Parallel World Pharmacy - ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 113
ตอนที่ 113 มนุษย์ล่องหน
ตามคำสั่งลับที่จักรพรรดินีเอลิซาเบท มอบให้กับเขา เขาก็เริ่มปฏิบัติการลับของเขาภายใต้เงามืดของถ้ำในทวีปการ์บัน
เขาคือโนอาห์ เลอ นอเทอร์ บูตรชายคนที่ 2 แห่งตระกูลมาร์ควิสนอเทอร์และข้ารับใช้ของจักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิแซงต์เฟลิฟ
คำสั่งลับที่เขาได้รับจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็คือการปกป้องและคุ้มกันคลาร่าแม้จะต้องแลกด้วยชีวิต และพาเธอกลับไปยังจักรวรรดิให้ได้
ทันทีที่คลาร่าถูกเมเลเน่และคนอื่นๆ ลักพาตัวไป โนอาห์ก็ทำการแยกตัวจากกองเรือจักรวรรดิและไล่ตามคลาร่าไป
เขาได้ทำการปลอมตัวเป็นชนพื้นเมืองและขึ้นเรือออกจากเกาะที่พวกเขาถูกคุมขัง
แม้พวกชนพื้นเมืองจะเป็นพวกระวังตัวสูง ประสาทสัมผัสของพวกเขาก็เฉียบคม
ทว่ากลับไม่มีใครรับรู้ถึงตัวตนของโนอาห์เลยสักนิด
ถึงจะเป็นวิญญาณที่เมเลเน่อัญเชิญมาก็ไม่ยกเว้น
ในตอนที่ฟาร์มากับเมเลเน่กำลังต่อสู้กัน โนอาห์ได้ฉวยโอกาสจากความวุ่นวายนี้แทรกซึมเข้าไปในดินแดนของศัตรูจากอีกทางของถ้ำจนมาถึงภายในใจกลางแดนศัตรูอย่างง่ายดาย
(พอเป็นเวลานี้แบบ พลังเราค่อนข้างจะเคลื่อนไหวสะดวกจริงๆ นั่นแหละ……)
นี่จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้โนอาห์ได้รับเลือกให้เป็นข้ารับใช้ของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
มันไม่ใช่แค่เพราะโนอาห์คือบุตรชายคนที่สองของชนชั้นสูงผู้มากอิทธิพลหรือพลังแห่งเทพของเขาสูงกว่าค่าเฉลี่ย
แต่เป็นเพราะพลังแสนลึกลับของเขาที่ทำให้เขาสามารถลบตัวตนของตัวเองได้ตามต้องการ
มันคือสิ่งที่เหมือนกับพรสวรรค์ซึ่งพระเจ้าได้ประทานให้ตั้งแต่เกิด
หากโนอาห์ไม่ได้กำลังพูดกับใครอยู่ ก็จะไม่มีใครสามารถสัมผัสตัวตนของเขาได้เลย ราวกับว่าตัวตนของเขาอยู่นอกการรับรู้
ก็จริงว่าผู้คนควรจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาบ้าง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างกลับไม่มีใครรับรู้ถึงมันได้เลยจนกว่าเขาจะเปิดปากออกมา
เอลิซาเบทเป็นเพียงคนเดียวในวังเท่านั้นที่รู้ถึงความสามารถนี้
ตั้งแต่ช่วงวัยเด็ก ตัวตนของเขาก็มันจะถูกละเลยเสมอ
แม้แต่พี่น้องของเขาก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นพวกน่าขนลุกที่อยู่ดีๆ ก็โผล่มา อยู่ดีๆ ก็หายไป อยู่ดีๆ ก็ได้ยินแค่เสียง
เขาเป็นที่รังเกียจเสียจนถูกกล่าวหาว่าเป็นวิญญาณร้าย
แม่ของเขาก็ละเลย พ่อของเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับตัวตนของเขา
หากทนหิวไม่ไหวหรือต้องการให้ใครสักคนรับรู้ถึงตัวตนได้ เขาก็จำเป็นต้องพูดตลอดเวลาไม่ก็ต้องส่งเสียงให้ดังจนกว่าเป้าหมายจะรับรู้ได้
นั่นคือสิ่งที่เขาต้องเผชิญทุกวัน
ไม่มีใครสนใจเขา และเขาก็ไม่อยากจะสนใจใครด้วย
โนอาห์ใช้ชีวิตวัยเด็กมาในสภาพนั้น แค่ความหมายในการมีชีวิตอยู่เขายังไม่ทราบ นับประสาอะไรกับการหาคุณค่าในตัวเอง
(สุดท้ายก็เป็นเพียมนุษย์ล่องหน)
เขาเลือกจะพูดแค่ตอนต้องการอะไรสักอย่างเท่านั้น
ต่อมาเขาก็ถูกส่งไปเป็นข้ารับใช้ภายในวังราวกับทางตระกูลมาร์ควิสอยากขับไล่ให้พ้นสายตา ทว่าก็เป็นจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่สังเกตเห็นความสามารถและคุณค่าในตัวของเขา
ความสามารถของเขานั้นสมบูรณ์แบบในงานจารกรรมและการลอบสังหาร เขาสามารถเข้าถึงสิ่งที่น่ารำคาญและยุ่งยากซึ่งซุกซ่อนอยู่ในวังได้อย่างรวดเร็ว
อันที่จริงจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ก็ใช้ค้อนแห่งความยุติธรรมทุบใส่เหล่าผู้คิดร้ายและเปิดโปงความชั่วของพวกเขาด้วยความสามารถนี้
แม้ว่าบุคลิกจะดูเป็นคนเหลาะแหละ แต่ก็มีความน่าเชื่อถือ มีความยืดหยุ่นในความคิดและมีความสามารถในการเบี่ยงเบนความสนใจได้ดี
ภารกิจที่ได้รับจากจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์จึงเป็นความสุขและงานแก้เบื่อชีวิตของเขาได้เป็นอย่างดี
ตอนนี้โนอาห์คือดวงตาของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ต้องดูแลองค์ชาย แบ่งปันความลับมากมายกับจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์และรู้จุดอ่อนมากมายของเธอ
เขาได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อเธอ
มันคือวิธีเดียวที่จะทำให้ผู้คนรู้ถึงตัวตนของเขาและสร้างชื่อเสียงเพื่อตอกหน้าตระกูลที่เคยดูถูกและทอดทิ้งเขาด้วย
เขาต้องการความก้าวหน้าในชีวิตในเร็วที่สุด มีอาณาเขตเป็นของตนเอง และใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานไร้กังวล
เขาคิดว่าหากทำได้แบบนั้น ความเหงาในจิตใจของเขาจะต้องหายไป ทว่าสุดท้ายหลุมดำนั่นก็ลึกขึ้นกว่าเดิม
(ทำไม….มันช่างว่างเปล่าจริงๆ )
ดังนั้น หนทางเดียวที่จะกลบความว่างเปล่าในใจก็คือการทำตามคำสั่งของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
หากเธอบอกให้พาคลาร่ากลับบ้านให้ได้ แม้เขาจะต้องฆ่าลูกเรือทั้งหมดก็ต้องลากเธอกลับไปให้ได้
เขาได้เตรียมทุกอย่างพร้อมสำหรับเรื่องนั้นแล้ว
ตั้งแต่ที่โนอาห์มาถึงทวีปนี้ เขาได้เตรียมการอย่างลับๆ โดยที่พวกลูกเรือไม่รู้
ทั้งการเก็บคทาสำรองไว้ในจุดลับ อาวุธปืน วงเวทที่ร่ายทิ้งไว้เพื่อเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
เพราะผู้คนใช้เวลาส่วนใหญ่นอกเรือ ดังนั้นการขนสัมภาระของเขาจึงเป็นไปได้ด้วยช้า และไหนจะต้องหาจุดในการเก็บอาวุธและเสบียงอาหารที่ไม่ทำให้ผู้คนรู้อีกด้วย
จุดนี้เขาแอบกังวลนิดหน่อย
นอกจากนี้ฐานหลักที่พลเรือเอกฌองสร้างขึ้นก็ชวนให้รู้สึกกังวล
พวกเขาอาจจะเชื่อมั่นว่าเรือที่จอดในทะเลคงไม่มีทางถูกโจมตีจากบนบกได้แน่แถมยังประเมินความสามารถของผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพสูงเกินไป จนสุดท้ายก็ทำให้เรือถูกลอบโจมตีและต่อต้านอะไรไม่ได้เพราะศัตรูถือไพ่เหนือกว่า
(ให้ตายสิไม่อยากจะเชื่อว่าถูกปลดอาวุธกันไปหมด….ยิ่งเป็นพวกผู้ใช้ศาสตร์ห่งเทพพอไม่มีคทาแห่งเทพก็เรียกว่าอ่อนกว่าคนธรรมดาเสียอีก)
ตอนนี้ในมือของเขามีคทาแห่งเทพที่ควรจะถูกยึดเอาไว้แล้วอยู่ จากนั้นเขาก็เดินสำรวจในถ้ำที่เหมือนกับรังมด ราวกับกำลังเดินเล่นอยู่
ความสามารถที่แท้จริงของเขาจะเฉิดฉายได้ก็ต่อเมื่ออยู่ในดินแดนของศัตรู
(อ๊ะ นั่น)
โนอาห์พบโกดังที่เก็บคทาแห่งเทพเอาไว้ เขาจึงได้ทำลายประตูและเอาคทาแห่งเทพออกมา
(คงจะขนไปหมดไม่ได้ เลือกเอาแค่ที่สำคัญละกัน……)
หลังจากลังเลอยู่สักพัก โนอาห์ก็ตัดสินใจเอาคทาของคลาร่ากับอีก 2 อันตามความสำคัญ
หนึ่งเป็นคทาของหัวหน้านักบวชในคราวนี้
เพราะเอาไปไม่ได้หมด จึงเลือกแต่คนที่สำคัญ
อย่างไรก็ตามแผนที่เขาวางเอาไว้ก็ใช่จะเป็นไปตามที่ตั้งใจเสียหมด
เพราะสิ่งที่โนอาห์ป้องกันได้มีเพียงมนุษย์
ตอนนี้เขาได้ติดเชื้อปรสิตอยู่เช่นเดียวกันกับคนอื่น
เพราะเขาก็ได้ลงไปในทะเลสาบนั้นเช่นเดียวกัน จนทำให้มีอาการไข้และปวดตามร่างกายจนแทบจะหมดแรง
ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็พยายามขยับร่างอันอ่อนล้านั้นต่อไปอย่างไม่ลังเล
พวกชนพื้นเมืองได้เดินสวนกับเขาไป 2 คน แต่ก็ไม่มีใครสังเกตตัวตนของเขาได้
โนอาห์ได้เดินผ่านไปเรื่อยๆ จนจบจุดที่พวกเขาอาศัยภายในถ้ำ
ภายในนั้นมีเด็กสาวและเด็กเล็กที่เหมือนจะไม่ใช่นักสู้
เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นควัน
ดูเหมือนว่ากำลังมีบางอย่างไหม้เพื่อสร้างแสงอยู่ข้างใน
โนอาห์จึงได้หยิบคทาแห่งเทพของตนออกมาเตรียมเพื่อใช้มันในการทำลายล้างทุกชีวิตภายในนั้น ด้วยศาสตร์แห่งลมที่จะไปผสมกับเปลวเพลิงข้างใน
(คนพวกนี้คือศัตรูของจักรวรรดิ คงไม่ต้องปล่อยให้มีชีวิตอยู่ ถ้าจะจัดการก็ต้องตอนนี้แหละ)
ปลายคทาของโนอาห์ได้ส่องแสงออกมา
ทว่าไม่รู้เพราะสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าของโนอาห์หรือไม่ พวกเด็กๆ จึงร้องไห้กันออกมา
จากนั้นผ่านไปพักหนึ่ง โนอาห์ก็เลือกที่จะลดคทาลง
(เห้อ ให้ตายเถอะ คงต้องแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นสินะ)
พอโนอาห์ได้สติ เขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างจากส่วนลึกของถ้ำ
มันคือเสียงของการต่อสู้อย่างดุเดือดของคนบางกลุ่ม
(มีคนใช้ศาสตร์แห่งวารีในนั้นด้วยเหรอ? )
หรือก็คือนั่นเป็นพวกพ้องของเขา ที่ยังใช้ศาสตร์แห่งเทพได้
โนอาห์จึงรีบวิ่งเข้าไปทันที
◆
การสร้างสสารและการสลายสสาร
ตอนนี้ความสามารถทั้งสองกำลังได้เข้าปะทะกัน
เมเลเน่ได้ชี้เรดสไปน์ ซึ่งเป็นแสงที่ออกมาจากรากเหง้าแห่งความว่างเปล่าไปยังฟาร์มา
ฟาร์มารู้ได้ทันทีถึงเจตนาฆ่าของเธอ
(แต่กรณีนี้อีกฝ่ายจะลบสสารได้ก็ต่อเมื่อเห็นตัวเราตรงๆ!)
ฟาร์มาจึงได้ละทิ้งประสบการณ์ที่มีมาทั้งหมดไป นี่มันไม่ใช่การต่อสู้กับผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพหรือวิญญาณร้าย ฟาร์มาสร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นมาทันทีเพื่อป้องกันการโจมตีของเมเลเน่
จุดประสงค์คือการป้องกัน ลดการมองเห็นจากอีกฝ่าย
ืสิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือรอดูผลลัพธ์
「เรทากะ มา เพคะ」
เมเลเน่ได้ร่ายมนตร์อะไรบางอย่าง
มือขวาของเธอก็ยกขึ้นสูง ก่อนจะปลดปล่อยคลื่นกระแทกอย่างรุนแรงออกมา
การกระทำต่อวิญญาณบรรพบุรุษได้สร้างความขุ่นเคืองต่อพวกเขาเป็นอย่างมาก จนก่อให้เกิดอันตรายต่อคนที่อยู่บนเกานั้น
กำแพงน้ำแข็งที่ฟาร์มาสร้างขึ้นได้หายไปราวกับอากาศหลังเจอคลื่นกระแทก
ทรายได้ร่วงหล่นลงมาจากเพดานถ้ำ พอฟาร์มามองไปยังการไหลของทรายพวกนั้น ก็พบว่าพื้นดินที่เปียกเมื่อครู่นี้มันได้แห้งสนิทแล้ว
(อย่างที่คิด! เธอใช้หลักในการระเหยของน้ำนี่เอง!)
ฟาร์มาทำการประเมินลักษณะการโจมตีของเมเลเน่
「เกิดอะไรขึ้นกันคะ!? 」
คลาร่าเหมือนจะไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าได้ถามขึ้น
(หากเราไม่ใช้สิ่งนั้น น้ำในร่างกายของเราคงได้ระเหยไปด้วยแน่)
เพราะทักษะการสร้างสสารของฟาร์มาและโอสถเทพศักดิ์สิทธิ์ชั่ววัน จึงทำให้คลาร่าสามารถรอดจากการตายเพราะน้ำในร่างกายระเหยได้อย่างหวุดหวิด
(สลายน้ำ….ถึงจะเป็นทักษะที่เรียบง่ายแต่ก็แสนน่ากลัว)
ฟาร์มารู้ได้ทันทีถึงความอันตรายของมัน
(น้ำคือต้นกำเนิดของชีวิต)
ก็หมายความว่าอีกฝ่ายต้องการจะฆ่าพวกฟาร์มาจริงๆ
การสลายน้ำออกไปจะทำให้ร่างกายเกิดสภาวะขาดน้ำและเกิดความผิดปกติของอิเล็กโทรไลต์ในร่างกายมนุษย์
หรือก็คือมันเป็นพลังที่มีไว้ต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะ
ฟาร์มาได้ผนึกความสามารถนี้เอาไว้แม้จะรู้ถึงพลังของมันดี แต่มันคือสิ่งต้องห้ามที่เขาไม่เคยคิดจะใช้ ความสามารถที่อันตรายถึงชีวิต
จากนั้นเมเลเน่ก็ยกมือขวาขึ้นอีกรอบและเริ่มร่ายมนตร์
แม้บทร่ายจะเป็นแบบเดิม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผลลัพธ์จะเหมือนเดิม
ขณะที่ฟาร์มากำลังจ้องมองไปยังเมเลเน่ ก็เห็นว่ามีบางอย่างอยู่ข้างหลังเธอ
ภายในส่วนลึกของถ้ำ มีใครบางคนกำลังค่อยๆ ใกล้เข้ามา โดยไม่ได้สนใจว่าข้างหน้ามีการต่อสู้อยู่
แม้จะมีเสียงฝีเท้าดังนิดหน่อย แต่เมเลเน่และพวกชนพื้นเมืองคนอื่นก็เหมือนจะไม่สังเกตเห็นเลย
(นั่นมัน…โนอาห์?!)
คนที่ถือคทาแล้วเข้ามาใกล้ก็คือโนอาห์ที่หายตัวไปในตอนแรก
ฟาร์มาต้องพยายามปิดสีหน้าเอาไว้
เพราะหากเมเลเน่รู้ตัวละก็ โนอาห์ได้ตายแน่
เมื่อสายตาของโนอาห์และฟาร์มาสบกัน เขาก็พูดคำว่ากำแพงน้ำแข็งออกมา
(โนอาห์คือธาตุลม ก็แปลว่าเขาบอกให้เราใช้สินะ? )
ถึงจะไม่รู้วัตถุประสงค์ของโนอาห์แต่ฟาร์มาก็สร้างกำแพงน้ำแข็งขึ้นมาอีกครั้งเพื่อดึงความสนใจของเมเลเน่
ยังไงมันก็คือการป้องกันตัวจากมนตร์ของเมเลเน่อยู่แล้ว
ตอนนี้ต้องแสร้งเป็นเสียเปรียบไปก่อน
จากนั้นเขาก็ทำการแอบสร้างกำแพงน้ำแข็งซึ่งถูกชะโลมไว้ด้วยโอสถเทพศักดิ์สิทธิ์ชั่ววันยังจุดที่โนอาห์อยู่
ด้วยวิธีการนี้โนอาห์น่าจะได้รับความเป็นอมตะเช่นเดียวกัน
หลังจากเห็นการตอบโต้ของฟาร์มาเมเลเน่ก็ยิ้มออกมาราวกับมั่นใจในชัยชนะของตน
จากนั้นเสียงร่ายมนตร์ก็ได้ดังขึ้นทั่วถ้ำ
แต่มันไม่ใช่เสียงร่ายของฟาร์มาหรือเมเลเน่
『วายุศักดิ์สิทธิ์!』
ราวกับเป็นการประกาศถึงตัวตนของโนอาห์
เมเลเน่และพวกชนพื้นเมืองต่างก็รีบหันหลังกลับไปทันที
แต่ด้วยความสับสนจากการจู่โจมกะทันหัน พวกเขาจึงไม่สามารถตอบสนองอะไรได้ทัน
เพราะคลื่นพายุของโนอาห์ทำให้พวกเขากระเด็นไปชนเข้ากับกำแพงน้ำแข็งที่ฟาร์มาสร้างขึ้น
หลังจากสิ้นสุดการโจมตี โนอาห์ก็รีบวิ่งมารวมตัวกับฟาร์มาและคลาร่า
แม้ฟาร์มาจะหลบหนีออกมาจากคุกได้ แต่ก็ต้องมาสูญเสียพลังในการสลายสสารไป ต้องขอบคุณโนอาห์ที่เข้ามาช่วยได้ถูกจังหวะจริงๆ
「ขอบคุณมากเลย โนอาห์」
「ถือว่าเป็นบุญคุณชั่วชีวิตได้ใช่ไหม? 」
จากนั้นโนอาห์ก็โยนคทาแห่งเทพให้กับคลาร่าและเตรียมรับมือกับพวกที่ล้มลงไปเพราะแรงกระแทกเมื่อกี้
「นั่นมัน…! ขอบคุณมากค่ะที่มาช่วย!」
แม้ว่าจะยังตระหนกอยู่บ้างแต่คลาร่าก็รับคทามาจากโนอาห์ด้วยมือทั้งสองข้าง
「ใช้โอกาสนี้ในการถอยก่อนไหม? 」
「เห็นด้วยเลย อยู่ต่อก็ยิ่งแย่ลง ต้องรีบไปรวมพลกับคนอื่นก่อน」
ถึงแม้จะยังมีเรื่องที่ต้องทำอย่างการเอาพลังในการสลายสสารกลับคืนมา แต่ตอนนี้ควรจะถอยก่อน ฟาร์มาจึงได้สร้างไอน้ำขึ้นมาบดบังทัศนวิสัยแล้วพยายามหนีออกจากถ้ำ
「แฮก อึก เพื่อที่จะ จัดการกับเมเลเน่ แฮกๆ เราต้อง เดิน อึกไปที่ไหนสักแห่ง เพื่อสิ่งนั้น!」
ขณะที่คลาร่ากำลังวิ่งหอบหายใจเพราะมันเป็นกิจกรรมที่เธอไม่คุ้นชิน เธอก็พูดออกมาให้ฟาร์มากับโนอาห์ได้ฟัง
「หมายความว่าไงครับ? 」
「หากพวกคุณทำให้ฉันสามารถเดินทางได้ ฉันก็จะสามารถใช้ศาสตร์แห่งเทพของฉันได้ค่ะ หรือก็คือ…ฉันจะสามารถทำนายการกระทำของเมเลเน่ต่อจากนี้ได้…แต่ตอนนี้ฉันอาจจะวิ่งไปไม่รอดแล้วก็ได้ค่ะ อึก」
「คำจำกัดความของการเดินทางคืออะไรล่ะ? ไม่ใช่ว่าต้องเดินทางไกลเท่านั้นสินะ แล้วระยะของมันอยู่ตรงไหนล่ะ? 」
โนอาห์ถามด้วยความสงสัย ทางฟาร์มาจึงขอการยืนยันข้อมูลเพิ่ม
「ช่วยบอกผมมากกว่านี้หน่อยสิครับ」
ฟาร์มาสนใจแผนของคลาร่า
แต่ทันใดนั้นขาคลาร่าก็เริ่มจะพันกัน ความเร็วในการวิ่งก็ช้าลง
เห็นได้ชัดว่าเธอขาดการออกกำลังกายในแต่ละวัน
「อึก หายใจไม่ทันแล้วค่ะ….แบบนี้คงไม่ไหวแน่!」
「อย่างน้อยก็น่าจะได้ฝึกวิ่งหรือฝึกใช้ศาสตร์แห่งเทพไม่ใช่หรือไง」
「แต่คนมันเหนื่อยแล้วนี่นา!」
「ทุกคนที่นี่ก็เหนื่อยเหมือนกันหมดแหละน่า!」
คลาร่ากับโนอาห์ได้ตบมุกกันไปมาเล็กน้อย
(การสลายสสารของทางนั้นคือจำเป็นต้องเห็นเป้าหมายก่อนถึงจะทำลายลงได้ หรือก็คือเราต้องหาทางรับมือกับประสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเธอ แต่ถ้าวิ่งด้วยความเร็วแค่นี้โดนตามทันแน่)
ฟาร์มาเอาคทาแห่งเทพโอสถคาบไว้ที่ปากและใช้มือทั้งสองข้างที่ว่างจับมือของทั้งสองคนเอาไว้แน่น
เพื่อจะหนีออกจากถ้ำให้เร็วกว่านี้คงต้องบินเท่านั้น
「ว๊ากกกก―――!」
ทางโนอาห์และคลาร่าที่ถูกฟาร์มาจับข้อมือโดยไม่ทันตั้งตัว ก็ส่งเสียงกรีดร้องดังไปทั่วถ้ำ
◆
ลอตเต้ตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าตรู่และออกมาจากห้องนอนของข้ารับใช้ที่เธอใช้ร่วมกับแม่ของเธอ
(อุหวา ห้องน้ำอยู่ไกลจนแอบน่ากลัวเลย)
ฟาร์มาที่กลับมาจากนครศักดิ์สิทธิ์ได้รับอิทธิพลของห้องน้ำจากทางนั้นมาด้วย ที่คฤหาสน์เดอ เมดิซิสแห่งนี้จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างห้องน้ำเป็นแบบชักโครกและแยกพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจนแล้ว
ลอตเต้ได้เดินขณะหาวออกมา จุดหมายของเธอคือห้องน้ำที่อยู่ตรงสุดทางเดิน แต่แล้วเธอก็ได้ยินเสียงอันน่าสงสัยมาจากบริเวณทางเข้าประตูชั้นหนึ่ง
เสียงมันคล้ายกับบทสนทนาบางอย่าง
(อะไรกัน? หรือจะเป็นผู้บุกรุก เราควรไปปลุกคนอื่นก่อนไหมนะ? ไม่สิบางทีอาจจะเป็นแค่เสียงลมก็ได้ ยังไงก็ไปดูก่อนดีกว่า)
หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่ง ลอตเต้ก็หยิบไม้กวาดมาจากกล่องเครื่องมือทำความสะอาดและถือมันไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนนะเดินลงบันไดไปด้วยความหวาดกลัว
แล้วเธอก็พบว่าห้องรับแขกชั้นล่างมันสว่างไสวไปด้วยแสง บลานซ์เหมือนกำลังจะยืนเถียงกับไซม่อนหัวหน้าพ่อบ้านที่ดูแลฟาร์มา
ข้างกายของบลานช์นั้นมีกระเป๋าใบใหญ่ที่เหมือนจะเตรียมไว้เดินทางอยู่ ก่อนที่เธอจะบ่นออกมาด้วยไหล่ที่สั่นเทา
「พี่เค้าต้องวางแผนทิ้งหนูไว้ตั้งแต่แรกแน่ๆ! โหดร้ายที่สุดเลย!」
ไซม่อนก็เหมือนจะพยายามปลอบบลานช์ที่โวยวายอยู่ ถึงแม้ปกติไซม่อนจะเป็นคนที่มีความเยือกเย็นสูง แต่พอต้องมารับมือกับบลานช์ก็เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก
หากจะให้นับเรื่องความยุ่งยากในการรับใช้ บลานช์ก็น่าจะติดหนึ่งในคนที่รับมือด้วยยากเป็นพิเศษในตระกูลเดอ เมดิซิส เหล่าข้ารับใช้ก็เลยทำตัวลำบาก
ในฐานะข้ารับใช้ของบลานช์ ลอตเต้เองก็มักจะปล่อยและมองข้ามหลายๆ อย่างของบลานช์ไปบ้าง แถมพวกเธอยังเข้ากันได้เป็นอย่างดี ต่างจากข้ารับใช้คนอื่นๆ ที่ไม่รู้จะรับมือกับเธออย่างไร
「นายต้องไปหามาว่าพวกท่านพี่เขาไปไหนกัน เดี๋ยวนี้เลย!」
ไซม่อนถูกบลานช์ขอให้ทำเรื่องที่ไร้เหตุผล
「กระผมต้องขออภัยด้วย แต่ในที่นี้ไม่มีผู้ใดทราบจริงๆ ว่าท่านฟาร์มากำลังจะเดินทางไปที่ใด ดังนั้นท่านบลานช์ได้โปรดดื่มชานี้แล้วไปพักผ่อนก่อนเถอะ ขอให้ท่านได้นอนหลับฝันดี กระผมมั่นใจว่าพรุ่งนี้ท่านฟาร์มาและท่านปาลเล่จะต้องกลับมาถึงอย่างแน่นอน」
แต่ก็ตามที่คิดบลานช์ไม่ใช่คนที่จะถูกกล่อมโดยง่าย
ดังนั้นลอตเต้จึงได้แอบเอาไม้กวาดไปซ่อนไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องก่อน แล้วค่อยเดินไปหาบลานช์อย่างเป็นธรรมชาติ
「ท่านบลานช์เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? 」
「พวกท่านพี่เขาทิ้งฉันออกไปเที่ยวกันหมดน่ะสิ!」
「จะว่าไปคืนนี้มีการซ้อมรบไม่ใช่เหรอคะ บางทีพวกเขาอาจจะไม่กลับมาจนกว่าจะเช้าค่ะ」
「ไม่ใช่ พวกท่านพี่กลับมาแล้วทีหนึ่ง แต่พอฉันกำลังจะไปเตรียมข้าวของ พวกเขาก็หนีไปกันหมดแล้ว」
ไซม่อนก็ทำได้แค่ยืนเกาหัวเพราะไม่รู้จะทำเช่นไรดี
「พวกเขาทุกคนบินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล้วตรงไปทางตะวันตกแหละ」
「โฮ่ๆๆ บางทีนั่นอาจจะเป็นเพียงความฝันของท่านบลานช์ก็ได้นะครับ」
ถึงไซม่อนจะบอกแบบนั้น แต่ลอตเต้คิดว่าเป็นเรื่องจริง
(บินบนท้องฟ้าสินะ หากเป็นฝีมือท่านฟาร์มาก็คงจะจริง….)
「เรื่องจริงนะ ท่านพี่แบกทุกคนขึ้นไปด้วยคทาของเขา」
ด้วยคำพูดพวกนี้ ลอตเต้ยิ่งเชื่อมั่นมากกว่าเดิมว่าจริง
「งั้นท่านบลานช์ช่วยเล่าเรื่องให้ฉันฟังต่อที่ห้องพักได้ไหมคะ? 」
ลอตเต้แอบขยิบตาให้กับไซม่อน ราวกับจะบอกว่าจะดูแลที่เหลือเอง
ทางไซม่อนก็เดินจากไปด้วยสีหน้าที่โล่งใจ แต่แผ่นหลังของเขาก็ยังแผ่ความกังวลเรื่องที่ฟาร์มาหายตัวไปให้เห็น
ตามปกติลอตเต้จะพาบลานช์กลับไปห้องได้โดยง่าย แต่คราวนี้เธอได้เตรียมเครื่องดื่มร้อนๆ มาเผื่อไว้ด้วย ก่อนจะพยายามชักชูงให้บลานช์กลับห้องไปอย่างไม่เต็มใจนัก
「พวกท่านพี่เขาบินขึ้นไปจริงๆ นะ แต่ไม่มีใครเชื่อฉันเลย ลอตเต้ก็เหมือนกันใช่ไหมล่ะ? 」
「ฉันเชื่อท่านบลานช์นะคะ ว่าแต่พวกท่านพี่ของท่านกลับมาจากการฝึกอย่างปลอดภัยกันหรือเปล่าคะ? 」
ระหว่างที่กำลังคุยกันลอตเต้ก็ได้หวีผมสีบลอนด์ที่งดงามของบลานช์ไปพลางๆ
「ท่านอาจารย์กับท่านพี่ใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่ท่านพี่ฟาร์มาเหมือนจะสบายดี」
ตามกำหนดการคืนนี้คือการฝึกซ้อมรบขนาดใหญ่ที่เสมือนว่าต้องรับมือกับวิญญาณร้าย ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าจะกลับมาจนกว่าจะเช้า
แม้ฟาร์มาจะไม่ได้เข้าร่วมในแผน แต่ทางเอเลนกับปาลเล่นั้นคือส่วนหนึ่งของการฝึก ความเป็นไปได้ที่จะกลับมากลางดึกมันก็มีอยู่หรอก
「ก็หมายความว่าแม้พวกเขาจะบาดเจ็บอยู่ แต่ก็เลือกที่จะออกไป คงจะเป็นเรื่องด่วนมากแน่ๆ เลยค่ะ」
บลานช์ก็พยักหน้าตอบ
「อื้อ พวกเขาดูรีบกันมากเลย ทั้งพี่ใหญ่ พี่ฟาร์มา ท่านอาจารย์แล้วก็ผู้หญิงอีกคนที่ฉันไม่รู้จัก」
「ผู้หญิงอีกคนเหรอคะ? 」
「ฉันก็ไม่ได้เห็นหน้าเธอชัดหรอกเพราะมองจากไกลๆ แต่มั่นใจได้เลยว่าต้องเป็นคนที่สุดยอดมากแน่ๆ 」
ใครกันนะ? ลอตเต้พยายามนึกว่าจะมีสักกี่คนเชียวที่สามารถมาเยี่ยมเยือนตระกูลเดอ เมดิซิสกลางดึกได้
หากรวมเข้ากับการที่ปาลเล่เหมือนจะอ่อนน้อมต่ออีกฝ่ายก็แปลว่า ฐานะของเธอต้องสูงมากแน่ๆ
「นอกจากนี้สีผมของเธอยังเป็นบลอนด์ผสมเงินด้วย ดวงตาก็แดงเหมือนทับทิมเลย」
(ฝ่าบาทนี่เอง)
ลอตเต้ที่เป็นจิตรกรหลวงสามารถนึกได้ในทันที
เธอเป็นเพียงชนชั้นสูงคนเดียวที่มีลักษณะโดดเด่นเช่นนั้น
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของลอตเต้ บลานช์ก็จ้องหน้าเธอ
「ลอตเต้รู้จักเธอสินะ? 」
「ก็พอจะนึกคนที่ลักษณะทำนองนั้นได้อยู่ค่ะ ถึงจะไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่……」
ดวงตาของลอตเต้เริ่มลกลั่ก
ไม่มีทางที่เธอจะบอกให้บลานช์ฟังได้ว่า จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิและสันตะปาปาแห่งนครศักดิ์สิทธิ์ ได้หนีออกจากวังมาพักที่ตระกูลเดอ เมดิซิสแน่ๆ
「เอาเถอะ ถึงจะไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่ แต่ถ้าพวกท่านพี่ก็บอกว่าพรุ่งนี้กลับก็คงจะไม่เป็นไรมั้ง……ถึงฉันจะรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนักก็เถอะ」
ตามกำหนดการจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มีหน้าที่ทางพิธีการคืนพรุ่งนี้
หากเธอไม่กลับมา จักรวรรดิได้วุ่นวายแน่
「พวกเขาก็ยืนยันมาแล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลหรอกค่ะ」
แต่ทางในใจของลอตเต่นั้นรู้ได้ทันทีว่าแย่แล้ว
「อื้อ…..แต่มันก็แปลกตรงที่ท่านอาจารย์ขนสัมภาระมากผิดปกตินี่แหละ เหมือนกับว่าตั้งใจจะไปหลายคืนเลย」
「ท่านเอเลโอนอร์ก็เป็นพวกเตรียมพร้อมแบบนั้นเสมอแหละค่ะ!」
ขอให้พวกเขากลับมาทันพรุ่งนี้ที
อยากจะให้สัญญานั้นเป็นจริงเหลือเกิน
ลอตเต้พยายามกล่อมให้บลานช์เพื่อเช่นนั้น ในที่สุดบลานช์ก็ยอมหลับ จากนั้นลอตเต้ก็ห่มผ้าให้กับเธอแล้วออกมาจากห้องเงียบๆ
「ชาร์ล็อต」
ทันทีที่เธอออกมาจากห้องของบลานช์ ไซม่อนก็เดินมาหาเธอพร้อมกับกระดาษแผ่นหนึ่งด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว
「สิ่งนี้ถูกเจอในห้องของท่านฟาร์มา…」
สิ่งที่ไซม่อนนำมาให้เธอดูก็คือแผนที่ของที่ไหนสักแห่ง แถมยังมีบันทึกช่วยจำเขียนไว้เต็มไปหมด ราวกับฟาร์มากำลังอธิบายบางอย่างให้คนอ่านฟัง
(ท่านฟาร์มาคงจะอธิบายมันให้ฝ่าบาทได้ฟัง…ส่วนปลายทาง…ทวีปการ์บัน? )
จากที่เธอได้ยินการเดินทางไปที่นั่นด้วยเรือต้องใช้เวลาประมษร 1 เดือน
แต่ให้บินไปยังไงก็ไม่มีทางกลับมาได้ทันใน 1 วัน
ถึงเธอจะรู้เรื่องพวกนี้ไป เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้
จากนั้นไซม่อนก็พูดขึ้น
「เธอเองก็คิดเหมือนกันสินะว่าท่านฟาร์มากับคนอื่นๆ กำลังมุ่งหน้าไปทวีปการ์บันด้วยเรือ」
「ฉันก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเป็นเรือไหม แต่จุดหมายของพวกเขาต้องเป็นที่นั่นแน่」
พวกเขาตอนนี้อาจจะกำลังบินอยู่บนฟากฟ้า แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรือ ทุกอย่างเป็นไปตามที่บลานช์บอก
「ทำไมกัน ทำไมท่านฟาร์มาถึงไม่บอกฉันว่าเขาจะไปที่ไหน….」
ไซม่อนตกอยู่ในสภาพโศกเศร้า ราวกับสงสัยในการได้รับความไว้วางใจจากผู้เป็นนาย
「ฉันว่าท่านฟาร์มาก็คงจะมีเหตุผลของเขาแหละค่ะ ที่สำคัญกว่านั้นคือท่านไซม่อนค่ะ ฉันว่าพวกเราควรเสริมการป้องกันให้กับคฤหาสน์จะดีกว่านะคะ ฉันได้ยินว่าคืนนี้มีการซ้อมรบกันด้วย บางทีพวกวิญญาณร้ายในเมืองหลวงที่ไม่ถูกชำระล้างอาจจะหลุดออกมาก็ได้ ทางที่ดีก็น่าจะเอาไปปรึกษากับคุณท่านดู」
ฟาร์มาคือเทพผู้พิทักษ์ ซึ่งมีพลังในการปกป้องทวีป
แต่ในตอนนี้เขาได้เดินทางไปยังทวีปการ์บัน…หากเป็นเช่นนั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับทวีปนี้กันล่ะ
หรือพลังของเขาจะมากพอแผ่ไปทั่วทุกทวีปแล้วกันนะ….
ลอตเต้รู้สึกไม่สบายใจและจินตนาการเรื่องร้ายๆ เต็มหัวไปหมด แต่เมื่อนึกถึงฟาร์มาเธอก็เลือกจะบอกให้ไซม่อนเสริมความปลอดภัยให้กับคฤหาสน์
「นั่นก็จริง เดี๋ยวฉันจะไปบอกให้คุณท่านได้ทราบก่อนแล้วกัน」
ความกังวลใจของเธอเหมือนจะส่งไปถึงไซม่อน
เมื่อลอตเต้กลับไปถึงห้องของเธอ เธอก็เริ่มตัดแผ่นกระดาษศักดิ์สิทธิ์
หลังได้ขนาดที่เหมาะสมเธอก็ทำการเทน้ำมันศักดิ์สิทธิ์ขวดเล็กที่ได้มาจากเมโลดี้ลงไป ก่อนจะใช้พู่กันเขียนวงเวท
เธอได้ทำมันขึ้นมาเป็นจำนวนมากเพื่อให้มั่นใจว่าทุกจุดสำคัญของคฤหาสน์จะไม่ถูกพวกวิญญาณร้ายโจมตี
ในกรณีที่พวกมันถูกทำลายไป ก็จะเป็นสัญญาณว่ามีวิญญาณร้ายปรากฏขึ้นมาจริงๆ
ลอตเต้ทำได้เพียงภาวนาให้ทุกคนปลอดภัย โดยที่มือของเธอไม่ได้หยุดลง
———–
Note 1 : ห่างหายไปนาน ได้กลับมาแล้วครับ กว่าจะเจอวันว่างๆนานพอในการแปลฟาร์มาจนจบ
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code