Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl - ตอนที่ 6.4
otonari asobi เล่ม 2 ch6-4 สาวน้อยผมเงินกับสถานรับเลี้ยงเด็ก
“ที่ห้องเรียน มีเรื่องอะไรกันรึไงนะ”
ตอนพวกผมเดินใกล้มาถึงหัองเรียน รู้สึกได้ถึงเสียงอึกทึก และเห็นคนรุมล้อมหน้าห้อง
ปกติตั้งแต่ชาร์ล็อตย้ายมา ทุกวันหน้าห้องเรียนผมก็จะมีคนมาคอยดูตลอด เรื่องเสียงดังอึกทึกมันปกติก็จริง แต่ครั้งนี้มันดูแปลก
“พวกนายสองคนปกติไม่ใช่คนแบบนี้นะ ใครก็ได้รีบๆไปแยกทีเหอะ”
ผมได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากข้างในห้อง สถานการณ์ตอนนี้มีปัญหาแล้วแน่ ผมกับอากิระจึงเร่งฝีเท้าไปในห้อง
“เมิงอย่ากวนส้นตีนได้มั้ยวะ ทางนี้เป็นคนชวนก่อนนะโว้ย”
“เมิงต่างหากที่กวนตีน ต่อให้มาทุกวันแล้วเป็นรุ่นพี่แล้วไงวะ อย่ามาเบ่งได้ปะ”
ใจกลางห้องเรียน มีผู้ชายสองคน ต่างฝ่ายต่างคว้าคอเสื้ออีกฝั่ง แล้วมีกองเชียร์แบ่งออกเป็นสองฝากชัดเจน ฝั่งหนึ่งคือเพื่อนร่วมห้องผม ส่วนอีกฝั่งหนึ่ีง เป็พวกนักเรียนปีสาม
พวกเด็กผู้หญิงทีอยู่ในห้อง มีสีหน้าหวาดกลัว
ส่วนเด็กผู้ชายที่่อยู่แถวมุมห้อง ก็ดูสถานการณ์ ไม่มีใครกล้าลงมือทำอะไร
และในใจกลางห้องนั่นก็มีเธออยู่
“ขอร้องล่ะค่ะ ได้โปรดหยุดทะเลาะเถอะค่ะ”
ชาร์ล็อตอยู่ตรงกลางห้อง พยายามส่งเสียงห้ามปรามทั้งคู่
แต่ว่าดูเหมือนเสียงของเธอจะส่งไม่ถึงผู้ชายที่กำลังหัวร้อนทั้งคู่เลย
“ไอ้พวกนี้แม่ม…”
อากิระเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จึงขยับตัวตัดสินใจจะเข้าไปห้ามการทะเลาะกัน
แต่ว่า..คนที่ขยับตัวและตัดสินใจเร็วกว่า ก็คือผม ที่ขยับก่อนร่างกายจะคิดจบด้วยซ้ำ
ผมคว้าข้อมือของผู้ชายทั้งคู่ก่อนออกแรงบีบ
“พวกนายคิดจะทำอะไรกัน”
“โอ๊ยยบยยยยย เจ็บ ทำอะไรของนายวะ”
ทั้งสองคนที่ถูกผมจับข้อมือ หันมามองผมด้วยสายตาข้องใจ ก่อนจะสีหน้าจะแปรเปลี่ยน หน้าซีดหนักเพราะโดนบีบข้อมือจนเจ็บร้าว
ผมคิดว่าสงสัยจะทำเกินไปหน่อยเลยปล่อยข้อมือทั้งคุ่
“ผู้ชายตัวโตสองคนมาทะเลาะกันตรงหน้าให้สาวเจ้าเขากลัว ทำบ้าอะไรกัน แล้วพวกนายมาตัดสินใจมาโรงเรียนเพราะคิดจะทำอะไรกันแน่”
“….”
“….”
สองคนนั้นมองผมด้วยสีหน้าที่ซีดกว่าเก่า
“เอ่อ คือว่า พวกเราใส่อารมณ์มากจนเกินไปน่ะ อย่ามองกันเหมือนตัวประหลาดเลย”
เด็กผู้ชายปีสามหัวเราะแห้งๆกล่าวแก้ตัว
“ช..ใช่แล้ว อินเกินไปนิดนึง แค่ขำๆน่ะ อย่ามองด้วยสายตาแบบนั้นเลย อาโอยางิ”
พวกไทยมุงมองสองคนที่หัวเราะแห้งๆ มีบางคนเดินมาตบหลังให้กำลังใจผม
ขำๆบ้าอะไรวะ
ถ้าเมิงขำมาก แหกตาดูชาร์ล็อตสิวะ ถ้าเธอรู้สึกกลัวหรือเป็นอะไรขึ้นมา กุไม่ยกโทษให้พวกนั้นแน่
ผมยังคงมองทั้งสองคนด้วยสายตานิ่งงัน
“ใจเย็นน่า อากิฮิโตะ ถ้านายอินตามไปด้วย ทีนี้งานหยาบกว่าเก่านะ”
เสียงในหัวผมเองดังเตือนสติให้รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป ผมใจเย็นขึ้นนิดนึง
“…ขอโทษนะครับ พวกรุ่นพี่ไทยมุงทั้งหลาย ตอนนี้หมดเวลาพักกลางวันแล้ว รบกวนเชิญกลับห้องใครห้องมันจะได้มั้ยครับ”
ผมสูดลมหายใจเข้าลึกสะกดกลั้นความร้อนในตัว ก่อนจะเอ่ยปากออกมา
พวกรุ่นพี่เห็นสภาพผมตอนนี้ก็ไม่มีใครเอ่ยขัดแย้งใดๆ
“อ่า..เอ่าอ ขอโทษด้วยที่มารบกวน”
“อ้อ พวกเด็กผู้หญิง พี่ก็ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ตกใจ”
“คุณชาร์ล็อต ไว้พบกันใหม่คราวหน้านะ”
ฝูงไทยมุงเด็กปีสามริ่มแยกย้ายกลับห้องตัวเอง
พอคนเริ่มหาย สายตาผมมองรอบข้าง ผมก็เริ่มรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำไปเมื่อครู่
นี่กุทำบ้าอะไรลงไปวะ
สุดท้ายกลายเป็นว่าผมเองนี่แหละที่โชว์ด้านดาคไซด์จนชาร์ล็อตเขาคงจะกลัวผมแทน
ถ้าผมไม่รีบเสนอหน้า อากิระก็น่าจะมีความสามารถในการเกลี้ยกล่อมหรือจัดการเรื่องราวได้ดีกว่าผมแน่
“อ..เอ่อ..ขอโทษนะ อาโอยางิ”
“คนที่ควรจะขอโทษ ไม่ใช่ผมแต่เป็นคุณชาร์ลอตกับพวกผู้หญิงในห้องต่างหาก”
ผมกล่าวพร้อมเบนสายตาไปที่กลุ่มผู้หญิงคนอื่น ส่วนผู้ชายคู่กรณีก็เดินไปขอโทษคุณชาร์ล็อตทั้งคู่
“…..”
“หือ?มีอะไรรึเปล่า อากิระ”
ผมเห็นอากิระจ้องผมอยู่นานเลยหันไปถาม
“เปล่า ไม่มีอะไร”
“งั้นเหรอ ม่า ยังไงก็ต้องขอบคุณนายนะ ถ้าไม่มีนายอยู่ บางทีชั้นอาจจะทำอะไรแปลกไปกว่านี้ก็ได้”
“อ้อ ก็ตามนั้นแหละ แต่ว่านะ ไอ้ตอนนายโชว์โหด เล่นเอาชั้นสยองแทนเลย นึกดูแล้วดีนะที่ชั้นไม่เซ้าซี้ถามนายตอนอยู่โรงอาหารน่ะ “
ผมได้ยินเสียงแค่ก็ตามน้นแหละ ส่วนประโยคที่เหลือ เจ้าตัวพึมพำเสียงเบาจนผมไม่ได้ยิน เลยนึกสงสัยจะถาม
“เฮ้ อากิระ..”
“เอ่อ…คือว่า…อาโอยางิคุง..”
“อ๊ะ..”
ผมได้ยินเสียงสั่นๆจากข้างหลัง พอหันกลับไปดู พบว่าเป็นคุณชาร์ล็อตที่พูดตะกี้
ทว่า ถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่กล้าสบตาผม
ผมคงทำให้เธอกลัวสุดๆเลยสินะ
“เอ้อ มีอะไรรึเปล่าครับ”
“คือว่า..ขอบคุณนะคะ”
ชาร์ล็อตกล่าวทั้งที่ยังก้มหน้ามองพื้น
ถึงแม้น้ำเสียงเธอกล่าวจริงจัง แต่ว่าการที่เธอไม่สบตาผมนี่แหละ ทำผมช็อคหนักเลย
ในขณะที่ผมคิดอยู่ว่าจะตอบกลับเธอไปว่างไงดี เธอก็เดินก้มหน้างุดไปหากลุ่มเพื่อนผุ้หญิงแล้ว
อีแบบนี้ คือหลบหน้ารึเปล่านะ
…ชิบหายละ รู้สึกจิตตกแล้วเนี่ย ไอ้เรื่องเธอไม่สบตาผม อันนี้รู้สึกหน้าแห้งหนักกว่าเดิมอีก
*****
เย็นวันที่มีเรื่อง
ตอนนี้ผมรู้สึกเลยว่า มันไม่ใช่ละ โอเคว่าเธอยังมาที่ห้องตามปกติ ตอนนี้ผมกับเธอนั่งคนละฝั่งมีโต๊ะคั่นกลาง บนโต๊ะมีหนังสสือเรียนกับสมุดโน้ต
แต่ว่าเธอไม่สบตาผมเลย เอาแต่จ้องสมุดอย่างเดียว
ส่วนเอมม่าจัง ตอนนี้ก็หลับไปเรียบร้อย
เอาจริงๆ กิจวัตรปกติต้งแต่เมื่อวาน ถ้าทานอาหารเย็นเสร็จ เธอจะต้องพาเอมม่ากลับห้องตัวเอง แต่ว่าวันนี้คุณชาร์ล็อตไม่กลับห้อง เธอบอกว่าอยากดูตอนผมติวหนังสือ
แต่ว่า ลองใครมาอยู่ในสภาพผมตอนนี้ บอกเลยว่าไม่มีทางโฟกัสไปกับการอ่านหนังสือได้แน่ มัวแต่กังวลคนที่อยู่ตรงหน้านี่แหละ ว่าผมควรจะทำไงดีเพื่อแก้ไขสถานการณ์
ผมคิดว่า ที่คุณชาร์ล็อตไม่กล้ามองหน้าผมเพราะเธอกลัว แต่มันก็ขัดแย้งตรงที่ว่าถ้ากลัวแล้วเธอจะแวะมาห้องผมทำไม
คำถามนี้วนเวียนอยู่ในหัวโดยที่หาคำตอบไม่ได้ พอหาคำตอบไม่ได้ก็รู้สึกหงุดหงิดกว่าเดิม
ถ้าผมต้องนั่งอยู่ในสภาพนี้ต่อยาวๆจนกว่าคุณชาร์ล็อตจะกลับห้อง ผมว่าผมคงเป็นบ้าตายซะก่อนแน่
ฉะนั้น สิ่งที่จะทำคือ ต้องไขคำตอบให้ได้
“เน่ คุณชาร์ล็อต ขอเวลาสักแปบได้มั้ยครับ”
“ค..ค่ะ..ม….ม..มีอะไรรึคะ”
เธอตกใจที่จู่ๆผมก็ถามโดยไม่ทันตั้งตัว เงยหน้ามองผม แต่ก็แค่แว่บเดียวก็กลับไปหลบตาเหมือนเดิม
ชัวร์ละ ผมว่า..
เธอต้องกลัวผมสุดๆแล้วแน่เลย
“เอ่อ ผมขอโทษนะ..”
“เอ๊ะ? เอ๋? ทำไมถึงขอโทษคะ”
ชาร์ล็อตตกใจที่ผมขอโทษจนเงยหน้ามองมาหาผม
นี่เป็นครั้งแรกในรอบวันนี้เลยที่เธอสบตามองหน้าผมจริงๆ
เพียงได้สบตาผมก็รู้สึกดีใจ แต่ว่า สิ่งที่ควรจะทำต่อจากนี้คือขอโทษเธออย่างจริงจังก่อนถึงจะดีกว่า
“วันนี้ตอนพักกลางวัน ผมแสดงด้านที่ไม่ดีให้คุณเห็นจนทำให้คุณกลัว ผมต้องขอโทษด้วยครับ”
“…”
ชาร์ล็อตเห็นผมกล่าวจริงจังเลยก้มหน้าก้มตา ไม่พูดตอบกลับอะไรเลย
ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเดาภาษากายออกว่า เธอคงกำลังคิดอยู่แหละว่าควรจะตอบผมกลับว่าอะไรดี
แต่ว่า ทำไมเธอถึงหน้าแดงมากกว่าเก่าซะงั้น แล้วดูสีหน้าเธอตอนนี้ มันไม่ใช่ความกลัว แต่เป็นสีหน้าของสาวน้อยขี้งอนซะมากกว่า
“ค..คุณชาร์ล็อตครับ”
“อาโอยางิคุงเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้วนะคะ ชั้นไม่ได้กลัวอาโอยางิคุงนะคะ”
“เอ๋? งั้นเหรอครับ”
“คิดตามสามัญสำนึกเลย ทำไมชั้นต้องกลัวคนที่ช่วยเหลือชั้นด้วยล่ะคะ”
ถ้าเป็นคนปกติ มันก็ต้องคิดแบบนั้นแหละ แต่ว่า ในกรณีของผม ผมคิดว่าอาจจะไม่เป็นอย่างนั้นนะ เหตุผลคือ
“ถ้าอย่างนั้น ทำไมคุณต้องหลบหน้าตลอดไม่สบตาผมล่ะครับ”
การที่เธอไม่สบตา ก็แปลว่าผมต้องทำอะไรสักอย่างที่ไม่ดีสิ
“ร..เรื่องนั้นมัน…”
นั่นไงล่ะ เธอหลบตาผมอีกแล้ว สีหน้าท่าทางเธอเหมือนพยายามอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่กล้าพุดออกมา
ไอ้สภาพแบบนี้ ดูยังไงก็ชัดเจนว่าเธอกลัวผมอยู่แล้ว มันมองทางอื่นไม่ได้เลย
และคำตอบของเธอคือ…
“….ความลับค่ะ”
จบ ch 6-4
ตอนนี้ยังพอมีพลังใจแปลนะ เพราะมีช่วงคุย ช่วงโชว์ความบื่้อพระเอกอยู่ ไว้รอช่วงคลายดราม่า ผมค่อยสรุปตัดย่อแหลกอีกที แถมนี่อ่านไปถึง 90% แม่มไปมีดราม่าเรื่องครอบครัวชาร์ล็อตกับเอมม่าอีก ปวดกบาลมาก ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าอ่านครบ 100%แล้วไม่เวิร์ก อาจจะดรอปเรื่องนี้เหลือสรุปย่อๆนะครับ
อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon