ตอนที่ 68 การทดสอบทางพันธุกรรม
“งั้นก็แปลว่าเราจะเริ่มการทดลองพร้อมกับตรวจสอบความเป็นพ่อแม่เด็กในเวลาเดียวกันเลยสินะ ว่าแต่นายจะตรวจสอบข้อมูลทางพันธุกรรมของผู้ป่วยได้จริงเหรอ”
ปาลเล่เอนตัวมาถาม
ขณะนี้ฟาร์มากำลังอยู่ในช่วงตรวจสอบและปรับแต่งโครงสร้างต่างๆ รวมไปถึงตัวยาใหม่ๆ ด้วยการใช้กระบวนการทางชีวภาพที่มีตัวทำปฏิกิริยาตั้งต้นจากห้องทดลองอีกโลกหนึ่งซึ่งเขานำกลับมาในครั้งก่อน แต่แน่นอนว่าการทดสอบความเป็นพ่อแม่เด็กนั้นฟาร์มายังไม่ได้ทำการทดลองเกี่ยวกับมันมาก่อนเลย ปาลเล่ก็ดูเหมือนจะสนใจวิธีการทดสอบดังกล่าวด้วย
“สำหรับตอนนี้ด้วยอุปกรณ์และตัวทำปฏิกิริยาที่เรามีสามารถทำมันได้ ตามวัตถุประสงค์ของเราครับท่านพี่”
ฟาร์มาหันไปบอกปาลเล่
“แต่ถ้าผมจะเริ่มเตรียมของสำหรับการตรวจสอบความเป็นพ่อแม่เด็กแบบนี้ งานภายในร้านคงจะล้นมือจนเอาไม่อยู่แน่ เพราะวันนี้พวกพนักงานพาทไทม์ก็ออกไปอบรมกันเสียหมด จนเหลือแค่ผมกับเอเลนด้วยสิ”
“งั้นเดี๋ยวฉันจะช่วยนายเอง”
ปาลเล่ยกนิ้วโป้งชี้ไปที่ฟาร์มา แล้วฟาร์มาก็ตอบรับน้ำใจของเขาก่อนจะมอบเวชระเบียนให้กับปาลเล่
“เอ๋ ของแบบนี้ฉันคนเดียวก็ไหวน่า”
เอเลนพูดเกทับ
“แค่เอเลนคนเดียวคงจะดูแลผู้ป่วยไม่ไหวหรอกนะ ดังนั้นให้ท่านพี่ช่วยน่าจะเหมาะกว่านะ”
พอว่าแบบนั้นฟาร์มาก็ให้เซดริกติดป้ายชื่อ แพทย์โอสถขั้นหนึ่ง ปาลเล่ เดอ เมดิซิส ขึ้นไปยังป้ายรายชื่อแพทย์โอสถประจำร้านในวันนี้ ก่อนจะนำหมุดป้ายชื่อปักที่อกของปาลเล่ ซึ่งขณะนั้นเอเลนก็ได้เตรียมตัวรอก่อนแล้ว
“เดี๋ยวนะ ปาลเล่นายรู้วิธีจัดการกับพวกยาตัวใหม่ๆ ของร้านด้วยเหรอ ถ้านายไม่ไปอ่านตำราการจ่ายยาเบื้องต้นก่อนจะเป็นปัญหาเอานะถึงนายจะเป็นแพทย์โอสถขั้นหนึ่งก็เถอะ แถมผู้ป่วยอาจจะเป็นอันตรายได้ด้วยจากปริมาณยาที่ถูกจ่ายไปมากกว่าที่ควร”
“แล้วตำราพวกนั้นเธอคิดว่าใครเป็นคนเขียนกันล่ะ?”
ปาลเล่ตอบกลับอย่างประชดประชัน
“ผมกับท่านพี่เป็นคนเขียนตำราที่ว่าด้วยกันน่ะ ดังนั้นเอเลนไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ถึงท่านพี่เขาจะเป็นแพทย์โอสถมือใหม่แต่เรื่องการรักษาหรือการจ่ายยาหายห่วงได้เลย”
พอฟาร์มาว่าแบบนั้น เอเลนก็เลยนึกขึ้นได้ว่าหนึ่งในผู้เขียนตำราโอสถศาสตร์ดังกล่าวมีปาลเล่อยู่ในนั้นด้วย ก่อนจะยอมถอยออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก
“อ่ะ จริงด้วยสิเอเลน ช่วยไปพาโซฟีมาหน่อยได้หรือเปล่า?”
“ก็ได้อยู่หรอก ว่าแต่ทำไมกันล่ะ?”
เอเลนเอียงคอถาม
“มีบางอย่างที่เธอสามารถช่วยผมได้น่ะ”
ฟาร์มาไม่ได้ต้องการใช้วิธีนี้เท่าไรนักถ้าเป็นไปได้ แต่เขาก็อธิบายไปว่าโซฟีนั้นจำเป็นต่อการทดลองบางอย่าง พอพูดเสร็จเอเลนก็ได้ให้คนนำสารไปส่งยังคฤหาสน์บอนฟัวเพื่อเรียกตัวโซฟีมาที่นี่
หลังจากนั้น
“เอเลโอนอร์การรักษาของเธอจะช้าไปไหนเนี่ย รู้หรือเปล่าว่าพอรักษาเสร็จงานมันต้องโหลดมาที่การจ่ายยาต่อนะ”
ขณะที่ฟาร์มากำลังเตรียมการทดลองเขาก็เดินทางไปมาระหว่างห้องปฏิบัติการกับส่วนของร้านขายยา ในขณะที่เอเลนกำลังตรวจอาการของคนไข้ ปาลเล่ก็รับหน้าที่ในการจ่ายยาให้หลังจากการ ซึ่งก็มีเสียงบ่นมาจากปาลเล่ที่อยู่ภายในห้องจ่ายยามาเป็นพักๆ เพราะตัวเขาอยากให้งานตรวจคนไข้เสร็จเร็วๆ ตนจะได้มีเวลาไปดูงานของฟาร์มาต่อ
“บ่นอะไรของนายกันยะ ถ้าคิดว่าตัวเองเร็วนักก็มาลองทำดูสิ”
คิ้วของเอลเลนเลิกขึ้น ก่อนที่ปาลเล่จะถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาออกแล้วเข้าไปที่ห้องตรวจผู้ป่วย เนื่องจากนี่เป็นชุดตามสไตล์ของปาลเล่ที่ใช้อยู่เป็นประจำหาใช่ชุดสีขาวแบบที่ทางร้านใส่
“ความสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ความเร็ว แต่เป็นความแม่นยำและระมัดระวังต่างหากครับ”
ฟาร์มาบ่นออกมาโดยที่มือของเขาไม่ได้หยุดงานที่ทำอยู่แต่อย่างใด
“อันที่จริง พวกสามัญชนควรขอบคุณที่โอสถแพทย์ขั้นหนึ่งอย่างฉันมาตรวจให้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไงกัน?”
ผู้ป่วยที่มักจะคุ้นเคยกับการบริการเป็นอย่างดีจากฟาร์มาและพนักงานของร้านต่างรู้สึกสับสนกับการปรากฏตัวของแพทย์โอสถหนุ่มแปลกหน้าซึ่งมีทัศนคติเย่อหยิ่งแตกต่างจากที่เคยพบ
“ถ้าไม่มีคำดีๆ จะพ่นออกมาก็อย่าพูดสิยะ งานบริการลูกค้าของนายนี่เข้าขั้นเลวร้ายเลยนะ…ฉันต้องขออภัยทุกท่านด้วยนะคะ พอดีเขาเพิ่งจะเริ่มงานวันนี้วันแรกจึงค่อนข้างประหม่ากับงานค่ะ”
“หา?! เอเลโอนอร์ นี่เธอกล้าบ่นกับฉันอย่างงั้นเหรอ ไม่เห็นคทาที่อยู่บนโต๊ะนี่หรือไง!!”
“ถ้าอยากได้แบบนั้นก็จัดมาเลยสิยะ!”
ฟาร์มารู้สึกปวดหัวกับพฤติกรรมของทั้งสองคนจริงๆ ระหว่างที่มองดูทั้งคู่กำลังชักคทาของตัวเองออกมา
“ทั้งสองคนช่วยหยุดทีเถอะครับ! ถ้าเป็นแบบนี้งานผมก็เดินต่อไม่ได้นะครับ แล้วก็ไม่ควรทิ้งผู้ป่วยไว้คนเดียวแบบนั้นด้วย”
ฟาร์ม่าคร่ำครวญต่อพี่ชายสมองกล้ามของตนที่มักจะชอบสร้างปัญหาเสียจริงๆ
“ผมต้องขออภัยทุกท่านสำหรับความหยาบคายของพี่ชายผมด้วยนะครับ แต่ในแง่ของฝีมือนั้นเขาเป็นนักเรียนที่จบมาจากมหาวิทยาลัยแพทย์และ
ยาโนวารูตดังนั้นมั่นใจได้เลยครับ”
ฟาร์มาแนะนำพี่ของเขาให้ผู้ป่วยได้รู้จักหลังขอโทษพวกเขาแล้ว
“หือพี่ชายของคุณเจ้าของร้านเหรอ?”
“ได้ยินแบบนั้นพวกเราก็โล่งใจแล้วล่ะนะ”
พอแยกมวยกันเสร็จแล้วปาลเล่ก็กลับมาทำงานต่อ นอกจากการตรวจสอบด้วยสายตา การคลำ แล้วปาลเล่ยังผสมสารละลายเข้ากับน้ำลายของผู้ป่วยและหลังจากทำปฏิกิริยาแล้ว ก็ดูสี ตะกอน ความขุ่น กลิ่น ความเหนียว ฯลฯ ของสารละลายเพื่อระบุประเภทของโรคได้ ซึ่งระดับความเร็วนั้นถือว่าน่าทึ่งมาก แน่นอนมารวมไปถึงส่วนของยาที่ควรจ่ายด้วย
“พอได้เห็นความเร็วกับความตั้งใจระดับนั้นแล้ว….อ๋อฟาร์มาคุงฉันไม่เป็นไรหรอก…”
“เอเลน”
ฟาร์มายื่นกระดาษบันทึกให้เอลเลนซึ่งอยู่ในห้องจ่ายยา โดยเขาบอกให้เอเลนดูว่าชื่อโรคของผู้ป่วยที่เขาเห็นจากดวงตาวินิจฉัยกับชื่อของโรคที่ปาลเล่ประเมินด้วยนั้นตรงกันหรือไม่
“นี่มันสุดยอดไปเลย…..ตรงกันทั้งหมด”
การวินิจฉัยของปาลเล่นั้นตรงกันกับที่ฟาร์มาวินิจฉัยทุกประการ แถมตัวของปาลเล่นั้นตระหนักได้ถึงข้อบกพร่องของตนเองได้เป็นอย่างดี หากเขาพบปัญหาที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาที่มี เขาก็ไม่ลังเลที่จะส่งต่อผู้ป่วยให้กับฟาร์มาทันที เขารู้ถึงขีดความสามารถและความรู้ที่มีอยู่ของตนเองเป็นอย่างดี
“ฉันก็ไม่อยากจะพูดหรอกนะ แต่คงเป็นเรื่องของสายเลือดจริงๆ สินะ ดูความสามารถในการวินิจฉัยของฉันสิ…”
เอเลนรู้สึกเสียใจ เพราะเธอต้องมาเทียบกับบุตรชายของอาจารย์ตัวเอง แถมปาลเล่ยังมีเทพผู้พิทักษ์เป็นเทพโอสถซึ่งมีความสามารถด้านการใช้ยาสูงมาก แถมทั้งบรูโนและปาลเล่ต่างก็ได้รับผลจากอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์อยู่เสมอทำให้พลังของพวกเขาแกร่งกล้ามากขึ้นทุกวัน ความสามารถในการวินิจฉัยที่รวดเร็วของเขาเป็นหนึ่งในผลลัพธ์ที่ได้เมื่อมีฟาร์มาอยู่เคียงข้าง สัญชาตญาณและสมาธิของเขาก็ชัดเจนขึ้น
“เอเลนก็ทำงานได้อย่างถูกต้องและเป็นระเบียบดีแล้ว คุณช่วยผมได้เยอะเลยนะ แถมผู้ป่วยก็พึงพอใจกันหมดด้วย”
“นั่นมันก็ในมุมมองของนายไม่ใช่หรือไง แต่ดูหมอนั่นสิไม่เห็นจะทำอะไรผิดพลาดเลยแถมยังเร็วขนาดนั้นอีก ทั้งๆ ที่เพิ่งได้เป็นแพทย์โอสถแท้ๆ”
เอเลนเหมือนจะเสียความมั่นใจในตัวเองไป
“สายเลือดนี่มันสุดยอดไปเลยนะ”
(ไม่ใช่แค่เรื่องสายเลือดซะหน่อย)
ฟาร์มาตระหนักได้เป็นอย่างดีว่าปาลเล่ทุ่มเทกับศาสตร์แห่งยาและศาสตร์แห่งเทพมากขนาดไหน หลังจากที่ฟาร์มารักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวให้ ปาลเล่ก็เริ่มตระหนักได้อย่างชัดเจนทันทีถึงประสิทธิภาพของยาแผนปัจจบันและเริ่มศึกษาความรู้เชิงเภสัชศาสตร์มากยิ่งขึ้น แถมถ้าจะพูดแบบนั้นตัวเอเลนเองก็เป็นอัจฉริยะไม่ต่างกันเพราะเธอนั้นสามารถจดจำตำราที่อ่านมาได้แทบทั้งหมดแถมยังขยันทำงานอีกต่างหาก
“แล้วมีเรื่องอะไรกันล่ะ ถึงต้องให้ข้าถ่อมาถึงที่นี่”
ท่านดยุกได้เดินเข้ามาในร้านขายยาด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวพร้อมกับข้ารับใช้จำนวนมากที่ตามเขามา แน่นอนว่าดัชเชสก็เป็นหนึ่งในนั้น ฟาร์มาได้ลุกขึ้นยืนก่อนจะออกมาจากห้องจ่ายยาเพื่อต้อนรับเขา
“ยินดีต้อนรับครับท่านดยุก ผมเป็นแพทย์โอสถหลวงชื่อว่าฟาร์มาแล้วก็เป็นเจ้าของร้านแห่งนี้ครับ”
พวกเขาทั้งคู่โค้งคำนับให้กัน
“ตามที่ภรรยาของท่านได้ขอเอาไว้ พวกเราจะทำการทดสอบความเป็นพ่อแม่ของเด็ก ซึ่งมีตัวท่าน ภรรยาท่าน แล้วก็ลูกของท่านครับ และเพื่อความยุติธรรมในการทดสอบครั้งนี้ ท่านมีพยานของฝั่งท่านมาด้วยหรือเปล่าครับ?”
“หือ…ท่านเป็นบุตรชายของท่านแกรนดยุก แล้วก็เป็นแพทย์โอสถหลวงประจำองค์จักรพรรดินีด้วยนี่นา…”
เนื่องจากฟาร์มาพูดแบบนั้นออกไป ทางฝั่งของดยุกจึงเข้าสู่โหมดจริงจังมากขึ้น เพราะตัวฟาร์มานั้นเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วภายในวังหลวง ทั้งพิธีมอบรางวัลการทำคุณงานความดีต่อประเทศเอย หรืองานอื่นๆ อีกมากมายพวกเขาจึงรู้จักหน้าคร่าตากันบ้างอยู่แล้ว
ก่อนที่ฟาร์มาจะนำทุกคนไปยังมุมให้คำปรึกษาซึ่งกั้นด้วยผ้าม่านไว้ แล้วเชิญพวกเขาทุกคนนั่งลง
“สำหรับพ่อแม่และบุตรของพวกเขานั้น รูปลักษณ์ของพวกเขาจะมีความเฉพาะตัวอยู่แล้ว ดังนั้นเรามาเริ่มจากการดูพิมพ์เขียวของร่างกายมนุษย์กันดีกว่าครับ”
“พิมพ์เขียว?”
“ได้โปรดนำสำลีก้านนี้ถูเข้ากับกระพุ้งแก้มของพวกท่านทั้งสองด้วยครับ แน่นอนว่าไม่ต้องแรงมาก ส่วนทางเด็กเราจะให้พยานคนหนึ่งจัดการแทนนะครับ”
จากนั้นฟาร์มาก็นำเซลล์ที่ได้จากเยื่อเมือกในช่องปากของทั้งสามคนซึ่งถูกเขียนชื่อไว้ทั้งหมดแล้ว มาตั้งบนแผ่นสไลด์ใต้กล่องจุลทรรศน์ซึ่งมันจะทำหน้าที่ในการแสดงเซลล์ดังกล่าวออกมาให้เห็น
“ในนั้นมันเหมือนมีอะไรกลมๆ ดูคล้ายๆ ห้องห้องหนึ่งเลยนะ”
“สิ่งนั้นเราเรียกมันว่าเซลล์ครับ ในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจะประกอบไปด้วยเซลล์เหล่านี้ทั้งสิ้น เรียกว่าเป็นหน่วยเล็กที่สุดของสิ่งมีชีวิตก็ได้ครับ”
“โห…”
“และส่วนตรงนี้เราเรียกมันว่านิวเคลียสซึ่งอยู่ภายในเซลล์ครับ ภายในนิวเคลียสนั้นมันจะมีสิ่งที่เรียกว่าโครโมโซมซึ่งผมทำให้ชัดขึ้นจากการย้อมสีของมันแล้วและส่วนประกอบของโครโมโซมนั้นมีชื่อว่ากรดดีออกซีไรโบนิวคลีอิกหรือเรียกสั้นๆ ว่าดีเอ็นเอครับ”
ฟาร์มาทำให้เซลล์พวกนั้นแตกตัวออกมาก่อนจะเผยให้เห็นด้านในของนิวเคลียสของเซลล์ ซึ่งกระบวนการนี้ต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ดังนั้นลอตเต้จึงเสิร์ฟชาและขนมหวานในช่วงเวลาระหว่างรอ มันเป็นบรรยากาศที่น่าอึดอัดพอสมควร ก่อนที่ฟาร์มาแสดงสไลด์ผลลัพธ์ให้พวกเขาเห็น
“อ่ะ—ไอเจ้าของที่เหมือนเชือกนี่มันอยู่ในร่างกายข้างั้นเหรอ”
“เราเรียกมันว่าโครโมโซมครับ”
เมื่อมองเข้าไปในกล้องจุลทรรศน์ ท่านดยุกก็เห็นโครโมโซมซึ่งมีลักษณะเป็นตัวX ซึ่งถึงย้อมสีม่วงไว้ ในขณะที่ภรรยาของเขาก็มองไปยังลูกน้อยของเธอด้วยความเป็นกังวล
“โครโมโซมเรียงตามลำดับจากมากไปน้อยครับ ซึ่งเราจะเรียงมันเป็นลำดับตัวเลข และแยกความแตกต่างด้วยหมายเลขโครโมโซมที่ตั้งให้”
ก่อนที่ฟาร์มาจะอธิบายเสริมไปว่าร่างกายของมนุษย์นั้นจะมีโครโมโซมทั่วไปอยู่ที่ 22 คู่ และโครโมโซมอีก 2 ตัวซึ่งเป็นตัวกำหนดเพศสภาพของมนุษย์
“รวมกันก็เป็น 46 ตัวสินะ…”
ท่านดยุกดูเหมือนจะค่อยๆ นับมันอย่างช้าๆ
“ใช่แล้วครับ พิมพ์เขียวในร่างกายของมนุษย์เรานั้นจะถูกสลักไว้บนโครโมโซมพวกนี้ซึ่งเป็นข้อมูลรหัสทางพันธุกรรมทั้งหมดทั้งมวลนี้เราจะเรียกมันว่าจีโนมครับ”
“แปลว่านี่คือวิธีการอ่านข้อมูลที่ว่าสินะ”
ท่านดยุกทำความเข้าใจตามที่ฟาร์มาบอก ซึ่งฟาร์มาก็ยิ้มรับด้วยความยินดี
“งั้นเรามาเริ่มอ่านข้อมูลจีโนมด้วยกันเลยดีกว่าครับ”
ฟาร์มาได้ใช้ข้อมูลภายในตำราของเขามาเป็นแหล่งอ้างอิงด้วย เนื่องจากภายในนั้นมีภาพประกอบที่ลอตเต้เป็นคนวาดให้ ซึ่งจะเพิ่มความง่ายในการทำความเข้าใจ
“ข้อมูลจีโนมภายในโครโมโซมของมนุษย์ทุกคนนั้นจะมีความคล้ายกันเป็นอย่างมากครับ ซึ่งจะมีเพียงแค่บางส่วนเท่านั้นที่แตกต่างกันออกไป และตรงจุดนั้นเองครับที่เราจะใช้มันในการตรวจสอบความเป็นพ่อแม่ของเด็กคนนี้ได้”
“แล้วมันต่างกันตรงไหนงั้นหรือ”
“มันมีสถานที่หนึ่งภายในจีโนมที่เราเรียกกันว่าลำดับเบสซ้ำครับ ซึ่งมันจะทำการคัดลอกรหัสแบบเดิมซ้ำกันหลายครั้งเลยครับ หน้าที่ของเราก็คือการหาจำนวนครั้งของรหัสการคัดลอกที่ว่านั้นครับ”
ว่าแล้วฟาร์มาก็นำสิ่งของที่เขาเตรียมไว้ออกมาเพื่อทำการอธิบาย
“นี่คือเอนไซม์ที่คัดลอกจีโนมครับ”
ฟาร์มาแสดงหลอดแก้วขนาดเล็กประมาณปลายนิ้ว ซึ่งมันถูกแช่แข็งไว้ด้วยศาสตร์แห่งเทพ สิ่งนี้ถูกเรียกว่าดีเอ็นเอพอลิเมอเรส (DNA polymerase) มันเป็นหนึ่งในสิ่งที่ฟาร์มานั้นนำกลับมาจากห้องปฏิบัติการของเขาอีกโลกหนึ่ง ซึ่งตัวเอนไซม์ดังกล่าวที่เป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีชีวภาพในโลกของเขาเลย
“เอนไซม์ตัวนี้จะเป็นคนที่ช่วยให้เราประกอบหาลำดับเบสซ้ำผ่านกรดนิวคลีอีกรูปแบบสั้นซึ่งจะแทรกเข้าไปภายในสองจุดภายในจีโนมครับ แล้วก็กรดนิวคลีอีกที่ว่านี่ เป็นส่วนเล็กๆ ซึ่งอยู่ภายในระบบของจีโนมอีกทีครับ และมันก็มีหลายประเภทเลยทีเดียว”
ฟาร์มาแสดงหลอดแก้วซึ่งเก็บชิ้นส่วนดีเอ็นเอโดยปัจจุบันมันถูกเรียกว่าไพรเมอร์ โดยคำอธิบายที่เขาว่ามาทั้งหมดนั้นค่อนข้างสั้น เพราะอันที่จริงเขายังมีหลายเรื่องที่ควรพูดมากกว่านี้ แต่มันยากหากจะคุยกับคนธรรมดาในเรื่องนี้
“เอนไซม์ ชิ้นส่วนของกรดนิวคลีอีก จีโนม เราจะผสมมันเข้าด้วยกันและความคุมอุณหภูมิเอาไว้ ก่อให้เกิดปฏิกิริยาของตัวดีเอ็นเอจะถูกขยายขึ้นมาแบบทวีคูณ โดยเราเรียกมันว่าปฏิกิริยาลูกโซ่โพลิเมอร์หรือPCR”
“แล้ววัตถุประสงค์ของการขยายตัวที่ว่าล่ะ?”
