Parallel World Pharmacy - ร้านขายยาต่างโลก - ตอนที่ 110.5
พวกฟาร์มาได้ตรงไปทางมาร์เชลและใช้เวลาอีก 6 ชั่วโมงเพื่อเดินทางถึงทวีปใหม่
หากเป็นแค่ตัวฟาร์มาคนเดียว เขาจะใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งหากเทียบกับโลกของเขาแล้ว การข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกที่เร็วที่สุดโดยเครื่องบินก็ยังต้องใช้เวลา ถึง 5 ชั่วโมงด้วยซ้ำ ถ้าจะให้ถามว่าขีดจำกัดมันคืออะไรก็คงต้องตอบว่า ความกดอากาศ การระบายอากาศ การลดระดับความสูง ให้อยู่เหนือระดับน้ำทะเล 500 เมตร การเลี่ยงเข้าไปในเมฆมรสุม
「เห็นแล้วตรงนั้นไง」
「ทวีปใหม่งั้นเหรอนั่นน่ะ!」
「โห่…โห!」
่ทั้งสองคนโน้มตัวออกไปดูข้างล่าง
ส่วนทางเอลิซาเบทดูเหมือนเธอจะยังไม่ตื่นจากห้วงความฝัน แต่ฟาร์มาตรวจสอบแล้วว่าอาการของเธอไม่มีอะไร่าเป็นห่วง เพราะมันก็ใช่ว่าจะไม่มีความเป็นไปได้ที่เธอจะหลับแล้วไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
แต่ก่อนที่ฟาร์มาจะลงไปข้างล่างเขาได้ทำการหลบซ่อนตัวโดยใช้ก้อนเมฆแล้วเพ่งสายตาไปรอบๆ ท้องทะเล
「นั่นมัน…」
「มีอะไรผิดปกติเหรอ? 」
「ตรงนั้นเหมือนจะมีเศษซากคล้ายกับไม้กระดานจำนวนมากลอยอยู่ เป็นไปได้ว่านั่นอาจจะเป็นชิ้นส่วนเรือที่ถูกทำลายไป」
「นายดูดีๆ แล้วใช่ไหม แล้วคิดว่ามันถูกทำลายทั้ง 5 ลำเลยหรือเปล่า?!」
「หากประเมินจากปริมาณวัตถุที่ลอยอยู่ ก็ยากจะบอกนะว่ามีกี่ลำ แต่ที่แน่ๆ มากกว่า 1 แน่นอน」
พลเรือเอกฌอง คลาร่าแล้วก็คนอื่นๆ ฟาร์มาได้ทำการตรวจสุขภาพก่อนออกเดินทางไว้หมดแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถจำใบหน้าของทุกคนได้ นอกจากนี้เขาก็พกภาพและรายชื่อของลูกเรือทั้งหมดมาไว้เผื่อระบุตัวผู้สูญหายอีกด้วย แต่นอกจากซากเรือแล้ว ฟาร์มากลับไม่พบอะไรเลยจนทำให้เขาตัวแข็งทื่อไป
「แย่แล้วสิ…ถ้าเป็นแบบนี้ที่เราเดินทางกันมา มันเพื่ออะไรกันล่ะ」
ปาลเล่ที่เห็นซากเรือลอยอยู่บนทะเลก็ทำสีหน้าเหมือนถอดใจ
เพราะการติดต่อล่าสุดที่ส่งมาคือเมื่อ 3 วันที่แล้ว
「อย่าถอดใจสิครับ พวกเรายังไม่เห็นศพของใครเลยสักคน」
ในตอนนี้เองฟาร์มารู้สึกเหมือนมีอะไรแทรกเข้ามาในระยะการมองเห็นของฟาร์มา
มันคือเกาะเล็กๆ ที่อยู่ในทะเลเกาะหนึ่ง ฟาร์มาเห็นแสบวาบเล็กๆ ส่งมาจากเกาะ
「อะไรน่ะ…พวกศัตรูงั้นเหรอ…พวกมันเป็นผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพหรือเปล่า ฟาร์มารีบพาพวกเราไปเร็ว? 」
「ไม่ครับ พวกนั้นไม่ใช่ศัตรู」
「นายรู้ได้ยังไงกัน? 」
「นั่นมันเป็นแสงกระทบจากกระจกที่มีไว้เพื่อส่งสัญญาณมาทางพวกเราครับ」
「นายแน่ใจแล้วงั้นเหรอ ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสินะ? 」
「ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ครับ เพราะมันเป็นการส่องสะท้อนมาอย่างมีแบบแผน」
มันคือสัญญาณสะท้อนสำหรับขอความช่วยเหลือ ซึ่งฟาร์มาเคยเห็นมาก่อนในอดีต
โดยตัวกระจกที่ใช้ส่งสัญญาณนั้นจะสะท้อนกับแสงอาทิตย์เพื่อระบุตำแหน่งของผู้ค้นหาให้เห็นจากด้านบนได้อีกด้วย
แต่เดิมนั้นบริษัทอินเดี้ยนตะวันออกได้ใช้มันในการสื่อสารระหว่างเรือ แต่ทางฟาร์มาก็เข้ามาช่วยปรับปรุงให้มันสามารถส่งสัญญาณและระบุตำแหน่งต่างๆ ได้แม่นยำขึ้น
「ให้ตายสิ! แล้วแบบนั้นมันจะไม่เป็นการบอกตำแหน่งให้กับศัตรูเหมือนกันเหรอ ไอเดียนี้ฉันว่าโง่ไปหน่อยนะ!」
「ไม่หรอกครับ เพราะสัญญาณดังกล่าวมันจะแสดงให้เป้าหมายที่ตั้งใจให้เห็นเท่านั้นรู้」
ไม่นานนักแสงดังกล่าวก็เริ่มกะพริบซ้ำขึ้นเรื่อยๆ
「อ๊ะ ดูเหมือนว่าจะเป็นการส่งข้อความแทนแล้วนะ เอเลนช่วยหยิบเอาสมุดบันทึกสีแดงในกระเป๋าเดินทางของผมมาที แล้วช่วยดูโน๊ตข้างในเพื่อถอดรหัสที ว่าพวกเขาต้องการจะบอกอะไรกับเรา」
「อ๋อ ได้สิ!」
ฟาร์มาได้อธิบายลักษณะการแปลงสัญญาณแล้วบอกให้เอเลนเป็นคนถอดรหัสตามโน๊ต
เมื่อเอเลนเปิดสมุดบันทึกของฟาร์มาดูก็พบว่ามันคือโน๊ตเทียบของรหัสมอร์ส
โดยรหัสที่ถอดมาได้นั่นก็คือ
「ทุกคนถูกจับตัวไว้และถูกศัตรูล้มไว้หมดแล้ว…นี่มัน!」
「ก็แปลว่าบนเกาะนั่นมีศัตรูซุ่มล้อมพวกลูกเรือเอาไว้หมดแล้วสินะ」
ฟาร์มาก็เลยทำการยืนยันจำนวนคนจากบนท้องฟ้าด้วยดวงตาวินิจฉัยของเขาอีกที
ตรงกลางเกาะนั้นมีพื้นที่โล่งขนาดเล็กอยู่ ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากที่ส่งแสงสีจางๆ ออกมากองกันอยู่
แล้วก็มีคนที่ดูเหมือนจะยังไม่เป็นอะไรหลายสิบคนห้อมล้อมอยู่อีกที
ด้วยเหตุการณ์ที่น่าสิ้นหวังแบบนี้ดูเหมือนพลวิทยุจะเห็นพวกฟาร์มาเข้าพอดีแล้วพยายามใช้กระจกส่งสัญญาณมาทางพวกฟาร์มาอย่างสุดชีวิต
(! ทุกคนที่ล้มอยู่ตรงนั้นมีแสงสีฟ้า….เป็นไข้หรือเปล่านะ? )
ตอนแรกเขาก็สงสัยว่าจะเป็นพิษหรือเปล่า แต่ก็ไม่น่าใช่ หรือจะเป็นโรคติดเชื้อ…สรุปแล้วตอนนี้ฟาร์มาก็ยังหาสาเหตุให้ชัดไม่ได้อยู่ดีเพราะปัจจัยมันเยอะเกินไป
「งั้นเราก็รีบเข้าไปช่วยตัวประกันกันเลย บุกทะลวง!!」
เพราะเสียงที่ดังลั่นของปาลเล่ จึงทำให้เอลิซาเบทตื่นขึ้นเสียที
「โฮ่ เรามาถึงกันแล้วเหรอ อื้มจะว่าไปวิวจากตรงนี้ก็สวยดีนะเนี่ย….」
ทางด้านเอลิซาเบทเหมือนกันตื่นเต้นกับภาพตื่นนอนที่เธอได้เห็น แต่เป็นทางเอเลนที่หน้าซีดลงในทันทีก่อนจะนำคทาของตนเองออกมา
「 “กำแพงน้ำแข็ง!” 」
กำแพงน้ำแข็งที่สุดแกร่งของเอเลนได้ปรากฏขึ้น แต่ทว่ามันก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ในทันที เพราะมีวัตถุบางอย่างที่คล้ายกับลูกแก้วทะลุเข้ามา
(สร้างสสาร ทังสเตน)
ฟาร์มาได้ทำการสร้างแผงทังสเตนขึ้นมาหลังกำแพงของเอเลน
วัตถุบินได้หยุดอยู่แค่บริเวณดังกล่าวและหมดแรงยิงลงก่อนจะตกลงสู่ท้องทะเล จากเสียงที่ฟาร์มาได้ยิน นั่นน่าจะเป็นเสียงปืน
ดูเหมือนอีกฝ่ายจะรู้ตัวแล้วและตอนนี้พวกเขาก็กำลังถูกซุ่มโจมตีอยู่
ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้เล็งแค่ที่ตัวของฟาร์มาด้วย
「ไหงยิงมากันเร็วจังเลยล่ะเห้ย!」
「เอาเถิด จะปืนเล็กหรือปืนใหญ่ก็จัดมาเลย เดี๋ยวเราจะเผามันให้หมดสิ้นเอง」
ปาลเล่ตะโกนออกมาส่วนทางเอลิซาเบทก็หัวเราะอย่างไม่เกรงกลัว
ฟาร์มารีบห้ามเอลิซาเบทในทันทีที่เธอกำลังจะหยิบคทาของตัวเองขึ้นมาเพื่อเข้าสู่โหมดต่อสู้
「อีกฝ่ายมีตัวประกันอยู่นะพ่ะย่ะค่ะ ยิ่งสถานการณ์ตอนนี้หลายๆ อย่างยังไม่ชัดเจนด้วย พลังรบของศัตรูพวกเราก็ไม่อาจทราบได้ หากเราเลือกจะฆ่าอีกฝ่ายเลย เรื่องราวต่อจากนี้อาจจะซับซ้อนขึ้นกว่าเดิมก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ」
「ความคิดของเจ้ามันทำให้อะไรหลายๆ อย่างช้าเกินไปนะ นอกจากนี้ไม่ต้องเป็นกังวลหรอกเพราะเราสามารถควบคุมเพลิงของเราให้สังหารเพียงศัตรูเท่านั้นได้」
「แต่พวกเขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้ก็ได้นะพ่ะย่ะค่ะ」
「เจ้าน่ะจะใจอ่อนมากเกินไปแล้ว!」
เอลิซาเบทบ่นออกมา
「นั่นไงพ่ะย่ะค่ะหลักฐาน เสียงปืนที่ยิงมานั้นมาจาก 6 จุดที่ต่างกันออกไป แถมนั่นยังเป็นปืนของพวกพลเรือเอกฌองกับคนอื่นๆ ใช้ด้วย」
「ก็เพราะคนพวกนั้นไปขโมยมันมายังไงล่ะ」
「หากเป็นแบบนั้นจริง พวกเขาก็ไม่มีทางรู้วิธีใช้งานหรอกพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นก็น่าจะต้องมีใครสักคนจากจักรวรรดิเป็นคนสอนวิธีใช้ ดังนั้นพวกเราอาจจะไม่ใช่ศัตรูกันจริงๆ ก็ได้ นอกจากนี้คนของทางเราก็เหมือนจะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรกันด้วย」
「แล้วทำไมทางเรายังถูกลอบโจมตีล่ะ」
「ถึงเรื่องนั้นจะยังน่าสงสัยอยู่บ้าง แต่เอาเป็นว่าตอนนี้ลงจอดข้างล่างกันก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ」
จากนั้นฟาร์มาก็ทำการสร้างสสารขึ้น
แท่งเหล็กสูงถูกดันลงไปถึงก้นทะเล ฟาร์มาได้ทำการนำรถม้าลงจอดเหนือแท่งเหล็กนั้น
ก็จริงกว่าระยะการยิงของกระสุนไม่น่าจะตกมาถึงตรงนี้ได้ แต่เพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ฟาร์มาก็เลยทำการสร้างโพลีคาร์บอเนตขึ้นมาข้างบนให้มีสภาพเหมือนกับป้อมปราการ โดยยังสามารถมองเห็นรอบนอกได้อยู่
「ขอให้ทุกคนอยู่ตรงนี้กันก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะพาพวกเขามาที่นี่เอง」
「ทำไมนายถึงได้ไปคนเดียวกันล่ะ ขี้โกงนี่นา!」
ฟาร์มาได้ทิ้งปาลเล่ที่บ่นอยู่ข้างหลังเขาไว้ แล้วมุ่งตรงไปยังเกาะนั้นเพียงลำพัง
เมื่อฟาร์มาเข้าไปใกล้ เสียงปืนก็ยังดังขึ้นมาเรื่อยๆ ไม่มีหยุดหย่อน ก็จริงว่าหากฟาร์มาบินเข้าไปในความสูงที่มากกว่านี้ การซุ่มโจมตีระยะของกระสุนก็คงไม่มาถึงเขาได้ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนักเพราะยังไงกระสุนพวกนี้ก็ผ่านร่างของเขาไปอยู่แล้ว
หลังจากเสียลูกตะกั่วจำนวนมากในการยิงฟาร์มาไป พวกเขาก็เริ่มบรรจุกระสุนกันใหม่ ฟาร์มาได้ใช้จังหวะนี้ในการสร้างกำแพงป้องกันพวกลูกเรือที่อยู่บนพื้น แล้วโฉบลงมาหาพวกเขา ในขณะเดียวกันฟาร์มาก็ได้ทำการสลายลูกตะกั่วที่เขามองเห็นทั้งหมด เพื่อไม่ให้ถูกลอบโจมตีได้อีก ก็จริงว่าบางทีพวกเขาอาจจะไปหาของอย่างอื่นมาบรรจุในการยิงแทน แต่ด้วยหลักการของมันแล้วไม่มีทางที่พวกเขาจะหาของอย่างว่ามาใช้แทนได้ เมื่อฟาร์มาลงไปถึงพื้นก็ต้องพบว่าพวกลูกเรือของกองเรือจักรวรรดิต่างก็อยู่ในสภาพที่ผอมแห้งกันหมดแล้ว
แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ยังหายใจกันอยู่ ไม่มีใครที่เสียชีวิต จะมีก็แต่ป่วย สภาพของพวกเขาตอนนี้ถูกมัดทั้งมือและเท้าเอาไว้ ส่วนคนที่ส่งสัญญาณมาให้พวกฟาร์มาดูเหมือนเขาจะใช้ปากของตัวเองในการคาบกระจกส่งสัญญาณแทนมือที่ถูกมัดเอาไว้ ฟาร์มาที่ได้เห็นสภาพแบบนั้ของพวกเขาก็ต้องตัวสั่น ก่อนจะทำการตัดเชือกทั้งหมดทิ้ง
「น่ามันเกิดอะไร…ขึ้นกันแน่ครับ」
「โอ้ท่านศาสตราจารย์ฟาร์มา ขอบพระคุณมากค่ะ ที่มาช่วยพวกเราเอาไว้ แล้วก็ต้องอภัยด้วยที่ต้องมาเห็นพวกเราในสภาพแบบนี้」
มาร์โจลีนแพทย์โอสถประจำเรือพูดออกมาทั้งน้ำตา
เสื้อโค้ตยาวของแพทย์โอสถที่เธอสวมได้ถูกฉีกทิ้งหมดแล้ว ในตอนนี้สภาพของเธอจึงเกือบเปลือยเปล่าและถูกมัดเอาไว้หมอบลงกับพื้น
ฟาร์มาก็เลยทำการถอดเสื้อโค้ตของตัวเองให้กับเธอแล้วมองไปทางอื่นแทน
ถึงพวกเขาจะได้รับอิสรภาพในการเคลื่อนไหวแต่ด้วยอาการป่วยและไข้ของพวกเขาจึงทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้ถนัดนัก
「คทาแห่งเทพโดนขโมยไปกันหมดแล้วเหรอครับ? 」
ฟาร์มาลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะถามออกมา
เพราะคทาแห่งเทพนั้นมันไม่ต่างอะไรกับความภูมิใจของเหล่าชนชั้นสูงการถูกพรากเอาไปก็ไม่ต่างกับการพรากชีวิตของพวกเขาไป มันคือความอัปยศขั้นสุด แต่ทางพวกลูกเรือก็ตอบกลับมาว่าพวกตนถูกคนพวกนั้นขโมยไปตอนที่หมดสติอยู่
「ยังไงก็ตามตอนนี้พวกคุณปลอดภัยแล้วนะครับ」
ฟาร์มาทำการวางมือซ้ายลงที่พื้น
「เดี๋ยวผมจะทำการวางจุดป้องกันเอาไว้ ดังนั้นระหว่างนี้ก็นอนพักกันก่อนนะครับ」
ฟาร์มาทำการสร้างพื้นด้วยเหล็กมารองรับร่างของพวกลูกเรืออีกทีก่อนที่ขยายกำแพงป้องกันรอบให้สูงขึ้นไปเป็นรูปทรงกระบอก คล้ายกับหอคอยป้องกัน
“อย่างน้อยตราบใดที่อยู่ภายในนี้พวกคุณก็จะไม่ถูกยิงครับ”
ถึงระยะของกระสุนจะยิงได้หลายรอยเมตร แต่ก็คงไม่มีคนซุ่มยิงคนไหนบนโลกนี้ที่จะสามารถยิงคนที่อยู่ใต้หลังคา แถมนอนหมอบกับพื้นได้หรอก จากนั้นฟาร์มาก็เริ่มวิเคราะห์อาการของผู้ป่วยแต่ละคน ไม่นานนักเขาก็สังเกตเห็นว่าสะพานน้ำแข็งถูกสร้างขึ้นขึ้นมา โดยมันเชื่อมต่อกับรถม้าที่อยู่ห่างออกไปกับตัวหอคอยที่ฟาร์มาสร้างขึ้นมาใหม่ นี่น่าจะเป็นฝีมือของเอเลนไม่ก็ปาลเล่ ซึ่งพวกเขาถูกฟาร์มาทิ้งเอาไว้ในตอนแรก ทั้ง 3 กำลังรีบวิ่งเข้ามาหาฟาร์มา เนื่องจากกระสุนตะกั่วได้ถูกฟาร์มาสลายทิ้งไปหมดแล้ว เหล่าผู้ลอบโจมตีจึงต้องเปลี่ยนไปใช้อย่างอื่นแทน
「โอ้…พวกนั้นมากันแล้วสินะ」
「คือว่าท่านเทพโอสถ ท่านพอจะเหลือคทาพกติดตัวมาบ้างไหมครับ หากเป็นพวกกระสุน อย่างน้อยหากมีคทาเหลือสักชิ้นพวกเราสามารถป้องกันมันไว้ด้วยศาสตร์แห่งเทพธาตุดินครับ」
นั่นคือสิ่งที่พวกนักบวชกับลูกเรือพูด
ก็จริงอยู่ว่าหากเป็นปาลเล่ ถึงตัวเขาจะไม่มีคทาแห่งเทพอยู่ เขาก็ยังสามารถใช้ศาสตร์แห่งเทพได้ด้วยการเปลี่ยนแขนของตนให้กลายเป็นคทาแห่งเทพ แต่สำหรับคนอื่นหากไม่มีการฝึกสอนและการอบรมที่เหมาะสมก็คงจะเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้พวกเขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าคงเป็นไปไม่ได้ที่จะขอคทา แต่อย่างน้อยพวกเขาก็อยากจะได้มันมาสักชิ้นเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับตัวเองบ้าง
「ได้สิครับ เดี๋ยวผมทำให้」
「ครับ?!」
ฟาร์มาได้กำหมัดซ้ายและขวาของเขาเอาไว้ ก่อนจะเริ่มทำการสร้างสสารด้วยมือซ้ายและลบส่วนที่ไม่จำเป็นออกด้วยมือขวา คทาแห่งเทพเรื่มก่อตัวขึ้นมาราวกับฟาร์มาเป็นเครื่องพิมพ์ 3 มิติ ซึ่งฟาร์มาได้สร้างขึ้นมาพร้อมกัน 2 อันเหมือนตะเกียบ
เมื่อเขาสร้างมันเสร็จ เขาก็เริ่มถ่ายเทพลังแห่งเทพลงไปและเปลี่ยนมันให้เป็นคทาแห่งเทพที่สามารถใช้งานได้จริง ก่อนหักครึ่งตะเกียบนั่น แล้วยื่นให้คน 2 คน
「นี่ครับ」
ถึงแม้จะไม่มีคริสทัลติดมาด้วย แต่ก็พอใช้งานได้
นักบวชกับลูกเรือที่มีคุณสมบัติธาตุดินก็รับคทาที่เพิ่งทำเสร็จมาด้วยดวงตาและปากที่อ้ากว้าง
「คะ-คือว่า ท่านเอามันออกมาจากแขนเสื้อใช่ไหมครับ? 」
「ก็…อะไรทำนองนั้นแหละครับ」
ตอนนี้ฟาร์มาเลือกที่จะไม่พูดอะไรเพื่อสร้างปัญหาเพิ่ม
พอได้คทาไปพวกเขาก็ทำการเสริมพลังหอคอยนี้ด้วยศาสตร์แห่งเทพ กำแพงโคลนได้ก่อตัวขึ้นมาป้องกันอีกชั้นไม่นานนักทั้ง 3 ก็เดินทางมาถึงยังปลายทาง
「ฟาร์มากล้ามากนะที่ทิ้งพวกฉันเอาไว้」
「จะไปไหนก็บอกกันดีๆ ก่อนสิยะ」
ปาลเล่บ่นให้กับฟาร์มา ส่วนเอเลนก็บ่นไปหายใจเข้าออกไป ส่วนทางจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เหมือนจะหอบจนพูดอะไรไม่ออก
「ไว้เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลังเถอะครับ」
พวกลูกเรือที่เห็นการปรากฏตัวของเอลิซาเบทก็ต่างแสดงความประหลาดใจกันทั้งสิ้น พลเรือเอกฌองที่เหมือนจะได้สติขึ้นมา พอเห็นเอลิซาเบทอยู่ตรงหน้า เขาก็หมอบราบกับพื้นทันที
「ฝ่าบาท……!」
「จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เอลิซาเบท!」
「ก็เราเองน่ะสิ ในเมื่อพวกเจ้ากำลังลำบากกันอยู่ เราก็ต้องมาช่วยเหลืออยู่แล้ว」
บางคนถึงกับน้ำตาไหลพรากเพื่อได้เห็นผู้นำของตนเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อช่วยพวกตน ขนาดทางพลเรือเอกฌองยังนั่งน้ำตาไหลเลย
แต่แล้ว…พอพวกเขาได้สติก็เริ่มพูดขึ้นมาต่อ
「ฝ่าบาท ได้โปรดอยู่ห่างจากพวกเราเถิด ตอนนี้พวกเราติดเชื้ออยู่! หากฝ่าบาทยังอยู่ที่นี่จะติดเชื้อได้นะพ่ะย่ะค่ะ ได้โปรดรีบกลับไปเสีย!」
แพทย์โอสถมาร์โจลีนกล่าว
ถึงเธอจะรู้สึกดีใจที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มา แต่เธอก็ไม่อยากจะให้เจ้านายของตนต้องป่วยจากโรคที่ไม่รู้จักนี้
「ไม่เป็นไรหรอกครับ ตรงนี้ไม่มีทางเกิดการติดเชื้อขึ้นมาได้แน่」
เพราะบริเวณนี้มันได้กลายเป็นอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของฟาร์มาไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสหรือเชื้อราที่อยู่ในอากาศก็ไม่อาจจะทำอะไรได้
「ฟาร์มาคุง เอาเป็นว่าตอนนี้รีบปฐมพยาบาลพวกเขาก่อนเถอะ พวกศัตรูเองก็ใช่จะอยู่เฉยๆ รอเราด้วย」
「นั่นสินะ」
เอเลนเปิดกล่องยาออกมา และเข้าไปถามมาร์โจลีนถึงลักษณะอาการของโรค หลักจากยืนยันอะไรกันเสร็จแล้ว ก็สรุปได้ว่านี่ไม่น่าจะเป็นโรคติดต่อทั่วไป พวกเขาจึงเริ่มค่อยๆ ระบุแหล่งที่มาและสาเหตุของการติดเชื้อ
「สิ่งที่ผู้ป่วยเป็นเหมือนกันเลยก็คือ มีไข้ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้อง ปัสสาวะเป็นเลือด มีอาเจียน ส่วนบางรายก็มีเลือดปนมาด้วย…」
「ตอนที่ดื่มน้ำกันเข้าไปไม่ได้ตรวจสอบสภาพของน้ำก่อนเหรอครับ? 」
「หากมองว่ามาจากน้ำไม่น่าจะใช่นะคะ เพราะคุณภาพของน้ำในทะเลสาบที่ตรวจสอบได้ก็ปกติดี นอกจากนี้ทางฉันเองก็ต้มมันก่อนดื่มแล้วด้วย」
「ถ้างั้นนอกจากน้ำล่ะครับ? 」
「ที่เรากินกันเข้าไปก็มี ปลากับหอยที่จับได้ในทะเลสาบค่ะ ที่เหลือก็จะเป็นอาหารที่นำมาด้วย แน่นอนว่าพวกผลไม้หรือพืชท้องถิ่นพวกเราไม่ได้แตะต้องเลย นอกจากนี้เรายังทำการทดสอบโลหะหนักกับพวกปรสิตแล้วด้วยก็ไม่พบอะไรในอาหาร การปรุงก็ผ่านความร้อนแล้วทุกอย่าง」
「ถ้างั้นทำไม……」
「น่าสมเพชจริงๆ ค่ะ…นี่พวกเราพลาดอะไรกันนะ」
สิ่งที่มาร์โจลีนหยิบออกมาจากกระเป๋าของเธอก็คือตำราฉบับย่อของฟาร์มา
มันคือเนื้อหาที่ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้พวกลูกเรือ
「จะว่าไปเคยโดนพวกแมลงกัดไหมครับ? 」
「เคยค่ะ แต่ก็ไม่ได้เกิดรอยบวมอะไรเป็นพิเศษ」
「จริงสิครับ หากเป็นทะเลสาบก็แปลว่า ได้ลงไปว่ายน้ำในนั้นด้วยสินะครับ」
「ค่ะ แต่ด้วยคุณภาพของน้ำแล้ว ก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนะคะ หรือว่าพวกเราจะพลาดเรื่องพยาธิไป? 」
(ถ้าเป็นการลงว่ายน้ำในน้ำจืด…อย่าบอกนะว่าเป็นสิ่งนั้น…)
ฟาร์มาเริ่มกดคำถามขึ้นภายในใจ ก่อนที่จะเริ่มตรวจสอบมัน
「” โรคพยาธิใบไม้ในเลือด” 」
ถึงจะเป็นเพียงแค่สัญชาตญาณ แต่ฟาร์มาก็อยากจะลองดูเพราะมันมีโอกาสเป็นไปได้
「อ๊ะ…นายก็สงสัยว่าเป็นโรคพยาธิใบไม้ในเลือดเหมือนกันเหรอ! แต่ว่าอาการเฉพาะของมันอย่าง ผิวหนังอักเสบล่ะ นอกจากนี้ดูเหมือนอาการเกิดของโรคมันจะเร็วเกินไปด้วย ไข่ของพยาธิเราก็ตรวจไม่เจอ ฉันก็เลยตัดมันทิ้งไป!」
เพราะเอเลนยังไม่ได้เชี่ยวชาญมากพอ พอเจอลักษณะอาการบางอย่างที่ไม่ตรงตามตำราทั้งหมด เธอก็ตัดความเป็นไปได้นั้นทิ้งไปแล้ว
「โรคพยาธิใบไม้ในเลือดบางชนิดก็ไม่ทำให้เกิดผิวหนังอักเสบน่ะ นอกจากนี้การติดเชื้อช่วงแรกพยาธิมันจะยังไม่เริ่มวางไข่หรอก」
ถ้าให้ว่าการตามตรงฟาร์มาก็ไม่ได้เขียนอธิบายไว้ชัดขนาดนั้นในตำราด้วยสิ
อาจจะเป็นเพราะจักรวรรดิและประเทศใกล้เคียงอยู่ในเส้นเหนือละติจูด จึงไม่มีโอกาสพบโรคพยาธิใบไม้ในเลือดเท่าใดนัก
แน่นอนว่าโรคพยาธิใบไม้ในเลือดบนโลกใบนี้ก็น่าจะมีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามถิ่นกำเนิดด้วย ที่ฟาร์มาเขียนนั้นก็เป็นเพียงลักษณะที่ส่วนใหญ่จะตรงกัน มันไม่ครอบคลุมโรคพยาธิใบไม้ในเลือดทุกประเภท
นอกจากนี้ นี่มันคือต่างโลกฟาร์มาก็เลยไม่แปลกใจเท่าใดนักหากโรคพยาธิใบไม้ในเลือดจะมีลักษณะอาการต่างออกไปบ้าง
มาร์โจลีนที่ได้ยินแบบนั้นก็เอากำปั้นทุบเข่าของตัวเองไว้ด้วยความไม่พอใจ
「โรคพยาธิใบไม้ในเลือด! …ทั้งที่ฉันก็มีความรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว! ถ้าฉันรู้ตัวเร็วกว่านี้…..มันเป็นเพราะฉันไร้ความสามารถเองค่ะ….หากฉันทำการรักษาทัน ฉันอาจจะช่วยผู้บาดเจ็บได้มากกว่านี้ก็ได้ และพวกเราก็อาจจะไม่ต้องถูกจมเรือด้วย!」
มาร์โจลีนน้ำตาไหลอาบสองแก้มอีกครั้ง
「เพราะฉันไม่ไร้ความสามารถ!!」
ในฐานะแพทย์โอสถที่ดูแลสุขภาพของลูกเรือแล้ว เธอไม่สามารถยกโทษให้กับตัวเองที่พลาดเรื่องนี้ไปได้จริงๆ
เหล่าแพทย์โอสถและผู้ติดตามคนอื่นๆ ที่มากับเรือด้วย ไม่ได้มีอุปกรณ์ในการตรวจพยาธิโดยเฉพาะจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะรู้ได้
นอกจากนี้ยังไม่มีใครเสียชีวิตจากโรคดังกล่าวเลยแม้แต่คนเดียว ทำให้ไม่สามารถชันสูตรศพได้ว่าโรคนี้คืออะไรกันแน่ แม้จะเห็นว่ามีปัสสาวะเป็นเลือด แต่หากไม่มีการตรวจชิ้นเนื้อเยื่อแบบเฉพาะ ก็ไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จริงๆ หรือมีดวงตาที่มองทะลุเข้าไปได้ คงจะไม่รู้ถึงโรคนี้หรอก
「ไม่หรอกครับคุณทำได้ดีมากพอแล้ว」
ถ้าฟาร์มาและเอเลนไม่มีดวงตาวินิจฉัยอยู่ พวกเขาก็คงไม่สามารถหาสาเหตุของโรคได้โดยง่าย ไม่แตกต่างอะไรกับมาร์โจลีน และกว่าพวกเขาจะรู้ถึงสาเหตุ อย่างน้อยก็น่าจะมีผู้เสียชีวิตคนแรกแล้วแน่ๆ
เพราะตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของโรคนี้ในตอนนี้คือการตรวจจากศพ
แต่ตอนนี้เป็นเพียงแค่ช่วงเพาะเชื้อ ผู้เสียชีวิตก็เลยบยังไม่ปรากฏ
ฟาร์มาจึงมองว่าอย่างน้อยเธอก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้ว
「 “พราซิควอนเทล” 」
ฟาร์มาเลือกใช้วิธีการรักษาแบบมาตรฐานของการกำจัดพวกพยาธิ
แม้ว่าจะไม่ได้พกพราซิควอนเทลเพียงพอสำหรับทุกคน แต่ปัญหานี้ก็แก้ได้ด้วยการสร้างสสารของฟาร์มา เวลาตอนนี้ก็ยังเหลือดังนั้นหากสามารถพาพวกเขากลับจักรวรรดิได้ ช่วงเวลาในการรักษาก็คงพออยู่ แต่ก่อนที่ฟาร์มาจะอธิบายเรื่องนี้ให้พวกผู้ป่วยฟัง เอเลนก็พูดขึ้นมาเสียก่อน
「ถ้าเป็นพราซิควอนเทลเรามีพอสำหรับทุกคนอยู่นะ」
เอเลนบอกแบบนั้น
「เอ๋พอเหรอ? ทำไมเอเลนถึงบอกแบบนั้นไปกันล่ะ?」
「ไม่เห็นของที่ฉันขนมาด้วยหรือไงกัน ของพวกนั้นคือยาที่ฉันเตรียมมาด้วยเพราะมองว่าฟาร์มาคุงอาจจะพลาดไปก็ได้ในบางกรณีไงล่ะ」
「สมกับเป็นเอเลนเลยนะ เบื้องหลังการกระทำนี้ช่วยได้เยอะเลยจริงๆ 」
ฟาร์มารู้สึกขอบคุณกระเป๋าใบใหญ่ที่เอเลนเตรียมมาสำหรับสถานการณ์ฉุกเฉิน
หลังจากได้ยินคำพูดของเอเลนแล้วหลายคนต่างก็โล่งใจ จากนั้นมาร์โจลีนก็พูดขึ้นต่อ
「จะว่าไป ตอนนั้นเหมือนท่านคลาร่า จะเตือนฉันไว้ด้วยสิคะว่าหากลงไปเล่นน้ำในทะเลสาบนั่นจะเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น….แต่เธอก็ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเต็มว่าเพราะอะไร ฉันมองว่าบางทีเธอน่าจะรู้อะไรบางอย่างก็ได้ค่ะ」
「เอ๋ จะว่าไปแล้วผมก็ไม่เห็นคุณคลาร่าเลยนะครับ」
「พอรู้สึกตัวพวกเราทุกคนก็ถูกพามาที่นี่แล้วนะคะ…แต่ไม่รู้เพราะอะไร เธอจึงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้ถูกพาตัวมาที่นี่ด้วย」
ฟาร์มาที่มองไปรอบๆ เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมากะทันหัน ด้วยความสามารถในการเห็นอนาคตของเทพแห่งการเดินทาง เธอคือต้นหนที่ขาดไปไม่ได้เลยสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ แต่ตอนนี้เธอกลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
บางทีศัตรูอาจจะรับรู้ได้ถึงความสามารถของคลาร่าก็เลยเลือกจะใช้ประโยชน์จากเธอก็ได้
「นี่เจ้าน้องชายแบบนี้ก็แปลว่าคู่ต่อสู้คราวนี้งานหินเลยสินะ? 」
ปาลเล่ก็เข้าใจความหมายของการสูญเสียคลาร่าไปเช่นเดียวกัน หากพวกเขาใช้คำทำนายของคลาร่าในการเข้ามาซุ่มโจมตี การกระทำหลายๆ อย่างก็คงจะเป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้พวกเขายังเชี่ยวชาญในการใช้พยาธิซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคยในการโจมตีอีกด้วย
แต่ถึงจะรู้แบบนั้นแล้วปาลเล่ก็ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกอะไรออกมา แถมดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
「ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ตาม เราก็จะต้องพาทุกคนกลับจักรวรรดิอย่างปลอดภัย」
「หากของของเราถูกขโมยไป เราก็ต้องตามไปเอาคืนสิ」
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้น
ทางฟาร์มาเองก็ลุกขึ้นยืนในสภาพที่ไม่ค่อยมั่นคงนัก ก่อนจะมองออกไปยังจุดที่พวกศัตรูซุ่มอยู่ด้านนอก
——–
Note 1 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code