OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 53 การหาเงิน
OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF
บทที่ 53 การหาเงิน
เมื่อช่วงเวลากลางคืนได้มาถึง กลุ่มเด็กๆก็ได้รวมตัวกันรอบๆ ประตูห้องครัวและดูพ่อครัวของเจียหมิง ทันใดนั้นเด็กซนคนหนึ่วก็ได้ตะโกนว่า “เนื้อ!” จากนั้นเด็กทุกคนตะโกนอย่างพร้อมเพรียง “เนื้อสัตว์! เนื้อ! เนื้อสัตว์!”
ด้วยผ้ากันเปื้อนขนาดพอดีตัวและใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อเจียหมิงได้โบกสะบัดไปและตอบว่า “เนื้อสัตว์! เนื้อสัตว์อะไรอีก?! พวก เธอต้องการกินเนื้อสัตว์ตลอดเวลาเลยเหรอไง? ระวังอย่าให้อ้วนละ กัน!”
เด็กๆยังคงร้องหาแต่ “เนื้อสัตว์! เนื้อสัตว์!”
หลี่เซียวหยูเป็นเด็กคนเดียวที่ไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มตะโกนครั้งนี้ เธอได้ยืนถัดจากซูหยาก่อนที่จะมองไปยังหนิงเถาและเจียงเฮาคุยกันที่ใต้ต้นไทร เธอที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดพึมพําว่า “พี่สาวซูหยา! พี่จะปล่อยให้มันยุ่งเหยิงแบบนี้หรือไง?”
ซุหยาตกใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่จะถามว่า “เธอหมายถึงอะไร?”
หลี่เสี่ยวหยุได้พับแขนของเธอขึ้นแล้วพูดด้วยน้ําเสียงที่ฟัง ดูเป็นผู้ใหญ่ว่า “ พี่นิ่งเง่ามากเลยรู้ตัวไหม? พี่ไม่เห็นหรือไงว่าทุกครั้งที่ตํารวจเจียงเฮาอะไรนั้นพูดกับลุงหนิง เธอยิ้มออกมาตลอดเวลาเลย ขนาดหนูที่เป็นแค่เด็ก 6 ขวบ ยังดูออกเลยว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแอบแฝงแน่นอน หนูขอพูดเตือนพี่เอาไว้ตรงนี้เลยนะ! ถ้าพี่ไม่รีบลงมือตอนนี้ละก็พี่ต้องเสียใจแน่นอน!“
ซูหยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตบกันของหลี่เสี่ยวหยูเบาๆ
หลี่เสี่ยหยูที่ถูกตีก็ตกใจและถามว่า ” ทําไมพี่ถึงตีหนู?”
” เธอสมควรโดนแล้ว! เป็นเด็กเป็นเล็กคิดแต่เรื่องอะไรไม่รู้!?” ซูหยาพูดต่อว่า “เอาละ! หันก้นน้อยๆของเธอมาให้พี่สาวคนนี้ซะดีๆ พี่สาวคนนี้ขอตีเธอแค่ที่สองที่ก็พอ”
หลี่เสี่ยวหยุที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ก่อนที่เธอจะรีบวิ่งหนีออกไป
เสียงกรีดร้องของหลี่เสี่ยวหยูได้ดึงดูดสายตาของเจียงเฮาที่ยืนอยู่ใต้ต้นไทร เธอขมวดคิ้วและพูดว่า ” ทําไมซูหยาถึงแกล้งเด็กคนนั้นกัน?”
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงรอยยิ้มออกมาและพูดว่า “นั่นคือหลีเสี่ยวหยู! เธอเป็นเด็กที่ฉลาดมาก เธอคงพูดอะไรแผงๆออกมานะ ไม่มีอะไรหรอก”
” นายจะบอกว่าเธอกําลังรังแกซูหยาเหรอ?” เจียงเฮาแสดงออกว่าเธอไม่น่าเชื่อเรื่องที่หนิงเถาพูดออกมา
” เธอจะรู้เมื่อเธอได้รู้จักเด็กคนนั้น” หนิงเถาพูดจบก็ได้เปลี่ยนหัวข้อ “บอกฉันเกี่ยวกับอดีตหัวหน้าของเธอที่? ฉันอยากรู้เกี่ยวกับเขา”
” ชื่อของเขาคือดิงยี่ ผู้ที่ต่อสู้มาตลอดชีวิตของเขาเอง เขามีชื่อเสียงที่สูงมากในวงการทหาร แม่ของฉันเองก็เคยเป็นคนรับใช้ในบ้าน เขาเมื่อหลายปีก่อน และได้ทํางานในครอบครัวของเขาเป็นเวลา 10 ปี ด้วยความช่วยเหลือและการสนับสนุนจากลุงดึงฉันถึงมีความสําเร็จแบบทุกวันนี้ ดังนั้นสําหรับฉันแล้วเขาเป็นเหมือนพ่อมากที่สุดคนหนึ่งที่เคยมีมาเลยที่เดียว ” เจียงเฮาได้อธิบายความสัมพันธ์ของเธอกับอีกฝ่ายออกมาแบบคร่าวๆ
” ดูเหมือนว่าฉันคงต้องไปเมืองหลวงในครั้งนี้ซะแล้ว! ” หนิงเถาพูดต่อว่า “บอกฉันทีว่าสรุปแล้วเขาป่วยเป็นโรคอะไร”
เจียงเฮายกมือขึ้นก่อนที่จะชี้ไปที่หัวของเธอแล้วพูดว่า ”เขามีปัญหาเกี่ยวกับสมอง! ฉันได้ยินจากครอบครัวของเขาว่าเขาอยู่ในอาการโคม่าเกือบตลอดเวลา แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมาเขาจะทําตัวแปลกออกไปจากปกติที่เคย แม้กระทั้งโจมตีคนรอบข้างรวมไปถึงสัตว์เลี้ยงอย่างสุนัข… “
“เขาทําอะไรกับสุนัขเหรอ?” หนิงเถาถามออกมาอย่างสงสัย
เจียงเฮาได้ถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะพูดต่อว่า “เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อสองสามวันก่อน วันนั้นเขาตื่นขึ้นมาและเริ่มโจมตีคนรอบข้างก่อนที่เขาจะพุ่งไปฆ่าสุนัข”
หนิงเถาที่ฟังมาถึงตรงนี้ก็ไม่สามารถทําอะไรได้ เขาได้จินตนาการถึงฉากทําร้ายคนรอบตัวและรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่น่าขนลุกเล็กน้อย อย่างใดก็ตามเขามีลางสังหรณ์ว่าอีกฝ่ายไม่ไดปวยเป็นโรคธรรมดา เพราะไม่อย่างนั้นด้วยฐานะของอีกฝ่ายคงได้เพลิดเพลินกับการรักษาพยาบาลที่ดีที่สุดในประเทศไปแล้ว และหากโรงพยาบาลมีวิธีในการรักษาอีกฝ่าย ดึงยี่คงไม่ตกมาถึงมือของเขาแบบนี้
“ฉันได้จองตั๋วสองใบในอีกสามวันข้างหน้า มันไม่ใช้ตัวชั้นเฟิร์สคลาส นายคงไม่ว่าอะไรนะ? ” เจียงเฮาพูดขึ้นมา
หนิงเถายิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า ” แน่นอนว่าฉันไม่มีปัญหาอะไร และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ขึ้นเครื่องบิน เป็นฝั่งฉันที่ต้องขอบคุณเธอมากกว่า”
เจียงเฮาที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมา ก่อนที่เธอจะยกมือขึ้น เพื่อต่อยล้อเล่นหนิงเถาอีกครั้ง
” อาหารค่ําเสร็จแล้ว!” ซูหยาจู่ๆก็ได้ตะโกนออกมา
และนั้นทําให้กําปั้นของเจียงเฮาที่กําลังพุ่งไปยังหนิงเถาได้หยุดอยู่กลางอากาศทันที
ในตอนกลางคืน หนิงเถากลับไปที่คลินิกนภา
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่เจ้าตัวทําคือการเปิดกล่องกระดาษแข็งๆมากกว่าหนึ่งโหลออก ซึ่งข้างในนั้นเต็มไปด้วยสมุนไพรที่หายากและวัตถุดิบที่มีค่าที่ไม่ใช่อยู่ในรายชื่อสมุนไพรที่เขาร้องขอ ทําให้ในตอนนี้ เขาได้มีวัตถุดิบเกินครึ่งที่ใช้สําหรับทํายาอมตะขั้นตนไปแล้ว
อย่างไรก็ตามการขาดวัสดุอีกหนึ่งในสามก็ยังคงเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสําหรับหนิงเถาอยู่ดี ในจํานวนรายชื่อสมุนไพรที่หลินชิงหัวให้แก่เขามานั้นมีมูลค่าอย่างน้อยหนึ่งล้านหยวน นั่นหมายความว่าตัวเขาเองก็น่าจะต้องใช้เงินจํานวนเดียวกันเพื่อซื้อสมุนไพรในรายชื่อที่ขาดไป
เมื่อรู้ว่างานนี้ไม่สามารถทําเสร็จได้เร็วๆนี้ ดังนั้นหนิงเถาจึงได้เก็บความคิดอะไรพวกนี้ลงก่อนที่เขาจะบัญชีแยกประเภทใบไผ่ขี้นมา
หน้าที่สองของบัญชี้ได้แสดงถึงค่าบุญค่าบาปที่เขาได้ทําเอาไว้ ในหน้านี้เองมันก็ได้แสดงเส้นสีดําขึ้นมา ก่อนหน้านี้มันยังเป็นหน้าเปล่าอยู่เลย นี้แสดงให้เห็นว่าการกระทําก่อนหน้านี้ของเขากับหลินชิงหัวนั้นเป็นเรื่องที่ผิดกฏของคลินิก ดังนั้นมันจึงได้แสดงผลลัพธ์แบบนี้ออกมา
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ไม่สามารถต้านทานการสาปแช่งได้ “แม่”! แกจะบันทึกมันทุกอย่างเลยหรือไงวะ? ก็เห็นๆอยู่ว่าหลินชิ งหัวเต็มใจที่จะให้ของพวกนั้นมา”
บัญชีแยกประเภทไม่ตอบสนองอะไร สําหรับบัญชีแยกประเภท ใบไผ่กฏเป็นกฏและมันจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรสําหรับสถานการณ์ เฉพาะของเจ้าของคลินิก
หนิงเถาที่ไม่สามารถทําอะไรได้อีกต่อไป ก็ได้ปิดบัญชีแยกประเภทและน้ํามันกลับไปไว้ในหีบยาตามเดิม นี่คือสิ่งที่เขาต้องยอมรับมันเมื่อเขาได้ขอให้ผู้ปวยของตัวเองจ่ายค่าตอบแทนอย่างอื่นนอกเหนือจากบุญและบาป แต่อันที่จริงแล้วเขาไม่เคยตั้งใจจะทําอะไรแบบนั้นถ้าเขาไม่จนตัวจริงๆ
เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องทําแบบนี้ หากเขาไม่ได้รับวัตดุดิบทั้งหมดสําหรับการกลั่นยาอมตะขั้นต้นมาเร็วๆนี้ ในอนาคตอันใกล้เขาคงจะไม่สามารถรักษาเคสปริศนาได้อีก และนั้นจะทําให้เขา ไม่สามารถหาค่าเช่าได้ ก่อนที่เขาจะตายหลังจากนั้นเพราะถูกสูบค่าชีวิตตัวเองไปเป็นค่าเช่านั้นเอง
เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นอีกและต้องรักษาชีวิตน้อยๆของตัวเองเอาไว้ มันจึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องรีบคิดหาวิธีทํางานเงินให้ได้จํานวนมากออกมา
เมื่อคิดไปคิดมาเขาก็ได้ทิ้งไอเดียหนึ่งขึ้นมาได้ ถ้าเขาจําไม่ผิดเขาได้ทําประตูบาปเอาไว้ในสวนพฤกษศาสตร์ของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ เขาอาจจะแอบเข้าไปข้างในเพื่อขอยืมสมุนไพรบางตัวออกมา จากนั้นเขาก็จะใช้มันทําเป็นยาชูกําลังหรือไม่ก็ครีมบํารุงความงาม โดยหมอยาบุปผาที่เขามีมันเป็นเรื่องร้อยเปอร์เซ็นต์ที่ผลิตภัณฑ์ของเขาจะดีกว่าในท้องตลาด แต่ความคิดนี้ก็ต้องถูกผิดตกไป เพราะนั้นเป็นการขโมยและเป็นสิ่งที่ผิดกฎของคลินิกเช่นกัน แต่ที่สําคัญที่สุดคือเขาจะไม่มีวันทําอะไรแบบนั้น ถึงแม้ว่าครอบครัวของเขาจะไม่ได้มีฐานะดีอะไรมากนัก แต่พ่อแม่ของเขาก็ไม่คอยสอนให้เขาเป็นคนขี้ขโมย ดังนั้นเขาจะไม่ยอมทําตัวเป็นคนแบบนั้นเด็ดขาด
หลังจากที่ปัดเรื่องการขโมยสมุนไพรออกไปแล้ว หนิงเถาก็ได้ครุ่นคิดเรื่องการหาเงินต่อ แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถคิดได้ว่าจะต้องทํายังไง และดูเหมือนว่าช่วงเวลานั้นเขามีความคิดที่จะออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ข้างนอกเพื่อว่าจะคิดอะไรได้บ้าง
คืนนี้ก็เป็นคืนที่เงียบสงบเหมือนอย่างเคย ดวงจันทร์ที่สดใสเองก็แขวนอยู่บนท้องฟ้าอย่างเงียบๆ แสงจันทร์ได้สว่างไสวไปทั่วทุกแห่งทุกหน ทําให้ดูเหมือนว่าทั้งโลกได้ถูกย้อมด้วยผงเงิน
หนิงเถาได้เดินไปรอบๆคลินิกนภาเงียบๆ
ตัวคลินิกตั้งอยู่สุดทางถนนการ์เด้นสตรีทซึ่งเป็นเส้นทางแคบๆที่เรียงรายไปด้วยต้นไม้หนาและเนินเขาที่อยู่ไกลออกไปไม่ไกล
นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกของหนิงเถาที่ออกมาเดินเล่นด้านหลังของคลินิก
ต้นไม้ที่ขึ้นหนาทึบได้บดบังแสงจันทร์และทําให้ทางเดินมืดกว่าปกติ มีแมลงร้องมากมายดังขึ้นข้างทาง
สภาพแวดล้อมและเสียงสัตว์ตัวเล็กๆที่ดังตลอดเวลา ทําให้ดูที่นี่ ดูเหมือนจะถูกย้อนเวลากลับไปในสมัยโบราณ
“รู้สึกแปลกจริงๆ …” หนิงเถาได้พูดกับตัวเอง ในขณะนั้นเขาก็หยุดและดวงตาของเขาก็ได้ตกลงไปที่ต้นพืชชนิดหนึ่งข้างถนน
ว่านหางจระเข้ เป็นว่านหางจระเข้ที่ต้นมีความหนามากกว่าปกติมาก
หัวใจของหนิงเถาถึงกับกระโดนไปมา มันเกือบจะทะลุออกมาเต้นข้างนอกอกของตัวเองเลยที่เดียว
ก่อนที่อีกไม่กี่วินาทีต่อมาหนิงเถาจะหัวเราะออกมาอย่างลึกลับ “ทําไมฉันต้องมองหาวัสดุที่มีค่าเหล่านั้น? ฉันไม่ได้เป็นพ่อค้ายาที่หลอกคนเงินเสียหน่อย? ฉันเป็นเจ้าของคลินิกลึกลับซึ่งมันสามารถเปลี่ยนยาสามัญหรือวัตถุดิบธรรมดาอื่นๆ ให้กลายเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้”
จากนั้นหนิงเถาก็ได้กลับไปที่คลินิกนภา ก่อนออกไปเขาออกไปมือเปล่าแต่ขากลับมาในมือของเขาเต็มไปด้วยว่านหางจระเข้ขนาดใหญ่
ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่พบได้บ่อยมาก มันไม่เพียงมีคุณค่าทางยาเช่นลดการอักเสบ ขจัดเลือดได้ชะงัก ล้างความร้อน ล้างพิษ ขับปัสสาวะ ฆ่าแมลง และอื่นๆเท่านั้น แต่มันยังมีผลในด้านเครื่องสําอางด้วย เช่น ทําให้ผิวชุ่มชื้น, ไวท์เทนนิ่งกําจัดริ้วรอย และเพิ่มวิตามินสําหรับผิว
เทคโนโลยีอุตสาหกรรมสมัยใหม่ไม่สามารถสกัดสาระสําคัญของว่านหางจระเข้ได้อย่างเต็มที่ แต่หนิงเถาสามารถทําได้
หนิงเถาได้ล้างว่านหางจระเข้ที่เขานํากลับมาให้สะอาด ก่อนที่จะสุ่มเลือกพวกมันขึ้นมาบางส่วนและโยนพวกมันลงไปในหมอยาบุปผา จากนั้นเขาก็ได้ “จุดไฟ” การเล่นแร่แปรธาตุและวางมือบนหมอยา
เหมือนครั้งที่แล้วรอยแตกทั้งหมดบนหมอยากเริ่มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆออกมา ในช่วงเวลานี้เป็นเหมือนแม่น้ําที่แห้งแล้วเริ่มกักเก็บน้ําอีกครั้ง เสียงกระหึมได้ดังออกมาจากหมอยาก่อนที่มันจะสะท้อนก้องไปทั่วคลินิก มันฟังดูศักดิ์สิทธิ์และลึกลับเหมือนเสียงแห่งสวรรค์
แหล่งพลังงานที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์ถูกสร้างขึ้นจากการรวมกันของการเล่นแร่แปรธาตุและหมอยาที่มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ว่านหางจระเข้ในหมอยาก็เริ่มที่จะสัมผัสกับพลังแห่งการผุกร่อนตามธรรมชาติตลอดเวลา มันได้ขจัดขี้เถ้าและทิ้งเปลือกนอกออกไป ต่อจากนั้นก็เหลือเพียงแค่สาระสําคัญของมันเอาไว้เท่านั้น นั้นคือสารที่มีความเข้มข้นมากกว่าปกติ
ไม่กี่นาทีต่อมาว่านหางจระเข้บางส่วนได้หายไป ก่อนที่จะถูกแทนที่ด้วยน้ําหยดเล็กๆ หยดน้ํานี้มีกลิ่นหอมหวานและดูเหมือนหยกน้ําแข็ง
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ได้เทสาระสําคัญของว่านหางจระเข้ลงในขวดพอร์ซเลนขนาดเล็กอย่างระมัดระวัง จากนั้นเขาก็ได้เทมันลงบนหลังมือของเขาเล็กน้อย ก่อนที่จะถูมันให้ทั่วบริเวณ สาระสําคัญว่านหางจระเข้ที่เหมือนหยกเหลวได้กระจายอยู่บนผิวของเขา ผิวรู้สึกเย็นและสดชื่นราวกับว่าผิวที่แห้งแตกมานานได้รับความสดชื่นจากสายฝน ซึ่งมันทําให้รู้สึกสบายเป็นอย่างมาก
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีหนิงเถาได้เอื้อมมืออีกข้างไปลูบผิวที่ชุ่มชื่นด้วยสารสกัดจากว่านหางจระเข้ ก่อนที่จะพบว่าผิวที่ใช้นั้นมีความละเอียดอ่อนและเงางามมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เห็นได้ชัดว่าสาระสําคัญของว่านหางจระเข้ควรเป็นผลิตภัณฑ์ความงามและการดูแลผิวที่ดีที่สุดในโลก
“ไม่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับผลกระทบของการดูแลผิว และผลกระทบของยาละ?” หนิงเถากระตือรือร้นที่จะรู้คําตอบนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ใช้มีดตัดสมุนไพรมาเฉือนนิ้วมือของเขาให้มีเลือดไหลออกมา
เลือดได้พุ่งออกมาจากบาดแผล แต่ด้วยพลังการรักษาของพลังวิญญาณที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น มันใช้เวลาไม่นานก่อนที่เลือดจะหยุดไหล ทิ้งรอยบาดแผลเอาไว้
หนิงเถาได้หยดว่านหางจระเข้ที่สกัดแล้วลงไปบริเวณรอยแผลที่เกิดจากของมีคมและได้ถูไปรอบๆมันอย่างช้าๆ มีความรู้สึกเย็นสบายปรากฏขึ้นอีกครั้งและปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นในกระบวน การ แผลได้หายไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ ยิ่งไปกว่านั้นผิวยังเรียบเนียนกว่าบริเวณผิวที่ไม่ได้ใช้ว่านหางจระเข้
หนิงเถาที่เห็นผลลัพธ์นี้ก็ถึงกับหลุดหัวเราะออกมาด้วยความตื่นเต้น ด้วยสิ่งนี้เขาไม่ต้องกังวลกับการทําเงินในอนาคตอีกต่อไป
หลังจากเหตุการณ์ในคืนนี้กว่าครึ่งของว่านหางจระเข้ที่อยู่ด้านหลังของคลินิกก็ได้หายไป