“เพราะตอนนี้เรามองเห็นมันด้วยตาเปล่ายังไม่ได้ แต่หากท่านดีเอ็นเอที่มากพอก็คงจะพอสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าครับ”
“ด้วยตาเปล่าเลยเหรอคะ!”
ฝั่งภรรยาเอามือป้องปากด้วยความตกใจ
“ตอนนี้เราจะทำการขยายลำดับการทำซ้ำภายในจีโนมที่ว่าซึ่งมันเป็นลักษณะเฉพาะที่เกิดขึ้นได้เฉพาะบุคคลเท่านั้นผ่านวิธีการPCRที่ผมบอกไปตอนแรก ซึ่งมันต้องใช้เวลาสักเล็กน้อยในการทำปฏิกิริยาครับ ระหว่างนี้จะออกไปพักผ่อนก่อนก็ได้นะครับ”
ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการPCRนั้นอยู่ประมาณสองชั่วโมง และเนื่องจากทหารยามที่เป็นผู้เฝ้าประตูนั้นเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเพลิงมากฝีมือ ฟาร์มาจึงได้ไหว้วานให้ช่วยเหลือในการควบคุมอุณหภูมิโดยรอบให้สมดุลกันระหว่างความร้อนและความเย็นระหว่างกระบวนการทำปฏิกิริยา
“เสร็จแล้วครับ นี่เป็นลำดับการจำลองเฉพาะโดยผ่านวิธีการPCR”
ฟาร์มานำหลอดแก้วที่ทำปฏิกิริยาเสร็จแล้วขึ้นมาให้ดู ขณะที่ดยุกและเหล่าข้ารับใช้ของเขากำลังกลับมาจากการทานมื้ออาหารเบาๆ
“แล้วเราจะรู้จำนวนการทำซ้ำที่ว่าได้อย่างไรล่ะ”
ฝั่งตระกูลดยุกเหมือนจะอดใจไม่ไหวที่จะทราบผลการทดสอบที่ได้และอยากจะเห็นมันให้เร็วที่สุด
“เราจะใช้ความยาวในการเปรียบเทียบครับ งั้นเอาแบบนี้ก็แล้วกันนะครับ สมมติว่ามียักษ์กับเด็กตัวเล็กสักคนหนึ่ง แล้วให้ทั้งคู่วิ่งผ่านฝูงชนผมอยากทราบว่าใครจะเป็นคนที่หลุดออกมาจากฝูงชนได้ก่อนกันครับ”
“ก็ต้องเป็นเด็กสิ เพราะเจ้ายักษ์จะต้องได้รับผลจากปริมาณของผู้คนที่ผ่านทำให้เดินทางออกมาได้ช้าลง”
ดัชเชสพยักหน้าตาม
“ก็แบบนั้นแหละครับ เราจะมาจำลองสถานการณ์นั้นกัน”
วุ้นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เตรียมไว้ถูกนำไปแช่ในสารละลายซึ่งถูกเติมอยู่เต็มเปี่ยมภายในถึงบรรจุ และอีกด้านหนึ่งของวุ้นจะถูกเชื่อมไว้กับสารละลายดีเอ็นเอที่ทำปฏิกิริยาเสร็จแล้ว ก่อนจะต่ออิเล็กโทรดและสายไฟเข้ากับแบตเตอรี่ (ที่ชื่อโซฟี)
“โซฟีรบกวนหน่อยนะ”
ฟาร์มาเรียกโซฟีออกมาก่อนจะให้เธอจับอิเล็กโทรดไว้ด้วยมือทั้งสองข้างแล้วนำของเล่นชิ้นโปรดมาให้เธอดู ทันใดนั้นกระแสไฟก็ไหลเข้าไปในวุ้นนั้นจนทั่ว
“ด้านในของวุ้นนี้มีลักษณะเป็นตาข่าย เสมือนการจำลองฝูงชนที่มองไม่เห็นขึ้นมาพอมีการจ่ายกระแสไฟเข้าไปภายในส่วนนี้ดีเอ็นเอซึ่งมีประจุเป็นลบจะถูกดึงเข้าหาขั้วบวกโดยดีเอ็นเอที่มีขนาดเล็กที่สุดจะไหลเข้าไปชนกันเป็นลำดับแรกซึ่งวิธีการนี้ถูกเรียกว่า อิเล็กโตรโฟรีซิส”
“อึ-อืม…”
ท่านดยุกดูสับสนเล็กน้อยพอพูดถึงเรื่องการใช้ไฟฟ้าแต่พออธิบายไปซ้ำอีกประมาณสองถึงสามรอบได้เข้าก็พอจะยอมรับข้อเท็จจริงดังกล่าว ก่อนที่โซฟีเปิดใช้งานกระแสไฟฟ้าของเธอแล้วการแยกดีเอ็นเอก็เริ่มต้นขึ้น โดยฟาร์มาบอกว่าดีเอ็นเอมันจะเริ่มก่อตัวแล้วเคลื่อนที่ผ่านวุ้นไปยังสุดปลายทางที่ว่า
“ทำไมข้าไม่เห็นอะไรเคลื่อนไหวเลยล่ะหรือว่าดวงตาของข้าจะมองเจ้าดีเอ็นเอนั่นไม่ได้กัน”
ท่านดยุกบ่นถึงเรื่องที่เขามองไม่เห็นดีเอ็นเอเพราะเขานึกถึงเรื่องที่ฟาร์มาบอกว่าPCRจะช่วยทำให้ตาเปล่ามองเห็นมันได้
“ตอนนี้ดีเอ็นเอยังอยู่ในลักษณะโปร่งใสเนื่องจากเรายังไม่ได้ทำการย้อมสีมันครับ ตอนนี้เราได้ผลลัพธ์แล้วด้วย ดังนั้นมาย้อมสีดีเอ็นเอ เพื่อที่เราจะได้มองเห็นและดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างดีกว่าครับ”
หลังจากนั้นอีก 25นาทีดีเอ็นเอก็ได้ถูกย้อมสีเพื่อให้ตาเปล่าสามารถมองเห็นได้ชัดฟาร์มาใช้น้ำยาย้อมสีที่สามารถแสดงผลได้ชัดแม้ในที่มีแสงมาก ก่อนจะเปรียบเทียบผล ดีเอ็นเอของพ่อ แม่ และลูกเป็นรายๆ ไป ก่อนจะพบว่าระยะทางการเคลื่อนที่ของดีเอ็นเอที่ถูกย้อมแล้วนั้น ออกไปไกลจากตอนเริ่มพอสมควร
“ดีเอ็นเอพวกนี้จะขอเรียกมันว่าวงจากลักษณะตอนนี้ของมันก็แล้วกันนะครับ โดยแต่ละวงนั้นจะถูกดึงและเคลื่อนที่ไปกับประจุไฟฟ้าตามขนาดของมัน วงตรงนี้เป็นของท่านดยุกกับภรรยาของครับ”
ฟาร์มานำผลกระประเมินระยะทางที่ดีเอ็นเอของทั้งสามคนเดินทางไปมาเทียบกัน
“เด็กคนนี้มีสองวงด้วยกันที่เคลื่อนไหวในระยะที่เท่ากับของท่านทั้งสองอย่างละหนึ่งวง โดยผมแยกตามระยะการเคลื่อนไหวและขนาดของตัวดีเอ็นเอที่เท่ากันครับซึ่งหมายความว่าลำดับการทำซ้ำดังกล่าวนั้นเป็นชนิดเดียวกันเลยครับ แน่นอนว่าแต่ละวงนั้นสามารถพูดได้ว่าสักสิบคนจะมีหนึ่งคนที่มีลักษณะการเคลื่อนไหวเป็นรูปแบบเดียวกัน”
“แบบนี้นี่เอง……”
ทั้งดยุกและภรรยานั้นต่างทราบดีว่าระยะการเดินทางของดีเอ็นเอเฉพาะของพวกเขากับเด็กคนนั้นเท่ากัน
“หนึ่งในสิบแบบนี้บางทีเด็กคนนี้อาจจะบังเอิญตรงกับข้าก็ได้ใช่ไหม?”
ฟาร์มาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา
“อาจจะเป็นแบบนั้นก็ได้ครับ แต่หลังจากการตรวจสอบหลายครั้ง..ดูเหมือนว่าหากจะได้ผลที่ได้เหมือนกับท่านและภรรยาของท่านนั้น ผมคำนวณความเป็นไปได้ไว้อยู่ที่หนึ่งในสามหมื่นครับ”
ชนชั้นสูงในจักรวรรดินั้นมีไม่ถึงสามหมื่นคนอยู่แล้ว
“นั่นจึงหมายความว่าท่านดยุกเป็นเพียงเดียวคนเดียวที่ตรงกันภายในเมืองหลวงนี้ครับ”
ฟาร์มามองไปที่ดยุกก่อนจะเห็นเขาในสภาพอ้าปากกรามค้างออกมา
“และหากท่านไม่เห็นด้วยกับผลที่ได้จะลองวิธีการแบบอื่นดูไหมครับ?”
ฟาร์มามองไปที่ภรรยาของเขาด้วย
“มะ–ไม่จำเป็นอีกแล้ว….ข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆ ที่รัก…ข้าขอโทษที่พูดเรื่องแย่ๆ แบบนั้นกับเจ้าไป”
ดยุกขอโทษภรรยาของเขากับคำสบประมาทที่เต็มไปด้วยความสงสัยและไร้หัวใจของเขาก่อนหน้านี้ ทางด้านภรรยาของเขาก็กำลังร้องไห้ออกมาเพราะได้รับความช่วยเหลือจากหลักฐานที่ฟาร์มาเตรียมไว้ให้
“เด็กคนนี้เป็นลูกของท่านจริงๆ นะคะ นี่ค่ะกอดเด็กคนนี้ไว้เสียสิคะ”
ดัชเชสได้อุ้มลูกของเธอเข้าไปหาดยุก ผู้ไม่เคยจะอุ้มเด็กคนนั้นมาก่อนเลย
“ผมก็เชื่อแบบนั้นนะครับ เพราะเด็กคนนี้มีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นลูกของท่าน”
ฟาร์มาย้ำกับท่านดยุกถึงผลที่ได้ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ชี้คำขาดถึงเรื่องเด็กคนนั้นเป็นลูกใคร
“งั้นเราก็มาตั้งชื่อของเด็กคนนี้กันเถอะ…”
แม้จะดูงุ่มง่ามไปบ้าง แต่ดยุกก็อุ้มลูกของเขาด้วยความรักอย่างแท้จริง
ฟาร์มามองเห็นทั้งสามกำลังเดินออกจากร้านขายยาไปในสภาพที่กอดกันไปด้วย ทางด้านดัชเชสได้จ่ายเงินจำนวนมหาศาลให้กับฟาร์มา แน่นอนว่าเขาก็ตัดสินใจที่จะรับมันไว้ด้วยความยินดี
“ครั้งนี้พี่ติดหนี้นายเข้าแล้วสิ”
ปาลเล่ที่ทำการรักษาและจ่ายยาให้กับผู้ป่วยเสร็จมาพูดกับฟาร์มา ระหว่างการรักษาในวันนี้มีผู้ป่วยซึ่งเป็นชนชั้นสูงหลายคนต่างชอบการรักษาของปาลเล่และขอให้ปาลเล่มาเป็นแพทย์โอสถประจำของทางตระกูล ฟาร์มาที่ทราบแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะเพราะถึงแม้เขาจะโดนแย่งลูกค้าไปบ้าง แต่ฟาร์มาก็ยังเหลือผู้ป่วยอีกมากที่รอการรักษาอยู่ทำให้เขารู้สึกยินดีด้วยซ้ำ
“ท้ายที่สุดแล้ว พวกยีนนี่ก็ซื่อสัตย์ที่สุดสินะ”
เอเลนพูดกับฟาร์มาราวกับโล่งใจที่เรื่องนี้จบลงแล้ว
“แต่วิธีการพวกนี้ก็ใช่จะเอนกประสงค์ไปเสียทุกอย่างนะครับ ท้ายที่สุดมันก็เหมือนกับสิ่งที่บ่งบอกถึงชีวิตที่ส่งผ่านมาแต่โบราณเท่านั้นเอง”
ฟาร์มาพยักหน้าขณะพูดไปด้วย
“ก็หวังว่าครอบครัวนั้นจะเป็นไปได้ด้วยดีนะ”
“เห็นทีฉันคงต้องกลับก่อนแล้วนะ”
สุดท้ายแล้วการทดสอบทางพันธุกรรมก็ได้ปกป้องสายสัมพันธ์ของครอบครัวหนึ่งเอาไว้ได้
———
Note 1 : เป็นตอนที่ยากและใช้เวลานานอีกตอนหนึ่ง lolnz สำหรับเด็กศิลป์
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913
MANGA DISCUSSION