Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl - ตอนที่ 6.1
“โอนี่จัง ป้อนอ้ามมมมม”
เอมม่า เด็กสาวตัวน้อยผมเงินที่นั่งตักผม มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส อ้าปากกว้างรอผมที่กำลังตักไข่ม้วนย่าง
ผมเป่าไข่ฟู่ๆให้คลายร้อนเพื่อที่มันจะไม่ลวกปากน้อง ก่อนจะป้อนไข่เข้าปากเอมม่า
ทันทีที่ไข่ม้วนป้อนเข้าปาก เอมม่าเคี้ยวหยับๆก่อนจะกลืน สีหน้าพึงพอใจอย่างเห็นได้ชัด
“อร่อยมั้ยครับ?”
“อืม..”
เอมม่าพยักหน้าตอบรับคำถามผมด้วยท่าทีแจ่มใส
ความซื่อตรงของน้องช่างน่ารักซะจริง
ส่วนเหตุผลที่ว่ารทำไมน้องถึงได้มานั่งตักผมตอนนี้ ต้องย้อนความกลับไปเมื่อก่อนหน้าว่า หลังจากที่เอมม่าเอาแต่ใจแล้วไม่ได้รับการตอบสนอง ตั้งแต่วันนั้นเอมม่าก็ได้มากินข้าวพร้อมกับนั่งตักผมเป็นต้นมา
**(เหตุการณ์เล่ม1ตอนท้าย ใครจำไม่ได้ก็ย้อนกลับไปอ่านนะค้าบบบ)
หลังจากวันนั้น ชาร์ล็อตเธอรับฟังคำขอเอาแต่ใจของเอมม่า ก็เลยต้องยอมให้น้องมานั่งตักผม
แน่นอนว่า ถ้าน้องอยู่ ชาร์ล็อตก็ต้องอยู่ด้วยกัน ผมก็เลยดีใจมากจนไม่มีความจำเป็นต้องปฏิเสธคำขอของเอมม่า
กระนั้น ผมก็นึกไม่ถึงว่า ไอ้การที่น้องมานั่งตักผม จะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันทุกเย็นเลยนะ แต่ผมก็ดีใจอยู่ดีแหละ
“โอนี่จัง หนูอยากกินอันนั้น”
เอมม่าก็ดูจะพึงพอใจกับการที่ได้นั่งตักผมพร้อมกินข้าวด้วยกันกับคุณชาร์ล็อตด้วย
ผมเองก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธความต้องการของน้องอยุ่แล้ว ถือว่าวินๆนะ
แน่นอนว่า อาหารที่เด็กผู้หญิงอย่างคุณชาร์ล็อตทำมาให้ ก็เพื่อเอมม่า ไข่ม้วนย่างไม่ใช่อาหารที่ทำให้เด็กผู้ชายชอบกินอยู่แล้ว
เอาจริงๆ ทุกวันนี้เธอก็ไม่ได้ทำอาหารอังกฤษให้นะ ชาร์ล็อตทำแต่อาหารญี่ปุ่นล้วน
คิดว่าคงเป็นเพราะเธอให้ความสำคัญและเป็นห่วงผมที่เป็นคนญี่ปุ่นมากกว่า
ชาร์ล็อตช่างเป็นคนที่มีจิตใจงดงามจริงๆ
นอกจากนี้ ผลของการที่เธอทำแต่อาหารญี่ปุ่นบ่อยๆทำให้ปัจจุบัน ของโปรดของเอมม่าเป็นไก่คาราอาเกะไปแล้ว
แม้ว่าปกติ เธอจะไม่ค่อยได้มีโอกาสทำเมนูนี้กินเอง แต่ถ้าเมื่อไรที่ผมอยู่ ชาร์ล็อตมักจะทำ เมนูนี้ให้ผมทาน และเอมม่าจะยิ้มแป้นลัลล้ากับเมนูอาหารนี้ตลอด และนี่คือเมนูที่เอมม่าเรียกร้องกับผมว่าอยากกินอันนั้น
“รอแปบนะครับ”
ก่อนผมจะป้อนคาราอาเกะ ผมเป่าไก่คาราอาเกะให้ความร้อนลดลงถึงค่อยป้อนน้อง
เอมม่าที่ได้ทานไก่คาราอาเกะ เคี้ยวหยับๆกลืนลงไปก่อนจะแสดงสีหน้ายิ้มแช่มชื่นพึงพอใจกับอาหารที่ได้กินตะกี้
ผมเห็นเอมม่าพึงพอใจกับอาหารที่ป้อนเลยกะจะตักเพิ่ม ทว่า..
“แฮะแฮะแฮะ”
ดูเหมือนว่าน้องจะอิ่มแล้ว เธอเลยว่ายหน้าปฏิเสธ ก่อนจะหัวเราะน่ารักแล้วค่อยอ้อนมากอดแถวท้องผม
ผมลูบหัวเอมม่าอย่างอ่อนโยน
ทันทีที่ถูกผมลูบหัว เอมม่าส่งรอยยิ้มน่ารักมาให้ แสดงชัดถึงความดีใจที่ถูกลูบหัวให้เห็นทันที
“เอมม่านี่ขี้อ้อนอาโอยางิคุงสุดๆเลยนะคะ”
ชาร์ล็อตที่มองผมกับเอมม่าโดยตลอด ผุดรอยยิ้มอ่อนโยน กล่าวขึ้นมา
สีหน้าท่าทางของเธอ ให้ความรู้สึกว่า เธอเป็นเหมือนแม่ของเอมม่าแฮะ แต่ผมก็ไม่ได้พูดสิ่งที่คิดออกไป
“นั่นสินะครับ เด็กคนนี้น่ารักมากๆเลย”
“ใช่มั้ยล่ะคะ”
“……”
“……”
หลังจากนั้นผมกับเธอไม่ได้พูดอะไร ต่างคนต่างเงียบทั้งคู่
ตั้งแต่วันนั้นที่ชาร์ล็อตจูบผม เดี๋ยวนี้เวลาคุยกันทีไร จะคุยกันสั้นๆแล้วบทสนทนาเหมือนจะถูกตัดจบดื้อๆแบบนี้ทุกที
เอาจริงๆผมก็อยากจะพูดเพื่อต่อบทสนทนานะ แต่ทันทีที่เห็นหน้าของอีกฝั่ง ภาพตอนที่เธอจูบก็จะลอยเข้ามาในหัวทุกทีเลย
และผมเชื่อว่าชาร์ล็อตเองก็คิดไม่ต่างจากผม เพราะเธอเองก็ไม่ได้ต่อบทสนทนาเลยเช่นกัน
“จ…จะว่าไป มะรืนนี้ เอมม่าต้องเริ่มเรียนที่สถานรับเลี้ยงเด็กใช่มั้ยครับ”
ผมนึกหัวข้อ ก่อนจะเปิดบทสนทนาเพื่อทำลายบรรยากาศอึดอัดในตอนนี้
หัวข้อนี้เกี่ยวกับเอมม่าโดยตรง พอกล่าวถึงเธอ ทำให้น้องนึกสงสัยเงยหน้าขึ้นมามองผม.
กระนั้น ด้วยความที่น้องหนังท้องตึง ทำให้ตอนนี้เอมม่ามีท่าทีจะหลับเต็มแก่ น้องเลยเอนหลังผมในท่าครึ่งนั่งครึ่งนอน
ปกติน้องเป็นคนที่กินอิ่มเมื่อไรก็หลับทันที ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพของน้อง เลยไม่ได้ติดใจอะไร
“ใช่ค่ะ เป็นสถานรับเลี้ยงเด็กที่เน้นเด็กต่างชาติโดยเฉพาะค่ะ”
ชาร์ล็อตมองเอมม่าด้วยสายตาอ่อนโยน กล่าวตอบกลับด้วยภาษาญี่ปุ่น
ด้วยความที่เอมม่ายังพูดภาษาญี่ปุ่นไม่คล่อง การส่งเธอไปโรงเรียนที่มีความเชี่ยวชาญในการรับมือกับเด็กต่างชาติ ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ช่วยลดความกังวลได้ดีเลยล่ะ
“อ้อ ถ้าเอมม่าอยู่สถานรับเลี้ยงเด็ก วันมะรืนหลังสอบเสร็จ เห็นได้ข่าวว่าพวกเพื่อนเขาจะจัดงานต้อนรับคุณชาร์ล็อตนะครับ”
ถ้าน้องอยู่ที่สถานรับเลี้ยงเด็ก ถึงมากน้องไว้เลทนิดนึงคงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ผมคิดว่าเธอควรจะสบายใจและไปงานต้อนรับได้
ทว่า…
“ชั้นคิดว่า…ไม่สะดวกนะคะ”
ชาร์ล็อตตอบกลับด้วยท่าทีไม่สบายใจนัก
“ทำไมเหรอครับ”
“เหตุผลก็ตามที่อาโอยางิคุงเห็นนั่นแหละค่ะว่าเอมม่าเป็นเด็กที่เอาแต่ใจระดับหนึ่งเลย ขนาดที่่ตอนอยู่อังกฤษ ยังไม่มีสถานรับเลี้ยงเด็กที่ไหนเอาอยู่เลยค่ะ”
“แต่นั่นก็คงนานมาแล้วนะครับ คิดว่าที่นี่ก็เอาไม่อยุ่เหรอครับ”
“ค่ะ ….ชั้นไม่อยากให้เอมม่าลำบากค่ะ”
ก็นึกไว้ไม่ผิดแหละว่าชาร์ล็อตต้องให้ความสำคัญกับเอมม่ามาก่อนตัวเองอยู่แล้ว
ผมก็เข้าใจความรู้สึกคุณชาร์ล็อตนะ เป็นผมเองก็ไม่อยากฝากน้องไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็กรับผิดชอบยาวๆด้วย
แต่ว่าจะให้ชาร์ล็อตอดทน แบกรับเรื่องการดูแลเอมม่าคนเดียวตลอด นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากเห็นซะด้วยสิ
“ถ้างั้น ตอนฝากเอมม่าไว้กับสถานรับเลี้ยงเด็ก ลองดูสถานการณ์ก่อนมั้ยครับว่าเป็นยังไง บางที เอมม่าอาจจะเข้ากับสถานรับเลี้ยงเด็กก็ได้นะคับ”
“นั่นสินะ ถ้าเอมม่าสนุกกับที่นั่น เธอคงจะแสดงออกมาชัดเจนแหละ”
คำพูดกับท่าทีเธอสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง เห็นได้จากรอยยิ้มของเธอที่ดูไม่สดใสเอาซะเลยหลังจากตอบผม
เอาจริงๆ ผมไม่ห่วงเรื่องเอมม่าเลยนะ
ถึงแม้ว่าคุณชาร์ล็อตจะบอกว่าเอมม่าเป็นเด็กงอแงเอาแต่ใจรับมือยาก แต่ว่าสุดท้าย เธอก็ซี้กับผมได้เลยในระยะเวลาอันสั้น ถ้าเธอไปอยู่สถานรับเลีั้ยงเด็ก อาจจะได้เจอเพื่อนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันและสนิทกันเร็วก็ได้ ใครจะรู้
เอมม่าเป็นเด็กเอาแต่ใจ แต่ไม่ได้แปลว่าเธอไม่ฉลาดนะ
“เอาเป็นว่าผมจะบอกอากิระเผื่อไว้ละกันว่ากรณีฉุกเฉิน คุณอาจจะไม่สะดวกนะ ก็จะไม่ให้ฝืนใจเธอละกัน”
“ขอบคุณมากค่ะ”
ชาร์ลอตส่งยิ้มสดใสตอบคำพูดผมก่อนจะลงมือเก็บกวาดถ้วยชาม
หลังจากเก็บกวาดเรียบร้อย เธอเดินมาอุ้มเอมม่า ก่อนจะพาน้องกลับไปที่ห้องตัวเอง
เดี๋ยวนี้ กืจวัตรประจำวันก็จะเป็นแบบนี้ตลอด กินข้าวเสร็จ เก็บกวาดถ้วยชาม แล้วพาน้องกลับห้องเลย
เอาจริงๆ ถึงจะมีอารมณ์เสียดายอยู่บ้าง แต่ข้อดีที่เธอทำแบบนี้คือทำให้ผมมีเวลาทบทวนบทเรียนเพิ่มมากกว่าเดิม
ยิ่งวันมะรืนมีสอบด้วย การมีเวลาอ่านหนังสือย่อมดีกว่า
“…หือ มีข้าวปั้นอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไร”
ขณะที่ผมเริ้มเตรียมทบทวนบทเรียน ผมสังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีข้าวห่อสาหร่ายสามก้อนพร้อมจดหมายแนบอยู่ข้างๆโคมไฟ
สงสัยว่าคุณชาร์ล็อตจะเป็นคนทำข้าวปั้นให้ผมมั้ง
ผมนึกสงสัยขณะเปิดจดหมายอ่าน
“ขอบคุณมากนะคะ เรื่องทบทวนบทเรียน อย่าฝืนตัวเองมากเกินไป เป็นกำลังใจให้นะคะ”
เนื้อหากระดาษเขียนด้วยลายมืองดงามตามนี้
“คุณชาร์ล็อตถึงขั้นลงมือทำข้าวปั้นเผื่อให้เราเหรอเนี่ย..”
ผมรู้สึกได้ถึงพลังใจที่ส่งผ่านทางข้าวปั้น เลยเริ่มมีไฟกับการอ่านหนังสือ
“งั้นวันนี้ต้องตั้งใจอ่านหนังสือให้มากกว่าปกติซะแล้ว”
ผลจากอาหารที่คุณชาร์ล็อตทำให้ แม้ว่าเวลาในขณะนี้จะเปลี่ยนเป็นวันรุ่งขึ้น ผมก็ยังคงนั่งทบทวนบทเรียนยาวๆ
******
จบ 6-1
กลับมาอีกครั้งนะครับทุกคนกับเล่มสองที่คาดว่าคนคงรอมานาน เราไม่เสียเวลาครับ ถ้างานมาดี เราต้องแปลเดย์วันอยู่แล้ว555
กะจะแปลครึ่งชั่วโมง แต่เดี๋ยวพรุ่งนี้น่าจะมีงานซดเหล้า ไม่ได้มาแปลแน่ เลยจัดทีเดียวไปเลยเฉียดชั่วโมงครึ่งนะครับ เล่มสองน่าจะสนุกนะ55 เพราะผมก็แปลและอ่านพร้อมพวกคุณนี่แหละ
ปล.รู้สึกงานภาพดรอปลงไปเยอะเลยะแฮะ แต่ถ้าเนื้อเรื่องสนุกอยู่ก็ช่างแม่มละกัน..
ตอน 6-2 แปลไปชั่วโมงนึง เนื้อหาไม่แย่แน่นอน
อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon