Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl - ตอนที่ 4.4: สิ่งโปรดปรานของเธอ
“เอมม่า มากินข้าวกันจ๊ะ”
“บู่ หนูอยากดูคลิปแมวต่อ”
“อยากดูคลิปแมวใช่มั้ยจ๊ะ”
“อืม….”
เอมม่ายิ้มหวาน ตอบกลับสั้นๆให้ชาร์ล็อต ตัวเธอก็ส่งยิ้มอ่อนโยนตอบกลับ
ตอนแรกผมเข้าใจว่าชาร์ล็อตจะยึดโทรศัพท์ดื้อๆ แต่ไม่ใช่แฮะ ลองดูก่อนว่าเธอจะทำยังไงต่อ
“งั้นเหรอจ๊ะ ถ้างั้นแฮมเบอร์เกอร์ของเอมม่า พวกพี่จะกินหมดเลยนะจ๊ะ”
“…!”
“เอมม่าเห็นแมวสำคัญกว่าของกินใช่มั้ยจ๊ะ ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็เสียดายของ พวกพี่เลยจะทานแทนเอมม่าไง”
“ไม่ได้นะ เอมม่าจะกินด้วย”
“แต่เมื่อกี้บอกว่าอยากดูแมวมากกว่าไม่ใช่เหรอ”
“หนูไม่ดูน้องแมวแล้ว หนูจะทานแฮมเบอร์เกอร์”
เอมม่ากล่าวจบ คืนสมาร์ทโฟนให้ผม
ว้าว สมเป็นคุณชาร์ล็อต
ถึงหลายครั้งจะมีเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เธอต้องยอมให้กับความดื้อของเอมม่า แต่เธอก็ไม่หักหาญน้ำใจน้อง และครั้งนี้ทำได้เยี่ยมจริง
“งั้นก็มากินข้าวด้วยกันเนอะ”
เอมม่าที่มีใจจะทานข้าวแล้วก็มานั่งรวมโต๊ะกับพวกผม
ทีนี้สิ่งที่น่าสนใจต่อคือ เอมม่ารู้วัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นมั้ยว่า ก่อนทานอาหารจะพนมมือกล่าว อิตะดะคิมัส
ผลคือเอมม่าใช้วิธีเลียนแบบ เห็นพวกผมพนมมือก็ทำตามด้วย
“อิตะดะคิมัส(จะทานแล้วนะครับ-ค่ะ)”
หลังจากทานข้าวเสร็จ ชาร์ล็อตยังคงเป็นคนเก็บกวาดโต๊ะเหมือนเดิม ส่วนผมมีหน้าที่อุ้มเอมม่าที่หลับไปแล้วอยู่บนตักผม ซึ่งก็ไม่แปลก เด็กเล็กพอกินจนอิ่มก็ต้องง่วงนอนจะหลับ เป็นเรื่องธรรมดา เอมม่ากินอิ่มนอนหลับพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม ดูแล้วน้องหลับอย่างมีความสุขจริง
“น้องหลับแบบเปิดช่องว่างไม่มีอะไรที่แสดงถึงความระแวงว่าจะโดนแกล้งหรือก่ออาชญากรรม คงเป็นหลักฐานว่าน้องรักเรามากสินะ”
ผมกล่าวรำพึงกับตัวเองขณะจ้องหน้าเอมม่าที่กำลังหลับ
“ใช่ ถูกต้องแล้วจ๊ะ”
ชาร์ล็อตที่เก็บกวาดเรียบร้อย เธอมาตั้งแต่เมื่อไรไม่ทันรู้ตัว แอบย่องเข้ามากล่าวฃ
นี่เธอแกล้งผมแบบครั้งที่แล้วเลยนี่หว่า
“”ฮะฮะ ขอโทษนะคะที่ทำให้ตกใจ แต่ว่าที่ชั้นพูดคือเรื่องจริง เอมม่านอนหลับให้เห็นแบบนี้แปลว่าน้องไว้ใจอาโอยางิคุงมาก หรือถ้าให้เสริมจริงๆคือน้องชอบอาโอยางิสุดๆเลยจ๊ะ”
“…….”
“ป..เป็นอะไรไปรึ”
ชาร์ล็อตอยู่ใกล้ผมมาก และสบตาผมที่ตอนนี้กำลังตัวแข็ง เพราะเธอใกล้ผมสุดๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดี
ชาร์ล็อตใช้มือขวาเสยผมทัดหู กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่รังเกียจ ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันมั้ยจ๊ะ”
เฮ้ย นี่มันคำพูดชวนเดทชัดๆ จู่ๆก็ชวนแบบนี้เล่นเอาไม่ทันตั้งตัว แต่แน่นอนว่า เจอชวนแบบนี้ จะทำตัวเป็นเตมีย์ใบ้ก็ใช่เรื่อง ใครจะปฏิเสธโอกาสดีแบบนี้
“อืม ไม่รังเกียจหรอกครับ”
“ดีเลยจ๊ะ”
ชาร์ล็อตเอามือทาบอก รำพึงอย่างพอใจในคำตอบผม
“แล้วจะทำยังไงกับเอมม่าครับ”
“ชั้นกะว่าจะหาผ้าห่มให้เอมม่าพร้อมพาน้องไปด้วยกันจ๊ะ เพราะถ้าน้องตื่นมาไม่เจอหน้าอาโอยางิ แกคงเสียใจร้องไห้บ้านแตกแน่”
“ร้องเลยเหอครับ”
“ร้องไห้บ้านแตกพร้อมออกแอคชั่นอาละวาดด้วยเลยล่ะจ๊ะ”
ผมกับเธอเตรียมพร้อมหาของให้เอมม่า ออกไปข้างนอกด้วยกัน
“ลมเย็นดีจังนะจ๊ะวันนี้”
ชาร์ล็อตเผยดวงตากลมโตยินดี สายลมกลางคืนพัดโบกผมเธอปลิวสยาย
ผมได้ยินเสียงอ่อนหวานของเธอ เล่นเอาใจเต้นตึกตัก ผมกับเธอกำลังเดินเคียงข้างกัน ถึงจะบอกว่าที่มาด้วยกันมีสามคนคือผม เอมม่า ชาร์ล็อต แต่เอมม่าตอนนี้หลับสนิท เท่ากับว่ามีแค่ผมกับเธอสองคนอยู่ด้วยกันในช่วงเวลานี้ ความรู้สึกว่าเหมือนผมกับเธอได้ออกเดทกันยังไงยังงั้นเลย เล่นเอาหัวใจผมเต้นไม่เป็นจังหวะ
“นั่นสินะครับ”
สุดท้ายด้วยความประหม่า ผมเลยได้แค่ตอบรับสั้นห้วน
ไม่รู้เป็นเพราะบรรยากาศเงียบสงบในค่ำคืนนี้รึเปล่า ผมรู้สึกถึงลมหายใจของเราสองคนมากกว่าเวลาที่อยู่ในห้องด้วยกัน
“…….”
หลังจากผมตอบไป เกิดความเงียบ มีเพียงชาร์ล็อตที่จ้องหน้าผมไม่วางตา ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้เธอคิดอะไรอยู่ เพราะแค่เธอจ้องหน้าผม ผมก็ตื่นเต้นจนคิดอะไรไม่ออกแล้ว
“..คือว่า..อาหารวันนี้อร่อยมากครับ”
ผมนึกหาบทสนทนาที่คาดว่าคุยแล้วเธอจะน่าจะชอบใจขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
พอพูดจบ สีหน้าชาร์ล็อตดีใจเต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด และเธอก็ยังไม่เลิกมองหน้าผมอยู่ดี
“ขอบคุณนะจ๊ะ ได้ยินเธอบอกว่าอร่อยชั้นก็ดีใจแล้ว”
เอาจริงๆ ที่ผมชมนั่นยังน้อยไปด้วย เพราะแฮมเบอร์เกอร์ที่ชาร์ล็อตทำเป็นสไตล์อาหารฝรั่งเศส คล้ายกับมีทพาย น่าทึ่งในสกิลการทำอาหารของเธอมากว่าไม่ได้เก่งแค่อาหารญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว เธอเป็นผู้หญิงที่เปี่ยมด้วยความสามารถจริงๆ
“ฮะฮะ ขอบคุณจ๊ะ เมนูที่ทำให้เธอเป็นเมนูที่เอมม่าชอบมากด้วย เลยอยากทำให้เธอทานด้วยกัน”
“ว้าว ชาร์ล็อตซังเป็นพี่สาวที่ให้ความสำคัญกับน้องสาวมากๆเลยครับ”
ถึงแม้ผมจะได้เจอเธอไม่นาน แต่สิ่งที่สามารถพูดได้เต็มปากคือเธอเป็นพี่สาวที่ทำอะไรหลายอย่างได้เพื่อเอมม่าแน่นอน
“ความคิดว่าน้องสาวสำคัญงั้นเหรอ อาจจะผิดไปนิดหนึ่งนะ ชั้นแค่ไม่อยากให้น้องสาวเศร้าหรือเหงาเท่านั้นเอง”
แปลกแฮะ ปกติเวลาพูดแบบนี้ พี่น้องทั่วไปคงยอมรับในคำพูดผม แต่นี่เธอกลับปฏิเสธ มันทะแม่งๆ เหมือนมีนัยอะไรสักอย่าง แต่ผมก็ไม่กล้าที่จะถามเจาะลึกรายละเอียดมากเกินไป เพราะกลัวถูกเธอเหม็นหน้าเอา
“ส่วนตัวผมเอง ผมคิดว่าตราบที่ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ผมก็พร้อมปล่อยให้เอมม่าทำอะไรตามใจชอบหมดครับ”
ผมเลือกใช้คำพูดตามน้ำชาร์ล็อตไป เพราะมองว่า เธออาจจะคิดว่าเรื่องเอมม่ามารบกวน มันทำให้ผมเดือดร้อนก็เป็นได้
ผมรู้นิสัยเธอว่าไม่ใช่คนที่อยากจะไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น แต่นั่นแหละ การที่เธอพร้อมจะทำทุกอย่างเพื่อน้องสาว อาจจะมีเบื้องลึกก็ได้้
“คุณชาร์ล็อตทำอะไรหลายอย่างเพื่อเอม่า ผมเชื่อว่าเอมม่าต้องเข้าใจครับ”
“งั้นเหรอจ๊ะ แต่ชั้นคิดว่าเอมม่าคงมองว่าชั้นเป็นพี่สาวที่ใจร้ายมากกว่า”
ทำไมเธอถึงเอ่ยแบบนี้กันนะ
หรือว่าคำพูดบางอย่างของเอมม่าทำร้ายจิตใจจนเธอคิดแบบนี้งั้นเหรอ
“สมมติว่า คุณชาร์ล็อตติดใจในคำพูดเอมม่า ขอให้สบายใจนะครับ เพราะคำพูดเอมม่านั่นแหละ ที่แสดงว่าน้องมองว่าคุณเป็นครอบครัว”
“เอ๋”
“สำหรับเอมม่า คุณชาร์ล็อตคือคนสนิทที่เธอไม่จำเป็นต้องเกรงอกเกรงใจ ฉะนั้นคำพูดน้องอาจจะแย่แต่จริงๆไม่มีอะไรหรอกครับ”
“งั้นเหรอจ๊ะ แต่ว่าน้องไม่เกรงใจมันก็รูสึกไม่ดีเลย”
“อย่าไปคิดแบบนั้นครับ”
ผมมองว่า ท่าทีของเอมม่าที่มีให้กับชาร์ล็อตตอนโกรธ มันเป็นเรื่องปกติของเด็กที่กล้าเอาแต่ใจเพราะรู้ว่าน้องเป็นคนที่ใครๆก็รัก ยังไงก็มีคนสปอยล์
******
หมายเหตุ อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon