ตอนที่ 118 กิลด์ศัลยแพทย์แห่งจักรวรรดิและโรคพิษสุนัขบ้า
บริเวณชานเมืองของจักรวรรดิ จะมีคฤหาสน์หนังใหญ่แห่งหนึ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์มากสำหรับเหล่าสามัญชนกลุ่มหนึ่ง
โดยเป็นรู้จักกันทั่วไปในนามของคฤหาสน์กุหลาบแห่งอกาธา ที่ตั้งอยู่ปลายทางของป่าลึกซึ่งถูกล้อมรอบไปด้วยกุหลาบป่าราวกับต้องการกันบุคคลภายนอก
โดยจุดเด่นของคฤหาสน์กุหลาบแห่งนี้อีกอย่างก็คงจะเป็นรูปแกะสลักขนาดใหญ่ของเทพแห่งการแพทย์ตั้งอยู่บนเสาหน้าประตู
ใช่แล้วที่แห่งนี้คือสำนักงานใหญ่ของกิลด์ศัลยแพทย์แห่งจักรวรรดิ (หรือที่รู้จักกันในนามของกิลล์แพทย์สามัญแห่งจักรวรรดิ)
องค์กรดังกล่าวนั้นจะเป็นกิลด์สำหรับแพทย์สามัญชน ซึ่งในอดีตมีชื่อว่ากิลด์บาร์เบอร์เซอเจน
โดยความเชี่ยวชาญของพวกเขาก็คือการรักษาบาดแผล ดูแลแผลเป็น (ที่ไม่หนักมาก) การสวนทวาร การดูแลอาการบาดเจ็บทั่วไป การเจาะเลือด หรือดูแลปริกำเนิด
ซึ่งคนในกิลด์บางส่วนก็จะทำงานร้านตัดผมเสริมด้วย
โดยพื้นฐานแล้วกลุ่มเป้าหมายของพวกเขาก็คือสามัญชนด้วยกัน
ส่วนเหตุผลที่กิลด์ศัลแพทย์มาตั้งอยู่ในสถานที่ห่างไกลแบบนี้ก็เพราะประวัติศาสตร์อันแสนโชคร้ายของพวกเขา
เป็นเวลาเนิ่นนานแล้วที่ดาวเด่นค้ำฟ้าแห่งวงการแพทย์คือแพทย์โอสถซึ่งใช้สมุนไพรในการรักษาผู้คน
โดยงานของพวกเขานั้นส่วนใหญ่จะต้องคลุกอยู่กับการจัดการสิ่งสกปรกอย่างพวกเลือดและแผล ลำดับทางชนชั้นในสังคมก็ต่ำกว่าพวกกิลด์แพทย์โอสถของจักรวรรดิไม่ว่าจะเป็นมุมของสามัญชนหรือชนชั้นสูง
พวกเขาต่างจากกิลด์แพทย์โอสถที่มักกะหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองได้สบายๆ และสร้างสาขาไปทั่วหนแห่ง ความจริงที่ว่าพวกตนต้องมาอยู่ในจุดห่างไกลนี้ก็เกิดมาจากการประหัตประหารระหว่างกิลด์เช่นเดียวกัน
ทว่าคนที่ยกระดับงานของศัลยแพทย์แห่งจักรวรรดิก็ไม่ใช่ใครแต่เป็นคล็อด เดอ ชาร์ดิแอ็ค ศัลยแพทย์ผู้ได้รับพรสวรรค์ทางด้านการแพทย์มาอย่างเต็มเปี่ยม ผู้ประสบความสำเร็จในการเอาเนื้องอกออกมาจากร่างจักรวรรดิองค์ก่อนและได้รับตำแหน่งหัวหน้าแพทย์หลวง
เขาได้ปกป้องพวกแพทย์ด้วยการคอยผลักดันคนกลุ่มนี้ และยังพยายามจัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งมาสนับสนุนกิลด์บาร์เบอร์เซอเจนเสมอ
อดีตรุ่นพี่ของคลอด หมออกาธา นายหญิงแห่งคฤหาสน์กุหลาบนี้
แม้ว่าปัจจุบันเธอจะกลายเป็นสามัญชนไปแล้ว แต่ในอดีตเธอก็เคยเป็นถึงหัวหน้าแพทย์หลวงที่มีฝีมือ ทว่าพอรู้ตัวว่าตนถูกคลอดแซงหน้าไปไกลแล้ว จึงขอร้องให้ทางศาสนจักรปิดผนึกชีพจรแห่งเทพของตัวเองลงและกลายมาเป็นสามัญชนและใช้ชีวิตหลังเกษียณในที่แห่งนี้มานานหลายสิบปี
เธอได้ใช้ทรัพย์สินของตัวเองที่ได้รับเมื่อยังทำงานเป็นแพทย์หลวงมาจัดตั้งกิลด์สำหรับเหล่าสามัญชน ก่อนจะถ่ายทอดเทคนิคการผ่าตัดต่างๆ ให้คนในภาย จนสุดท้ายมันก็กลายมาเป็นกิลด์ศัลยแพทย์
อย่างไรก็ตามด้วยความที่กิลด์นี้ถูกจัดการโดยสามัญชน จึงไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับเหล่าแพทย์หลวงหรือแพทย์โอสถหลวงที่ดูแลงานการแพทย์ของเหล่าชนชั้นสูง
อกาธาที่อายุครบ 80 ปีในปีนี้ก็ได้เชิญเหล่าแพทย์สามัญชนชั้นแนวหน้ากว่า 20 คนทั่วจักรวรรดิมายังโต๊ะประชุม ก่อนจะเสิร์ฟชาโรสฮิปที่เธอปลูกเอาไว้ในสวนกับคุกกี้สมุนไพรให้พวกเขาทาน จากนั้นก็ได้เริ่มอ่านวาระการประชุมด้วยความโศกเศร้า
「ดูเหมือนว่าเร็วๆ นี้ อัตราการเสียชีวิตของสามัญชนในศูนย์รักษาต่างๆ จักรวรรดิ โดยเฉพาะตามเขตชานแดนจะเพิ่มขึ้นครับ」
อันที่จริงเมื่อเดือนก่อนก็เป็นเช่นนี้ ทว่าเดือนนี้กลับแย่ลงกว่าเดิม
「อื้ม ก็ดูจะเป็นเช่นนั้น」
อกาธาอ่านเอกสารต่อ
「ทางกิลด์ของเราได้นำยาจากร้านขายยาต่างโลกที่ดำเนินงานโดยแพทย์โอสถหลวงชั้นยอดอย่างท่านฟาร์มามาใช่ในการจัดการก่อนและหลังการผ่าตัด อีกทั้งยังได้รับคำแนะนำในการดูแลความสะอาดเพื่อป้องกันการติดเชื้อในห้องผ่าตัด ผู้ป่วยที่เคยมาทำการเจาะเลือดจนเกิดปัญหาขึ้นก็ได้รับการดูแลจนอาการดีขึ้นอย่างน่าตกใจครับ นอกจากนี้ทางเรายังได้เชิญแพทย์โอสถมาที่สำนักงานใหญ่ของสมาคมเพื่อจัดการอบรมเป็นประจำ ซึ่งก็ผ่านไปได้ด้วยดีแท้ๆ ….แต่ทำไมถึง」
เนื่องจากเกิดการปฏิรูปครั้งใหญ่ในวงการแพทย์ กิลด์ศัลยแพทย์จักรวรรดิจึงได้ยุติการเจาะเลือดที่นิยมทำกันมานานออกไป
ในอดีตหากมีปัญหาอะไรขึ้นมา การเจาะเลือดนั้นจะเป็นตัวเลือกแรก ทางผู้ป่วยที่ไม่มีความรู้มากนักก็มักจะขอให้แพทย์เจาะเลือดพวกเขาออกอยู่เสมอ แต่ตามรายงานที่ฟาร์มานำเสนอออกมาทำให้รู้ว่านั่นคือแนวทางที่ผิดและยังเป็นอันตรายอย่างมากต่อผู้ป่วยด้วย อกาธาที่รับรู้ความจริงก็ได้ออกคำสั่งให้แพทย์ทั่วทั้งจักรวรรดิห้ามทำการเจาะเลือดอีก ยกเว้นเสียแต่กรณีของภาวะโพลิไซเธเมีย แต่มันก็ส่งผลทำให้รายได้จากผู้ป่วยที่มักจะมาขอเจาะเลือดออกไปลดลงด้วย อกาธาจึงถอนหายใจออกมา
「หมออกาธา…..」
「พวกเราเดินทางผิดกันตรงจุดไหนนะ」
อกาธามองย้อนกลับไปและเริ่มสงสัยว่าเธอปฏิบัติอะไรผิดพลาดไปจากคำแนะนำของฟาร์มา
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่พัฒนาโดยชนชั้นสูงจะไม่สามารถช่วยชีวิตสามัญชนได้งั้นหรือ?
「ความรู้ของท่านฟาร์มานั้นคือสิ่งแปลกใหม่แต่ก็มีพื้นฐานและทฤษฎีที่เชื่อถือได้ เพราะสายตาที่เริ่มแย่จึงทำให้ต้องวางมีดผ่าตัดลงเมื่อ 10 ปีก่อนจึงทำให้ห่างไกลจากหน้างานมาเยอะ แต่ในฐานะศัลยแพทย์แล้วฉันก็ยังเชื่อในศาสตร์แห่งเทพและความก้าวหน้าของเทคโนโลยีด้านการผ่าตัดที่พัฒนาขึ้น….ทั้งที่โลกใบนี้ควรจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่น่าเหลือเชื่อแท้ๆ แต่สุดท้ายมันก็แค่ความฝันงั้นเหรอ」
อกาธาถอดแว่นออกแล้วถอนหายใจ
「หากอายุน้อยกว่านี้สัก 20 ปี คงจะทนอดหลับอดนอนแล้วหาสาเหตุของเรื่องพวกนี้แล้วแท้ๆ 」
ในโลกแห่งนี้ศัลยแพทย์นั้นต้องรับภาระหลายๆ อย่างทั้งเรื่องสายตา สมาธิและฝีมือในการผ่าตัดซึ่งกินเวลาหลายชั่วโมง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่ศัลยแพทย์จะเกษียณตัวเองทันทีเมื่อรู้ตัวว่าตนไปต่อไม่ไหวแล้วก่อนจะหันกลับไปทำงานหน้าโต๊ะแทน ถึงจะมีไม่มากนักแต่บางส่วนก็หันไปทำงานร้านตัดผม แต่ท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่งานที่จะทำไปได้ตลอดชีวิต อกาธาเองก็อย่างจะช่วยชี้แนะให้เหล่ารุ่นน้องของเธอได้รับรู้ด้วย
「ผมขอแสดงความเห็นครับ」
หมอโดนัลที่ตั้งคลินิกอยู่ใจกลางเมืองหลวงได้ยกมือที่มีรอยย่นของเขาขึ้น
「ที่คลินิกของผม แม้จะไม่มีอะไรแปลกใหม่ แต่แนวโน้มด้านการรักษาผู้ป่วยให้หายนั้นกำลังดีขึ้นครับ」
ราวกับแสงสว่างที่ส่องผ่านเมฆดำ
「โฮ่ นั่นเรื่องจริงเหรอ? 」
「เป็นความจริงครับ」
「คลินิกของหมอโดนัลรู้สึกจะตั้งอยู่ใกล้กับร้านขายยาต่างโลกมากที่สุดสินะ หรือจะได้ท่านฟาร์มามาช่วยกัน? ได้ยินว่ากิจการรุ่งเรืองพอตัวเลยนี่ คงได้พลังของร้านขายยาต่างโลกมาเยอะเลยสิ? 」
แพทย์อีกคนที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงเหมือนกันพูดขึ้นด้วยความอิจฉา
「นั่นก็ใช่ครับ หากจำเป็นต้องถ่ายเลือด คนของทางร้านก็จะมาช่วยโดยตรง」
โดนัลทำได้เพียงก้มหัวยอมรับ
「ที่นั่นมีแพทย์โอสถซึ่งเป็นชนชั้นสูงอยู่มาก แถมพวกเขายังใช้พลังแห่งเทพได้ดีอีก….หากพวกเขามาสนับสนุนคุณยังไงมันก็ต้องไปได้สวยนี่นะ บางทีคงจะได้ศาสตร์แห่งเทพช่วยชำระล้างผู้ป่วยให้ด้วยสินะ? 」
「ระ-เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกครับ」
「ฮ่าๆๆ แบบนี้นี่เองๆ 」
「แต่ยังไงก็น่าอิจฉาหมอโดนัลจริงๆ น้อ หรือข้าควรจะย้ายคลินิกไปใกล้ๆ กับร้านขายยาต่างโลกบ้างดีนะ」
พอได้ยินหมอโดนัลบอกถึงข้อดีที่ตั้งใกล้ร้านขายยาต่างโลก
แพทย์คนอื่นๆ ก็ทำได้เพียงมองความสำเร็จของเขาด้วยความอิจฉา
「ทั้งแพทย์และแพทย์โอสถที่เป็นชนชั้นสูงส่วนใหญ่นั้นก็มักจะหัวเราะและดูถูกแพทย์สามัญชน แต่ร้านขายยาต่างโลกนั้นต่างออกไปจริงๆ สินะ」
ทางอกาธาที่นั่งอยู่ในนั้นก็ไม่พ้นต้องรับลูกหลงจากการสนทนาพวกนี้มาด้วยเพราะเธออยู่กึ่งกลางระหว่างชนชั้นสูงกับสามัญชน เธอจึงกระแอมออกมาหนึ่งครั้งก่อนจะพูด
「ก็เป็นเรื่องจริงที่ชนชั้นสูงซึ่งเป็นแพทย์หรือแพทย์โอสถจะสามารถใช้ศาสตร์แห่งเทพเข้าช่วยได้ แต่ปัญหาในคราวนี้ไม่ใช่ตรงจุดนั้นสินะหมอโดนัล? 」
「ครับ เพราะท่านฟาร์มาไม่ได้เข้ามาแทรงแซงทางกระบวนการรักษาอีกทั้งผมยังไม่เคยเห็นเขาใช้ศาสตร์แห่งเทพมาเสริมเลยสักนิด ดังนั้นผมจึงมองว่าคลินิกที่อยู่ห่างไกลออกไปอาจจะได้รับการจัดการที่ไม่ดีนัก หรือการติดตามเคสผู้ป่วยอาจจะต้องใกล้ชิดมากกว่านี้ครับ」
แม้จะพูดเหมือนกับเลี่ยงเสียงวิจารณ์ แต่โดนัลก็ขอร้องให้ที่ประชุมมองให้ลึกกว่านี้
「ตามสถิติแล้ว ผลลัพธ์ในความสำเร็จของเคสถูกพวกสัตว์กัดนั้นลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าเราจะติดตามเคสหลังการผ่าตัดแล้ว แต่ก็สาเหตุการเสียชีวิตของพวกเขาเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับแผลที่โดนกัดเลยครับ」
「อาการของผู้ป่วยล่ะ」
「มีไข้ หมดสติ และเข้าสู่สภาวะโคม่าก่อนเสียชีวิตครับ」
「งั้นควรจะมองไปที่การติดเชื้อสินะ」
แนวคิดเรื่องการติดเชื้อนั้นกลายมาเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาในเคสการรักษาทั้งในหมู่แพทย์และแพทย์โอสถทั่วโลกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้
การค้นพบเชื้อโรคต่างๆ ด้วยกล้องจุลทรรศน์ทำให้รู้ว่าสาเหตุการตายของผู้คนเกิดจากการติดเชื้อได้ ด้วยสิ่งนี้เองโรคที่ร้ายแรงซึ่งไร้หนทางในการรักษาเมื่ออดีตที่ผ่านมาอย่าง กาฬมรณะ ฝีในท้อง ให้กลายมาเป็นโรคที่รักษาได้
สิ่งที่เป็นศัตรูของเหล่าศัลยแพทย์มายาวนานถูกกำจัดออกไป
