห้องทดลองสังเคราะห์สารเคมีอินทรีย์เบื้องต้น ห้องเพาะเลี้ยงแอคติโนมัยซีทของศาสตราจารย์แคสเปอร์กับกลุ่มทดลองอื่นๆ ที่ถูกส่งมาจากวิทยาลัยยาภายใต้การกำกับของเมืองหลวง
“สถานการณ์การดำเนินงานภายในโรงงานเป็นยังไงแล้วบ้างครับ? “
พอมาถึงที่โรงงานฟาร์มาก็ได้เรียกเคียร่าเข้าพบ เนื่องจากเธอนั้นถือเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพระดับสูง อีกทั้งยังเคยเป็นนักบวชสายเยียวยามาก่อนฟาร์มาจึงได้มอบหมายให้เธอเป็นหัวหน้าผู้จัดการภายในโรงงานแห่งนี้
“ค่ะ คนของเราพร้อมกันหมดแล้ว สำหรับทางด้านระบบการผลิตและการขนส่งสารเคมีต่างๆ จะอยู่ทางด้านนี้ ส่วนวัสดุอื่นๆ ก็…..”
เคียร่าตอบขณะถอดชุดป้องกันสีขาวของเธอออก
“การผลิตยาปฏิชีวนะได้รับการดูแลจากทางศาสตราจารย์แคสเปอร์กับหน่วยของวิทยาลัยยาแซงต์เฟลิฟค่ะ แน่นอนว่ารวมไปถึงตัวถังออกซิเจน ส่วนทางด้านยาอินทรีย์สังเคราะห์บางชนิดก็กำลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตซึ่งดำเนินไปได้ด้วยดีค่ะ
“การควบคุมคุณภาพระหว่างการผลิตก็ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ? “
ฟาร์มาถามเพื่อยืนยันอีกครั้ง
“ค่ะ ภายในโรงงานแห่งนี้ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบความปลอดภัยในการผลิตว่าถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่รวมไปถึงเรื่องสุขอนามัยภายในด้วยค่ะ ทางเราได้จ้างพนักงานซึ่งเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งวายุมาควบคุมความสะอาดด้วยศาสตร์แห่งเทพเอาไว้แล้ว ในระดับคลาส 100 (Class 100) ”
ฟาร์มาบอกกับเคียร่าถึงวิธีการจัดการความสะอาดทางอากาศภายในห้อง ซึ่งต้องสามารถจัดการอนุภาคที่มีขนาด 0.1 ไมโครเมตรหรือมากกว่าที่ลอยอยู่ภายในอากาศได้ อ้างอิงจากดัชนีคลาส 100 ซึ่งมันก็เกือบจะสะอาดเทียบเท่ามาตรฐานโรงงานผลิตยาสมัยใหม่ หรือโรงงานเซมิคอนดักเตอร์ที่ต้องการระดับการรักษาความสะอาดสูงสุด พอฟาร์มาได้ยินรายงานก็ต้องแปลกใจ
“มันสะอาดจนน่าประหลาดใจเลยนะครับ! น่าต้องเป็นผลลัพธ์จากความพยายามของคุณเคียร่ากับเหล่าพนักงานอย่างแน่นอนครับ ผมต้องขอขอบพระคุณมากจริงๆ”
พอฟาร์มาได้เรียนรู้ว่าความสะอาดระดับสูงนี้สามารถจัดการได้ด้วยศาสตร์แห่งเทพก็ทำให้เขาได้เห็นถึงข้อดีอีกหนึ่งอย่างจากพลังศาสตร์แห่งเทพ แต่ฟาร์มาก็ไม่ลืมที่จะคิดถึงเรื่องการใช้ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเพื่อลดภาระให้กับเหล่าคนงาน เพราะการใช้ศาสตร์แห่งเทพนั้นหมายความว่าผู้ใช้จะต้องผลัดกันดูแลสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นตลอด 24 ชั่วโมงนั่นเอง
“แล้วก็ต้องขอโทษที่ปล่อยให้รับภาระมากมายขนาดนี้นะครับ แต่ผมจะรีบสร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมาเพื่อให้มีระบบปรับอากาศอัตโนมัติภายในให้ได้เองครับ”
ฟาร์มาขออภัยเธอในเรื่องนี้
“หากเป็นเช่นนั้นได้พวกฉันก็ต้องขอขอบคุณท่านจริงๆ ค่ะ แต่เหล่าผูใช้ศาสตร์แห่งเทพระดับสูงก็ต่างตั้งใจกันทำงานด้วยความรู้สึกอันแรงกล้าค่ะ เพราะพวกฉันไม่มีทางยอมให้ยาของท่านฟาร์มาและแพทย์โอสถคนอื่นๆ ที่พยายามพัฒนากันขึ้นมาต้องปนเปื้อนค่ะ”
เคียร่าไม่ลืมที่จะชื่นชมคนจากแผนก ธุรการ ฝ่ายเทคนิค ฝ่ายผลิตซึ่งต่างก็ถูกคัดเลือกมาเป็นอย่างดีทั้งความสามารถและแรงจูงใจในการทำงานกับค่าจ้างที่เหมาะสม
“แล้วทางพนักงานคนอื่นที่ไม่ได้เป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพล่ะครับ? “
“พวกเขาก็ต่างทำงานกันอย่างมีความสุขและเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังค่ะ ทั้งหมดนั้นก็มาจากคำพูดสร้างแรงบันดาลใจของท่านฟาร์มานั่นแหละค่ะ ทุกคนต่างก็ระมัดระวังเรื่องสุขภาพของตัวเองกันเป็นอย่างดี”
ส่วนบรรดาผู้ที่มีอาการเจ็บป่วยเรื้อรังซึ่งฟาร์มาได้ทำการจ้างงานเอาไว้ในครั้งก่อนก็เหมือนอาการจะดีกันขึ้นมาตามลำดับแล้ว
พอถึงช่วงเวลาที่อะไรเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว ฟาร์มาก็ได้ทำการจัดงานเลี้ยงพนักงานขึ้นมาภายในโรงงาน แน่นอนว่าเขาได้จ้างและนำพ่อครัวขนมจากเมืองหลวงมาด้วย เพื่อเป็นการเสริมสร้างความสนุกสนานภายในงานเลี้ยงกลางแจ้งมายิ่งขึ้นไปอีก เหล่าสามัญชนทั่วไปที่ไม่เคยได้ลิ้มลองขนมเหล่านี้ก็ต่างห้ามใจตัวเองไม่ไหวที่จะหยิบเอาขนมใส่จานของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น คาเนเล่, มาการอง ช็อกโกแลตฟอนดันท์, เครม บรูเล่, ช็อกโกแลตฟองดู
“นี่มันจะอร่อยเกินไปแล้ว! แก้มของข้าแทบจะละลายเลย!”
ชายร่างยักษ์หยิบขนมพวกนี้ขึ้นมาทานราวกับตนเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่ง
“ท่านฟาร์มาคะ ฉันขอเอากลับไปให้คนที่บ้านได้ลองได้ไหมคะ? ฉันอยากให้ลูกของฉันได้ลองทานดูสักครั้งในชีวิตของเขา….”
คุณแม่คนหนึ่งซึ่งเป็นพนักงานภายในโรงงานได้ขอร้องกับฟาร์มา
“เอาสิครับ แต่ก็อย่าลืมทานข้าวด้วยนะครับ”
เพราะคำพูดที่เหมือนเป็นคำเชื้อเชิญนี้ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงขนมหวานจึงเกิดขึ้น จนท้ายที่สุดก็ไม่พ้นการทะเลาะวิวาทภายในกลุ่ม
“ทุกคนครับ เอ่อ…รบกวนช่วยใจเย็นๆ กันหน่อยนะครับ เรายังมีของเหลืออีกเยอะเลยครับ”
“ฺฺ้ฮ้า…มีความสุขจังเลยค่ะพอได้ทานของหวานแบบนี้ อ่ะแต่นอกจากนี้ไม่ว่าจะงานของร้านขายยา การวาดรูป หรือ เดินพูดคุยกันฉันก็ชอบนะคะ จริงสิการงีบหลับนี่ก็ขาดไม่ได้เลยเหมือนกันสิน้า”
ลอตเต้ที่ยึดขนมจำนวนมากเอาไว้เป็นของเธอก็ได้ค่อยๆ ลิ้มลองมันด้วยลิ้นของเธออย่างพึงพอใจ ราวกับกำลังโดนขับกล่อมไปด้วยมวลบรรยากาศแห่งความสุขราวกับคนบ้า
“เห็นลอตเต้มีความสุขแบบนี้ก็ดีอยู่หรอก แต่ช็อกโกแลตเลอะปากไปหมดแล้วนะ”
“ว้าย ท่านฟาร์มา อย่ามองมาทางนี้นะคะ!? “
ลอตเต้รีบนำมือของเธอมาปิดปากเอาไว้ ก่อนจะหันหลังพุ่งหนีออกไปด้วยความรู้สึกลำบากใจ แน่นอนว่าเธอไม่ลืมที่จะถือจานที่เต็มไปด้วยของหวานพวกนั้นไปด้วย
หลังงานเลี้ยง พนักงานทุกคนก็ได้เข้าแถวกันในสวนของโรงงานและถ่ายรูปที่ระลึกกับผู้ก่อตั้งโรงงานอย่างฟาร์มา แน่นอนว่าจำนวนพนักงานก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
นับตั้งแต่ได้โอกาสในการถ่ายรูปครั้งล่าสุดไป ใบหน้าของเหล่าพนักงานก็คลายลงและแสดงรอยยิ้มที่เป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
“เรามาถ่ายรูปกันทุกๆ ปีเถอะครับ”
งานถ่ายภาพที่จะถูกจัดขึ้นเป็นกิจกรรมในทุกๆ ปี พอได้รูปมากันแล้ว ก็จะมีการจากจ่ายภาพถ่ายเหล่านั้นให้กับพนักงานทุกคน
“ขอบพระคุณท่านผู้ก่อตั้งมากจริงๆ นะครับ”
“ผมรู้สึกภูมิใจมากจริงๆ ที่ได้ทำงานที่นี่”
พวกเขาต่างรับรูปถ่ายไปพร้อมกับแสดงคำขอบคุณ
แม้ว่าฟาร์มาจะหายไป แต่โรงงานผลิตยาในมาร์เชลแห่งนี้ก็ยังจะคงอยู่และคอยคิดค้นพัฒนาตัวยาใหม่ๆ ต่อไปด้วยแรงสนับสนุนจากผู้คนอีกมากมาย แล้วยาพวกนี้ก็จะได้แพร่กระจายไปทั้งจักรวรรดิ จนท้ายที่สุดก็จะสามารถรักษาผู้คนทั่วโลกได้
นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาเชื่อมั่น
———–
Note 1 : ฟิลเหมือนความสงบก่อนพายุเข้าแปลกๆ หยุดยาวแบบนี้น่าจะได้อีกสักตอนแหละ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR code
MANGA DISCUSSION