ตอนที่ 110 สู่ดินแดนของศัตรู
หลังจากกลับมาที่ตระกูลเดอ เมดิซิสแล้ว ฟาร์มากับคนอื่นๆ ก็เริ่มเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเดินทางไปยังทวีปใหม่
สิ่งแรกที่ฟาร์มาทำการเตรียมเลยก็คืออุปกรณ์สำหรับรับมือกับความหนาว อาหารสำหรับเดินทาง ชุดยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์
ปาลเล่ก็ได้นำข้าวของที่จำเป็นสำหรับเขามาหมดแล้ว
แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นคือคทาแห่งเทพของเขา
ทางเอเลนก็ไม่ได้เดินทางกลับไปที่คฤหาสน์สิ่งที่เธอทำคือการหาของที่เก็บเอาไว้ในคฤหาสน์เดอ เมดิซิส เนื่องจากว่าเธอเป็นอาจารย์สอนพิเศษของบลานช์ของใช้บางส่วนเธอจึงเหลืออยู่บ้าง
ตรงกันข้ามกับพวกเขาทุกคนซึ่งกำลังจัดเตรียมของตามเหมาะสม ทางจักรพรรดินีดูเหมือนจะตั้งใจพกไปเพียงแค่คทาแห่งเทพอันเดียวเท่านั้น เธอจึงไปนั่งรออย่างสบายภายในห้องรับแขกของตระกูล
「อย่าได้รีบร้อน แล้วตรวจสอบของที่จำเป็นด้วยนะเข้าใจไหม? 」
「ยังไงก็ต้องขออภัยที่ให้รอนะพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมจะนำชามาเสิร์ฟระหว่างที่ฝ่าบาทรอเอง」
ฟาร์มาได้ทำการขอชาและขนมมาจากทางพ่อบ้านที่เข้ากะกลางคืน
「รับทราบแล้วครับ ว่าแต่ท่านหญิงตรงนั้นคือ? 」
「ผมคิดว่าบางอย่างเราไม่รู้ จะเป็นเรื่องดีกว่านะครับ」
พ่อบ้านไม่รู้เลยว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้าของเขานั้นคือจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์เอลิซาเบท เขาเลยต้องการถามฟาร์มาเพื่อยืนยัน เนื่องจากตัวเธอนั้นได้ใช้พัดปิดใบหน้าของตนเอาไว้ด้วยพอดีตอนที่พ่อบ้านเข้ามา ก็ไม่แน่ใจหรอกว่าเธอบังเอิญทำหรือตั้งใจปกปิดตัวตนจริงๆ
แต่ถึงเธอจะทำแบบนั้นความเฉียบคมในดวงตาและท่าทางที่แสดงออกมาก็สร้างบรรยากาศที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
「ว่าแต่ หากท่านฟาร์มาจะออกไปข้างนอกแล้ว ให้ทางผมช่วยเตรียมของให้ไหมครับ」
「ไม่เป็นไรครับ ผมขอเตรียมเองดีกว่า」
ที่เขาต้องการจะบอกจริงๆ ก็คือ ครั้งนี้เขาปล่อยให้คนอื่นเตรียมของแทนไม่ได้จริงๆ ถึงจะเข้าใจว่าเป็นห่วงว่ากลัวขาดเหลืออะไรก็เถอะ
「ทราบแล้วครับ เช่นนั้นวันนี้ท่านจะกลับคฤหาสน์อีกไหมครับ? 」
「ยังไม่สามารถบอกได้ครับ ดังนั้นรบกวนช่วยไปแจ้งกับทางร้านขายยาและมหาวิทยาลัยให้ยกเลิกนัดสำหรับวันนี้กับพรุ่งนี้แทนผมทีนะครับ」
แผนเดิมของฟาร์มาที่วางเอาไว้ตอนนี้มันได้พังทลายลงไปหมดแล้ว ประมุขแห่งรัฐและผู้นำสูงสุดของกลุ่มศาสนาได้ทำการแอบหนีออกจากจักรวรรดิไปด้วยกันกับเขาเสียแล้ว ดังนั้นหากเป็นไปได้ฟาร์มาก็อยากจะกลับมาให้เร็วที่สุด อันที่จริงเขาอยากจะทิ้งเอลิซาเบทไว้ด้วยซ้ำ แต่ทางเธอไม่ยอมฟังอะไรเลย ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ใช่จะมีแต่ข้อเสีย เพราะหากเธอเดินทางไปที่นั่นด้วยก็หมายความว่าปัญหาขอพิพาทที่ต้องการการตัดสินใจจากผู้นำประเทศก็จะจบลงโดยง่ายทันที
ระหว่างที่ฟาร์มากำลังเตรียมของอยู่ภายในห้อง ประตูห้องของเขาก็ถูกเปิดออกกะทันหัน
「ท่านพี่…? เช้ามืดแบบนี้คิดจะออกไปไหนกันคะ? 」
「อ่าวบลานช์ตื่นแล้วเหรอ…นั่นสินะ ป่านนี้แล้วด้วย」
บลานช์ที่ลุกมาจากเตียงเพื่อเข้าห้องน้ำ ได้เดินขยี้ตามาหาเขา ถึงของที่เขากำลังเตรียมจะยังไม่ครบแต่ดูท่าน้องสาวของเขาจะรู้ว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ ขณะมองไปยังหน้าพี่ชายตน
「หนูก็จะไปด้วย! หนูพร้อมแล้ว!」
「ไม่ได้ น้องไปด้วยไม่ได้เด็ดขาด」
「แต่ถ้าปล่อยให้ท่านพี่ไปไหนมาไหนคนเดียวอาจจะเป็นอันตรายได้นี่นา หนูก็เป็นห่วงนี่นา ดังนั้นเราสองคนไปด้วยกันดีกว่านะ….」
บลานช์จับชายเสื้อเขาเอาไว้แน่น ดวงตาของเธอเริ่มเปียกชื้นขึ้น ดูแล้วเธอคงกำลังนึกถึงเรื่องที่พวกวิญญาณร้ายโจมตีเมืองหลวงเมื่อคราวก่อนแน่
ฟาร์มาลูบหัวของบลานช์เบาๆ เพื่อปลอบประโลมเธอที่เกาะเขาไว้แน่น
「พี่ไม่ได้ไปคนเดียวเสียหน่อย ท่านพี่กับเอเลนก็ไปด้วย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก」
「งั้นหนูก็ไปได้ด้วยเหมือนกันนี่นา!」
บลานช์รีบวิ่งออกไปเตรียมตัวทันที
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเธอไม่เคยเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยตัวคนเดียวมาก่อน ดังนั้นเธอจึงมีช่วงเวลาที่อยากลำบากในการแต่งตัวอยู่ไม่น้อย
ถึงแม้จะโหดร้ายกับน้องของเขาไปบ้าง แต่ฟาร์มาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องรีบออกไประหว่างนี้ ฟาร์มาได้ทิ้งบลานช์เอาไว้ที่ชั้นสองและลงมายังห้องรับแขกที่มีเอลิซาเบทกำลังดับกระหายตัวเองด้วยชาดำ ดูเหมือนว่าคุกกี้ที่ใส่น้ำตาลน้อยจะไม่ค่อยถูกปากจักรพรรดินีนัก มันจึงถูกกัดหายไปเพียงส่วนหนึ่ง
「ฟาร์มา จุดหมายแรกของเจ้าที่จะลงจอดยังทวีปใหม่คือที่ใดกัน」
「ได้โปรดดูตรงนี้ก่อนพ่ะย่ะค่ะ」
ฟาร์มานำแผนที่ของทวีปใหม่มาให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ดู
โดยแผนที่ดังกล่าวคือแผนที่ทวีปใหม่ที่ฟาร์มาเป็นคนทำขึ้นมาเอง
กระบวนการดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากการท้ายรูปด้วยสมาร์ตโฟนของเขาจากบนท้องฟ้าและนำกลับมาที่เมืองหลวงเพื่อทำแผนที่ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจจะเอามาให้คนอื่นดูในตอนแรกก็เถอะ
เพราะแผนที่จริงๆ มันควรจะเป็นผลงานจากสิ่งที่พวกพลเรือเอกฌองลำบากสำรวจมาให้
「ฟุมุ ช่างน่าแปลกเสียจริงเลยนะที่มีแผนที่ได้ในเวลาเช่นนี้」
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์มองดูฟาร์มาด้วยท่าทางแปลกใจ เพราะเธอสงสัยว่าเหตุใดจึงมีแผนที่ที่สมบูรณ์แล้วทั้งที่คณะสำรวจยังไม่กลับมา
แน่นอนว่าเธอไม่ได้คิดจะซักอะไรต่อเพราะพอจะเดาเหตุผลได้
ฟาร์มาก็เริ่มชี้นิ้วไปยังแผนที่ต่อโดยไม่แสดงท่าทีตระหนกอะไร
「กระหม่อมคิดว่าตรงจุดนี้คือจุดที่พวกพลเรือเอกฌองลงจอดกันพ่ะย่ะค่ะ」
「บริเวณอ่าวกว้าง แต่ก็ลึกพอให้เรือจอดได้ เหมาะกับการทอดสมอลงจริงๆ ด้วย」
「เมื่อพิจารณาจากความลึกของน้ำตรงจุดนั้น ก็มีแนวโน้มว่าหากเกิดปัญหาอะไรขึ้นบริเวณบนบกหรือเกิดปัญหาทางการสื่อสารขึ้นพวกเขาก็น่าจะหาที่หลบภัยกันโดยการออกทะเลมาเป็นอันดับแรก ดังนั้นกระหม่อมมองว่าเราอาจจะเริ่มค้นหาเรือแถวรอบนอกชายฝั่งก่อน เพื่อยืนยันความปลอดภัยของพวกเขา」
「แล้วหากพวกเขาทุกคนอยู่บนบกตอนเกิดเรื่องกันหมดล่ะ? 」
「กระหม่อมสันนิษฐานว่าพวกเขาทั้งหมดไม่น่าจะขึ้นฝั่งกันทุกคน เผื่อในกรณีฉุกเฉินนะพ่ะย่ะค่ะ แต่หากเป็นเช่นนั้นจริง พวกเราก็คงต้องเริ่มค้นหาบนบกก่อนแทน」
ในขณะที่ฟาร์มากำลังติดกระดุมเสื้อของเขา เอเลนและปาลเล่ที่เตรียมของเสร็จแล้วก็เดินทางมาสมทบ กระเป๋าของเอเลนนี่แน่นตามที่คาด
เขายังไม่เห็นบลานช์ลงมา แต่ก็ดีแล้วถึงแม้เธอจะร้องไห้แน่ๆ หากลงมาไม่เจอใคร
「ขออภัยฝ่าบาทที่ปล่อยให้คอย」
「งั้นก็ไปกันเถอะ」
「ว่าแต่พวกเราจะไปกันกี่คืนนะงานนี้」
พอเอเลนที่กำลังแบกสัมภาระจำนวนมากถามออกมา เอลิซาเบทก็ตอบกลับไปว่าเธอพักค้างคืนที่นั่นไม่ได้ ปัญหาทุกอย่างจะต้องถูกแก้ไขในวันนี้ทันที พอทุกคนได้ยินแบบนั้น ฟาร์มาก็ต้องมาช่วยอธิบายอีกยกใหญ่ว่า หากปัญหายังยืดเยื้อเดี๋ยวเขาค่อยไปตามแก้กันอีกทีก็ได้
「ขอยืนยันครั้งสุดท้ายนะครับ ความปลอดภัยและการช่วยเหลือผู้ป่วยต้องมาก่อน ถึงเป็นแบบนั้นแน่ใจแล้วใช่ไหมครับว่าจะไป? 」
「ไม่เห็นจะต้องมาถามเลย คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรแล้วจังหวะนี้」
「เอเลโอนอร์เอ๋ย เราขอวางเดิมพัน 4 ใน 5 เลยว่าพรุ่งนี้ตอนเย็นเรากลับมาได้แน่นอน!」
เอเลนก็ทำได้เพียงยังไหล่แบบช่วยไม่ได้ให้กับความมั่นใจของเอลิซาเบท
「เช่นนั้นกระหม่อมก็ขอฝากตัวด้วยเพคะ」
「หรือเจ้าไม่มั่นใจกันว่าไปกับเราแล้วจะปลอดภัย」
「เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอกเพคะ」
「งั้นก็ไปกันเลย!」
หลังเอลิซาเบทหยอกล้อเอเลนเสร็จแล้ว ปาลเล่ก็เหมือนจะทำท่าหยอกล้อเอเลนตามอยู่ข้างหลังจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ทางเอเลนที่เห็นก็ทำได้เพียงกำหมัดแน่นด้วยความโมโห ฟาร์มารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลยที่พวกเขาไม่มีความตึงเครียดกันเลยสักนิด
「ถ้างั้นก็เริ่มเดินทางกันเลยครับ ผมอยากบอกเอาไว้ก่อนนะครับว่ามันอันตรายมากหากถูกลมปะทะในขณะที่บินด้วยความเร็วสูง เดี๋ยวผมจะเอาไปเครื่องป้องกันลมมาให้รอสักครู่」
ฟาร์มารีบวิ่งออกไปข้างนอก แล้วตรงไปทางโกดังเก็บของของตระกูล
ภายในโกดังนั้นมีแท่งโลหะหลายสิบแท่งถูกเก็บเอาไว้อยู่อย่างเรียบร้อยบริเวณผนังโกดัง
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ที่ตามฟาร์มา มาแม้จะถูกบอกให้รอก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
「แท่งสีเงินพวกนี้คืออะไรกัน? 」
「ถึงแม้ความเงาจะคล้ายกัน แต่พวกมันคือโลหะผสมอะลูมิเนียมพ่ะย่ะค่ะ」
「เราไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย มันมีไว้ทำอะไรหรือ」
「เนื่องจากยังเป็นของที่ไม่สมบูรณ์ดังนั้น เดี๋ยวกระหม่อมจะรายงานโดยละเอียดอีกครั้งเมื่อสามารถนำมาใช้ในเชิงอุตสาหกรรมใดจริงก่อนพ่ะย่ะค่ะ」
「เอาอีกแล้วสินะ! นี่นายจะสรรหางานใหม่ให้ตัวเองไม่เลิกเลยหรือไง」
「ผมไม่ได้เป็นคนทำเสียหน่อย ของพวกนี้ท่านแกรนดยุกเมโลดี้เป็นคนทำต่างหาก」
แต่ถ้าพูดให้ชัดจริงๆ ก็คือฟาร์มาเป็นคนคิดขึ้นมาแล้วให้ทางเมโลดี้และคนของเธอทำขึ้น
ในขณะที่ทุกคนมองโลหะดังกล่าวอยู่ ฟาร์มาก็ได้อธิบายถึงคุณสมบัติและวิธีการใช้อะลูมิเนียมให้จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ฟัง
โดยสาเหตุที่พวกเขาทำมันขึ้นมาได้ก็เพราะมีการค้นพบแร่บอกไซต์ที่เป็นวัสดุในการทำอะลูมิเนียมขึ้นบริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของมาร์เชล
เพราะโลกใบนี้ยังไม่เคยมีใครค้นพบอะลูมิเนียมมาก่อน ดินแดนที่เต็มไปด้วยแร่แร่บอกไซต์นั้น โดยปกติแล้วจึงเป็นดินแดนที่แห้งแล้งไม่สามารถทำเกษตรกรรมได้
ด้วยเหตุนี้เองคนในพื้นที่ดังกล่าวจึงไม่มีอุตสาหกรรมหลักของพวกตนและหาเลี้ยงชีพกันด้วยการอพยพไปพื้นที่ข้างๆ หรือเช่าไร่ทำเกษตรแทน พอฟาร์มาเห็นคำร้องของพวกเขาและเข้าไปสำรวจก็พบว่าเป็นพื้นที่สำหรับเหมืองแร่บอกไซต์ ดังนั้นนี่น่าจะช่วยแก้ปัญหาของคนในพื้นที่ได้ด้วย
บนโลกของเขานั้นการกลั่นเอาอะลูมิเนียมออกมาจากแร่บอกไซด์นั้นจะใช้กระบวนการเบเยอร์ ตามด้วยการอิเล็กโทรไลซิสด้วยเกลือที่หลอมเหลวมาแล้วจากกระบวนการฮอลล์ เฮอรูท
อย่างไรก็ตามกระบวนการทั้งหมดนั้นจำเป็นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมาก ซึ่งหากเป็นโลกของเขาก็คงทำได้ง่ายอยู่หรอก นอกจากนี้ความเสี่ยงในการเกิดไฟไหม้ขึ้นก็มีมากด้วย ความปลอดภัยที่จะทำตามวิธีดังกล่าวทั้งหมดก็คงต้องตัดทิ้งไป
ดังนั้นเป้าหมายของฟาร์มาในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่การสกัดมันออกมาให้ได้อย่างปลอดภัยที่สุด โดยไม่จำเป็นต้องสนว่าความบริสุทธิ์ของมันจะมีมากเพียงใด
เขาได้ขอให้ผู้ใช้ศาสตร์แห่งเทพธาตุดินบดและสลายก่อนแร่ให้แตกเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะใช้ศาสตร์แห่งเทพร่อนแร่ให้ส่วนต่างๆ แยกออกจากกันอย่างชัดเจน จากนั้นค่อยใช้เปลวไฟจากศาสตร์แห่งเทพในการหลอมและทำให้ตกผลึก สุดท้ายก็ต้องพึ่งพาเทคนิคการใช้เปลวเพลิงของเมโลดีในการขึ้นรูปแท่งอะลูมิเนียมอัลลอยด์จำนวนมากตามที่เห็นในโกดังนี่แหละ
「กระหม่อมจะสร้างส่วนป้องกันแบบเรียบง่ายด้วยโลหะผสมอะลูมิเนียมแมงกานิสพ่ะย่ะค่ะ」
โลหะผสมนี้เกิดขึ้นจากกระบวนการผสมอะลูมิเนียมบริสุทธิ์เข้ากับแมงกานิสในปริมาณเล็กน้อย ก่อนจะให้ความร้อนและสารละลาย แล้วอัดเข้ากับความเย็นเพื่อชุบแข็ง โดยวัสดุดังกล่าวนั้นหากจะให้พูดก็คือสิ่งที่ใช้ในการสร้างเครื่องบินของโลกเขา ถึงระดับการปรับแต่งจะยังไม่สูงนักหากเทียบกับโลกของเขา แต่อย่างน้อยน้ำหนักของมันก็เบาและไม่มีปัญหาเรื่องความแข็งแรง
ปาลเล่ที่เห็นก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
「ที่นายพูดมามันก็ยอดเยี่ยมหรอกนะ แต่สภาพของมันตอนนี้ยังเป็นแท่งอยู่เลยนี่ แล้วจะใช้มันได้เหรอ? 」
「อย่างที่ท่านพี่บอกครับ ดังนั้นผมก็จะเริ่มทำมันตอนนี้แหละ」
ฟาร์มาได้นำไม้บรรทัดขนาดใหญ่ออกมาจากกล่องเก็บเครื่องมือและใช้มือซ้ายสร้างก้อนเหล็กขึ้นมา ก่อนจะปล่อยให้มันลอยขึ้นไปในอากาศ พอเขาทำการวัดส่วนต่างๆ เสร็จแล้ว เขาก็ทำการเลื่อนมือขวาของตัวเองไปตามเส้นไม้บรรทัดที่ถือด้วยมือซ้าย ก่อนจะใช้พลังในการสลายสสารมันคือวิธีที่ฟาร์มากำลังคิดขึ้นมาได้เมื่อเร็วๆ นี้ โดยใช้มือขวาของตัวเองเหมือนกับเป็นใบมีดในการปรับแต่งวัสดุ ซึ่งเขาก็มองว่ามันสะดวกดีพอเสร็จงานเข้าก็ได้แม่พิมพ์ในการสร้างของ ฟาร์มาไม่รอช้าที่จะนำแท่งอะลูมิเนียมผสมแมงกานิสเข้าไปในแม่พิมพ์ดังกล่าว
「ทำทั้งหมดนี้เพียงแค่ครู่เดียว…」
จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์คร่ำครวญออกมาเมื่อเห็นศาสตร์แห่งเทพที่น่าเหลือเชื่อของฟาร์มา ที่สามารถแหกทุกกฎเกณฑ์ได้
「นี่มันเป็นพลังที่เหนือความเข้าใจของเราไปมากจริงๆ หรือก็คือเจ้าสามารถสร้างและสลายทุกสิ่งได้ตามใจปรารถณาเลยสินะ」
「เป็นไปไม่ได้หรอกพ่ะย่ะค่ะ ที่กระหม่อมทำก็มีเพียงใช้โลหะผสมนี้สร้างสิ่งที่ต้องการเท่านั้น」
ฟาร์มายิ้มออกมาอย่างเป็นมิตร ถึงแม้ทางจักรพรรดินีจะไม่เข้าใจว่า โลหะผสม คืออะไรก็ตาม นอกจากนี้สิ่งที่ฟาร์มาสร้างได้นั้นก็ต้องเป็นสิ่งที่เขาเข้าใจในองค์ประกอบของมันจริงๆ ฟาร์มาก็ได้แต่หวังว่าอนาคตจะมีคนที่มาช่วยแบ่งเบางานตรงนี้ของเขาได้
นอกจากนี้ ใจจริงของฟาร์มาเขาไม่อยากจะใช้ความสามารถในการสร้างสสารของเขาในการพัฒนาโลกใบนี้อีกแล้ว
เขาต้องการจะใช้วัสดุที่มีอยู่บนโลกนี้จริงๆ แทน เพื่อให้คนบนโลกนี้สามารถสร้างมันขึ้นมาได้ หากเป้าหมายนี้ไม่สำเร็จเขาก็ไม่อยากจะสร้างเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเพิ่ม
ปาลเล่ก็ได้แค่มองของสำหรับป้องกันลมที่คล้ายกับรถม้า ตอนนี้มันมีขนาดใหญ่เหมือนกับห้องรับแขกไปแล้ว
「ของที่นายทำออกมาดูเหมือนมันจะใส่คนเข้าไปได้เป็นสิบคนเลยนะ ขนาดจะไม่ใหญ่เกินไปหน่อยเหรอ พวกเรามีกันแค่สามคนเองนะ」
「ก็จริงอยู่ว่าขาไปเรามีกันแค่สาม แต่ขากลับผมตั้งใจจะพาลูกเรือทุกคนมาด้วยนี่ครับ」
「แล้วมันจะไม่หนักเกินไปเหรอ? 」
「เดี๋ยวผมค่อยอธิบายถึงจุดนั้นตอนกลับแล้วกัน」
ทั้งสามคนก็ไม่ถามอะไรต่อ และนำของขึ้นไปภายในนั้นก่อนจะห่อร่างตัวเองด้วยผ้าห่มหนาถึง 2 ชั้น
พอเริ่มออกตัวบิน เอเลนก็ต้องรู้สึกแปลกใจขึ้นมาทันที
「ทั้งที่ตอนแรกทำใจว่าจะโดนน้ำแข็งกัดและลมหนาวกระแทกไว้แล้วเชียวนะ แต่ไอ้นี่มันสบายพอๆ กับนั่งรถม้าเลยนี่นา ขอบคุณมากนะฟาร์มาคุงที่ทำมันขึ้นมา」
「ไม่เป็นไรหรอก ถ้าอยากจะนอนก็เอาเลยนะ เพราะพวกคุณต้องรักษาแรงกายกับพลังแห่งเทพเอาไว้ด้วย ระยะเวลาเดินทางของเราก็น่าจะสัก 5 ชั่วโมงได้」
เพราะการเดินทางครั้งนี้คือการเดินทางในทันทีหลังจาก ฝึกซ้อมรบมาเหนื่อยๆ
ดังนั้นหากพวกเขาไม่พักกันเสียหน่อยคงจะลำบากเอาแน่ ฟาร์มาก็เลยบอกไปแบบนั้น
「ไม่ใช่เจ้าบอกเราว่าใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวหรอกหรือ? 」
จักรพรรดินีที่มีเป้าหมายในการเดินทางไปกลับวันเดียวถามขึ้น
「นั่นคือในกรณีที่กระหม่อมเดินทางไปคนเดียวพ่ะย่ะค่ะ」
「ความเร็วของเจ้านี่มันเหนือบรรยายจริงๆ 」
「พ่ะย่ะค่ะ แต่หากกระหม่อมต้องบรรทุกคนไปด้วยแบบนี้ กระหม่อมคงไม่สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดได้」
「ก็แปลว่าแค่เดินทางไปกลับอย่างน้อยก็สิบชั่วโมงสินะ……」
「คงต้องเป็นเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ」
อันที่จริงฟาร์มาจะใช้ความเร็วสูงสุดของเขาก็ได้ แต่คลื่นความเร็วมันคงสามารถฆ่าผู้ที่ติดตามเขามาด้วยได้ง่ายๆ แน่ ฟาร์มาก็เลยไม่อธิบายอะไรออกไปเพิ่ม
「เดี๋ยวเราจะตรงไปยังมาร์เชล เพราะดินแดนนั้นก็เป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดในการไปยังทวีปใหม่นะครับ」
「เราต้องขอโทษด้วยแล้วกันที่ฝากทุกอย่างไว้กับเจ้าคนเดียว」
ฟาร์มาได้ใช้โซ่เชื่อมรถม้าที่สร้างขึ้นมาติดกับคทาของเขาเอาไว้ โดยมีบารอมิเตอร์แบบปรอทติดเอาไว้กับตัวรถม้า นอกจากนี้เขาก็นำถังออกซิเจนซึ่งผลิตที่มาร์เชลเข้ามาติดไว้ด้วย ในอดีตปาลเล่ที่ป่วยเป็นลูคิเมียสิ่งนี้จึงถือกำเนิดขึ้นมา แต่ตอนนี้มันคือเทคโนโลยีที่ใช้เพื่อดูแลผู้ป่วยจำนวนมากแล้ว นอกจากนี้ฟาร์มาก็หมั่นตรวจสอบสภาพภายใน บางครั้งเขาก็ลดระดับความสูงเพื่อระบายอากาศออกจากห้องโดยสารด้วย
น้ำหนักของรถม้าที่สร้างมาจากอะลูมิเนียมและมนุษย์อีก 3 คนทำให้ฟาร์มาไม่สามารถบินได้ด้วยความเร็วสูงสุด เอเลนที่เห็นแบบนั้นก็ถามกับฟาร์มาด้วยความกังวล
「อย่างที่คิดเลย พวกเราสามคนคงหนักเกินไปสินะ มีอะไรที่ฉันพอช่วยนายได้ไหม」
หรือฉันควรไดเอทดีนะ…. เอเลนพูดแบบติดตลกออกมาแทน ส่วนทางฟาร์มาก็เหมือนอยากจะบ่นว่าสัมภาระที่เธอเอามาด้วยหนักกว่าเยอะ
「คทานี้สร้างขึ้นมาแบบมัลติคอร์ที่มีความสามารถหลากหลาย ตัวคทาเองก็ได้รับการเสริมแกร่งมาแล้วด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวลหรอก การเดินทางนี้ไม่มีปัญหาอะไรแน่ พอคุณตื่นมาพวกเราก็น่าจะถึงทวีปใหม่กันแล้ว」
「แล้วนายต้องการคนนำทางเข็มทิศไหม ฉันช่วยดูให้ได้นะ แอบกังวลด้วยสิว่าจะหลงไหมหากปล่อยไป」
「ผมไปมาหลายครั้งแล้วไม่หลงหรอกน่า นอกจากนี้เดี๋ยวส่วนบนของห้องโดยสารจะถูกปิดเอาไว้ด้วยกระจกนิรภัยแล้วด้วยเพื่อป้องกันความแตกต่างของแรงดัน」
「พวกเราจะไม่ขาดอากาศตายกันเอาเหรอ?!」
「ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวผมจะทำการฉีดอากาศเข้าไปแล้วตรวจมาตรวัดความดันเพื่อระบายอากาศออกเอง แต่ถ้ารู้สึกหายใจไม่ออกก็ขอให้ใช้ถังออกซิเจนในนั้นได้เลย นอกจากนี้หากรู้สึกว่าใจเต้นเร็วหรือรู้สึกตื่นตัวมากเกินไปก็ขอให้ใช้เลยเหมือนกัน」
「ไอ้อย่างแรกฉันก็เข้าใจหรอกนะ แต่อย่างหลังนั่นมันอะไรน่ะ? 」
ปาลเล่ เดอ เมดิซิส ชายผู้มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมถามขึ้นราวกับไม่เข้าใจ
「มันเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นได้จนเราหมดสติไปจากภาวะขาดออกซิเจนขั้นรุนแรงครับ」
ขนาดบนโลกของเขาก็ยังมีอาการแบบนั้นเกิดขึ้นได้เลยเมื่อขึ้นที่สูง
(แต่ด้วยสมาชิกแต่ละคนที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจถึงจะอธิบายอะไรมากไปกว่านี้ก็คงไม่เข้าหัวนัก)
ฟาร์มาก็เลยปล่อยเอาไว้แค่นี้แล้วเลือกตรวจสอบอาการของพวกเขาเป็นครั้งคราวแทน
พอฟาร์มาส่งพลังแห่งเทพไปยังคทา โซ่ก็เริ่มรัดตัวกันแน่นขึ้น แล้วรถม้าก็ลอยขึ้นจากพื้นดิน
บางทีอาจจะเป็นเพราะสภาพร่างของเขา ฟาร์มาไม่ได้รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย
「ท่านพี่งี่เง่า! หนูอุตส่าห์เตรียมตัวเสร็จแล้วแท้ๆ มาทิ้งกันได้ลงคอ!」
ฟาร์มาเหมือนได้ยินเสียงตะโกนมาจากข้างล่าง พอมองลงไปก็เห็นร่างเล็กๆ ของบลานช์ที่ถูกทิ้งเอาไว้บ่นออกมา
「ขอโทษนะบลานช์ เดี๋ยวจะกลับมาชดเชยให้ที่หลังนะ」
เมื่อพิจารณาถึงแรงดันอากาศ หากเขาพุ่งไปยังบนฟ้าด้วยความรวดเร็วเลยเหมือนเครื่องบินคงจะไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะความดันอากาศภายในจะลดลงอย่างรวดเร็วและผู้โดยสารอาจจะเป็นอันตรายได้
เมื่อฟาร์มาคิดได้แบบนั้นเขาก็ทำการจัดการแรงดันอากาศภายในให้เหมาะสมราวกับว่าผู้โดยสารกำลังล่องเรืออยู่บนที่สูงเฉยๆ จากนั้นเขาค่อยเริ่มเร่งความเร็วและความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
ตอนนี้ฟาร์มาและคนอื่นๆ กำลังเดินทางผ่านท้องทะเลในยามเช้าเหมือนกับล่องเรือบินที่มีน้ำเป็นเมฆ
——–
Note 1 : มันยาวมากขอหั่นครึ่งก่อนนะครับ คิดว่าถ้าจะเอาให้ทีเดียวจบคงไม่ได้ว่างแปลแน่
Note 2 : ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่ช่วยหารค่าไฟ ผมแปะไว้ใต้เม้นของเพจนะครับ และสามารถช่วยค่าไฟคนแปลได้ที่ กสิกร 2092612913 หรือ QR Code
MANGA DISCUSSION