Parallel World Pharmacy - ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 12
ตอนที่ 12 สารท้ารบจากกิลด์แพทย์โอสถ
——–
“ก็เข้าใจอยู่หรอกนะ ว่าเคยคุยกันเรื่องเปิดร้านขายยาในสักวันหนึ่ง…แต่ว่าทำไมถึงเป็นวันนี้ได้ล่ะเนี่ย?”
จากแพทย์โอสถหลวงฝึกหัดสู่การเป็นแพทย์โอสถหลวงอย่างเต็มตัว ฟาร์มา เดอ เมดิซิส (อายุ10ปี) ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยตรงมาจากจักรพรรดินี กำลังยืนสับสนอยู่ในคฤหาสน์ของตน
กองทัพช่างฝีมือต่างถาโถมเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเมดิซิส ซึ่งก็พอจะทราบเรื่องแล้วจากผู้แทนจักรพรรดินีที่มาส่งข่าวถึงความตั้งใจของพระองค์ที่จะทำหน้าที่รับภาระค่าใช้ทั้งหมดในการสร้างร้านขายยานี้ไว้เองแล้ววันนี้ก็มาถึง
(จะเป็นห่วงกันมากเกินไปแล้ว)
นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิด
ฟาร์มาที่ได้รับสิทธิ์ในการเปิดร้านขายยา ซึ่งมีหน้าที่ในการรับผิดชอบควบคุมการก่อสร้างร้านขายยาในจักรวรรดิ เพราะคำสั่งจากพระองค์นั้นเป็นเรื่องสำคัญมากดังนั้นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งมาให้ช่วยในงานก่อสร้างนี้จึงมีตั้งแต่ ช่างหิน ช่างทำแร่ ช่างตีเหล็ก ช่างไม้ ช่างแก้ว ช่างทำหลังคา และช่างฝีมืออีกมากมายที่มีฝีมือเชี่ยวชาญอย่างมากในงานแขนงของตน พวกเขาบอกกับฟาร์มาว่าพวกตนนั้นเป็นช่างฝีมือชั้นหนึ่งแห่งจักรวรรดิซึ่งเคยมีส่วนร่วมในการสร้างพระราชวังมาแล้ว
“คือตอนนี้ผมยังไม่ทันได้เตรียมตัวอะไรเลยอีกทั้งแบบร่างของผมก็ยังไม่เสร็จเลยนะครับ หากวันนี้จะขอเชิญให้พวกคุณกลับไปก่อนได้หรือเปล่า?”
ฟาร์มาพยายามที่จะส่งเหล่าช่างฝีมือทั้งหลายกลับไป โดยทั้งสองฝั่งของประตูต่างผลัดกันดึงและผลักประตูกันไปมา
“ก็อย่างที่เราได้บอกกับท่านไปครับนายน้อย เราได้รับคำสั่งมาจากจักรพรรดินี”
พวกเขาจะไม่กลับไป พื้นที่ในการก่อสร้างก็ได้ถูกเลือกเรียบร้อยแล้วด้วย พวกช่างฝีมือบอกว่าพวกเขาต้องโดยไล่ออกแน่ๆถ้าพวกเขาไม่ได้ทำงานในวันนี้
(มีเรื่องให้ชวนปวดหัวเพิ่มอีกแล้ว)
คนพวกนี้ในจักรวรรดิมีแต่พวกสมองกล้ามกันหมดเลยสินะ
“ไปกันเลยพวกเรา~ รีบไปทำงานกันให้เสร็จ”
เอเลนกำลังมาถึงยังสถานที่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายแห่งนี้ เธอถูกเรียกตัวมาโดยนกพิราบสื่อสารที่บรูโนส่งไปหาโดยมีคำสั่งขอให้ช่วยฟาร์มาในการสร้างร้านขายยาตามคำสั่งที่จักรพรรดินีมอบให้บรูโน นั่นคือการสร้างร้านขายยานี้ให้เสร็จเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ดังนั้นเขาจึงได้เรียกตัวเธอมาให้ช่วยสนับสนุนฟาร์มาเพราะตัวบรูโนนั้นยังต้องไปพบกับพวกชนชั้นสูงอีกหลายคนในวันนี้
“เดี๋ยวก่อนนะ-“
“หืม?”
“ฉันก็ดีใจอยู่หรอกนะที่ได้ช่วยเหลืองานใหญ่ของนายนะ แต่ฉันอยากรู้ว่านายไปทำอะไรมากับจักรพรรดินีกันแน่ เพราะเรื่องถูกเร่งให้ทำขนาดนี้มันก็เหมือนกับตอนนั้น….ฉะ-ฉันถูกจับได้ว่าแอบไปดูหมิ่นราชวงศ์เอาหรือเปล่านะ”
ฟาร์มาอยากจะถามข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องที่เอเลนพูดอยู่เหมือนกันเพราะดูน่าสนใจดี แต่เขาก็เลือกที่จะปล่อยผ่านไป
“มันมีเหตุผลที่ลึกซึ้งมากอยู่เบื้องหลังน่ะแถมเรื่องมันยาวด้วยสิ”
มันเกี่ยวกับการสร้างร้านขายยานี้ขึ้นมา เขาเล่าถึงเรื่องที่เขาพูดคุยกันโนอาร์ซึ่งเหมือนจะเป็นตัวแทนของจักรพรรดินีมาสืบข้อมูลอย่างเงียบๆแล้วนำกลับไปรายงานพระองค์
“มันก็ค่อนข้างจะยาวจริงๆนั่นแหละนะ แล้วเธอจะสร้างร้านออกมาเป็นยังไงล่ะ? เธอพอจะได้นึกภาพเอาไว้แล้วหรือยัง?”
เอเลนเอนตัวเข้ามาถามฟาร์มา
“ผมต้องตัดสินใจตอนนี้แล้วงั้นเหรอ? ผมยังไม่ค่อยแน่ใจด้วยสิเพราะผมอยากจะลองไปดูร้านขายยารอบๆเมืองก่อนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีน่ะ”
เพราะว่านั่นมันจะเป็นพื้นที่ในการทำงานของเขา เขาจึงจำเป็นจะต้องพิจารณาในการสร้างอย่างรอบคอบ ฟาร์มาคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเร่งรีบในการตัดสินใจจะสร้างอะไรยังไงออกมาแบบไหน
“หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะขึ้นเธอทำแบบนั้นเดี๋ยวพวกช่างได้หัวหลุดจากบ่าแน่ๆในทางสังคมอ่ะนะ”
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะกลัวจักรพรรดินีมากเลยนะ แต่เพราะเป็นเรื่องความสะดวกของลูกค้าของผมด้วยผมเลยต้องคิดให้มันดีๆหน่อยน่ะ…”
“ถ้าเธอไม่พอใจกับแบบที่ออกมาก็แค่รื้อมันทำใหม่ก็สิ้นเรื่องนี่ จักรพรรดินีก็บอกไว้แล้ว”
“รู้สึกเหมือนพระองค์จะใช้อำนาจมากเกินไปหน่อยหรือเปล่านะ”
ฟาร์มาที่ส่งพิมพ์เขียวที่มีเพียงภาพร่างอันว่างเปล่าให้กับช่างฝีมือเมื่อเขาเห็นดังนั้นก็ได้แต่ร้องโอดครวญในขณะที่ลอตเต้นำชาและเค้กสำหรับเอเลนและฟาร์มา มาเสิร์ฟ
“แต่ยังไงฉันก็ยังตกใจกับผลงานของท่านจริงๆค่ะ ที่ทำให้เหล่าช่างฝีมือมากมายมาอยู่ตรงนี้ได้ ทีนี้ร้านขายยาที่ท่านฝันไว้ก็จะเป็นจริงแล้วสินะคะ!”
ลอตเต้แสดงสีหน้าพอใจกับความสำเร็จของฟาร์มา
“นายน้อยครับ ท่านยังตัดสินใจสร้างแบบร่างไม่เสร็จอีกเหรอครับ? ถ้ายังไงก็รีบๆหน่อยนะครับกระผมขอร้อง”
“ขอโทษด้วยนะครับ”
ช่างฝีมือที่ถูกส่งมาจากกิลด์กำลังรอคอยเขาด้วยความกระวนกระวาย ฟาร์มาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องขยับมือเสียแล้ว
“เหมือนว่าจำเป็นจะต้องด้นสดเอามันตรงนี้เลยสินะ”
หน้าของเขาเริ่มเผยให้เห็นถึงความสิ้นหวัง
เนื่องจากพ่อของเขาและจักรพรรดินีนั้นบอกกับเขาว่าให้เขาออกแบบร้านขายยาด้วยตนเองจนกว่าจะพอใจได้เลย พอเขาเริ่มเตรียมพร้อมเผชิญกับผลลัพธ์ที่เลวร้ายเสร็จก็เริ่มวาดแปลน เพราะมันเป็นเพียงแค่โครงร่างโดยคร่าวๆ ผลลัพธ์ที่เหลือจึงต้องฝากให้กับพวกหัวหน้าช่างฝีมือที่มีความสามารถค่อยช่วยให้งานดำเนินไปด้วยดีอีกที
สำหรับสถานที่ก่อสร้างร้านนั้นอยู่ในมุมถนนสายสำคัญของเมืองหลวงถึงอยู่ซึ่งถูกกว้านซื้อไว้โดยจักรพรรดินี และสถานที่ดังกล่าวก็อยู่ห่างจากย่านร้านของกิลด์แพทย์โอสถอีกด้วย นี่อาจจะเป็นเพราะความรอบคอบของพระองค์ที่เห็นว่าไม่ควรให้คู่แข่งทางธุรกิจอยู่ใกล้กัน
“เสร็จแล้วครับ! ส่วนพวกรายละเอียดภายในนั้นจะคุยกันอีกทีหลังจากก่อสร้างอาคารเสร็จนะครับ”
“อื้มไหนมาดูสิครับ… เอ๋!? อะระー”
ช่างฝีมือจากกิลด์นั้นคาดหวังไว้ว่าน่าจะได้เจอภาพวาดเหมือนกับระดับเด็กทั่วไปเขี่ยๆเขียนๆมา แต่พอช่วงบ่ายฟาร์มาที่ได้มอบพิมพ์เขียวให้กับพวกเขานั้น เมื่อพวกเขาตรวจสอบดูก็ต้องตะลึงกันอย่างมากเพราะรูปวาดและสัดส่วนของโครงสร้างที่เขียนไว้นั้นแม่นยำมาก
“ด้วยรายละเอียดขนาดนี้ ช่วยให้งานของพวกเรานั้นง่ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมเลยครับ”
หลังจากที่ฟาร์มาและเอเลนได้ยินความคิดเห็นของช่างฝีมือเกี่ยวกับพิมพ์เขียวแล้วพวกเขาก็เริ่มออกแบบการตกแต่งภายในโดยใช้รูปแบบร้านขายยาร้านอื่นๆมาเป็นแบบอ้างอิง
ในวันเดียวกันนั้นเองเมื่อพิมพ์เขียวเสร็จสิ้นการก่อสร้างก็ได้เริ่มขึ้นด้วยความรวดเร็วอย่างเต็มประสิทธิภาพ งบประมาณการก่อสร้างนั้นมีผลต่อเวลาที่ใช้ในงานก่อสร้าง แต่เนื่องจากจักรวรรดิเป็นผู้สนับสนุนเองกับมือทำให้สร้างผลงานชิ้นเอกออกมาได้อย่างไม่มีปัญหาทั้งแรงงานและวัสดุที่สามารถใช้เกรดระดับสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
2-3วันต่อมาหลังจากวันเริ่มการก่อสร้าง เค้าโครงของร้านที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นั้นได้ปรากฏอยู่บนผืนแผ่นดินแห่งเมืองหลวงนี้แล้ว
“นายน้อย ท่านต้องการจะตั้งชื่อร้านนี้ว่าอะไรหรือครับ?”
ช่างหินได้ถามเขาถึงชื่อสำหรับร้านขายยานี้ ในขณะที่เขามองไปยังชื่อของร้านรอบๆบริเวณใกล้เคียงที่ถูกสลักไว้บนผนัง
“งั้นร้านขายยาหลวงเป็นไงครับ?” (ช่างหิน)
“มันจะดูแปลกๆเกินไปหรือเปล่าครับ?” (ฟาร์มา)
ตราสีทองที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของจักรวรรดิได้ถูกยกขึ้นบนผนังแล้ว มีร้านค้าหลายแห่งในเมืองหลวงถูกสร้างขึ้นมาจากคำสั่งหลวงอยู่บ้าง แต่ร้านที่ได้รับตราสีทองซึ่งเป็นเหมือนใบอนุญาตประกอบการของหลวงนั้นมีระดับที่เหนือกว่าร้านพวกนั้นและเป็นสิ่งที่หาได้ยากอีกด้วยเพราะไม่ค่อยจะมีการออกใบอนุญาตนี้บ่อยครั้งนัก
“กรุณารีบตัดสินใจด้วยนะครับไม่งั้นงานก่อสร้างมันจะช้าลง”
“คุณหมายถึงตอนนี้เลยเหรอครับ?”
“ครับ ถ้าหากเป็นไปได้ก็ตอนนี้เลย”
มันอาจจะทำให้เหล่าช่างฝีมือไม่สบายใจบ้าง แต่ถ้าเขาตั้งชื่อออกมาแบบไม่คิดมันอาจจะกลายเป็นร้านขายยาเดอเมดิซิส แต่เพราะนี่มันเป็นการท้าทายตัวเขาเองกับงาน การจะใช้ชื่อของตระกูลมาเกี่ยวข้องจะทำให้เขารู้สึกลำบากใจ
“จะเป็นยังไงนะถ้าเราจะเรียกมันว่า ร้านขายยาต่างโลก”
หลังจากพยายามคิดอย่างหนักเวลาก็ล่วงเลยไปหลายชั่วโมงเขาได้จ้องมองไปยังเครื่องประดับอันวิจิตรตาและป้ายทองแกะสลักที่เสร็จสิ้นแล้ว
ชื่อของร้านนี้นั้นอ่านได้ว่า (ร้านขายยาดิเวอร์ซิส มุนดิ) [Diversis Mundi Pharmacy] หากอ่านตามอักขระของโรมัน
เมื่ออ่านอย่างตรงตัวจะได้ว่า [ร้านขายยาต่างโลก] ฟาร์มามองมันด้วยความประหลาดใจในขณะที่กำลังคิดอยู่ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี
“ร้านขายยาแดนศักดิ์สิทธิ์สินะ? ชื่อจริงของมัน? ก็ไม่ดูกล่าวเกินจริงเลยนี่เนอะ?”
เมื่อเอเลนเข้ามาดูที่หน้าร้านเธอก็รู้สึกประหลาดใจกับคำบนป้ายนั้น แต่ที่ประหลาดใจกว่าเธอนั้นคือฟาร์มา
“แดนศักดิ์สิทธิ์? ทำไมมันกลายเป็นแบบนั้นไปได้ล่ะ!?”
ฟาร์มากะพริบตาอย่างประหลาดใจ เพราะคำว่า “ต่างโลก” ไม่ใช่คำทั่วไปในโลกนี้และดูเหมือนว่าพวกเขาจะถอดความของคำนี้ออกมาเป็น “แดนศักดิ์สิทธิ์”
“ก็เพราะมันถูกสร้างและดูแลโดยมีคำสั่งมาจากจักรพรรดินีโดยตรงเลยนี่นะมันก็ย่อมต้องเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์สำหรับผู้คนอยู่แล้ว ทีนี้พวกคนในแวดวงนี้ก็จะรู้จักมันในรูปแบบนั้น แต่บางทีมันคงจะกลายเป็นสถานศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่แรกแล้วก็ได้เพราะเทพโอสถก็ยืนอยู่ตรงนี้แล้วนี่หน่า”
(ให้ตายสิ พลาดไปเรอะ!)
เพราะชื่อแบบนี้แหละมันอาจจะไปดึงดูดพวกแปลกๆมาก็ได้!
ฟาร์มารู้สึกเสียใจกับการสร้างในครั้งนี้มาก ทั้งช่างหินและช่างแกะสลักก็ต่างเสร็จสิ้นงานของตัวแล้วกลับบ้านไปทานข้าวกลางวันกันหมดแล้ว
“ผมไม่อยากจะไปมีปัญหากับพวกที่ทำธุรกิจแบบเดียวกับผมนะ พวกเขาอาจจะไม่ให้ผมยืมสมุนไพรก็ได้ถ้าหากผมสมุนไพรหมด”
เขาจะต้องมีปัญหากับร้านขายยาร้านอื่นแน่ทั้งการลุกล้ำทางธุรกิจหรือข่าวลือเสียๆหายๆ นอกจากนี้แม้จะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้แต่ตามสามัญสำนึกของผู้คนบนโลกนี้พวกเขามักจะเลือกสิ่งที่มีความใกล้เคียงและเกี่ยวข้องกับโบสถ์ด้วยเพราะชื่อร้านของเขานั้นมีคำว่า “ศักดิ์สิทธิ์” ติดอยู่ด้วยนั่นเอง
“บ่นตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรแล้วนะ”
เอเลนกำลังมองอย่างไม่แยแส
“เอ๋?”
“เธอรู้หรือเปล่าว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้วที่จะมาเปลี่ยนชื่อร้านเอาตอนนี้ ฉันคิดว่าเราคงจะต้องได้เผชิญหน้ากับพวกกิลด์แพทย์โอสถ เพราะร้านนี้ถูกเปิดโดยชนชั้นสูงด้วยนี่นา”
เนื่องจากประเภทของยาที่ใช้นั้นแตกต่างกันด้วยจึงไม่น่าจะเกิดการประนีประนอมขึ้นมาได้ นั่นคือการวิเคราะห์ของเอเลน
“ถึงเธอจะได้รับการดูแลจากจักรพรรดินี แต่คู่ต่อสู้ของเธอก็แข็งแกร่งมากเลยนะ”
นั่นเพราะพวกเขามีวิธีการแทรกแซงทั้งทางตรงและทางอ้อม
คำพูดของเอเลนกล่าวมานั้นเป็นเหมือนกับคำทำนาย
—————————————————————————————-
ร้านขายยาที่ดำเนินการสร้างภายใต้คำสั่งของวังแห่งแรกและแพทย์โอสถหลวงคนล่าสุดหลวงของจักรวรรดิ
ทั้งประชาชนและตัวแทนจากกิลล์ต่างๆ ได้เข้ามาตรวจสอบร้านอย่างไม่หยุดหย่อนตลอดทั้งวัน เนื่องจากมีสิ่งของราคาแพงที่อาจจะถูกขโมยที่จากร้านได้ ฟาร์มาจึงได้จ้างอัศวินบางส่วนมาเป็นเวรรักษาการยามค่ำคืน
เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักกลุ่มผู้นำจากกิลด์แพทย์โอสถแห่งจักรวรรดิได้เดินเข้ามาและตรวจสอบหน้าร้าน เมื่อฟาร์มาปรากฏตัวออกมาเหล่าแพทย์โอสถนั้นก็แสดงท่าทีเกลียดชังออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“แหม แหม แหม เจ้าของร้านอยู่ไหนกันเหรอครับ?”
ชายวัยกลางคนที่ท่าทางสุขุมดู เขาเชื่อว่าน่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่มได้ถอดหมวกออกมาและทักทายฟาร์มาด้วยท่าทางสุภาพแต่ก็แฝงไปด้วยท่าทีที่ดูหยาบคาย
“ผมเป็นเจ้าของร้านนี้เอง”
ฟาร์มาตอบพวกเขาที่ไม่ได้มีท่าที่ข่มขู่ต่อเขาแต่ประการใดเพราะเขาถูกมองว่าเป็นแค่เด็กเท่านั้นไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปยุ่งเกี่ยวด้วย
“อย่ามาล้อเล่นนะ! เจ้าหนูน้อย ผมคือเวรอนผู้นำแห่งกิลด์แพทย์โอสถเชียวนะ”
“งั้นก็ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเวรอน ผมฟาร์มา เดอ เมดิซิสแพทย์โอสถหลวง ผมทำงานอยู่ที่ร้านนี้ ขอบพระคุณมากนะครับสำหรับการเยี่ยมเยือนในวันนี้”
“ผมได้ยินมาว่าคุณสร้างร้านขายยาขึ้นมาดังนั้นผมเลยต้องมาตรวจสอบดูสักหน่อยและดูเหมือนจะมีตราประทับของจักรพรรดินีอยู่ซะด้วยสินะ รู้สึกพระองค์ก็ทำอะไรตามอำเภอใจเกินไปหรือเปล่านะ ไม่สิแบบนั้นมันเสียมารยาทไปแฮะ”
เวรอนแสดงท่าที่ที่น่ารังเกียจอย่างเต็มที่ในขณะที่มองเห็นฟาร์มาที่เป็นแค่เด็ก
เพราะเวรอนเห็นว่าฟาร์มานั้นเป็นแค่เด็กเท่านั้นเขาจึงไม่น่าจะเข้าใจหรือสังเกตเห็นถึงคำพูดถากถางเหล่านี้ได้
แต่ถึงอย่างนั้นฟาร์มาก็ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร
“แล้วก็ชื่อร้านที่ดูอลังการนั้นด้วยสิ คุณขายยาชนิดไหนกันล่ะ? หรือจะเป็นพวกยาที่เหมือนกับลูกอมที่เด็กอย่างพวกคุณชอบกันนะ?”
พวกเขาไม่ได้รู้ถึงชื่อเสียงของฟาร์มาภายในกลุ่มของแพทย์หลวงเลย ผู้นำกิลด์เวรอนได้แกล้งแลบลิ้นออกมาทำเหมือนเลียลูกอมอยู่และเหล่าผู้ติดตามที่มากับเขานั้นก็แอบหัวเราะกันเบาๆ
ถึงอย่างนั้นฟาร์มาก็ยังไม่ความอดทนต่อการกระทำที่ไร้ประโยชน์นี้
ในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของฟาร์มานั้น ทุกๆครั้งที่เขาพยายามพัฒนายาตัวใหม่ขึ้นมาไม่ใช่จะมีเพียงปฏิกิริยายาด้านดีๆตอบรับเขาอยู่เสมอ เขาได้รับทั้งเสียงคัดค้านและข้อสงสัยจากพวกนักวิจัยทั่วโลก ทั้งถ้อยคำถากถางและเสียงหัวเราะเยาะ แม้กระทั่งการต่อสู้เกี่ยวกับเรื่องสิทธิบัตรกับห้องปฏิบัติการของคู่แข่ง เขารู้สึกว่าจะต้องจัดการกับคนพวกนี้แต่มันก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรที่จะมาทำในตอนนี้
“ครับ ผมตั้งใจจะขายยาอมเหมือนกัน”
ฟาร์มาพยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม
“อืม ยาอมก็เป็น ยาในอีกรูปแบบหนึ่งนี่นะ”
เขาตั้งใจจะขายยาอม เพราะเกลือนั้นมีความสามารถในการขับเหงื่อของพวกช่างฝีมือได้ดี ดังนั้นน่าจะเป็นเรื่องดีถ้าเขานำลูกอมเกลือมาไว้สำหรับเสริมแร่ธาตุ
ฟาร์มาตอบอย่างกระตือรือร้นและเป็นกันเองในแบบเด็กๆ
เวรอนต้องการจะวิพากษ์วิจารณ์ฟาร์มาอีกหนหนึ่ง ในขณะที่ฟาร์มาดูเหมือนจะไม่สนใจคำพูดเหล่านั้นของเขาเลย แต่เขาก็จะไปตำหนิติเตียนผู้ที่มียศศักดิ์เป็นแพทย์โอสถหลวงก็ไม่ได้ จึงทำได้เพียงพยายามพูดถากถาง
“อื้ม ยอดเยี่ยมๆ”
เวรอนตบมือของเขาเหมือนแกล้งทำ
“ถ้าอย่างนั้นในเมื่อคุณก็สร้างร้านอะไรเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ทำไมไม่มาลงทะเบียนเป็นสมาชิกของกิลด์แพทย์โอสถกันล่ะ?”
แน่นอนว่าหากจะเปิดธุรกิจด้านนี้ควรจะไปลงทะเบียนกับกิลด์เอาไว้จะเป็นเรื่องดีฟาร์มาคิดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ตัวเขานั้นต้องการจะดำเนินงานบางเรื่อง อย่างเป็นเอกเทศอยู่เยอะพอสมควร
“ถึงจะน่าเสียแต่กิลด์แพทย์โอสถจะรับเฉพาะแพทย์โอสถทั่วไปเท่านั้นนี่ครับ”
เมื่อแพทย์โอสถทั่วไปนั้นได้ลงทะเบียนกับสมาคมไว้พวกเขาจะต้องรับใช้สมาคมเหมือนกับเป็นการเรียนรู้งานเป็นเวลานานพอสมควร ว่ากันว่าบางคนนั้นต้องใช้เวลาถึง 10 ปีกว่าจะได้รับอนุญาตให้ออกมาเปิดร้านขายยาส่วนตัวของตนเองจากสมาคม
“คุณจะเข้าร่วมกับพวกเราก็ได้นะ ผมจะอนุญาตให้อยู่แล้ว ที่นี่มีอะไรที่ให้คุณต้องเรียนรู้หลายอย่างก่อนที่จะออกไปทำอะไรด้วยตัวเองอีกเยอะเลยนะสนใจไหมล่ะ?”
เวรอนกำลังชักชวนตัวเขาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ไม่ล่ะครับ นั่นมันเป็นปัญหาเยอะเกินไป อีกทั้งผมก็มีความรู้ขั้นพื้นฐานของพวกยาอยู่แล้ว ผมจะขายยาตัวใหม่ที่ตัวผมเองเป็นคนทำขึ้นมาครับ ดังนั้นมันจะแตกต่างจากสินค้าที่อยู่ภายใต้กิลด์แพทย์โอสถอย่างแน่นอน”
เพราะฟาร์มานั้นเป็นชนชั้นสูงดังนั้นจึงพอจะเดาได้ว่าเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเข้าร่วมกิลด์ของพวกสามัญชน
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะไม่ใช่ว่าท่านเป็นแพทย์โอสถหลวงที่ใช้แต่พวกยาคุณภาพสูงหรอกเหรอ? ถ้าหากเป็นแบบนั้นพวกสามัญชนไม่มีทางรับมือกับราคาที่สูงพวกนั้นไหวหรอกนะ”
ยาที่ปรุงโดยเหล่าแพทย์โอสถหลวงนั้นล้วนแต่ใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพสูง เหล่าผู้นำของกิลด์ก็ต่างรู้ราคายาของตลาดนี้ดีอยู่แล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ควรมาเสียเวลาเจรจาอะไรให้มันมากความนัก การแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเหมือนกับเป็นการเยาะเย้ยนั้นจะเข้าท่ากว่าถึงจะเป็นแบบนั้นฟาร์มาก็ตอบกลับอย่างไม่แยแส
“ผมเชื่อว่ายาที่ผมจะขายนั้นจะมีราคาที่ถูก คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้แน่นอนครับ”
“ถูกงั้นเหรอ? โอ้ ท่านชนชั้นสูงผู้ไม่เคยนึกถึงกระเป๋าเงินของประชาชนเอ๋ย! ถึงสำหรับคุณมันจะถูกแต่จะเป็นอย่างนั้นจริงๆเหรอ?”
“นี่นายตั้งใจจะพูดอะไรกันแน่? ไม่ใช่ว่านายกำลังตั้งใจจะบดขยี้ร้านขายยานี้อยู่เหรอ?”
เอเลนยืนกอดอกและปรากฏตัวขึ้นมาในร้านโดยไม่มีท่าทีจะสะทกสะท้านใดๆเหมือนกับเป็นกำลังเสริมของฟาร์มา ชื่อของเอเลนนั้นกล่าวได้ว่าเธอคือศิษย์
ของบรูโนที่เก่งกาจที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ พวกเขาทั้งหมดยอมรับว่าเธอนั้นเหนือกว่าตนอย่างแน่นอน
“ไม่ใช่อย่างงั้นเลยครับ ผมก็แค่มาเยี่ยมเยือนเพื่อนร่วมธุรกิจเท่านั้นเอง ดีละถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนก็แล้วกัน”
เขาออกไปโดยทิ้งคำพูดนั้นเอาไว้ เขาหยิบไม้เท้าขึ้นมาแล้วสวมหมวกเดินไปด้วยท่าทางที่ยิ้มแย้มเหมือนกับเป็นคำพูดประกาศสงครามในฐานะกิลด์แพทย์โอสถ
ฟาร์มาได้เงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง เอเลนนั้นรู้สึกกังวลเกี่ยวกับฟาร์มาว่าเขาจะสามารถทนต่อคำพูดที่โหดร้ายเหล่านั้นได้หรือไม่
“อย่าไปสนใจพวกมันเลยนะฟาร์มา”
เอเลนได้มองดูท่าทางของฟาร์มา
“แค่ลูกอมงั้นเหรอ เอเลนคุณคิดยังไงเกี่ยวกับการขายเวเฟอร์ผสมธาตุเหล็กเหรอ? แล้วก็พวกอาหารเสริมด้วย”
“งั้นเหรอ…ฉันคิดว่าแบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ”
ด้วยคำว่า “ลูกอม” ที่มาจากการยั่วยุของเวรอนดูเหมือนจะกลายเป็นประกายความคิดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของฟาร์มาไปเสียแล้ว
เอเลนรู้สึกชื่นชมทัศนคติอันยืดหยุ่นของฟาร์มาและมองโลกในแง่ดีด้วยความสงบนิ่ง
————————–