Parallel World Pharmacy - ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 13
ตอนที่ 13 ปี 1145 : การก่อตั้งร้านขายยาต่างโลกแห่งแรก ณ เมืองหลวง
——
“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลกับพวกกิลด์แพทย์โอสถหรอก ถึงจะเดาการกระทำของพวกนั้นไม่ได้ แต่อย่างน้อยพวกนั้นก็น่าจะมีความภาคภูมิใจในฐานะแพทย์โอสถกันอยู่แน่นอน การจะมีละเมิดกฎหรือทำอะไรข้ามเส้นเกินไปพวกนั้นก็ต้องรู้ตัวอยู่แล้วว่าผลที่ตามจะเป็นยังไง ฉันจะจัดการพวกมันด้วยศาสตร์แห่งเทพของฉันให้เองแล้วจะเอาพวกมันไปลอยแพ รู้หรือเปล่าการที่ชนชั้นสูงจะจัดการกับพวกสามัญชนน่ะมันเป็นเรื่องง่ายนิดเดียวสบายมากหายห่วง”
เอเลนกล่าวให้กำลังใจ
ฟาร์มารู้ดีว่าเอเลนนั้นพยายามให้กำลังใจเขาและบอกกับเขาว่าไม่ต้องไปสนใจคนพวกนั้น
“ที่สำคัญกว่านั้นพวกเรายังไม่ได้คิดถึงเรื่องสินค้าที่จะใช้ในการขายเลยนะ ว่าจะขายอะไรในร้านขายยาตอนนี้บ้าง พื้นที่ก็ยังเหลือว่างอีกเยอะด้วย”
เขาดูไม่ค่อยจะสนใจคนพวกนั้นเท่าไหร่นัก
ในหัวของเขาตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับ ผ้าปิดปาก ผ้าพันแผล เวเฟอร์สมุนไพร เครื่องดื่มชูกำลัง และแผนในการขาย
“นั่นก็จริงนะ ว่าแต่ฟาร์มาคุง เธอจะไปเก็บสต๊อกสมุนไพรมาจากที่ไหนกันเหรอ?”
เอเลนวางมือเท้าเอวของเธอก่อนจะถามเขาด้วยท่าทางที่จริงจัง
“เนื่องจากว่าอาจารย์บรูโนเป็นนักวิชาการ ท่านไม่น่าจะมีวัตถุดิบพอที่จะนำมาขายได้ตลอดจึงไม่น่าจะใช่ตัวเลือกที่ดีในการยืมมาใช้ตลอด เธอคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปลูกพวกวัตถุดิบสมุนไพรมาใช้เอง นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงการจัดหาวัสดุ ทั้งการทำบัญชี ต้นทุน ค่าจ้างในการจ่ายให้กับขั้นตอนต่างๆ ในการผลิตด้วย”
“อืม เข้าใจแล้ว”
“อย่างงั้นเหรอ? ไม่ใช่ว่าเธอจะประมาทจนเกินไปนะ?”
(เรามีความสามารถในการสร้างสสารดังนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพวกยาสมุนไพร น่าจะไม่มีปัญหาแต่ถึงอย่างนั้น…)
ฟาร์มาเปลี่ยนกระบวนการคิดของเขาใหม่ แน่นอนว่ามันต้องน่าสงสัยมากแน่ๆ ถ้าคนอื่นไม่รู้แหล่งที่มาที่ไปของพวกวัตถุดิบเหล่านั้น และเขาก็ยังไม่ได้บอกใครเกี่ยวกับความสามารถในการสร้างสสารขึ้นมาได้แม้กระทั่งพ่อของเขาหรือเอเลน
“ฉันคิดว่าเราน่าจะไปยืมสมุนไพรบางชนิดที่ปลูกได้จากดินแดนของอาจารย์บรูโนก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไรนะ เพราะท่านก็บอกกับฉันว่าจักรพรรดินีอนุญาตให้เธอใช้มันได้ด้วยนี่”
เอเลนเสนอเรื่องนี้กับฟาร์มา
“อย่างที่คุณว่า ท่านพ่อก็ได้ที่ดินเพิ่มขึ้นมาแล้วนี่นา”
“เขตแดนมาเซลนั้นเป็นแหล่งรวมตัวของผู้ผลิตยาสมุนไพรที่หาได้ยาก ดังนั้นจึงเป็นทางเลือกที่ดีเลยเพราะเรายังสามารถได้สมุนไพรใหม่ๆ มาจากท่าเรือที่นำเข้าสินค้าและวัตถุดิบจากแหล่งอย่าง อิสมาลิคหรืออินเดี้ยนด้วย”
ความรู้ทางภูมิศาสตร์ของเอเลนถือว่าดีเลยทีเดียว
(เอ๋? อิสมาลิค อินเดี้ยน?)
ฟาร์มารู้สึกเหมือนเดจาวูเพราะคำเหล่านี้คล้ายกับคำเรียกของคนที่มาจากโลกของเขาเลย
ถึงจะพูดแบบนั้นแต่เขาก็ยังไม่เคยเห็นแผนที่ของโลกใบนี้เลย (ใกล้เคียงกับชาวอิสลามและชาวอินเดีย)
“จริงด้วยสินะ งั้นพวกเราก็ควรจะลองไปทักทายคนของมาเซลเร็วๆ นี้น่าจะเป็นเรื่องที่ดี”
ฟาร์มานั้นจำชื่อเมืองได้ดีเพราะชื่อนั้นมีความใกล้เคียงกับเมืองมาร์แซย์ของประเทศฝรั่งเศส (เมืองท่า)
ฟาร์มากำลังเฝ้ารอคอยว่าจะได้เห็นดินแดน ผู้คนและสมุนไพรเป็นแบบไหนกัน
________________________________________________________________
ด้วยความร่วมมือจากพ่อของเขาและเอเลนทำให้ฟาร์มานั้นสามารถจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นทุกชนิดในการดำเนินการในร้านขายยาได้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องชั่ง ขวด ช้อนตวง ตู้เก็บยา สารเคมี สมุนไพร หม้อน้ำ หม้อขนาดเล็ก เครื่องเขียน บีกเกอร์ ฯลฯ
หลังจากนั้นเขาทำการสร้างตัวยาสำหรับโรคที่คาดว่าจะใช้ได้ทักษะในการสร้างสสารในการสร้างขึ้นมาได้เท่านั้นใส่ลงไปในขวดยา
ผ้าปิดปาก ผ้าพันแผล เครื่องมือสนับสนุนทางการแพทย์ ฯลฯ นั้นได้รับการช่วยเหลือจากช่างฝีมือ ส่วนทางยาแก้ไอไปจนถึงลูกอมเกลือวาฟเฟิลวิตามินรวมก็ได้รับการช่วยเหลือจากร้านขายลูกกวาด
“สำหรับตอนนี้ดูเหมือนของจะไม่ค่อยพอนะ”
“เนื่องจากงานหลักของเราคือการทำยา ดังนั้นฉันคิดว่าเธอน่าจะค่อยๆ ทำยาต่างๆ ขายหลังจากที่ได้รับคำขอมาจากผู้ป่วยอีกทีน่าจะดีนะ”
ฟาร์มาพยักหน้าตกลง
“ผมคิดว่าเป็นเรื่องดีเหมือนกันเพราะเราคงไม่มีเวลาพอที่จะมาทำยาทุกอย่างแล้วขายทั้งหมดไปในทีเดียว ดีละเรามาค่อยๆ ทำยาที่พวกเขาต้องการขายไปก็น่าจะดีเหมือนกัน”
ลอตเต้ได้เฝ้าดูสถานการณ์ขณะช่วยฟาร์มาแพ็คของ ท่าทีของเธอดูเหมือนจะเหงาๆ เล็กน้อย
“วันนี้ท่านฟาร์มายุ่งมากๆ เลยใช่ไหมคะ? ท่านจะทำงานที่นี่ในช่วงกลางวันและกลับบ้านในตอนดึกใช่ไหมคะ?”
“พอช่วงเย็นผมก็น่าจะกลับ”
ฟาร์มาพูดโดยที่มือของเขายังไม่หยุดการทำงาน
“อย่างงั้นเหรอคะ…?”
ช่วงนี้แทบจะไม่ได้เจอกันเลย… และลอตเต้นั้นเข้าใจดีว่าเวลาที่เธอได้ใช้ร่วมกับฟาร์มาลดลงไปอย่างมากตั้งแต่เขามาทำงานที่ร้านขายยาแห่งนี้ เธอทั้งรู้สึกหดหู่และผิดหวังกับความคิดของตัวเองในตอนนี้
“หากผมไม่อยู่บ้านในช่วงกลางวันที่จริง ลอตเต้น่าจะหาเวลาพักผ่อนให้กับตัวเองบ้างก็ดีนะ งานที่ต้องดูแลผมก็น้อยลงแล้วด้วย”
ฟาร์มาพูดด้วยความเป็นห่วง
ถึงจะเป็นอย่างนั้นลอตเต้ก็ไม่อยากจะแยกออกจากฟาร์มา แม้ว่าจะทำให้เธอต้องมีภาระงานที่มากขึ้นก็ตาม
“จะว่าไปตอนนี้ผมก็ต้องใช้เวลาไปกับการทำยาและวินิจฉัยโรคด้วยผมอยากจะได้คนมาช่วยในการจัดการเรื่องงานทั่วไปแล้วก็เรื่องบัญชีของร้านอยู่เหมือนกันนะ”
เมื่อฟาร์มาคุยกับเอเลนถึงเรื่องนั้นลอตเต้ก็ยกมือของเธอขึ้นมาทันที
“ฉันเองค่ะ!”
“ลอตเต้?”
“ขอแนะนำตัวนะคะ! ฉันเก่งเรื่องการคำนวณค่ะ ลายมือก็สวยมากด้วยแถมมีความสามารถในการทำความสะอาดอย่างถูกวิธีและทั่วถึงด้วย ดังนั้นท่านฟาร์มาคะรับฉันเข้าทำงานด้วยเถอะค่ะ!”
“เธอเหรอ? แต่เธอพึ่งจะอายุได้ 9 ปีเองนะ!?”
“และท่านก็อายุเพียง 10 ปีค่ะ ท่านฟาร์มา”
ลอตเต้เชิดหน้าอกเล็กๆ ของเธอขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ แม้ว่าเธอจะเป็นข้ารับใช้ แต่เธอก็สามารถคำนวณและอ่านเขียนได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นการทำบัญชีนั้นก็น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเธอ ดังนั้นเธอจึงพยายามดึงความสนใจจากฟาร์มาให้ได้มากที่สุด
“ฉันไม่ต้องการจะทำแค่พวกงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ แล้วค่ะ ฉันอยากเป็นประโยชน์ให้กับท่านฟาร์มา! ฉะー! ฉันชาร์ล็อตจะพยายามอย่างสุดความสามารถค่ะー!”
เธอพูดออกมาพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกาย ดังนั้นฟาร์มาจึงไม่มีโอกาสแม้แต่จะปฏิเสธเธอเลย
สิ่งที่เธอจะทำมันดูเหมือนการใช้แรงงานเด็กมาก เขาได้ขออนุญาตจากพ่อของเขาให้รับลอตเต้เข้าทำงานและเขาก็ได้รับอนุญาตให้ทำตามใจชอบได้เลย
“ดีละ ถ้าอย่างนั้นผมจะขอให้เธอช่วยไปทำธุระให้ผมในที่ต่างๆ ด้วยนะครับ”
“โปรดใช้งานฉันให้เต็มที่เลยค่ะ! วางใจได้เลย!”
ด้วยเหตุนี้ฟาร์มาจึงตัดสินใจที่จะจ้างเอเลนและลอตเต้เป็นพนักงานในร้านขายยาของเขา
เช้าวันรุ่งขึ้น
“โอ้ คุณเซดริก”
ใบหน้าพนักงานที่คุ้นเคย เขาเพิ่งได้รับโบนัสการเกษียณอายุงานของเขาและกระเป๋าของเขาก็เต็มไปด้วยสัมภาระพร้อมจะออกเดินทางแล้ว เหล่าข้ารับใช้ทุกคนต่างมารวมตัวกันและส่งช่อดอกไม้ให้กับเขา ตัวเขานั้นทำหน้าที่ในการดูแลเรื่องการเงินทั้งหมดของครอบครัวเดอเมดิซbl ชื่อของเขาคือ เซดริก ลูเนอัล เขามีตำแหน่งเป็นบารอน ซึ่งบังเอิญพบเขาขณะกำลังออกจากคฤหาสน์
“ท่านฟาร์มา เซดริกผู้ที่จะเกษียณอายุงานแล้ว ในวันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ทำหน้าที่รับใช้ครอบครัวของท่านครับ”
บลูโนบอกว่าสาเหตุที่เขาปล่อยเซดริกไปนั้นเพราะตัวเซดริกมีปัญหาที่เข่าทั้งสองข้างอันเนื่องมาจากการทำงานหนักเกินไปเป็นเวลานาน แม้จะเป็นเรื่องที่โหดร้ายสำหรับการไล่ออกแต่จุดประสงค์ของบรูโนนั้นคือการให้เขาไปพักฟื้นอยู่ในพื้นที่แถบชนบท นอกจากนั้นเซดริกยังกล่าวอีกว่าตนนั้นได้รับดินแดนเล็กๆ มาจากบรูโนอีกด้วย
เซดริกได้เข้าไปกล่าวลากับบรูโนเมื่อไม่นานมานี้และกำลังจะออกเดินทาง
“ทั้งท่านฟาร์มาและท่านบรูโน่ ผมรู้สึกขอบคุณท่านทั้งสองจากใจจริง”
เซดริกผู้ซึ่งกำลังโค้งคำนับเขาและอีกมือหนึ่งถือไม้เท้า เขาดูหนุ่มเกินไปที่จะเกษียณอายุการทำงานเพราะเขาเพิ่งจะอยู่ในช่วง 40 ต้นๆ เท่านั้นเอง ฟาร์มาพูดอำลาเขาเป็นครั้งสุดท้ายขณะที่เซดริกกำลังจะเดินจากไปทั้งน้ำตา
“คุณเซดริกจะทำอะไรต่อจากนี้เหรอครับ?”
“ผมก็จะไปใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ ในพื้นที่ชนบทครับ เงินโบนัสเกษียณแล้วก็ที่ดินก็ได้รับมาจากท่านบรูโนแล้วด้วย แม้ว่าผมอยากจะทำงานให้กับท่านต่อไปก็ตามทีแต่ตอนนี้หัวเข่าของผมมัน…”
เซดริกพูดอย่างเจ็บใจขณะที่ตบไปยังเข่าของตน
“คุณยังอยากทำงานอยู่เหรอครับ?”
“แน่นอนที่สุดครับ”
“ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจมาทำงานกับผมหรือเปล่าครับ?”
“ก็อย่างที่ท่านเห็นครับ เข่าของผมตอนนี้มันไม่ไหวแล้ว แม้แต่จะเดินยังลำบากเลย ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงให้กับท่านหรอกครับ ถ้าหากเดินไม่ค่อยไหวแบบนี้”
เซดริกกำลังถูหัวเขาของตน เมื่อฟาร์มาใช้ดวงตาวินิจฉัยส่องดูทำให้รู้ว่าเขามีอาการอักเสบที่ข้อต่อหัวเข่าและมีของเหลวสะสมอยู่ในนั้นด้วย
“คุณสามารถทำงานในร้านโดยนั่งอยู่ตลอดในฐานะเสมียนก็ได้ครับ เพราะนั้นก็เป็นความสามารถของคุณด้วยใช่หรือเปล่าครับ? คุณเซดริกรู้เรื่องการการเงินแล้วก็กฎหมายของจักรวรรดิเป็นอย่างดีด้วย แล้วก็ยังรู้วิธีทำเอกสารส่งทางการด้วย เพราะเหตุนั้นผมจึงอยากได้คุณที่มีความสามารถเชี่ยวชาญในด้านพวกนี้มาช่วยงานผมครับ และผมคิดว่าหัวเข่าของคุณสามารถรักษาหายได้นะครับ ถ้าคุณทานยาที่ผมกำหนดให้เป็นประจำ”
“เป็นพระคุณอย่างมากครับ… เพราะว่าท่านบรูโนนั้นไม่ได้ให้ยาอะไรมารักษาอาการนี้เลย จะมีก็แต่ต้องพักผ่อนเพื่อให้บรรเทาอาการนี้ลงเท่านั้น”
ก็ไม่ผิดนักที่การพักผ่อนอยู่บนเตียงนั้นจะเป็นการรักษาที่ดีอย่างหนึ่ง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมบรูโนถึงไม่ได้ให้ยากับเขาเลย
“ผมรับประกันว่าจะให้ยารักษากับคุณครับ แต่ผมคิดว่าบางที นี่อาจจะเป็นการบังคับมากจนเกินไป ดังนั้นจะรับข้อเสนอที่เหลือของผมหรือเปล่าก็แล้วแต่คุณเลยครับ”
“ถ้าหากท่านต้องการคนอย่างผมจริงๆ จากนี้ก็ขอฝากตัวด้วยนะครับ!”
เซดริกยอมรับมันด้วยความเต็มใจ ในขณะที่ร้องไห้ออกมาด้วย
“ผมขอรับคุณเข้าทำงานครับ คุณเซดริก”
ดังนั้นเซดริกจึงได้รับการว่าจ้างจากฟาร์มาให้เข้าทำงานในวันถัดไป
ถึงแบบนั้นช่วงเวลาที่พ่อของเขานั้นไล่เซดริกออกมันจะเหมาะเจาะเกินไปหรือเปล่าฟาร์มาไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย
___________________________________________________________________
หลายวันต่อมาหลังจากการเปิดร้านขายยา บรูโนได้กลับมาจากการเดินทางและเรียกฟาร์มาเข้ามาที่ห้องของเขา เขากำลังอ่านหนังสือหนาๆ และเขียนอะไรบางอย่างอยู่
“การเตรียมการเป็นไปได้ด้วยดีหรือเปล่า? พ่อได้ยินมาจากเอเลโอนอร์ว่าทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทางมากขึ้นแล้วนี่”
“ครับ โดยทั่วไปแล้วผมคิดว่ามันกำลังเดินไปหน้าไปได้ด้วยดีเลยครับ”
“เจ้าสามารถใช้สมุนไพรจากสวนของเราได้นะ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ควรจะเป็นแหล่งวัตถุดิบเดียวที่เจ้านำไปใช้นะเข้าใจหรือเปล่า?”
“ครับ ผมได้ยินมาจากคุณเอเลโอนอร์แล้วครับ”
พ่อของเขาตบมือเรียกหัวหน้าพ่อบ้านไซม่อนเข้ามา
“ไปเอาสิ่งนั้นมาซิ”
“ครับ คุณท่าน”
หัวหน้าพ่อบ้านไซม่อนและข้ารับใช้อีกสามคนนำกล่องขนาดใหญ่เข้ามาตามคำสั่งของพ่อเขา ฟาร์มาพยายามพยุงตัวขึ้นเพื่อมองดูว่ามีอะไรอยู่ในกล่อง และไซม่อนก็ได้ให้กุญแจกับเขาด้วยรอยยิ้ม
“กรุณาลองเปิดดูข้างในสิครับ”
ขณะที่กำลังสับสนฟาร์มาก็วางมือบนกล่องและปลดล็อคมัน
สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขานั้นคือเหรียญทองของจักรวรรดิมากมายอยู่ภายในกล่อง
จากความมั่งคั่งของพ่อเขา ฟาร์มาจึงเข้าใจว่านี่ล้วนมาจากอำนาจของพ่อเขาทั้งสิ้น
“จากนี้ก็พยายามเข้ากับงานของเจ้านะ พ่อเข้าใจว่าเจ้าได้รับความช่วยเหลือมาจากทางจักรพรรดินีแล้ว แต่ถึงอย่างงั้นการทำงานนี้ก็ยังจำเป็นที่จะต้องใช้เงินจำนวนมากอยู่ดี”
พ่อของเขาแสดงที่หน้าที่สดใสออกมาอย่างเห็นได้ชัด ฟาร์มามองเขาด้วยความตกใจ
“ทีนี้เรื่องเงินก็จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป”
อย่างไรก็ตามฟาร์มาก็ยังรู้สึกอายๆ อยู่ดี
“หลังจากที่เจ้าจ้างเซดริกเข้าทำงาน เจ้าสามารถฝากเรื่องการจัดการเงินให้เขาได้เลยเพราะเขามีความสามารถสูงมาก มันคงจะอันตรายแย่ถ้าเอาเงินพวกนี้ไปฝากไว้กับธนาคาร”
“แต่นี่มันก็มากเกินไปนะครับ”
“ก็นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญของลูกชายนี่ ให้พ่อได้ทำหน้าที่พ่อของเจ้าอีกสักครั้งหนึ่งเถอะ”
“ท่านพ่อครับ…นี่มันเป็นเงินของตระกูลเราเลยนะครับ”
ฟาร์มาไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของสกุลเงินโลกนี้มากนักแต่เขาก็ไม่น่าจะมองมันผิด
“อะไรกัน? รู้หรือเปล่าว่าที่จริงแล้วเงินเหล่านี้เป็นค่าเรียนของเจ้า และค่าใช้จ่ายในมหาวิทยาลัยแพทย์และยาโนว่ารูตด้วยนะ แต่ตอนนี้เจ้าไม่จำเป็นต้องไปที่แห่งนั้นอีกแล้วด้วยพลังจากเทพโอสถและตราประทับที่เจ้าได้มาจากจักรพรรดินี พ่อพูดได้เลยว่าตอนนี้เจ้าเป็นแพทย์โอสถที่มีความสามารถอย่างเต็มเปี่ยมแล้วแน่นอน”
ฟาร์มาที่จะพูดอะไรบางอย่างก็ได้ถูกพ่อของเขาตัดบทไป
“พ่อก็อยากจะดูดีบ้างในเวลาแบบนี้บ้างนะ ในฐานะพ่อแม่ของเจ้า”
บรูโนแตะเคราของตนในขณะที่พูด
“ขอบพระคุณมากครับท่านพ่อ ผมจะใช้มันอย่างระมัดระวัง”
ฟาร์มาตัดสินใจรับของขวัญชิ้นนั้น หลังจากให้เซดริกตรวจสอบพบว่ามันมีมูลค่าถึง 1 ใน 5 ของทรัพย์สินที่บรูโนถือครองไว้ ดูเหมือนบรูโนจะทุ่มทุนไปกับการให้ครั้งนี้มากทีเดียว
__________________________________________________________________
และตอนนี้ร้านขายยาต่างโลกก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว
ร้านสูง 4 ชั้นซึ่งทำหน้าที่เป็นทั้งห้องทำงานและที่พัก ในรูปแบบของร้านค้า
ชั้นที่ 1 นั้นเป็นร้านหลัก
มันรวมไปถึงเป็นห้องในการให้คำปรึกษาลูกค้า ห้องรับแขกและห้องปรึกษางาน การตกแต่งภายในมีความสว่างสดใส แต่เนื่องจากมียาบางพวกที่อ่อนไหวต่อแสงจึงถูกเก็บเอาไว้ในขวดที่ทึบและวางไว้ในตู้เก็บยาอีกที อย่างไรก็ตามยังมีพื้นที่ในการขายสินค้าเช่นพวกเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ยาและยาที่่ผสมขึ้นมาเอง
ชั้นที่ 2 ห้องรับรองและห้องพัก
เป็นสถานที่ที่ผู้ป่วยหนัก หรือ ผู้ป่วยที่ต้องการความเป็นส่วนตัวเข้ามาพักและรับยา นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อนอีกด้วย ชั้นนี้ถูกจัดไว้ในการตรวจสอบสภาพของผู้ป่วยเพื่อติดตามอาการว่าควรจะรับการรักษาอย่างไรต่อไป มีห้องตรวจ 1 ห้อง และ ห้องแยกที่มีเตียง 4 เตียงต่อ 1 ห้องกับห้องน้ำภายใน
ชั้นที่ 3 ห้องพักสำหรับพนักงาน
มีเตียงกับโซฟาอยู่ในห้องนั่งเล่นและมีห้องรับประทานอาหาร เป็นสถานที่พ้กสำหรับพนักงานในช่วงกลางวัน นอกจากนั้นยังมีห้องครัวอีกด้วย
ชั้นที่ 4 ห้องปฏิบัติการพัฒนาและคิดค้นยา
เป็นห้องที่มีกุญแจล็อกซึ่งฟาร์มาได้ทุ่มเทไปกับงานวิจัยของเขาอยู่ภายใน เป็นสถานที่ในการพัฒนายาซึ่งมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ก็มีพื้นที่เพียงพอสำหรับให้คนทำงาน เขาล็อกมันไว้อย่างดีในยามค่ำคืน
“เอ๋? ร้านขายยามีพื้นที่ส่วนรองรับแขกด้วยเหรอ”
เอเลนรู้สึกประหลาดใจกับโซฟายาวที่ดูเหมือนจะนั่งสบายมากอยู่ตรงใกล้กับทางเข้าของร้าน
“บางทีอาจจะมีผู้ป่วยจำนวนมากที่ต้องการยา นั่นเป็นเหตุผลที่ควรให้พวกเขานั่งในขณะรอคิวนะครับ มันง่ายสำหรับการเดินทางไปมาของพวกเขาภายในด้วย”
แน่นอนว่าแนวคิดนี้ได้มาจากญี่ปุ่น ทั้งตู้น้ำที่ตั้งอยู่ข้างเคาน์เตอร์ ซึ่งเป็นบริการฟรีสำหรับลูกค้า
“ลูกค้าสามารถดื่มน้ำสะอาดได้ฟรีงั้นเหรอ? แต่น้ำสะอาดมันไม่ได้ได้มาฟรีนะเธอรู่ไหม?”
เอเลนเปิดตากว้าง
“ผมก็ไม่ได้ใช้เงินไปกับส่วนนี้อยู่แล้ว”
“อย่าบอกฉันนะว่าเธอ ใช้ศาสตร์แห่งเทพเสกมันขึ้นมา?”
ฟาร์มาพยักหน้าของเขาในขณะที่กำลังดื่มน้ำ น้ำเย็นกำลังดีทำให้สดชื่นไปถึงลำคอ ลอตเต้ที่คอยทำงานจิปาถะอยู่ก็ดื่มมันอย่างน่าอร่อย ภายหลังฟาร์มาถึงกับถอนหายใจออกทางจมูกเพราะเขาต้องเติมน้ำบ่อยมากสืบเนื่องมาจากลอตเต้ที่ดื่มมันมากเกินไป
“เพราะผมสามารถสร้างมันขึ้นมาได้ฟรีๆ อยู่แล้ว และผู้คนที่นี่ก็ต้องการน้ำที่สะอาด ที่ไม่สามารถหาได้ง่ายๆ บนโลกใบนี้ด้วย ผมคิดว่านี่น่าจะเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถดึงดูดลูกค้ามาได้นะ”
“ก็จริงอยู่เพราะน้ำที่สร้างมาจากศาสตร์แห่งเทพนั้นพวกคนธรรมดาคงไม่สามารถหาทางดื่มได้ พวกเขาต้องการน้ำนี้แน่นอน ถ้าอย่างงั้นทำไมเราไม่เอาทำน้ำบรรจุขวดแล้วขายในราคาที่แพงหน่อยล่ะ?”
“โดยทั่วไปแล้วเพราะพวกเขาเข้ามาซื้อยาแล้วก็น่าจะแถมน้ำดื่มฟรีเป็นบริการไป เพราะจริงๆ แล้วน้ำสะอาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยมากเลย”
เอเลนคิดว่าอาจจะมีลูกค้าบางรายที่มาร้านนี้เพื่อดื่มน้ำเท่านั้นก็เป็นได้
จำนวนการกลับมาของลูกค้าต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
“นั่นแหละเป็นเหตุผลที่ไม่มีร้านไหนทำแบบนี้มาก่อนเลย”
ไม่ดีจริงๆ นั่นแหละนะ! นั่นคือความคิดของเอเลน
“นายน้อยเสื้อผ้ากับรองเท้าที่ท่านสั่งไว้เสร็จแล้วค่ะ”
เจ้าของร้านจากร้านตัดเสื้อฝั่งตรงข้ามเดินเข้ามาในร้าน
“โอ้ เสร็จแล้วเหรอครับ?”
เมื่อเจ้าของร้านตัดเสื้อเข้ามาก็ได้รับการต้อนรับและดื่มน้ำ ก่อนฟาร์มาจะตรวจสอบผ้าของเขา
“ความยาวเป็นยังไงบ้างคะ ฉันทำมันมาสองชุด”
ฟาร์มาใส่แขนของเขาเข้าไปผ่านแขนเสื้อตัวใหม่นี้ เมื่อลอตเต้เห็นเธอก็ปรบมือให้กับเขาด้วยความประหลาดใจ
“พอดีเลยครับ ขอบคุณมากครับ!”
ฟาร์มาจ่ายเงินไป เขาจัดหาสิ่งของจำนวนมากที่จำเป็นในต้องใช้สำหรับร้านขายยาจากร้านบริเวณใกล้เคียง นี่จะช่วยให้เขาสามารถทักทายทุกคนได้อย่างง่ายๆ และมีโอกาสจำใบหน้าของพวกเขาได้ด้วยในฐานะของผู้สั่งซื้อสินค้าจากร้าน
“เสื้อที่ท่านฟาร์มาใส่ดูแปลกมากเลยค่ะ สีขาวดูไม่ฉูดฉาดแล้วก็มองดูค่อนข้างน่ารักเลยทีเดียวค่ะ”
ลอตเต้หลงใหลไปกับชุดนี้และตะโกนสรรเสริญเขาซ้ำๆ ว่าเป็นผู้นำด้านแฟชั่นสมัยใหม่
ชุดเครื่องแบบที่ฟาร์มาได้รับนั้นเป็นชุดสีขาวที่เหมาะกับตัวเองซึ่งมีแขนยาวตรงปกคอมีรูปแบบเป็นเคซี่ย์ มันเป็นเสื้อสีขาวแขนยาวที่มีไว้สำหรับการทดลอง มีตราป้ายของร้านติดอยู่บริเวณแขนไหล่และมีมงกุฎสีทองซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแพทย์โอสถหลวงติดอยู่ที่แผงคอ เหล่าแพทย์และแพทย์โอสถในโลกนี้นั้นดูเหมือนจะสวมเสื้อคลุมสีดำทุกวัน เพราะฉะนั้นชุดสีขาวของฟาร์มานั้นคงต้องใช้เวลาสักพักเพื่อทำความคุ้นชิน เมื่อทำการทดลองในห้องปฏิบัติการบนชั้น 4 เขาจะสวมเสื้อคลุมสีขาวที่ยาวขึ้น และเมื่อเขาลงมาที่ร้านเขาจะถอดเสื้อคลุมสีขาวที่มีคราบสกปรกนั้นออก
ตั้งแต่เขาไม่มีเงาเสื้อคลุมสีขาวราวกับหิมะนี้จะช่วยดึงความสนใจของสายตาผู้คนได้มากเลยทีเดียว
“พอใส่ชุดขาวแบบนี้แล้วรู้สึกสบายใจกว่าชุดอื่นจริงๆ นั่นแหละน้าー”
แต่เดิมฟาร์มานั้นเป็นนักวิจัยชุดนี้จึงเหมือนกับชุดทำงานของเขาอยู่แล้ว จากที่เขาพูดประโยคนั้นออกมาด้วยท่าทางที่จริงจัง ลอตเต้และเอเลนก็มองหน้ากันแล้วคิดว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้นเพราะเป็นครั้งแรกที่เขาสวมชุดนี้
“พวกเราต้องใส่ด้วยหรือเปล่า?”
ไม่มีความจำเป็นที่่พวกเธอจะต้องใส่ชุดคลุมเอาไว้ เสื้อผ้าสีขาวอ่อนนั้นก็ทำออกมาได้ดีมากเช่นกันเพราะมันสามารถทำให้เห็นถึงรอยเปื้อนได้ชัดเจนมากขึ้น ฟาร์มาจึงได้สั่งชุดไว้สำหรับทั้งสองคนด้วย
อย่างไรก็ตามหลายวันหลังจากนั้นเมื่อเอเลนได้ชุดสีขาวซึ่งมีปกคอยื่นสูงขึ้นมาเหมาะกับเธอ มันสมบูรณ์แบบมากๆ เพราะมันทำให้เห็นรูปร่างของเธอได้อย่างเต็มที่ เขาไม่รู้ว่าช่างตัดเสื้อทำผิดพลาดในการวัดตัวหรือตั้งใจทำให้มันมีขนาดเล็กกว่าตัวหน่อยหนึ่ง
“เอเลนก็จะใส่ชุดคลุมด้วย?”
เอลเลนอธิบายเหตุผลที่ดูเหมือนจะเป็นข้ออ้างก่อนที่ฟาร์มาจะได้พูดอะไรขึ้นมา
“เพราะถ้าหากเราไม่เหมือนกันทุกคนมันก็จะแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกไม่สามัคคีกันสิ ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องมีเสื้อคลุมไว้ด้วย เพราะเหตุนี้ฉันจึงไปปรับแก้มาให้มันดูเหมาะสม เป็นไงบ้างล่ะ?”
“ไม่ใช่แค่นั้นนะคะคุณเอเลโอนอร์ยังบอกอีกว่าชุดของท่านฟาร์มาดูดีสุดๆ ไปเลยค่ะ”
ลอตเต้บอกกับฟาร์มา
“หน็อย ลอตเต้! ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย”
ลอตเต้นั้นใส่ชุดทำงานสีขาวสดใสซึ่งเหมาะกับเธอมากโดยเธอมีผ้ากันเปื้อนสวมคลุมไว้อีกชั้นหนึ่ง ทางด้านของเซดริกก็สวมชุดสีขาวพร้อมผ้ากันเปื้อนเช่นเดียวกัน ดูเหมือนเอเลนจะใช้เงินของเธอในการแก้เครื่องแบบแน่ๆ
“อื้ม เยี่ยมยอด เหมาะกับทุกคนจริงๆ”
“ฮิฮิฮิ ฉันขอรับความรู้สึกไว้นะคะ!”
ดังนั้นด้วยการเตรียมการทั้งหมดก็พร้อมแล้วสำหรับการเปิดทำการอย่างเป็นทางการของร้าน
ฟาร์มาให้คำแนะนำกับทั้งสามว่าควรจะเริ่มดำเนินการในร้านอย่างไรบ้าง
“มีบางสิ่งที่ผมอยากจะให้พวกเราได้จำกันเอาไว้ก่อนจะเปิดร้านขายยาให้กับคนทั่วไป”
ทั้งสามคนเริ่มอยู่ในอาการตึงเครียด
ก่อนที่ฟาร์มาจะพูดอย่างจริงจัง
“ก่อนอื่นเลยพนักงานทุกคนของเราต้องดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีอยู่ตลอดเวลา”
มันสะท้อนมาจากชีวิตที่ผ่านมาของเขาด้วยความเลินเล่อและกระตือรือร้นในการทำงานมากจนเกินไปเขาจึงอยากจะแก้ไขความผิดพลาดในอดีตของเขาด้วยการกำหนดนโยบายนี้ออกมา คือจะให้เวลาทำการของร้านนั้นอยู่ในช่วง 9โมงเช้าถึง5โมงเย็นเท่านั้น และจะปิดทำการสองวันต่อสัปดาห์ อีกทั้งจะมีวันหยุดในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อนโดยจะยังได้รับค่าตอบแทนอยู่ในวันลาหยุด แน่นอนว่าตัวเขาเองก็ให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ฝืนตัวเองในการวิจัยยาทั้งคืนเหมือนกัน
“ก็จริง… พวกเราไม่ควรจะฝืนทำงานหนักมากเกินไป”
เอเลนยิ้มเหมือนกับกังวลเล็กน้อย ส่วนฟาร์มาก็พยักหน้าให้
“มีคำกล่าวจากประเทศอันแสนห่างไกลที่ว่า ‘ศาสตร์แพทย์นั้นเป็นศาสตร์แห่งความเมตตา ดังนั้นมันจึงสามารถเข้าถึงจิตใจของผู้คนได้ง่ายและรับบทบาทเป็นทั้งผู้พิทักษ์และผู้ช่วยเหลือ’ ”
“ฉันชอบบทกวีนี้นะ มันมาจากที่ไหนเหรอ?”
เอเลนถามหาถึงแหล่งที่มา มันเป็นบทกวีในหนังสือที่ชื่อว่า โยโจคุง (Yojokun) ซึ่งไม่ได้มีอยู่บนโลกนี้
“ป่วยที่มาที่นี่ต้องได้รับการช่วยเหลือไม่ว่าเขาจะเป็นใครก็ตาม หรือสมมุติว่าเราไม่สามารถรักษาให้หายได้ก็ต้องทำให้จิตใจและความทุกข์ทรมานของผู้ป่วยนั้นลดน้อยลงไป นั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ ทำงานด้วยใจทั้งหมดที่มี”
“เข้าใจแล้วครับ อุดมคตินี้จะขอฝังมันอยู่ในใจไว้เลยครับ ว่าแต่ต้องใช้มันแค่ในตอนทำงานหรือเปล่าครับ?”
เซดริกพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์ขัน จากนั้นฟาร์มาก็กำมือของเขาแน่นไว้ทั้งสองข้าง
“ผมอยากจะเพิ่มอายุเฉลี่ยของคนในเมืองหลวงนี้ทันทีภายใน 10 ปีนี้ครับ”
ฟาร์มาจ้องไปที่ใบหน้าของแต่ละคน
ใบหน้าของเอเลนและเซดริกนั้นตกอยู่ในความสับสนและขากรรไกรของพวกเขาขยับขึ้นลงไปมา ส่วนลอตเต้นั้นจ้องมองแบบงงๆ เพราะเธอไม่เข้าใจค่าอายุเฉลี่ยหมายถึงอะไร
“นะ-นี่เธอพูดอะไรกัน? เพิ่มอายุขัยเฉลี่ยเนี่ยนะ? มันไม่ทางเพิ่มขึ้นได้หรอกนะ”
“พวกเราทำได้นะครับ”
ฟาร์มาพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง จนเอเลนพูดไม่ออก โดยตอนนี้ค่าเฉลี่ยของคนในทวีปนี้นั้นอยู่ที่ประมาณ 50 ปี โดยไม่นับพวกชนชั้นสูง
“นี่เธอจะแปลกประหลาดเกิดไปแล้วนะ… ไอเดียของเธอมันเกินขอบเขตที่มนุษย์จะเข้าใจได้แล้วนะ”
แต่เอเลนก็รู้สึกประทับใจในแผนของเขาและเชื่อว่าฟาร์มาผู้เป็นร่างสถิตของเทพโอสถนั้นจะสามารถช่วยเหลือทุกคนได้อย่างแน่นอนและเหตุนี้แผนการของเทพพระเจ้านั้นก็ได้เริ่มต้นขึ้น
“ก็แบบนั้นแหละนะ งั้นก็มาเริ่มกันเลยทุกคน”
ฟาร์มายื่นมือออกมา
“ค่ะ! มาพยายามกันให้เต็มที่อย่างสนุกสนานกันเลยค่ะ!”
ลอตเต้ตอบกลับอย่างร่าเริงและวางมือของเธอไว้บนมือฟาร์มา
“เพื่อเป็นการแทนพระคุณอันใหญ่หลวงนี้ เซดริกผู้นี้จะพยายามอย่างเต็มที่และอุทิศตนด้วยความเสียสละครับ”
เซดริกรีดแขนเสื้อขึ้นและยื่นมือลงไปด้วย
“ก็จริงนะครับ แต่ถึงอย่างนั้นคุณก็ไม่ควรทำงานหนักมากเกินไปนะครับ เรายังต้องการให้คุณรักษาสภาพกายและจิตให้ดีเหมือนกัน”
“ฮะๆๆ ก็ถูกของท่านนะครับ!”
“ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่เธอจะทำไม่ได้แล้วละนะ”
แล้วเอเลนก็วางมือไว้บนสุด
วันต่อมาอากาศแจ่มใสมีแดดเล็กน้อย
พิธีเปิดร้านขายยาต่างโลกได้เริ่มต้นขึ้น
มีผู้แทนจากจักรพรรดินีที่แต่งกายอย่างงดงามมาอ่านสารเปิดงานอยู่บริเวณหน้าร้านซึ่งภายในเวลานั้นต่างมีเหล่าพลเมืองและเจ้าของร้านรอบๆ เฝ้ามองดูอยู่ในระยะไกล
ประตูร้านถูกเปิดโล่งและมีเจ้าหน้าที่สวมชุดสีขาวอยู่สองคนและผู้ช่วยอีกสองรวมทั้งหมดสี่ยืนเรียงแถวกัน
“…แบบนี้ข้าจะพูดได้หรือเปล่านนะว่าสามัญชนอย่างเราสามารถเชื่อในการรักษาจากพวกเขาได้ เพราะดูยังไงคนดูแลร้านที่เป็นแพทย์โอสถก็อายุไม่น่าจะเกิน 10 ปีนะ”
“ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นบุตรชายคนที่สองของแกรนดยุกตระกูล เดอ เมดิซิสนะ”
“แล้วชนชั้นสูงขนาดนั้นมาอยู่ในที่แบบนี้เนี่ยนะ? นี่เขาได้รับอนุญาตจากจักรพรรดินีเพราะบารมีของพ่อแม่หรือเปล่าเนี่ย?”
“เขาดูใช้คำพูดสุภาพมากเลยนะ… แต่ฉันก็นึกไม่ถึงเลยว่าพวกชนชั้นสูงจะมีทัศนคติต่อพวกเราสามัญชนยังไง”
“พวกชนชั้นสูงไม่พูดดีๆ แบบนี้กับคนอื่นนอกจากข้ารับใช้ของตนหรอก ดูเหมือนเขาจะพูดยาว พอสมควรน่าจะเป็นไปตามบทพูดที่พ่อเขาเขียนให้แหละมั้ง แต่มันก็ยากที่จะจำเหมือนกันนะ”
“แต่ข้าไม่คิดว่านั่นเป็นการท่องจำมาพูดนะ”
เหล่าประชาชนต่างให้ความสนใจในเรื่องที่ฟาร์มากำลังพูด เพราะเด็กน้อยคนนี้กำลังเน้นถึงเรื่องที่ว่าเขาจะให้ความสนใจในการรักษาผู้ป่วยและทำให้คุณภาพชีวิตของพวกเขานั้นดียิ่งขึ้นไป สิ่งที่พวกเขาได้ยินนั้นเป็นเรื่องที่ใหม่มากสำหรับพวกเขา พวกเขาฟังคำกล่าวปราศรัยนั้นจนจบเป็นเวลาประมาณ 15 นาที
“จากวันนี้ไปจะขอเปิดทำการร้านอย่างเป็นทางการ”
เสียงของพวกเขาพูดผสมเข้าด้วยกัน
เหล่าพนักงานร้านขายยาต่างยืนเรียงแถวและก้มตัวลงต่อหน้าเหล่าพลเมือง
และกล่าวคำพูดทักทายครั้งแรกของพวกเขา
“ยินดีต้อนรับค่ะ/ครับ!!!”
เหล่าสามัญชนที่ได้เห็นเหตุการณ์ที่ชนชั้นสูงก้มหัวให้แก่พวกตนครั้งนั้น กลายเป็นประเด็นร้อนแรงภายในเมืองสักพักเลยทีเดียว
และแล้วร้านขายยาในมุมหนึ่งของเมืองหลวง ที่ไม่น่าจะถูกสร้างขึ้นมาบนโลกนี้ได้
โอสถแพทย์หลวง ฟาร์มา เดอ เมดิซิส อายุ 10 ปี
โอสถแพทย์ชั้นหนึ่ง เอเลโอนอร์ บอนฟัว อายุ 16 ปี
ฝ่ายการเงินและกฎหมาย เซดริก ลูเนอัล อายุ 42 ปี
เลขานุการ/แผนกงานทั่วไป ชาร์ล็อต ซอยเลอร์ อายุ 9 ปี
“ร้านขายยาสำหรับสามัญชน” เป็นหนึ่งในเรื่องที่ถูกกล่าวขานขึ้นมาเกี่ยวกับร้านขายยาที่ถูกเปิดอยู่ในเมืองหลวง ร้านขายยาต่างโลก (ร้านขายยาดิเวอร์ซิส มุนดิ)
ในปี 1145 ร้านขายยาแห่งนี้ได้ถูกสร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งภายในเมืองหลวงของจักรวรรดิ
——–