Parallel World Pharmacy - ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 117
ตอนที่ 117 เตรียมการรับมือกับสุริยุปราคา
ฟาร์มาและเหล่าคณะเดินทางได้กลับมาถึงเมืองหลวงจักรวรรดิอย่างปลอดภัยหลังใช้เวลาบินกว่า 10 ชั่วโมง
เนื่องจากความเหนื่อยล้าของฟาร์มาและคนอื่นๆ ระยะเวลาในการเดินทางมันก็เลยใช้มากกว่าที่คาดเอาไว้
ในขณะเดียวกันที่พักซึ่งจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์บรรทมอยู่ก็ได้เกิดการออกค้นหาไปทั่วเนื่องจากการหายไปของเธอ จนเกือบจะตั้งกองกำลังค้นหาเผื่อเกิดเหตุลักพาตัวขึ้น แต่ก็โชคดีที่เธอกลับมาได้ทันพอดี เรื่องมันก็เลยไม่ลุกลามไปไกลนัก
「ฝ่าบาท หรือว่าจะแอบออกไปข้างนอกโดยไม่บอกพวกกระหม่อมหรือ? 」
คล็อดมองด้วยความสงสัย แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่คิดว่าเธอจะเดินทางไปไกลถึงทวีปใหม่
「ฝ่าบาทควรคำนึงถึงตำแหน่งของฝ่าบาทด้วย เพราะเหล่าข้ารับใช้ที่ดูแลในส่วนนี้ต้องรับผิดชอบกับการหายไปของฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ」
รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศแสดงท่าทางเหมือนโดนผูกคอแล้วแลบลิ้นออกมา
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เห็นก็ทำได้เพียงหัวเราะออกมาจากการแสดงท่าทางเกินจริงของอีกฝ่าย
「บางครั้งเราก็อยากจะอยู่คนเดียวเงียบๆ บ้างนะ พวกเจ้าก็อย่าคิดกันมากเลย」
「ได้โปรดอย่าตรัสเช่นนั้นเลย」
「ฝ่าบาทจะปรากฏตัวภายนอกตามอำเภอใจไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ หากไม่มีผู้คุ้มกันไปด้วยจะเกิดอะไรขึ้นใครเล่าจะรู้….」
「คนพวกนั้นจะคุ้มกันเราได้จริงหรือ? 」
มันย่อมเป็นเรื่องยากอยู่แล้วสำหรับเอลิซาเบทซึ่งเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกจะเผชิญหน้ากับเรื่องยากลำบากด้านการต่อสู้ แถมพวกคนคุ้มกันก็ใช่จะแกร่งกว่าเธอ
「ถึงพวกหมายปองร้ายจะเข้ามาหาฝ่าบาทตรงๆ ไม่ได้ แต่การโจมตีด้วยวิธีอันขลาดเขลาอย่างพิษก็มีอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ!」
「ไว้ถึงตอนนั้นด้วยแพทย์หลวงกับแพทย์โอสถก็คงหาทางทำอะไรได้เองน่า」
โดยเฉพาะหากเรียกฟาร์มา มาดูแล ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการแพทย์แทบทั้งหมดก็จะได้รับการแก้ไข
นั่นคือสิ่งที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คิด
「มะ-ไม่ว่ายังไงก็ตาม! อย่าทำให้พวกกระหม่อมต้องเป็นกังวลเลยเถิด!」
「ไม่ไหวๆ วันนี้พวกกระหม่อมยังมีเอกสารที่ต้องให้ฝ่าบาทเซ็นอีกเป็นภูเขาเลยด้วย」
เหล่านักบวชก็เข้าร่วมการบ่นในคราวนี้ด้วย
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องพยายามรับมือและทำหน้าที่ของสันตะปาปาและจักรพรรดิในเวลาเดียวกัน
(อย่างที่คิด เราควรจะรีบแต่งตั้งให้ปาลเล่ได้เป็นจักรพรรดิแห่งแซงต์เฟลิฟโดยเร็ว ภาระงานของเราจะได้ลดลงเสียที อย่างน้อยก็เหลือแค่งานของสันตะปาปา คอยดูเถิดปาลเล่เราจะใช้งานเจ้าให้คุ้มเลย)
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เริ่มวางแผน แต่ถึงเธอจะผลักดันปาลเล่ให้กลายเป็นจักรพรรดิได้แต่ปัญหามันก็ยังเหลืออยู่ในโครงสร้างตำแหน่ง
(หากเป็นแบบนี้ บรูโนไม่ก็ฟาร์มาจะกลายเป็นหัวหน้าแพทย์โอสถหลวงซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่าปาลเล่ที่เป็นแพทย์โอสถ ไม่สิถ้าเขากลายเป็นจักรพรรดิของอย่างแพทย์โอสถหลวงอาจจะสูญหายไปเลยก็ได้)
ทั้งความสัมพันธ์เชิงโครงสร้างของจักรพรรดิและแพทย์โอสถหลวงจะพังทลายลงเหลือแค่เพียงการรวบอำนาจรวมเบ็ดเสร็จของตระกูลเดอ เมดิซิส
เหนือสิ่งอื่นใดยังมีปัญหาสำคัญที่ขัดขวางแผนเธออยู่
พอนึกถึงธรรมเนียมในอดีต เป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะสละราชบัลลังก์ เว้นเสียแต่เธอจะต้องประลองศาสตร์แห่งเทพกับปาลเล่ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน แม้ว่าเธอสามารถออมแรงให้กับเขาได้ แต่มันก็แอบหงุดหงิดไม่น้อยที่ต้องมาพ่ายแพ้ต่อหน้าสาธารณชน
มันคือสิ่งที่ผู้แข็งแกร่งกว่าใครอย่างเธอไม่อยากจะเปิดเผยให้ผู้ใดได้รู้
(ไม่เป็นไร ความรู้สึกของเรากำลังบอกว่าวันนั้นต้องมาถึงแน่ จะตั้งตารอเลย)
ด้วยทักษะการใช้ศาสตร์แห่งเทพอันโดดเด่นของปาลเล่ที่แสดงให้เห็นในการซ้อมรบใหญ่และความคิดอันยืดหยุ่นเหนือกรอบที่แสดงให้เห็นในทวีปใหม่เธอยิ่งมั่นใจกว่าเดิม
ดังนั้นทางเลือกอื่นนอกจากการประลองศาสตร์แห่งเทพก็คงไม่เหลือแล้ว และขณะที่เธอกำลังพิจารณาเรื่องต่างๆ ในหัวนั้นเอง
「ท่านแม่ วันนี้เราต้องมีเรื่องมาคุยกันสักหน่อยแล้ว」
หลุยส์ลูกชายของเธอได้ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับสีหน้าโมโห
คนเป็นแม่อย่างเธอก็ทำได้เพียงตัดสินใจรอรับความโกรธนั้น
หลังจากเธอถูกลากไปยังห้องส่วนตัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วทนรับฟังการบ่นจนหูชาจากลูกชายของเธอกว่า 3 ชั่วโมง ในที่สุดเธอก็ได้รับการปล่อยตัว
「โดนมาไม่น้อยเลยนะพ่ะย่ะค่ะ」
แล้วก็เป็นโนอาห์ที่ยืนรออยู่หน้าประตูทักทายกับเธอที่ผ่าน 3 ชั่วโมงนั้นมาได้
แน่นอนว่าไม่มีข้าราชบริพารผู้ใดพบเห็นเขาขณะยืนรออยู่
ซึ่งก็เป็นผลมาจากพลังของเขานั่นเอง
「ให้ตายสิ ทำเราคอแห้งเลย เจ้าช่วยไปหาอะไรมาให้เราดื่มหน่อยสิ พอเด็กคนนั้นได้บ่นแล้วความเมตตาไม่เคยจะมีเลยสักนิด」
「เหนื่อยหน่อยนะพ่ะย่ะค่ะ ไว้กระหม่อมจะรีบหาอะไรมาให้ดื่ม ว่าแต่จะให้จัดหาคนพาองค์ชายกลับห้องไหมพ่ะย่ะค่ะ」
「หลุยส์เหมือนจะพูดจนหมดแรงก็เลยผล็อยหลับไปแล้ว ดังนั้นให้เขานอนที่นี่แหละ」
「ช่างน่ายินดีที่เห็นองค์ชาย ใช้ภาษาจักรวรรดิได้คล่องแคล่วขนาดบ่นมารดาตัวเองจนหมดแรงได้」
「เจ้าพูดอีกก็ถูกอีกนั่นแหละ」
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าราวกับยอมแพ้
「เราได้ยินว่าเจ้าก็ติดเชื้อพยาธินี่ ไม่ไปพักสักหน่อยล่ะ ทั้งที่เราก็บ่นตลอดว่าไม่จำเป็นต้องคุ้มกันเราตลอดเวลาก็ได้」
「หากกระหม่อมทำเช่นนั้นเดี๋ยวฝ่าบาทก็ลืมตัวตนกระหม่อมพอดี ตัวตนของกระหม่อมยิ่งเป็นแบบนี้ด้วย」
「อย่าประเมินเราต่ำไปนักสิ」
「ขอบพระทัย เช่นนั้นกระหม่อมจะนำเครื่องดื่มมาให้ก่อนลาไปพักผ่อนพ่ะย่ะค่ะ」
โนอาห์โค้งคำนับก่อนจะเดินกลับไปตามทางเดิน
「นั่นสินะ อย่างน้อยก็มีแล้วคนหนึ่งที่ดูจะลำบากน่าดูหากเราสละราชสมบัติ」
หากปราศจากการสนับสนุนจากเธอ โนอาห์ที่มีตัวตนไม่โดดเด่นอยู่แล้วคงจะถูกกลบหายไปในเงา
สุดท้ายแล้วเกมการเมืองการปกครองนี่มันก็ยุ่งเหยิงเสียจริง จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คิดแล้วยักไหล่แบบช่วยไม่ได้ออกมา
◆
เมื่อฟาร์มากลับมาถึงตระกูลเดอ เมดิซิส ลอตเต้กับบลานช์ก็ดูเหมือนจะโล่งใจที่เห็นหน้าเขาแล้ว
「ดีใจที่กลับมาอย่างปลอดภัยนะคะ!」
「กลับมาแล้ว ขอโทษทีนะที่แอบหนีออกไปข้างนอก」
สงสัยคงต้องเตรียมโดนเทศน์ชุดใหญ่ นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาคิด
ทันทีที่ฟาร์มากลับมาถึงภายในเขตคฤหาสน์ เขาก็สังเกตเห็นวงเวทศักดิ์สิทธิ์กระจายอยู่ทุกหนแห่งของคฤหาสน์
「ถามจริง! นี่ลอตเต้เป็นคนทำทั้งหมดเลยเหรอ? 」
แต่ลายมือภายในวงเวทก็เหมือนกันหมดคงเป็นเธออย่างไม่ต้องสงสัย
ฟาร์มาเลยเผลอแอบกังวลขึ้นมาว่าเกินไปไหม แต่ลอตเต้ที่เฝ้าคอยเขาอยู่ก็มีอาการหนักถึงขั้นต้องทำขนาดนี้จริงๆ
「่ค่ะ ก็ประมาณ 100 จุดได้!」
「ด้วยมือน่ะเหรอ? 」
「ค่ะ」
เขาถามในสิ่งที่รู้อยู่แล้ว เพราะของพวกนี้มันไม่สามารถใช้เครื่องพิมพ์เลียนแบบได้
「หรือที่ผ่านมามีวิญญาณร้ายปรากฏตัวเหรอ? 」
「เพราะฉันไม่สามารถติดตามท่านไปได้ แล้วก็ไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองหลวงหากไร้ซึ่งท่านฟาร์มาและฝ่าบาท ดังนั้นอย่างน้อยฉันก็ต้องปกป้องคฤหาสน์แห่งนี้ให้ได้ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเหมือนในอดีตขึ้นค่ะ!」
ลอตเต้ที่เขียนวงเวทแห่งเปลวเพลิงมากเกินไปนั้น ก็เกิดอาการเอ็นอักเสบขึ้น เห็นได้จากผ้าพันแผลที่อยู่รอบข้อมือของเธอ
「ผมคงทำให้กังวลมากเลยสินะ」
แม้สมบัติลับจะถูกนำกลับมาติดตั้งที่วิหารเทพผู้พิทักษ์ของเมืองหลวงจักรวรรดิแล้ว แต่ลอตเต้ก็ยังอดกังวลไม่ได้จริงๆ
「ทว่าสิ่งที่ชาร์ล็อตทำนั้นก็ไม่ได้ไร้ประโยชน์เสียทีเดียวนะครับ เพราะพบหลักฐานว่ามีวิญญาณร้ายถูกวงเวทแห่งเปลวเพลิงของชาร์ล็อตชำระล้างที่อยู่มุมหนึ่งของคฤหาสน์ด้วย」
ไซม่อน หัวหน้าพ่อบ้านที่ดูแลกระเป๋าของฟาร์มาอยู่ พูดชมลอตเต้
「อ๊ะ จริงเหรอคะ?! ดีจังเลยค่ะที่ทำไปแล้วมันช่วยทุกคนได้」
ฟาร์มาเองก็รู้สึกโล่งใจที่ความพยายามของเธอได้รับผลตอบแทนกลับมาแล้ว
「ขอบคุณนะ ลอตเต้ดูเหมือนวงเวทที่คุณทำจะได้ผลในการป้องกันจริงๆ 」
พอฟาร์มาแสดงความยินดีกับเธอ ลอตเต้ก็เหมือนจะสุขยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ระหว่างที่กำลังคุยกับลอตเต้ ฟาร์มาก็สังเกตเห็นบลานช์กำลังจ้องมองเขาไม่วางตา
จะว่าไปฟาร์มาก็ทิ้งบลานช์เอาไว้แล้วมุ่งหน้าไปทวีปใหม่นี่นะ
สายตาของเธอบ่งบอกเลยว่าจำมันได้เป็นอย่างดีราวกับเพิ่งเกิดขึ้น
「ท่านพี่แย่ที่สุด มาทิ้งกันได้นะ」
「ขอโทษนะ แต่ยังไงมันก็อันตรายเกินไปสำหรับบลานช์อยู่ดี」
「โม่ว! ทำเหมือนหนูเป็นเด็กไปได้!」
บลานช์ทำการใช้คทาของเธอเขามาตีฟาร์มา แต่ฟาร์มาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยให้ตัวเองโดนทุบตี
「รู้ไหมคะว่าหนูกังวลขนาดไหน หนูคิดอยู่ในหัวตลอดเลยนะว่าหากวันหนึ่งพวกท่านพี่ไม่กลับมาจะเป็นยังไง」
บลานช์เผยความในใจออกมา
เธอกลัวว่าสักวันหนึ่งสิ่งนี้จะเกิดขึ้น
ฟาร์มาเองก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากลูบหัวของเธอเบาๆ
บลานช์ตอนนี้ได้เข้ามากอดเขาเอาไว้แน่น
อย่างที่ว่าผู้ที่ถูกทิ้งเอาไว้ข้างหลังย่อมเจ็บปวดกว่าผู้ที่จากไป
จากนั้นสักพักบลานช์ก็รู้สึกตัวว่าไม่เห็นปาลเล่กลับมาพร้อมกับฟาร์มา
「แล้วท่านพี่ใหญ่ล่ะคะไม่ได้กลับมาพร้อมกันเหรอ? 」
「ท่านพี่ก็กลับมาพร้อมพี่นะ แต่มันเกิดอะไรหลายๆ อย่างขึ้นน่ะ」
ตอนแรกฟาร์มาคิดว่าจะให้ปาลเล่ออกมาโดนบ่นกับเขา แต่สุดท้ายปาลเล่ก็ไม่ได้มารับกรรมด้วย
นั่นเป็นเพราะปาลเล่เหนื่อยมากจริงๆ จนเผลอหลับตอนอยู่บนรถม้า
แม้จะมาถึงคฤหาสน์แล้ว ฟาร์มาที่ลองเขย่าตัวปลูกเขาดูก็ไม่ตื่น ท่าทางพลังแห่งเทพของเขาคงหายไปเยอะมากจริงๆ กับเรื่องคราวนี้
「วันนี้ เขาคงไม่ตื่นแล้วแน่ๆ 」
แม้ว่าพลังแห่งเทพของเขาจะเริ่มฟื้นฟูมาแล้วบ้าง แต่ยังไงความเหนื่อยล้าทางกายก็ใช่ว่าจะหายไปจนหมด ดังนั้นฟาร์มาจึงปล่อยให้ปาลเล่พักผ่อนเท่าที่ต้องการ และกว่าปาลเล่จะตื่นก็เป็นช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น
วันเวลาผ่านพ้นไป จนถึงวันที่ 1 พฤษภาคม ปี 1148
「นี่ก็ 1 พฤษภาคมแล้วสินะ」
ฟาร์มาใช้มือพลิกปฏิทินในห้องของเขา
ระหว่างที่ใช้มือขยับแปรงสีฟันภายในปากจากอีกจุดไปยังอีกจุด
「อยากจะให้โลกนี้มีโกลเดนวีคจังเลย」
ฟาร์มาอยากจะใช้วันหยุดยาวในการสะสางงานที่ค้างให้เสร็จจริงๆ
แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีวันหยุดยาวเช่นนั้นสำหรับชนชั้นสูง
วันหยุดปกติก็จะเป็นวันอาทิตย์
วันหยุดพิเศษก็จะมีอย่างวันชาติจักรวรรดิ
วันคล้ายวันประสูติของจักรพรรดิ
แล้วก็วันหยุดพิเศษสำหรับสาวกของเทพผู้พิทักษ์เป็นองค์ๆ ไป
ส่วนร้านขายยาของฟาร์มาที่ปิดในช่วงเสาร์ อาทิตย์นั้นก็เป็นผลมาจากฟาร์มาบังคับให้ปิดเท่านั้นเอง
◆
「สุริยุปราคา….จะมาช่วงสิงหา」
แม้เขาจะไม่สามารถระบุวันได้ชัด แต่จากที่ซาโลม่อนกับจูเลียน่าบอกมา ก็คงจะช่วงประมาณปลายสิงหา
เพราะช่วงนี้ฟาร์มาวุ่นอยู่กับเรื่องอื่นจนไม่ทันได้เตรียมตัวสำหรับงานนี้ไปเสียสนิท
แม้ว่าหลังจากกลับจักรวรรดิมาแล้วงานของเขาก็ยุ่งกว่าเดิมอีก
ไหนจะเรื่องที่คณะสำรวจส่วนใหญ่ติดเชื้อพยาธิใบไม้เลือด ซึ่งพวกเขาก็ถูกส่งตัวไปยังมหาวิทยาลัยแพทย์จักรวรรดิ
แน่นอนว่าฟาร์มาที่ดูแลส่วนนั้นอยู่ย่อมไม่ได้หยุดพัก
ฟาร์มาได้ทำการใช้พลาซิควอนเทลที่มีเอเลนช่วยจัดเตรียมไว้ให้สำหรับผู้ติดเชื้อที่มีอาการไข้กาตายามะเฉียบพลัน ซึ่งเกิดจากพยาธิใบไม้เลือด ซึ่งสามารถตรวจพบได้ในอุจจาระหรือปัสสาวะ
พลาซิควอนเทลเป็นยาแสดงผลหลังรับประทานเป็นเวลา 2 วัน ผลข้างเคียงกับผู้ป่วยก็น้อย
อย่างไรก็ตามพลาซิควอนเทลนั้นจะได้ผลแค่กับพวกพยาธิที่โตเต็มวัย แต่ไม่ได้ผลกับพวกตัวอ่อน
ด้วยเหตุนี้ฟาร์มาจึงต้องทำการตรวจไข่พยาธิในตัวผู้ป่วยจากกล้องจุลทรรศน์ที่ทางฝ่ายเทคนิคจากห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยช่วย ความสำคัญในการรักษาคราวนี้ก็คือระยะเวลาที่ต้องให้ยา โดยแผนการรักษาที่เขาวางไว้คือ 6 สัปดาห์
นอกจากนี้การใช้ยาก็ยังต้องระวังเมื่อ ต้องใช้ร่วมกับยาตัวอื่นอย่างไรแฟมพิซินที่เป็นยาวัณโรค
เป็นเรื่องที่น่ากังวลจริงๆ เขาจึงต้องซักประวัติผู้ป่วยว่าได้ใช้ยากันชัก ยาโรคทางเดินอาหาร หรือยาต้านเชื้อราอะไรบ้างไหม เพราะมันสำคัญจริงๆ
สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงก็จะใช้เพรดนิโซโลนเข้ามาช่วย
ส่วนที่ต้องขอบคุณเป็นพิเศษนอกจากการใช้พลาซิควอนเทล ก็คือมาตรการรับมือที่ได้ความร่วมมือจากเอ็มเมอริค ซึ่งช่วยให้แอนติบอดี้ทำลายไข่พยาธิได้ สุดท้ายผู้ป่วยที่มีอาการหนักก็ฟื้นตัวตามลำดับ
หลังจากนั้นฟาร์มาก็มอบงานต่อให้กับพวกแพทย์โอสถและแพทย์ของมหาวิทยาลัย โดยหากมีเหตุฉุกเฉินพวกเขาก็จะมาเรียกฟาร์มาเอง
ส่วนผู้ที่ออกจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไปแล้ว ก็ยังต้องกลับมาติดตามผลเป็นพักๆ ด้วย
เอาเป็นว่าเขาก็ยุ่งมายาวๆ จนถึงตอนนี้นั่นเอง
แล้วไซม่อนก็เป็นฝ่ายสวมเสื้อและผูกเน็คไทให้กับฟาร์มาที่ยืนดูปฏิทิน
「หากท่านมีตารางงานอะไรอยากให้ผมช่วยจัดเตรียมก็บอกได้นะครับ」
「ขอบคุณครับ แต่ตารางวันนี้ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นไม่เป็นไรครับ」
「ทราบแล้วครับ」
ตารางงานวันนี้ที่เขาต้องจัดการก็คือเรื่องสุริยุปราคา! ถึงมาทำเอาป่านนี้อาจจะดูเหมือนสายไปบ้างก็ตาม
มันคือเรื่องที่ฟาร์มาต้องระวังเป็นพิเศษ
เพราะโลกใบนี้อาจจะเปลี่ยนผันไปอย่างสิ้นเชิง และอาจจะเป็นวันที่ฟาร์มาหายไปด้วยก็ได้
「อาหารพร้อมแล้วครับ โดยวันนี้จะเป็นซุป」
「ไว้จะรีบไปครับ」
ในช่วงอาหารเช้าระหว่างที่ฟาร์มากำลังจมอยู่ในห้วงความคิด เขาก็เผลอทำน้ำที่เสกออกมาหกนอกชามล้างจนเลอะไปทั่ว
บลานช์ที่เห็นแบบนั้นก็รีบจับแขนดึงสติฟาร์มา
「ท่านพี่ระวังเรื่องมารยาทบนโต๊ะหน่อยสิ!」
「ขอโทษนะ เผลอทำเลอะซะแล้วสิ」
มันก็เป็นอย่างที่บลานช์บอก แต่ฟาร์มาก็ไม่ได้คิดอะไรมากถึงพื้นรอบๆ จะเต็มไปด้วยน้ำก็ตาม
เพราะเขาสามารถจัดการสลายมันไปได้ ทว่าก่อนหน้านั้นไซม่อนก็เดินเข้ามา
「โอ้ ท่านฟาร์มาเดี๋ยวผมจัดการให้เองครับ」
เขาได้นำผ้าออกมาเตรียมจัดการ แต่ปาลเล่ที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยก็ใช้นิ้วของเขาชี้ไปยังน้ำที่เลอะอยู่ก่อนจะทำการสลายมันจนหายไป
「อย่าเหม่อนักสิ」
「ท่านพี่ใหญ่สุดยอด!」
ปาลเล่ที่วิจัยความสามารถในการใช้ศาสตร์แห่งวารีเชิงลบมาก็โชวของราวกับตนเกิดมาพร้อมมันแต่แรก
「หนูก็อยากจะลองเหมือน!」
บลานช์เกิดนึกคึกอยากจะลองทำแบบนั้นบ้างเพราะหากสำเร็จเธอก็จะได้รับคำชมจากพวกพี่ๆ และคนอื่นบ้าง แต่สุดท้ายมันก็ยากเกินไปสำหรับเธอ จนพอลองไปลองมาตัวเธอดันเลอะน้ำแทน
「ท่านพี่ ช่วยสอนหนูทีสิ!」
สุดท้ายบลานช์ก็ยอมแพ้แล้วไปขอความช่วยเหลือจากพี่ของเธอ
「ไม่ไหวๆ 」
ฟาร์มาจึงหยิบผ้าที่ได้มาจากไซม่อนค่อยๆ เช็ดหัวของบลานช์
พอจบเรื่องตอนเช้า ฟาร์มาก็เดินทางไปหาซาโลม่อนที่รับหน้าที่ดูแลนครศักดิ์สิทธิ์เพียงลำพัง
ตัวซาโลม่อนนั้นได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ให้เป็นตัวแทนของเธอในการปกครองนครศักดิ์สิทธิ์
ตามที่นักบวชคนอื่นๆ ชื่นชมมา เหมือนเขาจะมีความสามารถเหมาะสมกับงานที่ได้รับจริงๆ จะบอกว่าผู้ปกครองภาคสนามจริงๆ เป็นเขายังได้เลย
แน่นอนว่าการตามหาตัวซาโลม่อนในนครศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นเรื่องง่ายดายมาก เพราะมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่อวัยวะภายในร่างกายสลับข้างกัน ก่อนจะพบว่าเขาอยู่ที่ห้องทำงาน จากนั้นฟาร์มาก็ร่อนลงจอดแล้วเดินไปยังหน้าห้องของเขา
ฟาร์มาไม่สามารถใช้มือตัวเองเคาะไปยังประตูได้ แต่ก็มีคทาแห่งเทพอันใหม่ที่สามารถสัมผัสกับวัตถุบนโลกนี้ได้จึงไม่ใช่ปัญหา เขาจึงเตรียมจะใช้มันในการเคาะประตู
「ยินดีต้อนรับครับ ท่านฟาร์มา」
ก่อนที่ฟาร์มาจะได้เคาะประตู ซาโลม่อนก็เปิดประตูห้องทำงานของเขาจากด้านในออกมาเสียก่อนด้วยความกระตือรือร้น
และด้วยแรงที่ฟาร์มาลงไปแล้ว ส่งผลทำให้คทานั้นตีเข้ากับหน้าผากของซาโลม่อนอย่างแรง
「ข ขอโทษด้วยนะครับ…ไม่คิดว่าทางนั้นจะเปิดออกมา」
「….ไม่เป็นไรครับ พอทราบว่าท่านมา ผมก็อยากจะออกมาต้อนรับให้เร็ว」
ว่าแล้วซาโลม่อนก็มองไปยังพื้นที่เรืองแสงออกมา มันคือสิ่งที่ทำปฏิกิริยากับฟาร์มาทันทีที่มาเยือนนครศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นฟาร์มาก็สร้างก้อนน้ำแข็งมาให้ซาโลม่อนประคบ แม้จะมีความเย็นบริเวณหน้าผากแผ่ออกมาเป็นพักๆ พร้อมกับความเจ็บปวด แต่ซาโลม่อนก็พยายามพูดคุยกับฟาร์มาต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สิ่งที่ฟาร์มาทำได้ก็มีเพียงขอโทษเขาต่อในใจ
「ว่าแต่วันนี้ท่านมีเรืองอะไรให้ผมรับใช้ครับ」
「ผมอยากจะมาปรึกษาเรื่องมาตรการรับมือกับสุริยุปราคาครับ」
「ใจตรงกันเลยนะครับ สำหรับเรื่องนั้น นักบวชทุกคนที่นี่ก็กำลังเตรียมตัวรับมือเช่นกันครับ」
สุริยุปราคาเป็นที่รู้จักกันภายในนักบวชว่าคือวันที่ตราหลอมละลายซึ่งสลักเอาไว้บนหลังของสันตะปาปาจะกลืนกินผู้ถือครองและมีสันตะปาปาคนใหม่มาแทนที่
ทว่าปัจจุบันตราหลอมละลายดังกล่าวไม่ได้อยู่ที่แผ่นหลังของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เอลิซาเบท แต่มันอยู่ที่เซลล์เพาะเลี้ยง อย่างไรก็ตามความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยก็ใช่จะหายไป ฟาร์มาไม่อาจจะนั่งรอเฉยๆ โดยคิดว่าไม่น่าจะเกิดอะไรขึ้นได้
「โดยตอนนี้ทางเราได้จัดหาสามัญชนที่มีความสามารถในเชิงเทคนิคการเพาะเลี้ยงเซลล์เข้ามาดูแลจากเพาะเลี้ยงนั้นครับ หากเกิดสุริยุปราคาขึ้น ทางเราเชื่อว่ามันไม่น่าจะสามารถเข้าครองร่างผู้อื่นได้อีกแน่ครับ」
「เหนื่อยหน่อยนะครับ แต่ผมคิดว่ามันก็เป็นมาตรการรับมือที่ดีจริงๆ 」
「ผมก็แค่อยากจะให้ท่านกับฝ่าบาทมั่นใจขึ้นครับ」
ซาโลม่อนตอบด้วยใจที่ภักดี
「แต่นอกจากเรื่องนี้ผมว่าเราควรเตรียมทางอื่นด้วยดีไหมครับ? 」
「ทางท่านพอจะมีแผนอยู่เหรอครับ? 」
หากตราหลอมละลายคือสิ่งที่สลายผู้ถือครองให้กลายเป็นสารหล่อลื่นสำหรับฟันเฟือง ฟาร์มาก็อยากจะหาสิ่งที่ช่วยในการป้องกันการหลอมละลายร่างมนุษย์ได้อย่างสารยับยั้งโปรตีเอสหรือสารยับยั้งแคสเปส
หากมันลุกลามไปเร็วกว่าปฏิกิริยาทางชีวภาพจะตามทันก็คงไม่ไหว แต่การมีไว้ก็ไม่เสียหาย
「อันที่จริงผมคิดว่าจะใช้โอสถเทพศักดิ์สิทธิ์ชั่ววันกับทุกคนที่นี่ครับ นอกจากนี้ในวันที่เกิดสุริยปราคาก็อยากจะให้ทุกคนอพยพกันออกไปนอกนครศักดิ์สิทธิ์ด้วย」
แม้ฟาร์มาจะคิดว่านั่นอาจไม่เพียงพอ แต่เขาก็ต้องทำเท่าที่คิดได้ไปก่อน
「ครับ สำหรับเรื่องนั้นผมว่า ผมจะให้นักบวชทั้งหมดออกจากนครศักดิ์สิทธิ์ก่อนเกิดเรื่อง 3 วันแล้วก็รออีก 3 วันค่อยกลับมาน่าจะดีนะครับ」
「งั้นฝากด้วยนะครับ」
ฟาร์มาตัดสินใจมอบความไว้วางใจในการจัดการทั้งหมดให้ซาโลม่อน
「จะว่าไปก็สักพักแล้ว ผมขอไปดูฟันเฟืองหน่อยได้ไหมครับ」
「งั้นผมจะนำทางไปเองครับ เพราะคงปล่อยให้ท่านไปคนเดียวไม่ได้แน่」
ซาโลม่อนบอกกับคาร์ดินัลว่าหากไม่มีใครกลับออกมาจากที่นั่นหลังผ่านไปพักหนึ่ง ให้ทุกคนรีบหนีออกจากนครศักดิ์สิทธิ์ทันที เพราะมันหมายความว่าฟาร์มาและซาโลม่อนตกเป็นเหยื่อของฟันเฟืองเรียบร้อยแล้ว
「แต่จะดีเหรอครับ ที่ไม่พาผู้ติดตามไปด้วย」
「ครับ แบบนี้ดีแล้ว」
แม้ทางนักบวชจะเป็นกังวลกัน แต่ฟาร์มาก็ปฏิเสธ
「การมีคนมาด้วยเยอะจะยิ่งเป็นอันตรายครับ」
「ทราบแล้วครับ」
แม้เขาจะพาคนไปเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็คงมาช่วยไม่ได้อยู่ดี
จากนั้นฟาร์มาก็เดินทางไปยังฟันเฟืองที่อยู่ชั้นใต้ดินอีกครั้งโดยการนำทางของซาโลม่อน
สภาพของมันยังเป็นเช่นเดิมไม่ต่างอะไรกับตอนที่ฟาร์มามาที่นี่ ฝาครอบฟันเฟืองนั้นถูกปิดเอาไว้
ถึงไม่รู้ว่าคราวนี้จะมีอะไรอยู่ภายในนั้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีที่จะเปิดดูด้วยความอยากรู้
สัญชาตญาณของฟาร์มากำลังเตือนเช่นนั้น
「ดูเผินๆ เหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนไปนะครับ」
「นั่นสิครับ…แต่ก็เป็นไปได้ที่ตราหลอมละลายจะเข้าไปยึดร่างของคุณดังนั้น การไม่ให้ใครเข้าไปใกล้สิ่งนี้คงจะดีที่สุด」
「ผมก็เห็นด้วยครับ」
การตัดสินใจนี้ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเลย
「ดีใจจริงๆ ที่พวกท่านกลับมาได้」
พอฟาร์มากับซาโลม่อนกลับมาจากใต้ดิน พวกนักบวชที่รออยู่ข้างบนก็แสดงความโล่งใจออกมา
「ขอบคุณทุกท่าน พวกผมกลับมาแล้วครับ」
ขณะที่ฟาร์มาเดินไปในนครศักดิ์สิทธิ์ นักบวชจำนวนมากก็ออกมาต้อนรับและเดินติดตามเขาไปทุกที่
ทันทีที่ฟาร์มาก้าวเท้าเข้ามายังนครศักดิ์สิทธิ์ การมาถึงของเขาย่อมส่งไปถึงนักบวชทุกคน
ไม่มีทางที่เขาจะมาเยือนแบบลับๆ ได้เลยจริงๆ
「ท่านเทพโอสถ! ยินดีต้อนรับครับ」
「ท่านคงจะเหนื่อยกับการเดินทางมาแน่ๆ ให้ทางเราเตรียมห้องอาบน้ำไว้ไหมครับ」
「อ้อ ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องเป็นห่วง」
ไม่นานนักฟาร์มาก็ถูกล้อมไว้ด้วยพวกนักบวชจนไม่สามารถเดินทางไปไหนต่อได้
แล้วเขาก็โดนรุมดูแลต่อ
「ท่านเทพโอสถวันนี้ท่านได้ทานมื้อกลางวันหรือยังครับ? 」
「เดี๋ยวจะไปเตรียมขนมมาให้นะครับ」
พวกเขานำขนมปัง ผลไม้แห้งและอื่นๆ อีกมากมายมาให้เผื่อฟาร์มาเกิดหิว
แม้ฟาร์มาจะไม่ได้ร้องขอ แต่นักบวชก็คงเตรียมกันมาอยู่ดี
「หากท่านไม่รังเกียจทางเราจะรีบเตรียมมื้อกลางวันให้นะครับ ดังนั้นได้โปรดแวะเวียนมาที่ห้องอาหารด้วย」
「ขอบคุณมากครับ ไว้ผมจะไปนะครับ」
ตอนนี้ฟาร์มากำลังเดินอยู่ภายในนครศักดิ์สิทธิ์อันซับซ้อน
「หอตำราต้องห้ามอยู่ทางไหนกันแน่นะ」
แม้นี่จะเป็นประเทศขนาดเล็กแต่ไม่ว่าเขาจะมาสักกี่ครั้งก็จำโครงสร้างของอาคารภายในไม่ได้สักที
เพราะมันมีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก แถมใต้ดินก็น่าทึ่งอีก
หากเขาไม่มีคนนำทางมาด้วยก็คงจะหลงโดยง่าย ถึงใจจริงจะไม่อยากรบกวนก็ตามที
พอเดินไปได้สักพัก เขาก็พบกับหอตำราต้องห้ามและไปยังจุดที่เลียร่า อเวเนียสอยู่
「นั่นมันท่านเทพโอสถ!」
พอเลียร่าเห็นฟาร์มาเธอก็รีบวิ่งมาหาเขาทันทีโดยโยนหนังสือในมือของเธอจนหมด
「ขอโทษที่จู่ๆ ก็แวะมานะครับ」
ขณะที่ค่อยๆ หยิบหนังสือของเลียร่าขึ้นมาทีละเล่ม ฟาร์มาก็สังเกตสภาพร่างกายของเธอไปด้วย
「แล้ววันนี้มีเรื่องอันใดให้พวกเรารับใช้คะ! อ้อจริงสิ หากเป็นงานวิจัยฉันรวบรวมมาให้ตามที่ท่านขอแล้วค่ะ!」
「ขอบคุณสำหรับการทำงานที่รวดเร็วนะครับ ว่าแต่โรคหอบหืดของคุณเป็นยังไงแล้วบ้างครับ? 」
「ดีขึ้นค่ะ! ตั้งแต่ทำความสะอาดหอตำราและห้องอ่านหนังสือ」
พอได้เห็นห้องใต้หลังคาตอนไปทำความสะอาดจะขนลุกบ้างก็เถอะ
「แต่หลังจากที่ทำความสะอาดเสร็จแล้ว ฉันก็ไม่มีอาการชักเลยค่ะ ยาที่ท่านเทพโอสถให้มาก็ได้ผลดีด้วย」
เธอบอกว่าไม่มีอาการน้ำตาไหลขณะอ่านตำราอีกแล้วด้วยก็เลยทำให้อะไรๆ ง่ายขึ้นกว่าเดิม
「พอดีผมคิดว่ายาคุณน่าจะใกล้หมดแล้วด้วยก็เลยเตรียมมาเผื่อไว้ นี่ครับ」
「ว้าว ท่านจำได้ด้วยสินะคะ ขอบพระคุณมากเลยค่ะ」
เลียร่าที่รู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากก็เริ่มสวดภาวนาต่อฟาร์มา ส่วนทางฟาร์มาที่จัดการข้อมูลผู้ป่วยจากระเบียนประวัตินั้นย่อมรู้อยู่แล้วว่ายาที่จ่ายไปของใครจะหมดเมื่อไหร่
พอฟาร์มามอบถุงยาให้กับเลียร่าเสร็จ เขาก็เอาข้อมูลงานวิจัยที่เลียร่าเตรียมมากลับไป
「ขอบคุณครับสำความเหนื่อยยากนะครับ」
「ด้วยความยินดีเลยค่ะ」
แล้วสายสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็พัฒนาดีขึ้นไปเรื่อยๆ
◆
เอ็มม่า เด็กสาวสามัญชนจากหมู่บ้านในเขตชานเมืองของอาณาจักรเลเวเทีย ได้รีบวิ่งเข้ามาหาฟาร์มาที่ปรากฏตัวตรงทางเข้าหมู่บ้าน
「ท่านแพทย์โอสถหลวง!」
เธอทำการทิ้งผักที่กำลังล้างอยู่บริเวณจุดซักล้างแล้ววิ่งมาหาฟาร์มาทันที
「คุณเอ็มม่า ขอบคุณสำหรับจดหมายขอบคุณนั้นนะครับ」
「นี่ท่านได้อ่านจดหมายของฉันจริงๆ เหรอคะเนี่ย」
「ครับ พออ่านเสร็จก็เลยอยากจะมาเห็นหน้าคุณสักหน่อย」
เมื่อเดือนก่อนฟาร์มาได้รับจดหมายจากเอ็มม่าที่อธิบายถึงสถานการณ์ปัจจุบันของเธอ
เขาก็เลยอยากจะมาดูด้วยตาตัวเองเสียหน่อย
「นี่ท่านเดินทางไกลมาจากแซงต์เฟลิฟเพื่อพวกฉันเลยเหรอคะ? 」
「พอดีผมต้องไปทำธุระที่นครศักดิ์สิทธิ์ด้วยครับ ก็เลยคิดว่าแวะมาด้วยเลยคงจะดี」
แม่ของเอ็มม่าเคยมีอาการไข้สูงมาก่อน แต่ปัจจุบันนั้นเธอหายดีแล้ว
「ขอบพระคุณสำหรับความกรุณาของท่านจริงๆ ค่ะ」
ฟาร์มานั้นตั้งใจจะเดินทางไปพบกับผู้คนให้ได้มากที่สุด เท่าที่ตัวเองจะทำได้
เพราะเขาไม่รู้เลยว่าวันไหนเขาจะหายไป
「อาการที่เท้าเป็นยังไงแล้วบ้างครับ? 」
ตอนนี้เอ็มม่าได้สวมรองเท้าที่ดีกว่าเก่า อาการของเธอที่ฟาร์มาเห็นก็น่าพึงพอใจ
「ดีขึ้นมากเลยค่ะตั้งแต่เปลี่ยนรองเท้า!」
「แบบนั้นก็ดีแล้วครับ」
「ยิ่งไปกว่านั้นต้องขอบคุณท่านนักบวชที่ช่วยสร้างวงเวทขึ้นมาในหมู่บ้าน เพราะนับตั้งแต่นั้นมาพวกวิญญาณร้ายก็ไม่ปรากฏขึ้นอีกเลยค่ะ พวกชาวบ้านเลยโล่งใจกันไปเยอะ」
แม่ของเอ็มม่าพูด
「นอกจากนี้ดูเหมือนว่าจะมีร้านขายยามาเปิดบริเวณข้างทางใกล้ๆ นี้ด้วยนะคะ นั่นเป็นฝีมือของท่านแพทย์โอสถสินะคะ? 」
เอ็มม่าถามด้วยรอยยิ้ม
ภายใต้คำสั่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ปัจจุบันเส้นทางการเดินทางได้ถูกวางระบบสาธารณสุขเอาไว้โดยขอความร่วมมือจากกิลด์ต่างๆ ภายนอกประเทศ
「อ้อ นั่นเป็นร้านจากเครือของกิลด์ร้านขายยาที่ร่วมมือกับกิลด์แพทย์ปรุงยาเลเวเทียครับ หากต้องการยาก็ลองไปสอบถามที่เคาน์เตอร์ร้านได้เลยนะครับ เรื่องราคาก็จับต้องได้ด้วย」
หมายความว่านับจากนี้เอ็มม่าก็จะสามารถหาซื้อยาให้แม่ของเธอได้ในราคาถูกโดยไม่ต้องเดินทางไปไกลอีกแล้ว
ชีวิตของผู้คนก็จะเริ่มเปลี่ยนไป
ด้วยการสนับสนุนจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแกร่ง ฟาร์มาจึงสามารถเปิดร้านขายยาและแบ่งปันความรู้ให้กับนานาประเทศได้
「ในที่สุดพวกเราก็ไม่ต้องเดินทางไกลไปซื้อยาเมืองอื่นแล้วสินะ」
เพื่อสุขภาพของผู้คน ยารักษาก็จำเป็นต้องไปถึงทุกแห่งของโลก
นั่นคือสิ่งที่ฟาร์มาหวัง ยาบนโลกใบนี้ควรจะมีคุณภาพเหมือนกับโลกของเขา
ดังนั้นเหล่าแพทย์โอสถของโลกใบนี้ก็ควรจะมีความรู้และความเชี่ยวชาญมากขึ้นกว่าเดิมด้วย
แม้จะเป็นตอนนี้ เป้าหมายที่อยากจะพัฒนาโลกใบนี้ภายในใจของฟาร์มาก็ยังไม่หยุดยั้ง
———–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code