Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl - ตอนที่ 5.3: ใช้ชีวิตร่วมกับเด็กสาวตัวน้อยข้างห้อง
- Home
- Otonari asobi The Story Of How A Beautiful Foreign Student Who Lives Next Door Started To Visit My House After I Helped A Lost Little Girl
- ตอนที่ 5.3: ใช้ชีวิตร่วมกับเด็กสาวตัวน้อยข้างห้อง
หรือจะบอกว่าคุณชาร์ล็อตดุแรงไปเหรอ ผมนึกหาคำตอบพลางลูบหัวเอมม่าไปด้วยก่อนมองไปยังคุณชาร์ล็อต พอผมสบตาเธอ ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“ขอโทษนะจ๊ะ คือว่าครั้งนี้ชั้นเผลอขึ้นเสียงใส่น้อง เอมม่าเลยตกใจกลัว”
ถึงเธอจะบอกอย่างนั้น แต่ผมก็ยังไม่อยากจะเชื่อ ในฐานะที่รู้จักกันมาพอสมควร ผมนึกภาพไม่ออกเลยว่าชาร์ล็อตจะขึ้นเสียงใส่น้องได้จริง แต่ถ้าเธอขึ้นเสียงใส่ แน่นอนว่าเอมม่าที่เคยชินกับความใจดีอ่อนโยนของชาร์ล็อต น้องจะตกใจกลัวมันก็สมเหตุผล
สถานการณ์มันชักซับซ้อนขึ้นทุกที
ผมคิดต่ออีกว่าต้องพูดแบบไหนเอมม่าถึงจะยอมรับฟัง แต่ชาร์ล็อตกล่าวขึ้นมา
“อาโอยางิคุง…คือว่า..”
“หือ ว่าไงครับ”
จู่ๆคุณชาร์ล็อตเปลี่ยนจากพูดภาษาอังกฤษเป็นภาษาญี่ปุ่น แปลว่าต่อจากนี้เอมม่าจะไม่รู้ว่าพวกผมคุยอะไรกัน
สีหน้าเธอเคร่งขรึมราวกับพร้อมตัดสินใจเรื่องบางสิ่ง
“ถ้าเป็นไปได้ ชั้นฝากเอมม่าไว้กับอาโอยางิคุงสักพักได้มั้ยจ๊ะ”
“หา พูดจริงเหรอครับ”
ผมคาดไม่ถึงกับคำขอของคุณชาร์ล็อต เธอคิดอะไรกันนะ
“ต่อให้ชั้นฝืนพาเอมม่ากลับห้อง เอมม่าคงดื้อไม่ยอมกลับง่ายๆ แล้วก็ต้องยอมรับว่าเรื่องครั้งนี้เป็นความผิดชั้นเอง เพราะฉะนั้นชั้นเลยอยากให้เอมม่าได้ทำอะไรตามใจตัวเองสักครั้งจ๊ะ”
ฟังจากที่คุณชาร์ล็อตพูด ผมคิดว่าตอนนี้เธอคงรู้สึกว่าที่เอมม่าเฉียดตกบันไดเป็นรับผิดชอบของเธอ
“คุณชาร์ล็อตคิดเยอะเกินไปรึเปล่าครับ ผมคิดว่าเดี๋ยวพอผ่านไปสักพักเอมม่าคงใจเย็นกลับมาเป็นปกติครับ”
“ไม่หรอกจ๊ะ ที่ชั้นคิดแค่ว่าอยากให้ความปรารถนาเอมม่าเป็นจริงเท่านั้นเอง”
“งั้นเหรอครับ”
“ส่วนเรื่องของตอบแทน เดี๋ยวชั้นทำกับข้าวให้กินนะ แล้วก็ถ้าเอมม่าอยู่กับอาโอยางิ เอมม่าคงดีขึ้นจ๊ะ”
“ก็ถ้าทำอาหารให้ผม ผมก็ขอบคุณครับ”
“ขอบใจจ๊ะ อ้อมีอีกอย่างหนึ่งคือเรื่องอาบน้ำจ๊ะ”
“ห๊ะ อาบน้ำ?
“ใช่จ๊ะ ชั้นคงไม่พึ่งพาอาโอยางิถึงขั้นให้อาบน้ำน้อง เดี๋ยวตอนถึงเวลาอาบน้ำชั้นจะพาน้องกลับห้องก่อนแล้วค่อยมาที่นี่นะ”
จู่ๆก็เปลี่ยนหัวเรื่องเป็นอาบน้ำ เล่นเอาชะงักไปพักหนึ่ง แต่ก็สมเหตุผลแหละ ถึงจะขอพึ่งพาผมขนาดไหน คงไม่ถึงขั้นให้ผมพาน้องอาบน้ำด้วยกันหรอก
ทว่าปัญหาเริ่มเกิดขึ้นหลังกินข้าวเสร็จ และตอนนี้ถึงเวลาพาน้องเอมม่าอาบน้ำแล้ว (หลังจากนี้ทั้งสามคนจะกลับมาใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร)
“ไม่เอา เอมม่าจะอยู่กับโอนี่จัง”
เอมม่าจังงอแง ยืนกรานกระต่ายขาเดียวไม่ยอมกลับไปที่ห้องตัวเอง
“เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จปุ๊บ พี่พาเอมม่ามาห้องอาโอยางิคุงทันทีนะจ๊ะ”
“หนูไม่กลับ ล็อตตี้โกรธหนูอยู่นี่นา”
ดูเหมือนว่าเอมม่ายังเข้าใจว่าคุณชาร์ล็อตโกรธเธออยู่
“พี่ไม่ได้โกรธแล้วนะจ๊ะ”
“โกรธ….”
ชาร์ล็อตเอ่ยด้วยท่าทีเห็นชัดว่าไม่โกรธ แต่ว่าเอมม่าไม่รุ้ไม่เห็นไม่ยอมรับใดๆทั้งนั้น
สรุปสองพี่น้องก็ยื้อยุดกันไปมาแบบนี้อยู่30นาที
และแล้ว บทสรุปเรื่องนี้คือ
“เข้าใจละจ๊ะ เอางี้ละกัน เดี๋ยวพี่กับเอมม่ายืมใช้ห้องน้ำของอาโอยางิคุงอาบน้ำด้วยกัน ส่วนอาโอยางิคุงรออยู่ตรงจุดเปลี่ยนเสื้อ ถ้าทำแบบนี้เอมม่ายอมมั้ยคะ”
ผมฟังคำพูดชาร์ล็อต เล่นเอาเลิ่กลั่กเลย เอาจริงดิ
“เอ่อ คุณชาร์ล็อต ใจเย็นก่อนนะครับ”
“ขอโทษนะคะอาโอยางิคุง ชั้นก็ไม่อยากจะเลือกวิธีนี้ แต่ถ้าไม่พูดแบบนี้น้องคงไม่ได้อาบน้ำแน่”
เอ่อ ตรงนั้นมันไม่ใช่ประเด็นครับ สภาพตอนนี้ของชาร์ล็อตดูเหมือนว่าเธอจะสูญเสียความเยือกเย็นในการตัดสินใจไปแล้ว คือถ้าพูดถึงขั้นให้ผมรอที่จุดเปลี่ยนเสื้อนี่ คนที่มีสติครบถ้วนจะไม่พูดแบบนี้แน่
“ถ้าน้องส่งเสียงแล้วอาโอยางิคุงสามารถได้ยิน ชั้นคิดว่าน้องจะสบายใจจ๊ะ”
“…..”
ชาร์ล็อตกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เธอคิดถึงความรู้สึกของเอมม่า ส่วนเอมม่าก็เงยหน้ามองมาทางผม
ผมเข้าใจแล้วว่าเธอไม่ได้เสียความเยือกเย็น แต่คิดถึงใจน้อง กระนั้นเพื่อความชัวร์ ผมถามเธออีกครั้ง
“เอ่อ ผมเป็นคนพูดเอง ก็ดูทะแม่ง แต่ให้ผมเป็นคนยืนตรงจุดเปลี่ยนเสื้อ ไม่คิดว่ามันอันตรายรึครับ”
“ถ้าเป็นผู้ชายทั่วไป ชั้นคิดว่ามันอันตราย แต่ว่าชั้นเชื่อใจอาโอยางิคุงเลยไม่ห่วงเรื่องนั้นเลยจ๊ะ”
ไอ้เชื่อใจมันก็ดีหรอก แต่บอกตรงๆว่าขนาดตัวเองยังไม่ค่อยมั่นใจเลยว่าจะทนไหวมั้ย ผมเป็นผู้ชายทั้งแท่ง แล้วให้ไปยืนอยู่ตรงจุดเปลี่ยนเสื้อที่มีสาวน่ารักแบบชาร์ล็อตที่กำลังจะอาบน้ำเนี่ยนะ
แล้วถึงผมจะไม่แอบดูพวกเธออาบน้ำ แต่ผมจะเห็นเสื้อผ้าของเธอถอดกองกับพื้นซะด้วยสิ…
“้แต่ว่า..ถ้าเป็นไปได้ เสื้อที่ชั้นถอดวางไว้ เธอห้ามแตะต้องนะ”
ชาร์ล็อตหน้าแดงแป้ด กล่าวด้วยท่าทีเขินอาย
“ม…ไม่แตะอยู่แล้วครับ แล้วก็ไม่แอบมองด้วยครับ”
“จ๊ะ ชั้นเชื่อใจเธอนะ”
ชาร์ล็อตยิ้มตอบกลับทั้งที่ยังเขิน ถ้าเห็นรอยยิ้มสุดน่ารักแบบนี้ ผมไม่มีทางหักหลังความเชื่อใจเธอแน่
“ไปอาบน้ำกันจ๊ะ”
ชาร์ล็อตกล่าวสรุป ทุกคนไปที่ห้องอาบบน้ำ
****
“แงงงงง !เข้าตา”
“พี่บอกแล้วว่าให้หลับตาก่อนไงจ๊ะ เดี๋ยวพี่รีบล้างต้าให้…”
เสียงพี่น้องเบนเน็ตโหวกเหวกดังข้ามประตูห้องน้่ำ ดูเหมือนว่าไม่แชมพูก็ครีมอาบน้ำจะเข้าตาเอมม่า
ตอนนี้ผมนั่งรอหน้าจุดเปลี่ยนเสื้อ รอสองพี่น้องอาบน้ำอาบน้ำเสร็จ
ใกล้ๆที่ผมนั่ง มีถุงใส่เสื้อผ้าพวกคุณชาร์ล็อตวางไว้
คือคุณเธอโคตรทดสอบความไว้เนื้อเชื่อใจผมเลย วางใกล้ผมแบบว่าจะแอบดูตอนนี้เธอไม่มีทางรู้แน่ แต่แน่นอนว่าผมปฏิญาณแล้วว่าจะไม่หักหลังรอยยิ้มนั้น ผมเลยปล่อยถุงผ้าไว้ไม่ได้สนใจ
“โอนี่จัง ล็อตตี้แกล้งหนู”
“แชมพูเข้าตาหนูเพราะหนูไม่หลับตาเอง พี่ไม่ได้แกล้งหนูนะ”
เสียงของสองพี่น้องฟังดูสนุกสนานกันดี
เอาจริงๆ ภาพตรงกระจกหน้าห้องน้ำก็เห็นเป็นเงาของสองพี่น้อง
ทางผมก็ไม่อยากจะทำลายความเชื่อใจของชาร์ล็อตเลยเบนหน้าหนีประตู
“เอมม่า ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวใช้น้ำล้างแปบๆก็หายแสบตาแล้วครับ”
ผมตอบเอมม่าด้วยน้ำเสียงแจ่มใสขณะสงบจิตใจไม่ให้มองถุงเสื้อและประตู
ผมได้ยินเสียงน้ำดังซู่ คาดว่าเธอคงล้างตาอยู่ตอนนี้
สักพักหนึ่งผมได้ยินเสียงเอมม่า
“โอนี่จังไม่เข้ามาอาบด้วยกันเหรอ”
เจอคำพูดใสซื่อของน้องทะลวงใจเข้ามาดื้อๆ เล่นเอาผมแทบตบะแตก นี่มันคำเชิญชวนอันเย้ายวนของปีศาจชัดๆ
“ไม่.. ไม่ได้นะ ห้ามเข้ามานะ”
ชาร์ล็อตรีบกล่าวทันที
มันแน่อยู่แล้ว ผมเข้าไม่ได้หรอก ไม่สิ ถ้าให้พูดตามตรงก็คือ ถ้าเข้าไปได้ก็ไม่ลังเลหรอกครับ แต่มันทำลายความเชื่อใจ ผมเลยไม่เข้า
“ล็อตตี้ เลิกเป็นเพื่อนกับโอนี่จังแล้วเหรอ”
“ปัญหาไม่ได้อยู่ตรงนั้นจ๊ะ ”
“….? เข้าห้องน้ำมาแล้วต้องเปลือยด้วยใช่มั้ยคะ”
“….จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไ่ม่ใช่ก็ได้ คือว่าเราเป็นผู้หญิงนะจ๊ะ ส่วนอาโอยางิคุงเป็นผู้ชายจ๊ะ”
“…….? หนูไม่เข้าใจที่ล็อตตี้พูด ล็อตเต้ทำตัวแปลกๆมากเลย”
ดูเหมือนว่าชาร์ล็อตพยายามอย่างเต็มที่ที่จะอธิบายเรื่องปัญหาความต่างของเด็กผู้ชายและผู้หญิง แต่เอมม่ายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจ
ผมเลยเลือกที่จะช่วยเธอตอบเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“ขอโทษนะครับเอมม่า แต่พี่เข้าไม่ได้ครับ”
“ทำไมเหรอ..?”
“เพราะว่าพี่เป็นผุ้ชาย จะเข้าไปได้ก็ต้องเป็นผู้หญิงที่พี่แต่งงานด้วยเท่านั้น”
ผมเดาว่า ถ้าน้องจะถามคำถามผม มันต้องเป็นความหมายคำว่าแต่งงาน และเอาจริงๆ น้องก้รู้ศัพท์คำว่าพันธมิตร ผมว่าคำว่าแต่งงาน น้องอาจจะเข้าใจได้โดยผมไม่ต้องอธิบายก็ได้
ทว่าคำตอบน้อง เหนือความคาดหมายผมคิด
“ถ้างั้นเอมม่าจะแต่งงานกับโอนี่จัง”
ผมแทบจะสำลักกับคำตอบเหนือความคาดหมายอันนี้ แต่คิดว่าน้องคงพูดอะไรแบบเด็กๆไม่คิดลึกนั่นแหละ
“อืมมมม ไม่ได้หรอกครับ”
“ทำไมล่ะ..? โอนี่จังเกลียดเอมม่าเหรอ”
“ไม่ได้เกลียดครับ แต่ว่าจะแต่งงานกันได้ก็ต่อเมื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วต่างหาก”
ตอนแรกผมได้่ยินเสียงเหมือนเอมมร้องไห้นิดๆ คงเข้าใจว่าผมเกลียดเธอไปแล้ว ผมเลยรีบอธิบายเหตุผลให้เอมม่าเข้าใจ
พออธิบายจบ เอมม่าตอบกลับด้วยน้ำเสียงแจ่มใส
“ถ้างั้นก็ วันที่เอมม่าโตเป็นผู้ใหญ่ เอมม่าจะแต่งงานกับโอนี่จังนะ”
ผมคิดว่าเอมม่าตอบกลับมาซะน่ารักเชียว แต่ก็เป็นคำตอบง่ายๆซื่อๆแบบเด็กๆนั่นแหละ
“ฮะฮะฮะ ถ้าถึงตอนนั้นเอมม่าเป็นผู้ใหญ่จริงแล้วความรู้สึกยังไม่เปลี่ยนล่ะก็ ถึงตอนนั้นเรามา…”
“อาโอยางิคุง ห้ามพูดคำนั้นเด็ดขาดนะ!”
“คุณชาร์ล็อต…?
ผมแปลกใจว่า ชาร์ล็อตทำไมจู่ๆรีบพูดขัดผมเป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมก็งงสิ นี่ผมพูดอะไรผิดไปเหรอ เธอถึงใช้ภาษาญี่ปุ่นสื่อสารเพื่อไม่ให้เอมม่าเข้าใจสิ่งที่พูด
“นี่มันคำพูดปักธงนะ”
“หือ?ปักธงคือ?”
“ในการ์ตูนมังงะเลิฟคอมเมดี้ตาหวาน มันมาแพทเทิร์นแบบนี้เลย พวกตัวเอกจะสัญญากับเพื่อนสมัยเด็กว่าอีกสิบปีจะมาแต่งงานกัน สุดท้ายพอผ่านไปสิบปี พระเอกก็จะเป็นคนลืมสัญญา แล้วเดี๋ยวนางเอกก็จะมาทวงสัญญา แต่ว่าตอนนั้นพระเอกก็จะมีแฟนอยู่แล้ว แล้วก็มาเดือดร้อนว่าจะคลายปมปัญหานี้ยังไง”
สมแล้วที่เป็นคอการ์ตูน ถึงอธิบายแบบใส่พลังน้ำเสียงและเห็นภาพชัดขนาดนี้
“เอ่อ ผมคิดว่า นั่นมันเรื่องการ์ตูน ชีวิตจริงผมไม่คิดว่าจะมีเด็กที่ไหนจำได้ถึงขนาดนั้นหรอก”
“ถึงเป็นเด็ก แต่ผู้หญิงน่ะเขาจำสัญญาได้นะ ทุกวันจะทวนเรื่องความทรงจำอันนี้ซำไปซ้ำมา ยังไงก็ไม่มีทางลืมแน่”
พอเจอคุณชาร์ล็อตพูดแบบนี้ ผมก็ยอมรับในใจว่า ตัวเองก็มีสัญญาสำคัญในอดีตสมัยเด็กที่ยังไม่ลืมเช่นกัน
ขณะที่ผมคิดถึงเรื่องในอดีต ก็มีเสียงเอมม่าแทรก
“ล็อตตี้แกล้งเอมม่าอีกแล้ว”
แม้ว่าเอมม่าจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่น แต่ด้วยความที่โดนแทรกแล้วแย่งพูดยาวๆ สัญชาตญาณก็บอกเธอได้เองว่านี่คือโดนขัดคอ
ด้วยเหตุนี้ เอมม่าเลยเริ่มโกรธ
“เอมม่า พี่ไม่ได้แกล้งหนูนะ พอดีว่ามันมีเรื่องสำคัญต้องพูดก่อน”
“หนูเกลียดล้อตตี้แล้ว หนูจะอยู่กับโอนี่จัง”
“เอ๋ จะทำอะไรน่ะ อย่านะ”
จู่ๆก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายจากในห้องน้ำ มันเลยเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องมอง และทันใดนั้นเอง
“โอนี่จาง…”
เอมม่าในสภาพไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น เนื้อตัวเปียกโชก กระโดดออกจากประตูเข้ามากอดผม
ส่วนชาร์ล็อตก็อยู่ในท่ากำลังห้ามเอมม่าไม่ให้ออกมา
แน่นอนว่า ถ้าเอมม่าไม่ใส่เสื้อผ้าสักชิ้น ชาร์ล็อตก็สภาพเดียวกัน
ผมเห็นแล้ว ขอบรรยายสั้นๆว่าถึงความงดงามคุณชาร์ล็อตว่า เนื้อตัวผิวพรรณดี รูปร่างงดงามปราศจากไขมันส่วนเกิน ง่ายๆว่าสวยเริ่ด
หน้าเธอค่อยแดงๆทีละนิด
“………………….”
เวลาผ่านไปได้สักพัก ชาร์ล็อตคงน่าจะจนคำพูด ไม่รู้จะกล่าวอะไรกับผมที่เห็นเธอในสภาพเปลือย สุดท้ายเธอรีบเข้าห้องน้ำ ปิดประตู
“ล็อตตี้เป็นอะไรของเขาน่ะ?”
เอมม่าที่กำลังกอดและอยู่บนตักผมทำหน้าและกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่รู้เรื่องราว มองไปที่ประตูห้องน้ำ
*****
จบ ch5-3 ครับผม
ปล.แนะนำว่าใครอดใจไม่ไหว ไปอ่านได้ที่เพจนะครับ ตอนถัดไปนี่ จากความป่วนของน้องเอมม่า มาดูกันว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องต่อจากนี้จะเป็นยังไงต่อ
อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon