Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl - ตอนที่ 6.2
otonari asobi เล่ม 2 ch6-2 สาวน้อยผมเงินกับสถานรับเลี้ยงเด็ก
“โอนี่จัง เป็นไงบ้างคะ”
เช้าวันถัดมา นางฟ้าตัวน้อยยังคงเยี่ยมเยียนที่ห้องผม
ก็เวอร์ไปนิดนึง จริงๆนางฟ้าคือเอมม่าจังที่ใส่ชุดเครื่องแบบสถานรับเลี้ยงเด็ก น้องกางแขนสองข้างพลางเอียงคอเป็นภาษากายให้ดูและอวดเครื่องแต่งกาย
“น..น่ารักดีครับ”
สีหน้ายิ้มแย้ม+เครื่องแบบที่ดูไม่เลว จะให้ผมพูดอะไรได้มากกว่าคำนี้อีกล่ะ
“แฮะแฮะแฮะ”
พอถูกชมว่าน่ารัก น้องผุดรอยยิ้มที่ดูน่ารักยิ่งกว่าเดิม เดินเข้ามากอดขาผม
บอกละว่า น้องแม่มนางฟ้าตัวน้อยจริงๆ
“ดีใจด้วยนะคะเอมม่า”
คุณชาร์ล็อตที่อยู่ข้างหลังเอมม่า กล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยนราวกับเธอเป็นแม่คนพร้อมส่งยิ้มให้
เอมม่าจังที่ได้ยินคำพูดชาร์ล็อต เงยหน้ามองเธอพร้อมกับยิ้มหน้าบานกว่าเก่า พยักหน้าตอบรับคำพูด ก่อนจะหันกลับมาเงยมองหน้าผม กางแขนสองข้าง
“อุ้มหน่อยค่ะ…”
ยังไงเด็กคนนี้ก็ชอบถูกอุ้มจริงๆแฮะ
“แปบนึงนะครับ”
ผมค่อยๆสอดแขนใต้รักแร้เธอก่อนจะอุ้มขึ้นมา พอขาลอยกลางอากาศถึงที่หมายเท่านั้นแหละ เธอเอาคางซบกับไหล่ผมทันที
“พอเห็นแบบนี้แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนอาโอยางิคุงเป็นคุณพ่อเลยนะคะ”
“เอ๋?”
“อ๊ะ…ไม่ได้มีความหมายอะไรเป็นพิเศษนะคะ แค่เห็นแล้วมันเคยแว่บขึ้นมาเฉยๆ”
ชาร์ล็อตรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไปที่สามารถคิดลึกได้เลยเกิดอาการเขินอาย หน้าแดงก่ำ เธอยกมือสองข้างแตะปากตัวเอง เบนหน้าหนีไม่ได้สบตาผม
“โอนี่จังเป็นปาป๊าของเอมม่าเหรอ”
เอมม่าเบิกตากว้าง สายตาเป็นประกายกับคำพูดของชาร์ล็อต
แปลกดี ปกติยังไงเด็กก็ควรจะมีพ่อแท้ๆ แต่ทำไมเธอถึงพูดและเข้าใจออกมาแนวนี้นะ
“น่าเสียดายนะครับ ผมไม่ใช่คุณพ่อของเอมม่านะครับ”
“บู่…”
พอถูกปฏิเสธ น้องเลยส่งเสียงงอนยานคางออกมา
“เอาน่า เอาน่า”
ผมลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยน
แค่ลูบหัวเธอ น้องก็อารมณ์ดีขึ้นลืมเรื่องงอนง่ายๆเลย
“อาโอยางิคุงรู้วิธีรับมือกับเอมม่าได้สุดยอดไปเลยนะคะ”
ชาร์ล็อตที่มองเหตุการณ์โดยตลอดกล่าวชมผมด้วยความประทับใจ
แทนที่จะบอกว่าผมเจ๋ง ควรจะชมเอมม่าที่ใสซื่อน่าจะตรงกว่า แต่แน่นอนว่ามีคนชมมันก็ไม่ได้รู้สึกแย่นะ
“ฮะฮะ ขอบคุณครับ จะว่าไป เอมม่าจังมีความตั้งใจจะไปสถานรับเลี้ยงเด็ก ถือเป็นเรื่องที่ดีนะครับ”
ตั้งแต่มาญี่ปุ่น นอกจากไปซื้อของ น้องก็ทำได้แค่อยู่บ้านตลอดเวลา ผมเลยกังวลแทนว่าน้องอาจจะไม่อยากไปสถานรับเลี้ยงเด็กก็เป็นได้
“จากนี้ก็คิดว่าคงลำบากเอาเรื่องเลยล่ะค่ะ”
ผมฟังคำพูดชาร์ล็อตก็เข้าใจได้ถึงความรู้สึกเธอ
สิ่งที่ชาร์ล็อตต้องการบอกผม จริงๆผมคิดว่า ปกติกิจวัตรประจำวันคือมาเล่นบ้านผม ต่อจากนี้จะกลายเป็นต้องไปที่อื่นด้วย อนาคตต้องมีช่วงที่น้องงอแงแน่ๆ
“โอนี่จัง หนูหิวแล้ว”
ในขณะที่ผมกับเธอคิดหนักถึงเรื่องของอนาคตเอมม่า เจ้าตัวดันพูดจาใสซื่อไม่รู้เรื่องราวเลย ก็น่าอิจฉาดีนะ
ตอนนี้แทนที่จะไปคิดถึงอนาคต สิ่งสำคัญในปัจจุบันคืออยากได้อาหารนี่แหละ
“นั่นสินะ คุณชาร์ล็อตครับ ชอโทษด้วยที่ต้องรบกวนเป็นประจำแต่ช่วยหน่อยได้มั้ยครับ”
ตอนนี้เอมม่าเริ่มออกอาการงอแงละ เลยต้องไหว้วานให้คุณชาร์ล็อตเป็นคนจัดการเรื่องอาหารแทน
พอเธอได้ยินคำขอของผม เธอก็หัวเราะออกมา
“ได้ค่ะ รบกวนรอสักครู่นะคะ”
ชาร์ล็อตกล่าวสั้นๆด้วยใบหน้าแดง เดินไปเปิดตู้เย็นห้องผม สำรวจวัตถุดิบ ก่อนจะหอบของไปล้าง
ชาร์ล็อตจัดการอาหารเช้า ส่วนผมก็มองเธอทำอยู่ข้างหลัง
สาวงามผู้สวมเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกันกับผมกำลังฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี ยืนอยู่หน้าครัวผม
ถึงตอนนี้ก็ยังไม่อยากจะเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง
เพียงแค่ได้มองเธอ ช่วงเวลานี้เป็นช่วงที่ผมสัมผัสได้ถึงความสุขมากๆจากใจเลย อยากจะมองเธอให้นานๆ
ทว่า
“โอนี่จัง มาเล่นกันเถอะ”
สุดท้ายก็เป็นแบบนี้แหละ ผมเลยไม่มีโอกาสได้มองเธอนานๆสักที
ผมเบนเป้าสายตาหันมามองเอมม่าในอ้อมกอดผม
“อยากเล่นอะไรครับ”
“อืมมม?”
เอมม่าฟังคำถามผม เธอเอียงคอนิดๆ คิดใคร่ครวญว่าจะตอบอะไรดี ก่อนจะเอาหน้าซุกอกผมแทน
..ซบแบบนี้แล้วแปลว่าน้องเขาอยากเล่นอะไรล่ะ…
ผมมองเอมม่าที่กำลังซบอกผม คิดอยู่ว่าเธออยากทำอะไร
พอคิดปุ๊บ เอมม่าเปลี่ยนท่าจากซบหน้ากับอกผม เป็นเงยหน้ามองผมแทน
“แฮะแฮะแฮะ”
พอสบตาผมปุ๊บ เธอก็ส่งเสียงหัวเราะน่ารักออกมา
อืม น่ารักเป็นบ้าเลยครับ
ดูแล้วน้องคงไม่ได้อยากเล่น แต่อยากอ้อนซะมากกว่า
ผมเลยเอามือลูบหัวน้องอย่างอ่อนโยน
เอมม่าเป็นเด็กที่ชอบถูกลูบหัวอยู่แล้ว เลยรู้สึกดี ส่งสายตาเป็นประกายดีใจ ให้ความรู้สึกว่าเหมือนน้องเป็นแมวตัวยน้อยเลย
และแล้ว ชาร์ล็อตก็ทำอาหารเช้าเสร็จสิ้น
“…วันนี้อาหารก็อร่อยเหมือนเคยนะครับ”
หลังจากที่่เอมม่าจัดการอาหารของตัวเอง ผมก็ลงมือทานบ้าง และกล่าวชื่นชม
ชาร์ล็อตฟังคำชมผม เธอหน้าแดงด้วยความเขิน
“ชั้นดีใจค่ะ…ที่อาโอยางิคุงกล่าวแบบนั้นนะคะ”
ไม่รู้ว่าคำพูดที่เธอกล่าว เป็นคำตอบตามมารยาท หรือเธอดีใจและคิดเช่นนั้นจริงๆ
แต่ว่าถ้าดูชาร์ล็อตในตอนนี้ หน้าเธอแดง แววตาเป็นประกายขณะมองมาที่ผม ถ้าบอกว่าคำพูดแนวนี้เป็นมารยาทตามสังคม ภาษากายไม่ควรจะออกมาแบบนี้นะ….
“เอ่อ..ขอบคุณมากนะคะ”
“ไม่หรอกครับ ทางนี้ต่างหากที่เป็นฝ่ายขอร้อง ต้องขอบคุณเช่นกันครับ”
“…..”
“…..”
หลังจากที่ผมกับเธอกล่าวขอบคุณ ห้องก็จมอยู่ในความเงียบ
ตั้งแต่วันที่เธอจูบผม บรรยากาศหลังคุยมักจะเป็นแบบนี้เสมอ
ทั้งที่ผมเองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับเธอ แต่พออยู่ด้วยกันสองคน ภาพในหัวมันจะแว่บมาตลอด สุดท้ายเลยไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี
แน่นอนว่า ถ้าคุยเรื่องเอมม่า บทสนทนาจะไหลลื่น สามารคุยได้ปกติไม่มีปัญหาอะไร
จะว่าไป ทำไมเอมม่าเงียบไปเลยหว่า
ผมคิดจบหันมามองที่ตักตัวเอง ปรากฏว่า….
“ฟรี้…..ฟรี้….”
สาวน้อยผมเงินเจ้าต้วเล็กหลับอุตุเรียบร้อยไปแล้ว
“แย่ละไง..”
ผมคลาดสายตาแปบเดียวเอง รู้อยู่แท้ๆว่าหลังกินข้าว มีโอกาสสูงที่เอมม่าจะนอนหลับต่อเลย
อุตส่าคุยหลอกล่อตอนที่อุ้มเพื่อไม่ให้น้องหลับ สุดท้ายก็พลาดซะงั้น แล้วการปลุกน้องนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถนัดซะด้วย เพราะเวลาปลุกน้องตอนงัวเงียนี่ จากนางฟ้า น้องจะกลายเป็นเด็กเจ้าอารมณ์นี่สิ
“ขอโทษด้วยครับคุณชาร์ล็อต”
ผมที่ตั้งใจว่าจะไม่ให้น้องหลับ แต่สุดท้ายก็พลาดท่า เลยต้องขออภัยคุณชาร์ล็อต
ทว่า คุณชาร์ล็อตส่ายศีรษะซ้ายขวา
“ไม่หรอกค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของอาโอยางิคุงนะคะ”
สงสัยว่าเป็นเพราะเอมม่าจังหลับ เธอเลยเปลี่ยนมาพูดด้วยภาษาญี่ปุ่นแทน พร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนให้ผม
***หมายเหตุจากผู้แปล จำได้มั้ยครับ เล่ม 1ผมจะบอกว่า ตรงสัญลักษณ์ลูกน้ำคำพูด จะเป็นการสื่อว่าตอนนี้พูดด้วยภาษาอังกฤษหรือญี่ปุ่นแต่ผมขี้เกียจใส่ เลยจะใช้วิธีบอกในเรื่องแทนนะครับว่า ตอนไหนเธอพูดญี่ปุ่นเอง
“แต่ว่า ถ้าน้องหลับ ก็ต้องปลุกน้องด้วยไม่ใช่เหรอครับ”
“การเลี้ยงเด็กเล็กก็เป็นแบบนั้นแหละค่ะ แต่ว่าถ้าน้องยังเล็ก เรื่องบางเรื่องก็ต้องปล่อยไปบ้างคิดซะว่าช่วยไม่ได้แหละค่ะ”
“แต่ว่าถ้าไม่ปลุกเลยจะดีเหรอครับ”
“เรื่องนั้น..มันก็…นั่นสินะคะ…การพาน้องไปสถานรับเลี้ยงเด็กทั้งแบบนี้เลยมันก็ง่าย แต่ว่าตอนปลุกน้องที่นั่นเลย อาจจะเกิดอาการพานิค อาละวาดก็เป็นได้”
ฟังคำพูดเธอแล้วเหมือนเธอเป็นแม่คนที่กำลังวิตกเรื่องลูกน้อยของตัวเองเลย
ซึ่งคำพูดเธอก็มีเหตุผลแหละ ถ้าน้องตื่นมาปุ๊บ มองไปรอบๆเห็นเป็นสถานที่ที่ตัวเองไม่คุ้นเคย ยังไงก็มีความเสี่ยงที่น้องจะอาละวาดแน่
“งั้นผมเป็นคนปลุกเองละกัน”
คนที่เผลอปล่อยให้น้องหลับคือผม ฉะนัั้นผมก็ต้องรับผิดชอบปลุกเธอ
“แต่ว่า…การปลุกน้องที่กำลังหลับ ต่อให้เป็นอาโอยางิคุง ชั้นคิดว่าเอมม่าก็พร้อมอาละวาดได้นะคะ”
“ช่างมันครับ ก็แค่อาละวาดเท่านี้ ถือว่าเป็นสิทธิพิเศษของเจ้าตัวน้อยละกันครับ”
….ม่า ปากผมก็พูดจาดูโคตรหล่อเลย แต่จากใจจริงก็แอบแหยงเหมือนกัน เพราะว่าก่อนหน้านี้ ตอนเอมม่าเรียงโดมิโน่เพื่อขอโทษชาร์ล็อต พอเรียงแล้วโดมิโน่ล้มกลางคัน น้องก็อาละวาดห้องแทบแตกมาแล้ว.
แต่ว่า นี่เป็นความผิดพลาดของผม จะให้ชาร์ล็อตมาแบกรับแทนไม่ได้
“…เอมม่าจัง ตื่นได้ละครับ เช้าแล้วนะ”
เอาจริงๆนี่ก็สายแล้ว แต่ผมคิดว่าถ้าลองใช้คำพูดที่ปกติปลุกตอนปกติ น้องอาจะจะเคยชินกับคำพูดและไม่อาละวาดก็ได้
ผมใช้นิ้วเคาะหน้าผากน้องเบาๆ
“…งืม…”
เอมม่าจังยังคงหลับไม่ตื่น ใช้มือคว้านิ้วที่ผมเคาะ เป็นภาษากายชัดเจนว่าอย่ารบกวน หนูจะนอนต่อ
ขนาดหลับแท้ๆ ยังคว้านิ้วได้แม่น ต้องยอมใจน้องจริงๆ
“ไม่สำเร็จสินะคะ”
ชาร์ล็อตที่มองเหตุการณ์ หัวเราะแห้งๆ
ทว่า ผมยังไม่คิดจะยอมแพ้ง่ายๆ
ผมคว้ามือถือบนโต๊ะ เปิดแอปบางอย่าง
ชาร์ล็อตมองผมด้วยความสงสัยว่าผมคิดจะทำอะไร แทนที่ผมจะอธิบายว่าจะทำอะไร ผมเลือกที่จะใช้การกระทำ วัดใจให้เห็นไปเลยน่าจะดีกว่าและเร็วกว่า
“เมี้ยว…..เมี้ยว…”
ผมยื่นโทรศัพท์ไปข้างหูเอมม่า ค่อยๆเปิดโวลุ่มเสียงแมวดังเบาๆ
“อ๋อ ใช้เสียงแมวเหรอคะ…”
“เอ๊ะ?”
“อาเร๊ะ…? ก็ใช้เสียงแมวไม่ใช่เหรอคะ”
ผมตกใจ มองชาร์ล็อต ส่วนชาร์ล็อตก็สงสัย มองมาที่ผมเช่นกัน
“…ก็เสียงแมวแหละครับ..”
ที่ผมแปลกใจคือ เธอได้ยินเสียงได้ไง เพราะผมดันโวลุ่มเบามาก กลัวว่าถ้าเสียงดังเกิน เอมม่าจะตกใจเลยค่อยๆเร่งเสียงโดยเริ่มจากเบาสุดก่อน…
บางทีคุณชาร์ล็อตอาจจะเป็นคนที่มีทักษะการได้ยินสูงมากก็เป็นได้
เพราะถ้าว่าตามตรง เสียงแมวที่ผมเปิด ควรจะมีแค่ผมคนเดียวด้วยซ้ำที่ได้ยินตอนแรก กระนั้น คุณชาร์ล็อตที่อยู่ห่างจากผมพอสมควร กลับได้ยินและรู้ว่าเป็นเสียงแมว ผมเลยคิดไม่ถึงว่าเธอจะได้ยินด้วย
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งเคยเจอคนที่มีทักษะการได้ยินสูงขนาดนี้
ผมปล่อยให้คุณชาร์ล็อตมองผมต่อ ก่อนจะเริ่มเร่งโวลุ่มเสียงขึ้นทีละนิด
และในที่สุด เอมม่าก็เริ่มขยับตัว
ผลลัพธ์จะเป็นยังไงนะ
ผมก็รอลุ้นด้วยเหมือนกัน
เอมม่าจังค่อยๆลืมตา
“น้อง..แมว”
น้องรำพึงออกมาราวกับละเมอ ครึ่งหลับครึ่งตื่น ก่อนจะค่อยๆเบนสายตาไปทางต้นเสียงเพื่อดูว่าน้องแมวอยู่ตรงไหน
“เอม่าจัง ตื่นแล้วเหรอครับ”
“อืม…?”
ผมลองส่งเสียงเรียกดู น้องยังตอบแบบสะลึมสะลือ
“น้องแมวล่ะ”
“น้องแมวอยู่นี่ครับ”
ผมยื่นสมาร์ทโฟนให้เอมม่าดู น้องเลยคว้ามือถือจากผมไป
ผมคำนวนเผื่อแล้วว่าถ้าน้องลืมตาตื่นแล้วไม่เจอน้องแมว เดี๋ยวงานจะงอก โอเคว่าตัวน้องอาจจะอยากเจอแมวตัวเป็นๆ แต ถ้ารู้ว่าเป็นแค่คลิป น้องอาจจะโกรธ แต่ก็ดีกว่าไม่มีอะไรไปวัดใจเลย เลยใช้คลิปน้องแมวส่งให้ดูแทน เพราะงั้นผมเลยกล้ายื่นสมาร์ทโฟนให้น้อง
“สุดยอดเลยนะคะ สามารถทำให้เอมม่าตื่นมาง่ายๆแบบนี้ ..ตั้งแต่พรุ่งนี้ชั้นจะลองใช้วิธีนี้ดุูบ้างค่ะ”
ชารฺ์ล็อตพึมพำด้วยท่าทีตกตะลึงสุดๆกับวิธีที่ผมใช้ตะกี้
****
จบ ch 6-2
บอกรอไว้เลยว่า อนาคตเรื่องนี้ผมตัดเหี้ยนแน่นอน เพราะอ่านแล้วขาดความสนุกอย่างแรง เนื่องจากเน้นเคลียดราม่าพระเอกล้วนๆ บทเอมม่าหาย และฉากหวานแทบไม่เหลือ เอาเป็นว่าจะแปลตอนที่มันสนุกให้อ่านนะครับผม
อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon