Parallel World Pharmacy - ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 16
ตอนที่ 16 รักษาช่องปากด้วยฟลูออไรด์และไซลิทอล
———–
“หืมม? …… ใช้สิ่งนี้ก่อนงั้นหรือ?”
หญิงสาวหยิบครีมที่อยู่ตรงหน้ากระจกขึ้นมาด้วยความสนใจ
“้พ่ะย่ะค่ะ ค่อยๆ ทามันลงไปบนใบหน้าเบาๆ ให้ทั่วๆ ต่อไปก็สิ่งนี้ ประมาณที่ใช้ก็เท่านี้พ่ะย่ะค่ะ ค่อยๆ ตบผงเบาๆ เพื่อให้แน่ใจว่ามันกระจายทั่วไปหน้า…”
เธอพยายามทาแป้งบนใบหน้าที่เรียวราวกับไข่ของเธออย่างจริงจัง
“ทีนี้ผิวของพระองค์ก็จะชุ่มชื่นเหมือนเด็กอายุ 5 ปีเลยพ่ะย่ะค่ะ!”
“นี่ฟาร์มา ต่อจากนี้หากเจ้ามีผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของเมดีกออกมาแล้วรีบเอามันมาให้เราได้ลองใช้ด้วยนะ”
ผู้ที่กำลังตบแป้งฝุ่นบนใบหน้าของตนและใช้แปรงปัดคุณภาพสูงเกลี่ยเนื้อผิวนั้นคือ จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิแซงต์เฟลิฟ เอลิซาเบทที่ 2 เธอได้บอกและเตือนเขาไว้อย่างนั้น
“อ่าห๊ะ แบบนี้!”
อืม สำหรับหญิงสาวอายุเพียง 24 ปีที่มีศาสตร์พลังแห่งเทพอันยิ่งใหญ่เหนือใครในจักรวรรดิ ย่อมมีความอ่อนไหวต่อเทรนของแฟชั่นอยู่แล้วเป็นแน่
ฟาร์มา เข้าใจเรื่องนี้ดี จึงได้เอ่ยปากชมเธอ
“ผิวของฝ่าบาทตอนนี้ก็ขาวสวยมากอยู่แล้ว กระหม่อมคิดว่าผงไวท์เทนนิ่งคงจะไม่จำเป็นสำหรับพระองค์แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ฮ่าๆๆ พอเจ้าชมแบบนี้แล้วเรารู้สึกแปลกๆ นะ”
จักรพรรดินีเหมือนจะอารมณ์ดีมาก ได้หยิบพัดคุณภาพสูงของเธอซึ่งห่อหุ้มไปด้วยอัญมณีตรงส่วนต่างๆ ของฟัด มาปิดใบหน้าครึ่งล่างของเธอเอาไว้
“ร้านที่มีตราของหลวงซึ่งใช้เงินหลวงในการสร้างทั้งหมดนั้น จำเป็นจะต้องไปนำเสนอผลงานและแนวคิดของตนต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์เป็นผู้แรกด้วยตัวเองเพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีที่ตนมี เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”
“เอ๋!?”
นั่นคือบทสนทนาระหว่างฟาร์มากับพ่อของเขา ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องเข้าเฝ้าจักรพรรดินีด้วยความตื่นตระหนกอีกครั้งเพื่อนำเสนอผลลัพธ์ของงานที่เขาได้ทำออกมา หากมองโดยภาพรวมที่จริงแล้วการจะเปิดร้านสาขาที่สองซึ่งขายสินค้าในส่วนของพวกเครื่องสำอางนั้นก็ควรจะมาขอพระราชอนุญาตจักรพรรดินีก่อนแท้ ข้างๆ จักรพรรดินีนั้นคือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง โนอาร์ ได้ขยับปากของเขาซึ่งสามารถอ่านมันได้ว่า เจ้าบ้า ส่วนทางด้านจักรพรรดินีนั้นเธอกำลังค่อยๆ ลูบแก้มของเธอไปมาอย่างนุ่มนวล ตัวเธอในตอนนี้นั้นไม่อาจละสายตาไปจากกระจกที่อยู่ตรงหน้าได้เลย
“หืม…… นี่มันสุดยอดไปเลยจริงๆ! ถ้าเราออกไปห้องโถงทั้งแบบนี้ เราคงจะโดดเด่นกว่าหญิงสาวคนไหนมากขึ้นอีกระดับหนึ่งแน่นอนที่เดียว”
ฟาร์มาได้ขอโทษเธออยู่ในใจเพราะผู้หญิงคนอื่นก็ซื้อสินค้าชนิดนี้เหมือนกัน ซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนัก ตั้งแต่เขามาเข้าเฝ้าก็ได้ใช้เวลากับจักรพรรดินีไปนานมากพอสมควรเพราะเขาต้องนำเสนอพวกเครื่องสำอางหลายตัวให้กับจักรพรรดินี เนื่องจากว่าพระองค์นั้นตั้งแต่แรกก็งดงามมากอยู่แล้วจึงต้องหาสิ่งที่เข้ากับพระองค์ได้ดีจริงๆ แน่นอนว่าไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายใดๆ ต่อผิว
“นี่เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของทางเราพ่ะย่ะค่ะ มันคือลิปมันซึ่นอ่อนโยนต่อริมฝีปาก ฝ่าบาทควรจะเป็นผู้แรกที่จะได้ลองมันพ่ะย่ะค่ะ”
“โอ้ สิ่งนี่ช่างน่าสนใจจริงๆ”
ลิปมันที่ถูกพัฒนาร่วมกันระหว่างโอสถแพทย์สาขาเครื่องสำอางเมดีกและฐานความคิดเดิมของฟาร์มาที่ให้มันออกมาเป็นสีธรรมชาติส่องประกายราวกับไข่มุก ไม่เหมือนกับสีแดงพริกของเดิมที่หลายๆ คนใช้
“หืมมม นี่มันเยี่ยมยอดเหลือเกิน”
ดูเหมือนว่าเธอจะชอบมัน
“กระหม่อมขอขอบพระคุณฝ่าบาทจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ที่ช่วยในเรื่องจำกัดการใช้สารตะกั่ว ปรอทแล้วก็สารพิษอื่นๆ ในของผลิตภัณฑ์ที่ใช่กับร่างกายของคนเรา”
เมื่องานของฟาร์มา นั้นจบลง เขาก็ได้ขอบคุณจักรพรรดินีเกี่ยวกับเรื่องราชโองการ ที่ฟาร์มาได้ร่างเสนอเกี่ยวกับสารเคมีต่างๆ ที่ไม่ควรใช้ในผลิตภัณฑ์ที่ใช้กับร่างกายของมนุษย์และรายงานเรื่องนี้ไปให้กับพ่อของเขา แน่นอนว่าจักรพรรดินี้นั้นรู้เรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว นับตั้งแต่เหตุการณ์เครื่องตรวจสอบพลังแห่งเทพในตอนนั้นกับความรู้ทางด้านโอสถศาสตร์ที่ฟาร์มา ได้แสดง จักรพรรดินีและบรูโน่ก็เริ่มสงสัยว่าฟาร์มา นั้นจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่เหนือคำอธิบายทั้งความฉลาดที่เหนือกว่ามนุษย์ผู้ใด ดังนั้นพวกพวกเขาจึงไม่ได้ขัดอะไรกับคำพูดของฟาร์มา อีกต่อไป และบังเอิญว่าพวกเขาทั้งสองนั้นในตอนนี้ก็ยังคงไม่สังเกตเห็นว่าฟาร์มานั้นไม่มีเงาอยู่
“เรารู้สึกประหลายใจจริงๆ ที่สิ่งพวกนี้มันมีผลเสียขนาดนี้ เพราะทั้งปรอทและสารตะกั่วต่างก็อยู่ในตัวยาที่ขายอยู่ทั่วไปในขณะนี้”
“ก็อย่างที่พระองค์พูดพ่ะย่ะค่ะ”
“ทั้งส่วนผสมของยาสำหรับผู้หญิงภายในวังที่เหล่าแพทย์หลวงจ่ายให้ ก็จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนทั้งหมดเสียใหม่”
“แบบนั้นดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ผลจากนำแนะนำของฟาร์มา จากยาที่แพทย์หลวงจ่ายนั้นไม่เพียงแค่ผู้หญิงเท่านั้นแม้แต่ทารกก็จะได้รับผลกระทบกับพิษของเครื่องสำอางเหล่านี้ด้วย เพื่อความปลอดภัยแล้วควรจะเปลี่ยนทั้งหมดนั้นใหม่ทันทีจะเป็นเรื่องดีที่สุด
“แล้วตอนนี้ร้านขายเครื่องสำอางเมดีก มีแนวโน้มเช่นไรบ้าง”
“เป็นเพราะความเมตตาจากฝ่าบาท กิจการของทางร้านนั้นกำลังดำเนินไปได้ด้วยดีเลยพ่ะย่ะค่ะ ถึงอย่างนั้น……”
เกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นเกิดปัญหาขึ้นเล็กน้อยเพราะตอนแรกนั้นร้านมีขายเพียงแค่สบู่และน้ำหอมจึงไม่มีปัญหากระทบใดๆ กับกิลด์แพทย์โอสถแต่….
“ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรต่อแล้ว เพราะร้านขายเครื่องสำอางใหม่นั้นเป็นที่ดึงดูดจากหลายๆ คน ไม่แปลกที่จะมีคนอิจฉาตาร้อนในเรื่องนี้.”
มันเป็นไปตามคาดที่จะมีร้านขายเครื่องสำอางแบบเดิมนั้นได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง เพราะเกิดข้อห้ามขึ้นมาว่าไม่อนุญาตให้ใช้ปรอท สารตะกั่ว และส่วนผสมที่
อันตรายอื่นๆ ในเครื่องสำอางและผลนั้นคือเครื่องสำอางแบบเดิมนั้นไม่สามารถคงสภาพและผลลัพธ์ได้เหมือนดังเดิม ซึ่งแน่นอนว่าเหล่าลูกค้านั้นก็ต้องหายไป
“เราจะพยายามหาทางช่วยเหลือพวกพ่อค้าเครื่องสำอาง เพราะส่วนตัวเราแล้วก็ไม่ได้ชอบตลาดผู้ขายน้อยรายอยู่แล้ว ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปหลายๆ อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับด้านนี้จะพลอยล้มละลายกันไปเสียหมดด้วย ดังนั้นเราควรจะจัดสรรให้เกิดตลาดแข่งขันสมบูรณ์น่าจะดีกว่านะ”
แม้ว่าการกระทำบางอย่างของเธอนั้นจะดูมุทะลุแต่ถ้าพูดถึงเรื่องการปกครองนั้นเธอยังอยู่ในระดับที่ปกติดีอยู่
“ก็อย่างที่ฝ่าบาทตรัสพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมจะทิ้งข้อมูลและเทคนิคในการผลิตให้กับพระองค์ หลังจากนี้ก็ขอความกรุณาให้พระองค์เอาข้อมูลนี้ไปกระจายต่อให้กับผู้อื่นต่อด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมได้ร่างรายละเอียดของงานอุตสาหกรรมอื่นๆ ที่ใช้พวกสารตะกั่วและปรอทไว้ด้วยซึ่งในนั้นมันรวบรวมคำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการส่วนผสมเหล่านี้ให้มันปลอดภัยยิ่งขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”
ฟาร์มา ไม่เพียงแค่เปิดเผยสูตรของสบู่ที่เขาทำแต่มันยังรวมไปถึงความลับของการป้องกันรังสียูวี ผงแป้งทาหน้า และพื้นฐานของพวกเครื่องสำอางซึ่งมันจะไม่ได้ถูกประกาศในนามของฟาร์มา แต่เป็นนามของจักรพรรดินี
“แล้วหลังจากนี้ก็ช่วยหาทางขึ้นราคาเครื่องสำอางของเจ้าด้วยนะ แม้มันจะดีที่ขายในราคานี้ก็เถอะแต่ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้ พ่อค้าคนอื่นได้ตายเอาแน่ๆ”
ไม่ต่างกับการทุ่มตลาด แต่ก็ยังพูดไม่ได้ว่าถึงในระดับนั้นแล้ว คนที่อยู่ในแวดวงธุรกิจเดียวกับเขาซึ่งตั้งราคาขายไว้สูงกว่านั้นจะล้มละลายเอาได้ ชนชั้นสูงนั้นจำเป็นต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งแต่ก็ไม่ควรจะเหยียบย่ำผู้ที่อ่อนแอ่กว่าตนเช่นกัน นั่นคือสิ่งที่จักรพรรดินีสอนเขา
“กระหม่อมเข้าอย่างถ่องแท้แล้วพ่ะย่ะค่ะ หลังจากนี้กระหม่อมจะปรับราคาของสินค้าตามระดับของสินค้าที่ขายอยู่ในร้านพ่ะย่ะค่ะ”
เพราะคาดเดาได้ว่าคู่แข่งหลายๆ คนนั้นต้องล้มละลายกันหมดแน่ เพราะเงินที่ควรจะเป็นทุนในการผลิตสำหรับพวกเขานั้นได้หลั่งไหลเข้ามาในมีเดียแล้วนั่นเอง
สำหรับตอนนี้การจัดการกับสารตะกั่วและปรอทนั้นมีคำสั่งเป็นภาพสีน้ำจากจักรพรรดินีให้ผู้ที่สัมผัสมันนั้นควรล้างมือให้สะอาดทันที และสำหรับสารพิษอื่นๆ นั้นถูกจำกัดให้ใช้ในงานอุตสาหกรรมเท่านั้น
เมื่อไม่นานมานี้จักรพรรดินีนั้นได้รับนักปราชญ์ผู้หนึ่งเข้ามาเป็นที่ปรึกษาแม้จะไม่ทราบเหตุผลแท้จริงของปราชญ์ผู้นั้นว่าทำไมถึงต้องมาช่วยให้คำแนะนำกับพระองค์ด้วย ข่าวลือนั้นได้แพร่กระจายออกไป
ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่อาจรู้ว่านักปราชญ์ผู้นั้นคือใครกันแน่
ใครมันจะไปคิดว่าเด็กน้อยที่นั่งเฝ้าร้านขายยาต่างโลกนั้นจะเป็นผู้คิดเรื่องเหล่านี้ขึ้นมาได้และดูเหมือนหลายๆ คนก็ยังคิดว่าเขานั้นเอาสินค้าและความรู้ของพ่อเขามาใช้งานเท่านั้น เนื่องจากเป็นที่รู้กันดีว่าพ่อของเขานั้นเป็นแพทย์โอสถหลวงที่มีชื่อเสียงและรอบรู้ แต่จะมีบางครั้งที่เหล่าผู้ที่ได้รับใบสั่งยาจากฟาร์มา แม้จะเพียงเสี้ยววิพวกเขาก็ต่างคิดในใจกันว่า อาจจะเป็นเขาก็เป็นได้ แต่…..
วันหนึ่งจากฟาร์มาได้เข้าเฝ้าจักรพรรดินีเสร็จ เขาได้ไปตรวจสอบอาการขององค์ชายหลุยส์ เขาเปิดการใช้งานดวงตาวินิจฉัยและเห็นแสงสีฟ้าออกมาจากช่องปากขององค์ชาย
อ่าาา……ใบหน้าของฟาร์มาในตอนนี้ช่างซับซ้อนไปด้วยอารมณ์ต่างๆ เขากระซิบกับตัวเองเงียบๆ
“ฟันผุ”
ทันทีที่แสงสีฟ้านั้นหายไปเขาก็รู้ได้ทันทีว่าปัญหาใหม่นั้นได้เข้ามาแล้ว
ฟันมีโพรง ซึ่งเป็นอาการของฟันผุ
น้ำตาลนั้นสำหรับโลกใบนี้มีราคาแพงมาก ดังนั้นสามัญชนทั่วไปจึงมีโอกาสเป็นโรคนี้ต่ำมาก แต่ในทางตรงกันข้ามชนชั้นสูงนั้นมีโอกาสมากมายที่จะได้ทานเค้กอันแสนหวาน ถ้าจะให้พูดก็คงมีแต่ชนชั้นสูงเท่านั้นแหละที่มีสิทธิ์จะฟันผุ ส่วนตัวฟาร์มา ที่แปรงฟันทุกวันอยู่แล้วเขาจึงไม่เคยคิดว่าจะพัฒนาการรักษาใดๆ ในส่วนนี้เลย แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นความจริงที่ว่าชนชั้นสูงหลายๆ คนไม่รู้ถึงความสำคัญในการแปรงฟันและรักษาสุขภาพช่องปาก
ในส่วนของไซม่อนที่ฟันผุเหมือนกันนั้น ในตอนนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรกับมันได้แล้วเพราะมันผุไปจนถึงจุดสำคัญบริเวณเส้นประสาท จึงจำเป็นต้องถอนมันออกเท่านั้น
“องค์ชายน่ะชอบทานของหวานมากและก็ไม่ชอบแปรงฟันด้วย”
โนอาร์พูดออกมาด้วยความลำบากใจ รอยบุที่เกิดจากฟันน้ำนมผุ องค์ชายซึ่งอายุเพียง 6 ปีนั้นกำลังอยู่ในวัยที่ฟันน้ำนมกำลังจะหลุดด้วยเหมือนกัน
ฟาร์มาแกล้งทำเป็นเข้าไปเล่นกับหลุยส์ด้วยบิลเลียดจากนั้นเขาก็เริ่มถาม
“องค์ชายรู้สึกปวดฟันตอนกำลังทานอาหารหรือกัดอะไรบางอย่างหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ?”
“นะ-นั่นไม่จริงสักหน่อย เราไม่เห็นจะรู้สึกอะไรเลย”
อย่างงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าจะเบากว่าที่ฟาร์มา คิดไว้ หลังจากเล่นบิลเลียดกันเสร็จฟาร์มาก็ได้หยุดองค์ชายที่จะออกไปทานขนมและผลไม้ที่ตนชอบ
“องค์ชาย ขอความกรุณาอ้าปากให้กว้างๆ ด้วยพ่ะย่ะค่ะ?”
จากคำพูดของฟาร์มา ทำให้องค์ชายทั้งท่าระวังขึ้นทันที
“พระองค์อาจจะเป็นโรคฟันผุพ่ะย่ะค่ะ”
“ม่ายยยยยยยยยยยยยย!”
องค์ชายวิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิตราวกับไม่อยากได้ยินเสียงนั้น
“จับตัวองค์ชายไว้!”
โนอาร์ได้ไล่ตามจับองค์ชายที่วิ่งหนีไปอย่างไม่คิดชีวิต ยิ่งกว่านั้นเหล่าข้าราชบริพารบริเวณนั้นก็ต้องลงมาช่วยด้วย มันคงจะเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำเลยทีเดียวที่ตนนั้นต้องมาไล่จับองค์ชายอยู่ในภายวังหลวง “จับตัวองค์ชายเอาไว้! เพื่อการรักษาฟันผุของพระองค์!” โนอาร์ตะโกนออกมาให้พวกเหล่าข้าราชบริพารฟัง ดูเหมือนมันจะกลายเป็นภาพที่ดูน่าสนุกสนานในสายตาของฟาร์มา จนเขารู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นบ่อยๆ ในวังซะด้วยสิ
และขณะนี้ได้มีกองทัพแพทย์หลวงเข้ามาสมทบไล่ตามองค์ชายผู้พยายามปกป้องฟันของเขาด้วยชีวิต
“องค์ชายอยู่ตรงนั้น!” “องค์ชายหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” “องค์ชายหนีไปตรงลานกว้างแล้ว!”
เขาพยายามซ่อนตัวอยู่หลังน้ำพุและแกล้งทำเป็นส่วนหนึ่งในรูปปั้นประติมากรรมและมีความพยายามในการซ่อนหลังพุ่มไม้อยู่บ้าง จนในที่สุดหลุยส์ก็เหนื่อยและสะดุดล้มลง ในเวลาเดียวกันนั้นเองฟาร์มาก็เข้ามา
“อื้ออออ ทั้งที่มาไกลขนาดนี้แล้วเชียวนะ! เจ็บใจจริงๆ!”
องค์ชายตะโกนออกมาราวกับเป็นนักรบผู้พ่ายสงครามและอับอายเป็นอย่างมาก
“องค์ชาย กรุณาอ้าปากให้กว้างๆ หน่อยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมสัญญาว่าวันนี้จะยังไม่เอามันออกหรอกพ่ะย่ะค่ะ”
ในขณะที่ฟาร์มาได้ให้สัญญากับองค์ชาย
“องค์ชาย กรุณาเตรียมตัวให้พร้อม มีอาการปวดหนักขึ้นหรือเปล่าพ่ะย่ะค่ะ? กระหม่อมจะดึงมันออกมาด้วยความสามารถอันเชี่ยวชาญของผมเองครับ เฮ้! พวกเราได้ตัวองค์ชายแล้ว”
หัวหน้าแพทย์หลวงคล็อดพูดออกมาในขณะที่มือของเขานั้นกำลังถือคีมเข้ามาใกล้ๆ ขึ้นทุกเมื่อ ท่าทางเขาจะมั่นใจในทักษะถอนฟันของตนมาก
“ม่ายยยยยยยยย!”
หลุยส์หนีออกมาซ่อนตัวอยู่ข้างหลังของฟาร์มา ด้วยความกลัวจนตัวสั่น
“ท่านหัวหน้าแพทย์หลวง กรุณายกการรักษาองค์ชายให้กับผมเถอะนะครับ”
ฟาร์มา จับมือทั้งสองข้างของครูทราวกับจะหยุดเขาเอาไว้
“โอ้ นั่นมันหนูน้อยแพทย์โอสถหลวงฟาร์มานี่นา เท่าที่ดูผมคิดว่าด้วยแรงของเด็กไม่น่าจะถอนเอาฟันออกมาได้นะครับ”
เขาพูดด้วยท่าทางเหมือนกับเป็นคนดี แต่ในมือของเขานั้นได้ใช้คีมที่ถือพุ่งเข้ามาหาองค์ชายแล้ว
จากการตรวจสอบของฟาร์มานั้น ดูเหมือนว่าฟันที่ผุนั้นจะยังเป็นแค่รอยดำดังนั้นการเคลือบฟันจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด
“ในตอนนี้เรายังไม่จำเป็นต้องถอนมันออกหรอกครับ”
“หากเราไม่รีบมันจะยิ่งทำให้อาการเลวร้ายลงนะ ถ้าลามไปถึงรากฟันจะทำให้เกิดไข้สูง ซึ่งอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้เลยนะ”
คล็อดสงสัยว่าทำไมฟาร์มาถึงห้ามไม่ให้เขาถอนฟันออก
“ท่านหัวหน้าแพทย์หลวง ท่านคิดว่าสาเหตุที่แท้จริงของฟันผุมาจากอะไรกันครับ?”
ฟาร์มายกนิ้วชี้ขึ้นมาตอนถาม
“นั่นมัน…… มัน..มาจากอะไรกันหว่า?”
“สาเหตุมันมาจากสิ่งมีชีวิตที่กินสารให้ความหวานซึ่งจะไปละลายฟันครับ”
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะ!?”
หัวหน้าแพทย์หลวงบ่นออกมาเหมือนรำคาญ
“แต่ลักษณะของมันแตกต่างจากชนิดที่คุณเห็นในกล้องจุลทรรศน์ก่อนหน้านี้นะครับ ซึ่งผมคิดว่าคุณน่าจะเข้าใจถ้าได้ลองส่องตัวมันดูว่าฟันผุนั้นเกิดจากเชื้อของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กนั้น”
ถ้าหากเป็นอย่างที่เด็กคนนั้นพูดมันก็จะไม่ดีกว่าเหรอถ้าปล่อยให้เขาตรวจสอบไปก่อนเป็นอันดับแรก? หัวหน้าแพทย์หลวงได้นำสิ่งที่ฟาร์มาพูดนั้นมาคิดอยู่ในใจของเขา
“องค์ชาย ถ้าอย่างงั้นพรุ่งนี้กระหม่อมจะเตรียมยาที่หยุดยั้งอาการของฟันผุให้ในวันพรุ่งนี้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“จะไม่ถอนฟันเราออกใช่ไหม?”
องค์ชายมองไปที่ฟาร์มาอย่างสงสัย
“พ่ะย่ะค่ะ ถ้าเป็นตอนนี้ละก็ยังไม่จำเป็น”
วันรุ่งขึ้นฟาร์มาได้เตรียมยาและเดินทางไปยังพระราชวัง จักรพรรดินี้ที่ได้รู้ถึงสถานการณ์เช่นนี้ก็กล่าวออกมาอย่างรุนแรงว่า “เพราะว่าเจ้าละเลยการแปรงฟันยังไงล่ะ เลยจำเป็นจะต้องถอนฟันมันออกมา” อาจจะเป็นเพราะตัวเธอนั้นไม่ค่อยที่จะได้ทานพวกขนมหวานอะไรนักเลยไม่เคยมีอาการฟันผุ งานแปรงฟันขององค์ชายนั้นจะถูกมอบให้กับสาวใช้ส่วนตัว แต่ช่วงที่เขาไม่ได้อยู่ใกล้จักรพรรดินีเขามักจะไม่สนใจการแปรงฟันและไม่ฟังคำพูดของสาวใช้เลย
“กระหม่อมจะเริ่มรักษาแล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายนอนลงไปบนเตียงคุณภาพดีซึ่งมีหลังคากางไว้อยู่ข้างบน จากนั้นก็อ้าปากของตนให้กว้างขึ้นและปล่อยให้ฟาร์มาทำการรักษา
สำหรับอาการฟันผุในระยะแรกนั้นเมื่อใช่ฟลูออไรด์ที่เข้มข้นสูงในการเคลือบฟันมันจะทำการสร้างชั้นฟลูออร์แอพาไทต์ซึ่งเป็นแร่ธาติในการฟื้นคืนผิวฟันใหม่และยังสามารถยับยั้งอาการฟันผุได้อีกด้วย
หลักจากคำอธิบายให้จักรพรรดินีและเหล่าแพทย์หลวงฟัง พวกเขาต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันว่า
“โอ้โห”
คล็อดขยับหน้าของตนเข้ามาอย่างใกล้ชิดเพื่อเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของมือฟาร์มาและจดบันทึกมันด้วยความสงสัย
“ถึงกระหม่อมจะไม่ได้ถอนมันในตอนนี้ แต่ถ้าหากมีครั้งต่อไปละก็องค์ชาย กระหม่อมคงจำเป็นต้องทำแบบนั้นเสียแล้ว”
จริงๆ แล้วเกี่ยวกับการรักษาเช่นการถอนฟันหรืออื่นๆ ที่ใกล้เคียงนั้นเป็นเรื่องยากสำหรับฟาร์มามากเพราะตัวเขานั้นไม่ได้มีความรู้ทางด้านทันตกรรมนัก
“อื้อออ……จากนี้ต่อไปเราจะแปรงฟันทุกวันเลย!”
ตัวองค์ชายนั้นสั่นขณะกำลังส่ายหัวขึ้นลงไปมา
“กระหม่อมจะจำคำที่องค์ชายพูดเอาไว้นะพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนั้นฟาร์มาก็ดึงเอากล่องไม้ออกมาจากกระเป๋าของเขาและจากนั้นก็เกิดเสียงดังขึ้นเล็กน้อยภายในนั้น
“กระหม่อม0เตรียมชุดดูแลช่องปากให้กับองค์ชายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ในโลกใบนี้ผู้คนจะแปรงฟันด้วยการใช้ผ้าและฟองน้ำซึ่งเป็นเรื่องปกติของพวกเขาและหลังจากนั้นก็จะทำความสะอาดช่องว่างระหว่างฟันด้วยไม้จิ้มฟัน
“นี่เป็นแปรงสีฟันที่ขนแปรงทำมาจากขนม้าพ่ะย่ะค่ะ”
เขาหยิบแปรงสีฟันออกมาเป็นสิ่งแรก
แปรงสีฟันไนรอนนั้นนับว่าเป็นที่นิยมอยู่เหมือนกันแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ในญี่ปุ่นนั้นยังมีแปรงสีฟันที่ขนแปรงนั้นทำมาจากขนม้าหรือหมูขายอยู่เช่นกัน ซึ่งข้อได้เปรียบของมันก็คือมันอ่อนโยนต่อเหงือก
จากนั้นเขาก็นำยาสีฟันที่มีฟลูออไรด์ผสม ไหมขัดฟัน และเครื่องทำความสะอาดลิ้น ก่อนจะอธิบายถึงวิธีการใช้ให้กับองค์ชายซึ่งพระองค์นั้นก็ฟังเขาอย่างตั้งใจ
“นี่ฟาร์มา แล้วส่วนของเราล่ะ?”
“ครับคือว่า! กระหม่อมนำมันมาแค่ชุดเดียวพ่ะย่ะค่ะ!”
แล้วฟาร์มาก็ลืมเรื่องของจักรพรรดินีไปอีกครั้ง และแน่นอนว่าเธอโกรธเขาจนหน้าแดงเลยทีเดียว
ชุดดูแลช่องปากนี้เราอยากจะให้เธอนำไปกระจายมันให้กับเหล่าผู้คนด้วยนะ นั่นคือสิ่งที่เธอบอกกับเขา……แล้วจากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงก่อนจะส่ายหน้าไปมา
“แน่นอนว่าผู้คิดค้นนั้นควรจะได้รับสิทธิประโยชน์ในส่วนนี้ไป อย่างไรก็ตามครั้งนี้ก็อย่าทำอะไรให้มันมากเกินไปก็แล้วกันนะ”
จักรพรรดินีแนะนำให้เขาไม่สร้างตลาดผูกขาดขึ้นมาอีก
“ขอน้อมรับบัญชาพ่ะย่ะค่ะ”
หลังจากนี้เป็นต้นไปการเสนอแผนการเกี่ยวกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ของฟาร์มานั้น เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในกลุ่มของอุตสาหกรรม จักรพรรดินีจึงได้ก่อตั้ง กระทรวงเทคโนโลยี ขึ้นมาโดยเทคโนโลยีและสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ นั้นจะถูกดูแลโดยกระทรวงนี้ทั้งข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ (ยกเว้นในส่วนของที่ถูกจัดเอาไว้ว่าเป็นความลับทางการค้า) ผู้คนจะสามารถนำข้อมูลเหล่านี้ออกมาศึกษาได้หากจ่ายค่าธรรมเนียมในการอ่านวิจัยงานเล่มนั้นๆ ซึ่งแต่ละคนที่ลงทะเบียนผลงานใหม่ๆ ของตนนั้นสามารถจดได้ทั้งในนามของตนหรือไม่ระบุนามก็สามารถทำได้ ในส่วนของฟาร์มานั้นเขาได้จดทะเบียนกล้องจุลทรรศน์ เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากภายใต้นามของบริษัทห้างร้านในท้องถิ่นที่เป็นผู้่ผลิตนั้นๆ ไป
ดังนั้นหนึ่งเดือนหลังจากที่ ร้านขายยาต่างโลกได้เปิดขึ้นมา ชุดดูแลสุขภาพช่องปาก นั้นก็พร้อมสำหรับการเตรียมขายแล้ว ซึ่งเหล่าชนชั้นสูงที่ไม่ค่อยมีความกระตือรือร้นในการแปรงฟันเท่าไหร่นักและชอบทานของหวานเป็นชีวิตจิตใจต่างกระโดดเข้าหามันราวกับเจออัญมณีอันเลอค่า เพราะทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาหากพวกเขาฟันผุ จะต้องถูกถอนฟันซี่นั้นออกไปเลยทันที ซึ่งมีบางคนที่แทบจะไม่เหลือฟันอยู่เลยก็มี
“บางชุดดูเหมือนจะแพงมากเลยนะ ข้าขอชุดที่มันถูกกว่านี้หน่อยละกัน”
สำหรับสามัญชนก็เช่นกันพวกเขาต้องการจะลดค่าใช้จ่ายของตนลงบ้าง ดังนั้นฟาร์มาจึงได้เตรียมสินค้าเวอร์ชันที่ราคาถูกลงมาไว้ด้วย มันเป็นฟูสะ-โยจิ (เป็นแท่งไม้ที่ทำงานเป็นไม้จิ้มฟันด้านหนึ่งและอีกด้านเป็นแปรงไม้) ซึ่งมันถูกใช้ในสมัยเอโดะของญี่ปุ่นที่ประกอบด้วยผงฟลูออไรด์และชุดไหมขัดฟันด้วย
“อื้ม ถ้าเป็นราคานี้ข้าจ่ายไหว!”
ทั้งบริเวณหน้าร้านนี้รวมถึงร้านเมดีกนั้นได้เปิดขายแปรงสีฟันและการบรรยายข้อมูลเกี่ยวกับช่องปากนั้นก็เริ่มได้รับความสนใจมากขึ้นในทุกๆ วัน แทนที่ฟาร์มานั้นจะเป็นผู้บรรยายเองเขาได้ยกหน้าที่นี้ให้กับเอเลนไปเพราะเขาต้องการอุทิศตัวให้กับอาชีพของเขาในฐานะแพทย์โอสถของโลกใบนี้ที่ทำหน้าที่วินิจฉัยโรค สั่งยา และผสมยามากกว่า
เนื่องจากเอลิซาเบทนั้นได้อนุญาตให้พวกเขาสามารถใช้ลานกว้างของเมืองได้อย่างอิสระ พวกเขาจึงได้ใช้ที่นั่นในการจัดสัมมนาเกี่ยวกับการป้องกันโรคและการดูแลช่องปากที่ไม่สามารถทำได้ในร้าน เหล่าประชาชนที่มีเวลาว่างก็ต่างหลั่งไหลกันเข้ามาราวกับมีงานเทศกาลจัดขึ้นมากลางเมือง
ดังนั้นพ่อค้าหลายคนจึงได้ทำตามสูตรที่เขาได้รับฟังจากที่บรรยายและลองนำไปทำตามให้กลายเป็นยาสามัญเพราะยังไงสามัญชนทั่วไปก็ต้องซื้อชุดดูแลสุขภาพช่องปากอยู่แล้ว
เมื่อรู้วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง ความคิดของผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนไป เมื่อพวกเขาได้ยินมาว่ามันสามารถป้องกันและลดโอกาสการเป็นโรคปอดบวมได้ด้วย พวกเขาจึงรีบทำตามกันด้วยความกระตือรือร้น
ส่วนทางด้านองค์ชายนั้นเขาได้ถูกควบคุมการทานขนมหวานจากจักรพรรดินีโดยตรง
“เราจะต้องควบคุมตัวเองให้ได้แม้จะเพียงแค่ช่วงเวลาหนึ่ง……อ่า อยากทานขนมหวานจังเลย”
จากนั้นความคิดดีๆ ก็ผ่านเข้าหัวของฟาร์มาเพื่อแก้ปัญหาให้กับองค์ชาย
มันคือลูกอมที่มีไซลิทอลซึ่งไม่มีสารที่ก่อให้เกิดฟันผุ
ซึ่งเขาได้ลงทะเบียนโดยไม่ระบุตัวผู้คิดค้นกับกระทรวงเทคโนโลยี
“มันแทบจะไม่มีน้ำตาลที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดฟันผุเลยพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นหายห่วงเรื่องนั้นได้เลย.”
“แล้วมันหวานหรือเปล่า!?”
“แต่ถึงอย่างนั้นถ้าองค์ชายทานมันมากไประวังจะต้องเข้าห้องน้ำบ่อยๆ นะพ่ะย่ะค่ะ”
องค์ชายกล่าวกับฟาร์มาว่าเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับลูกอมที่ให้ความรู้สึกสดชื่นและแปลกใหม่นี้
ในอีกด้านหนึ่ง ตาณองขาประจำของร้านขายยานี้ก็เริ่มจะชื่นชอบการกินลูกอมลงเรือที่มีส่วนผสมของไซลิทอลบ้างแล้วเหมือนกัน
——–
Note : สามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913