ด้วยการควบคุมเพื่อป้องกันการติดเชื้อในผู้ป่วย การทำคลอดในเมืองหลวงตอนนี้จึงเรียกว่าปลอดภัยมากขึ้นพอสมควร
ทุกอย่างต้องขอขอบคุณฟาร์มา
หลายคนก็ให้ความนับถือเขา แถมเมืองหลวงเองก็ได้รับการช่วยเหลือจากเขามาหลายหน
「ฉันเองก็คิดแบบนั้น ก็เลยขอให้ลูกศิษย์ที่สอนเมื่อก่อนส่งตัวอย่างไปที่แผนกปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยจักรวรรดิซึ่งมีนักเรียนที่ได้รับการอบรมจากท่านฟาร์มาโดยตรงตรวจสอบ แต่กลับคว้าน้ำเหลว」
ผลการทดสอบโดยมหาวิทยาลัยแพทย์ที่มีทรัพยากรและเทคโนโลยีซึ่งก้าวหน้าที่สุดในโลกบอกว่านี่ไม่ใช่อาการที่เกิดจากการติดเชื้อ เมื่อพวกเขาเห็นผลเช่นนี้ก็ไม่อาจจะปฏิเสธอะไรได้
มันกลายเป็นสิ่งที่อยู่นอกความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ไปแล้ว
「บางทีอาจจะเป็นเพราะถูกพวกสัตว์ที่โดนวิญญาณร้ายสิงสู่กัดเข้าหรือเปล่าครับ? 」
หมอโดนัลกล่าวถึงความเป็นไปได้นั้น ก่อนที่อกาธาจะถอนหายใจออกมา
「หากเป็นเช่นนั้นจริงก็คงเรียกได้ว่าเลวร้ายสุดๆ เพราะพวกเราคงไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากเรียกศัลยแพทย์ที่เป็นชนชั้นสูงหรือนักบวชมาจัดการ」
สามัญชนไม่สามารถจัดการวิญญาณร้ายได้
แต่ก็ไม่มีศัลยแพทย์ชนชั้นสูงคนไหนจะมาให้การรักษากับสามัญชนอยู่แล้ว หมอโดนัลแสดงความเป็นกังวลออกผ่านสีหน้า
「เช่นนั้นผมขอนำรายงานเคสพวกนี้กลับไปตรวจสอบได้ไหมครับ? 」
「ได้สิ สุดท้ายพวกเราก็ต้องช่วยกันตรวจสอบสาเหตุจริงๆ น่าจะดีที่สุด」
ตอนนี้สมาคมศัยลแพทย์ได้เผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหม่แล้ว
ทันทีที่หมอโดนัลกลับมาถึงเมืองหลวง เขาก็ตรงไปที่ร้านขายยาต่างโลกทันที
(จะพูดดูถูกอะไรเราต่อก็เชิญเลย! แต่ตอนนี้มันคือทางออกเดียว)
เขาสามารถขอแรงร้านขายยาต่างโลกได้เพราะสถานที่ตั้งของเขาใกล้สุด
หมอโดนัลตัดสินใจว่าเรื่องนี้ยังไงก็ควรจะให้ฟาร์มาได้รับรู้และขอคำแนะนำจากเขา
(มันก็แค่เรื่องศักดิ์ศรีทางสังคมไม่ใช่หรือไง หากตัดมันทิ้งยังไงเราก็ต้องพบคำตอบแน่)
เนื่องจากว่าเขาจะไปถึงก็เกือบเวลาปิดร้านแล้ว ฟาร์มาจึงไม่ได้อยู่ที่นั่น ทว่าเขาก็ได้พบกับแพทย์โอสถที่ชื่อเอเลโอนอร์แทน
「โอ้คุณโดนัลนี่เอง น่าเสียดาย แต่เจ้าของร้านไม่อยู่ค่ะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ? 」
「งั้นเอาเป็นพรุ่งนี้แทนก็ได้ครับ」
โดนัลเลือกจะกลับไปแทนเพราะเขาคิดว่าเรื่องมันหนักกว่าที่เอเลโอนอร์จะรับมือไหว
「เป็นสิ่งที่เจ้าของร้านเท่านั้นที่รับมือได้สินะคะ」
เอเลโอนอร์ดูทำหน้าเศร้าๆ โดนัลจึงรีบปฏิเสธ
「ไม่หรอกครับ….ถ้าหากพอมีความรู้บ้างก็น่าจะช่วยได้」
「ถ้าแบบนั้นอย่างน้อยก็ช่วยพูดมาเถอะค่ะ ถึงฉันอาจจะช่วยไม่ได้แต่จะรับฟังไว้」
เอเลโอนอร์ยิ้มออกมาอย่างเป็นมิตรก่อนจะทำการปิดร้าน
หมอโดนัลเลยจำเป็นต้องเล่าให้เธอฟัง
「ผมเองก็อยากฟังเหมือนกันนะ!」
ชายหนุ่มร่างใหญ่ที่มีหน้าตาค่อนข้างเป็นมิตรกระโดดเข้ามาร่วมด้วย โดยที่ป้ายชื่อของเขาเขียนว่าโรเจอร์
「ให้พวกเราร่วมด้วยจะได้ไหมคะ? 」
อีก 2 คนก็เดินเข้ามาหาโดนัลด้วย โดยป้ายชื่อของพวกเธอเขียนไว้ว่าเซเรสกับรีเบคก้า พอถูกแพทย์โอสถระดับสูงล้อมถึง 4 คนแบบนี้เขาก็แอบเกร็งพอสมควร
(ความรู้สึกที่ถูกคนระดับสูงล้อมนี่มันอะไรกัน!)
สุดท้ายโดนัลก็เปิดเผยถึงสิ่งที่กิลด์กำลังเผชิญพร้อมกับให้ดูเอกสารรายงานบางส่วน
เอเลโอนอร์ที่กำลังอ่านรายงานต่างๆ พลาดพยักหน้าไปด้วยราวกับมั่นใจอะไรสักอย่าง ไม่นานนักเธอก็เดินไปหยิบตำราเล่มหนาออกมา
เกิดจะเปิดมันให้โดนัลดู
「ฉันคิดว่าเป็นโรคพิษสุนัขบ้าค่ะ」
「คงงัั้น」
「นั้นสิคะ」
「เห็นด้วยค่ะ」
หลังจากเอเลโอนอร์ ทั้ง 3 คนที่เหลือก็พยักหน้าตาม เหมือนพวกเขาจะเห็นตรงกันหมด
โดนัลถึงกับพูดไม่ออก
(เอ๋ แค่พริบตาเดียวเนี่ยนะ? แพทย์โอสถพวกนี้ไม่ใช่ว่ามันระดับเดียวกันแพทย์โอสถหลวงเลยหรือไงกัน!)
จากนั้นโดนัลก็หยิบเอกสารที่สรุปเกี่ยวกับการติดเชื้อออกมา
「แต่ว่าห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยส่งผลมาว่าไม่ใช่โรคติดเชื้อนี่นา」
โดนัลเอาสำเนาผลการทดสอบที่ยืมมาจากอกาธาให้เอโอนอร์ดู ทางเอโอนอร์ที่เห็นก็ส่ายหน้าไปมา
「ถามจริง เป็นไปไม่ได้น่า ไวรัสพิษสุนัขบ้าเนี่ยนะที่มหาวิทยาลัยแพทย์จักรวรรดิจะตรวจไม่เจอ อ๋อ จริงสิเดี๋ยวนะ」
ดูเหมือนว่าเอเลนกำลังตรวจสอบเอกสารที่ได้รับมาอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
「ตัวอย่างที่ส่งไปให้ทดสอบมีอะไรบ้างคะ แล้วเอามาจากคนไข้ที่มีชีวิตอยู่หรือเปล่า อย่างน้ำลาย น้ำไขสันหลัง กระจกตา หนังคอ….」
รีเบคก้าที่ติดตราแพทย์โอสถชั้นหนึ่งซึ่งได้รับมาไม่นานนี้ถามขึ้น
「ไม่ครับ….ที่ส่งไปมีเพียงทิชชูที่ตรึงเซลล์ไว้ด้วยแอลกอฮอล์」
「ถ้าเป็นกรณีนี้หากมีการตรึงที่ไม่ดีนักก็คงตรวจสอบได้ยากค่ะ แถมจำเป็นต้องใช้วิธีอย่างฟลูออร์เรสเซนต์แอนตี้บอดี้เทคนิคด้วย」
ทางเอเลโอนอร์ก็เหมือนจะทำหน้าลำบากใจหลังรีเบคก้าพูดจบ
「โรคพิษสุนัขบ้าเป็นโรคติดต่อจากสัตว์ที่มีเชื้อดังกล่าวอยู่สู่คน เมื่อสัตว์บางชนิดได้ทำการกัดหรือข่วนคน ไวรัสดังกล่าวจะถูกส่งผ่านบาดแผลและเดินทางไปยังระบบประสาทเข้าสู่สมอง ก่อนจะใช้เวลาฟักตัวหลายเดือน อาการของมันนั้นจะเริ่มด้วยการมีไข้ และโคม่า ก่อนจะเสียชีวิตไปเพราะภาวะการหายใจล้มเหลว เมื่อผู้ป่วยแสดงอาการแล้วนั่นหมายถึงพวกเขาจะเสียชีวิตอย่างแน่นอน และโรคดังกล่าวก็ยังไม่มีวิธีการรักษาด้วย….」
โดนัลแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเองหลังได้ยินคำอธิบายของเอเลโอนอร์
「อ้า-อะ-แฮ่ม…บะ..แบบนี้นี่เอง」
โดนัลตระหนักได้ถึงระดับความต่างของความรู้ระหว่างพวกเขาทันที ก่อนจะพูดออกมาเหมือนมีอะไรติดอยู่ที่คอ
「ขอโทษด้วยนะคะ ทั้งที่ฉันควรจะเสิร์ฟเครื่องดื่มให้ก่อนแท้ๆ 」
เอเลโอนอร์นำเครื่องดื่มแบบเย็นมาให้โดนัล
หลังจากกระแอมเสร็จ โดนัลก็เริ่มพูดถึงสิ่งที่เขาคิดออกมา
เนื้อหาที่เอเลนบอกมานั้นค่อนข้างจะเข้าใจได้ยาก หัวสมองของเขาจึงต้องใช้เวลาประมวลผลครู่หนึ่ง
「รักษาไม่ได้จริงเหรอครับ? 」
「ที่บอกว่าไม่มีวิธีการรักษานั่นเป็นเรื่องจริงนะครับ ในตำรานี้ก็เขียนเอาไว้แบบนั้นเลย」
แพทย์โอสถที่ชื่อโรเจอร์ซึ่งกำลังเปิดตำราที่เอามาจากเอเลโอนอร์พูด
「ไม่มีแน่นอนค่ะ ว่ากันว่ามันเป็นโรคที่มีอัตราการเสียชีวิตสูงมากนับตั้งแต่ประวัติศาสตร์โลกถูกบันทึกเอาไว้ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฟาร์มาคุงพยายามอย่างหนักเพื่อสร้างวัคซีนด้วยนี่เนอะ」
「ใช่ตอนที่เขาเล่นมุก ให้เติมน้ำตาลพร้อมกับบีทรูท (ไวรัสเรบี) นั่นหรือเปล่าคะ? 」
หลังได้ยินคำพูดของเอเลนอร์ เซเรสก็พูดเหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้
「เห้อก็นั่นแหละนะ สำหรับวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า ทางเราได้รวบรวมสุนัขจรจัดมาเพื่อเก็บตัวอย่างเชื้อ แล้วสร้างต้นแบบเชื้อที่ตายแล้ว ซึ่งงานส่วนนี้ก็ได้เอ็มเมอริคคุงกับโจเซฟีนจังช่วยค่ะ」
「เตรียมการได้ดีสมกับเป็นท่านเจ้าของร้านจริงๆ ค่ะ」
รีเบคก้าพยักหน้าด้วยความประทับใจ
「จะว่าไปผมก็สงสัยนะครับว่าทำไมเจ้าของร้านถึงไม่เพาะเชื้อแบคทีเรียกับไวรัสเองซะเลย? 」
โรเจอร์ถามด้วยความสงสัย ทางเอเลนก็ทำสีหน้าปั้นยาก
「ก็….แบบว่า มันเป็นอิทธิพลจากพลังแห่งเทพของเขาน่ะ จุลินทรีย์ที่ฟาร์มาคุงเลี้ยงไว้มักจะตายเสมอเลย」
「หวังว่าเขาจะไม่ไปที่โรงงานชีสหรืออะไรทำนองนั้นนะครับ」
「ยีสยังตายโรงงานไวน์ก็คงต้องห้ามค่ะ」
「ร้านเบเกอรี่ขอสั่งห้ามด้วยคนค่ะ」
แพทย์โอสถทั้งสามแสดงความเห็นของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับพลังที่แสนน่ากลัวนี้
「เดี๋ยวสิ ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง เขาก็เหมือนกับเทพแห่งเหล่าศัลยแพทย์เลยนะ คิดดูสิหากเขาได้เคียงข้างเหล่าศัลยแพทย์ที่กำลังผ่าตัดอยู่จะดีขนาดไหน」
「นั่นสินะครับ」
เอเลนอร์ที่รู้ตัวที่ทิ้งให้โดนัลอยู่นอกวงมานานก็หันกลับไปยิ้มให้เขา
「ชื่อฟาร์มาของเขานี่ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ สินะครับ」
「สำหรับเรื่องนั้น คุณหมอคะฉันว่าเราไม่ควรไปไกลกว่านี้จะดีกว่า」
มันเป็นการย้ำเตือนว่าไม่ควรจะลามไปถึงความหมายของชื่อบรูโน เดอ เมดิซิสด้วยนั่นเอง
「เอาเป็นว่า เหมือนจะนอกเรื่องกันมาไกลแล้วนะคะ อันที่จริงเพราะผู้ป่วยอาการดังกล่าวไม่ได้มาที่ร้านขายยาต่างโลกของเราบ่อยนัก เราจึงไม่รู้ว่าโรคพิษสุนัขบ้ากำลังระบาดอยู่ นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่เลยค่ะ จากนี้คงต้องรีบกระจายวัคซีนให้แต่ละคลินิกทำการฉีดหลังผู้ป่วยถูกสัตว์กัด」
「โอ่ะ โอ้ได้แบบนั้นก็ดีเลย! ว่าแต่วัคซีนนี่ทำงานยังไงเหรอ? 」
เอเลโอนอร์ไม่ได้รังเกียจที่จะอธิบายเรื่องวัคซีนเลยสักนิด ก่อนจะเริ่มพูดพร้อมเขียนภาพประกอบ
「เมื่อเราติดเชื้อ ร่างกายของเราจะสร้างภูมิคุ้มกันที่มีไว้เพื่อกำจัดโรคค่ะ การใช้วัคซีนก็จะเป็นเหมือนการช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคขึ้นมาล่วงหน้า โดยการทำเช่นนี้จะทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบจากเชื้อที่เข้ามาภายหลังน้อยลงค่ะ โดยวัคซีนก็จะมีด้วยกันอยู่ 3 ประเภทนั่นคือวัคซีนที่ทำมาจากเชื้อที่ถูกทำให้อ่อนแอลงไปมากแล้ว ต่อมาก็เป็นเชื้อที่ตายไปแล้วซึ่งไม่มีความสามารถในการแพร่เชื้อต่อได้ ส่วนอีกประเภทก็คือวัคซีนที่ทำการกำจัดผลเสียของเชื้อดังกล่าวนั้นไปจนหมดแล้วค่ะ โดยทางเราเลือกใช้วัคซีนประเภทที่เชื้อได้ตายไปแล้ว ซึ่งได้มาจากการเพาะเลี้ยงเซลล์ของสัตว์ที่ติดเชื้อดังกล่าว ก่อนจะหยุดการทำงานของพวกมันแล้วแยกเอาส่วนต่างๆ ของเชื้อออกมาค่ะ」
「ก็หมายความว่ามันเป็นเชื้อที่ไม่ทำให้ร่างกายเกิดโรคขึ้นสินะครับ? 」
แม้โดนัลจะยังสับสนไปบ้าง แต่ก็พอจะสรุปประเด็นหลักๆ ได้
「ก็ประมาณนั้นค่ะ เมื่อเทียบกับประเภทที่เชื้อยังมีชีวิตอยู่หรือถูกทำให้อ่อนแอลงแล้ว เชื้อที่ตายไปแล้วนั้นจะอ่อนกว่าแต่หากได้รับการฉีดเข้าไปหลายครั้งก็จะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อให้ร่างกายเรียนรู้ลักษณะของการโจมตีที่เชื้อทำได้ เอาเป็นว่าวัคซีนโรคพิษสุนัขบ้านี้มีความปลอดภัยสูงค่ะ」
「แล้วเรื่องการฉีดวัคซีนนี้ไปทางกระแสเลือดจะไม่เกิดปัญหาใช่ไหมครับ? 」
「พวกแบคทีเรียกับไวรัสจำนวนนับไม่ถ้วนก็บุกรุกร่างกายของเราผ่านกระแสเลือดแต่แรกอยู่แล้วค่ะ และภูมิคุ้มกันของร่างกายเราก็สร้างเซลล์ขึ้นมาต่อสู้กับมันในจุดนั้นทั้งกลางวันกลางคืนอยู่แล้ว」
รีเบคก้ากล่าวเสริม
「บางทีเรายน่าจะต้องรีบส่งโทรเลขไปที่โรงงานมาร์เซลและเร่งให้ผลิตวัคซีนมากขึ้นซะแล้วสิคะ ไหนจะต้องไปรายงานให้คุณเจ้าของร้านรู้อีก 」
「เดี๋ยวฉันช่วยอีกแรงค่ะ」
เซเรสรีบเตรียมส่งโทรเลข
สุดท้ายก็เหลือหมอโดนัลที่ถูกทิ้งเอาไว้ให้ยืนงงกับสถานการณ์
「นี่มันอะไรกัน」
「ตอนนี้ทางร้านของเรากำลังเตรียมยารักษาหลายร้อยตัวไว้ค่ะ แต่แน่นอนว่าทางเราไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเองทั้งหมด ดังนั้นจึงกระจายเทคโนโลยีการผลิตไปยังส่วนต่างๆ ของประเทศ ทั้งการเพาะเลี้ยงเซลล์ การทดลองต่างๆ โดยโรงงานมาร์เซลล์ก็เป็นอีกที่หนึ่งในการผลิตของจำนวนมาก ซึ่งพวกเราจะติดต่อกันผ่านโทรเลขค่ะ」
เอเลโอนอร์ทำการตรวจสอบปฏิทินและคำนวณจำนวนวันที่จะเดินทางมาส่งสินค้า
「เดี๋ยวทางเราจะแจ้งวันส่งให้ทราบอีกครั้งนะคะ….แต่ก็คิดว่าคงไม่เกินหนึ่งเดือนนี้ค่ะ ว่าแต่ทางคุณหมอต้องการเท่าไหร่คะ? 」
「กะ-ก็แบบว่าไม่เยอะมากหรอก…..อันที่จริงก็อยากจะรู้ราคาก่อนถึงจะคำนวณได้ว่าต้องใช้กี่ชิ้นครับ แล้วก็อยากได้วันหมดอายุของวัคซีนด้วย」
โดนัลตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา เหมือนทุกอย่างมันจะใหญ่โตกว่าที่เขาคิดไปเสียแล้ว
「ได้เลยค่ะ คุณเซดริก หลังยืนยันกับทางมาร์เชลได้แล้ว ช่วยทำใบเสนอราคาด้วยนะคะ」
「ทราบแล้วครับ」
หากราคาสูงเกินไปผู้ป่วยก็อาจจะไม่สามารถจ่ายไหว บางกรณีพวกเขาก็ต้องหยุดการรักษาไปเพราะเหตุผลทางการเงิน แพทย์เองก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก จนบางครั้งก็เข้าเนื้อตัวเอง
เขาคงไม่ล้มละลายใช่ไหม! นั่นคือสิ่งที่โดนัลคิดเพราะเรื่องตอนนี้มันเกินกว่าเขาจะควบคุมแล้ว
โดนัลเลยพยายามคิดว่าจะออกจากจุดนี้ไปได้อย่างไรดี
「คือว่า วัคซีนตัวใหม่นี้คงเป็นของสั่งทำพิเศษราคาคงแพงมากสินะครับ? 」
「นั่นสินะคะ เนื่องจากเป็นคำสั่งพิเศษด้วย ค่าธรรมเนียมคงสูงตาม」
「อึก……」
บางทีเพราะสังเกตเห็นถึงเหงื่อที่ไหลอาบหน้าโดนัล เอเลโอนอร์จึงกระซิบบอกกับพนักงานที่ดูแลงานธุรการ จากนั้นชายคนหนึ่งที่ติดป้ายชื่อว่าเซดริกก็เดินออกมาหาโดนัลพร้อมเอกสาร
「นี่คือแบบฟอร์มขอเงินอุดหนุนทางการแพทย์ของจักรวรรดิครับ หากไปยังสถานที่ที่กำหนดนี้ คุณจะได้รับเงินอุดหนุนคืนจากจักรวรรดิถึง 90% ของราคายาที่จ่ายไปครับ」
「ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!」
「กำลังเริ่มเมื่อเดือนก่อนครับ」
โดนัลเหมือนถูกช่วยดึงออกมาจากขุมนรก
「ตอนนี้ก็ถึงเวลาปิดร้านแล้ว ไว้ค่อยมาใหม่วันหลังนะคะ!」
โดนัลออกจากร้านขายยาต่างโลกด้วยความรู้สึกโล่งใจราวกับฝันไป
「อย่างที่คิดไว้จริงๆ สำหรับสถานศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ แล้วใครจะอดใจไม่มาไหวล่ะ」
โดนัลเดินไปพลางคิดว่าจะมีร้านขายยาแห่งไหนบนโลกจะทำได้แบบนี้อีกบ้าง
◆
อกาธา เจ้าของคฤหาสน์กุหลาบ รู้สึกประหลาดใจกับรายงานของโดนัลที่รีบขึ้นรถม้ามาพบเธอในช่วงเช้าตรู่ จนเกือบจะสะดุดล้ม ความกังวลที่กระดูกจะหักเมื่ออายุมากขึ้นนั้นไม่รู้มันหายไปไหนหมด
「ทั้งที่ยังไม่ถึงวันเลยแท้ๆ ทำไมเร็วนักล่ะ? 」
「ครับ ผมได้ลองเอาไปปรึกษากับร้านขายยาต่างโลกดู แล้วก็ได้รับทางออกในทันทีครับ โดยพวกเขาบอกว่านี่น่าจะเป็นอาการของโรคพิษสุนัขบ้า」
โดนัลถอดหมวกที่สวมออกก่อนจะถือมันด้วยมือทั้งสองข้างก่อนจะหมุนไปเรื่อยๆ พลางอธิบาย
อกาธาที่ได้ยินก็เหมือนจะยังตามไม่ค่อยทันนัก
「แปลว่าได้รับคำปรึกษาจากท่านฟาร์มามาแล้วสินะ? 」
「ไม่ครับ ท่านไม่ได้อยู่ที่นั่น แต่ผู้ที่ให้คำปรึกษาผมคือเหล่าแพทย์โอสถ 4 คนที่เป็นชนชั้นสูง….ตอนแรกก็แอบเกร็งว่าจะถูกปฏิบัติแบบไหน แต่ก็ได้รับความกรุณามามากจริงๆ ครับ」
「สถานะของคุณไม่ได้สำคัญอะไรหรอกนะ ในเมื่อพวกเขาก็มองพวกเราเป็นดั่งคนในวงการเดียวกัน ดังนั้นอย่าได้พูดอะไรแบบนั้นอีกเลย」
นั่นคือสิ่งที่อกาธามักจะบอกกับคนของเธอเสมอ แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเปลี่ยนมุมมองของสามัญชนได้โดยเฉพาะพวกที่สูงอายุ
「เนื่องจากเป็นโรคที่ติดต่อจากสัตว์สู่คน พวกเขาจึงแนะนำให้จับพวกสุนัขมาฉีดวัคซีนด้วยครับ ส่วนรายละเอียดก็ตามเอกสารที่แนบมา」
「แล้ววัคซีนจะมาส่งเมื่อไหร่ล่ะ? 」
สำหรับข้อมูลที่ส่งไปจำนวนมากในเมื่อวาน
อกาธาถึงกับแปลกใจอีกครั้งที่มันได้รับการตอบสนองอย่างรวดเร็ว
「เราสามารถไปรับมันที่ร้านขายยาต่างโลกได้ในอีกหนึ่งเดือนครับ」
「งั้นเหรอ….รอช้าไม่ได้แล้วสิ」
อกาธาพูดพร้อมกับสะบัดผมของเธอ
「ก็แปลว่า…วิธีการผลิตวัคซีนได้ขึ้นทะเบียนกับสำนักเทคโนโลยีแล้วสินะ」
「ครับ」
อกาธาทำการสวมชุดคลุมและหมวก มันคือการออกไปนอกคฤหาสน์ครั้งแรกในรอบครึ่งปีของเธอ
「เห็นทีว่าคงต้องไปที่นั่นเพื่อเสริมข้อมูลของฝั่งเราที่หามาได้ด้วยสินะ ก่อนจะถึงวันรับวัคซีนยังไงก็ต้องรีบเตรียมทุกอย่างให้พร้อม ต้องรีบจัดการข้อมูลผู้ป่วยสำหรับโรคพิษสุนัขบ้าแล้วสิ!」
「ผมจะตามไปส่งเองครับ」
โดนัลก้มหัวให้กับเธอ
ราวกับมีไฟอีกครั้ง อกาธาได้ฟื้นคืนชีพกลับมาพร้อมกับหูฟังแพทย์ เข็มฉีดยา เครื่องมือผ่าตัด และแว่นอ่านหนังสือจากกสำนักเทคโนโลยี
ไม่กี่วันต่อมา ก็มีข่าวสะพัดไปทั่วว่าอกาธาจะกลับมาทำหน้าที่ในฐานะศัลยแพทย์อีกครั้ง
「โฮ่ รุ่นพี่อกาธา สมกับเป็นท่านจริงๆ แต่ผมเองก็ไม่ยอมแพ้หรอกนะ」
นั่นคือสิ่งที่คล็อดพูดหลังได้ยินว่าศัลยแพทย์อกาธาฟื้นคืนชีพแล้ว
———-
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code
MANGA DISCUSSION