OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 47 เตือนครั้งที่หนึ่ง
OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF
บทที่ 47 เตือนครั้งที่หนึ่ง
หนิงเถาได้ตัดสินใจที่จะพักในบ้านพักคนชรานี้ ในวันนั้นเขาได้ศึกษาเนื้อหาในบทของยาอายุวัฒนะในหนังสือทางการแพทย์นิรนาม และในตอนกลางคืนเขาได้ใช้กุญแจของคลินิกกับผนังด้านหลังของตู้เสื้อผ้าตัวเองไปยังคลิ นิกเพื่อฝึกฝนพลังจิตที่เขาต้องรีบเพราะวันที่ต้องชําระเงินค่าเช้าครั้งแรกของเขาสําหรับคลินิกใกล้เข้ามามากขึ้น เมื่อการจ่ายนี้นําเดินไปจนเสร็จนั้นค่าพลังบาปและบุญที่มีอยู่ในกระถางธูปก็จะหายไป และนั้นจะทําให้การฝึกของเขาดําเนินได้ช้าลงไปมาก ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดการเสียผลประโยชน์เกิดขึ้นเขาจึงต้องใช้เวลาทุกวินาทีให้คุ้มค่าที่สุด
เฉินจุนและผู้ช่วยของเขาเองก็มีการปรึกษาหารือตรวจสอบและการทดสอบหลายอย่างเกี่ยวกับสภาพของหลินชิงหัวอย่างไรก็ตามแรงกดดันที่แขวนอยู่เหนือหัวของเฉินจุนและผู้ช่วยของเขาไม่เพียงแต่จะเบาลงแต่มันกับยิ่งหนักขึ้นพวกเขาทําการตรวจร่างกายที่ควรจะทําและมีการพูดคุยกันว่าควรจะทําอย่างไร แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ไม่ได้หาสาเหตุของการเจ็บปวยของหลินชิงหัวได้
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลินชิงหัว, เจียงเฮา และ หนิงเถานั่งอยู่ที่โต๊ะหินที่ลาน
มชา
หลินชิงว์เฝ้าดูนาฬิกาของเธอและพูดขึ้นว่า “เหลือเวลาเพียง 20 นาที หมอหนิง! อีกเดี๋ยวก็จะถึงตาคุณแล้วฉันอยากให้เวลา 20 นาทีนี้ผ่านไปเร็วๆไม่ไหวแล้ว”
* ไม่รีบ” หนิงเถาพูดต่อว่า “ปล่อยให้พวกนั้นดําเนินการต่อไปอีกสักพัก ยังไงพวกนั้นก็จะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรขึ้นมา
เจียงเฮาที่ได้ยินแบบนั้นก็ดูกังวลเล็กน้อย “เฉินจุนเป็นหมอที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวงและผู้ช่วยของเขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม หากพวกเขาไม่มีความก้าวหน้าในสามวันฉันกังวลเกี่ยวกับนายว่า…”
หนิงเถาแสดงรอยยิ้มออกมาและถามว่า ” เธอเป็นห่วงว่าฉันไม่สามารถรักษาหลินชิงหัวได้ใช้ไหม?”
“ ไม่! นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันเป็นห่วง ฉันแค่เป็นห่วงว่านายจะไม่ให้เวลาตัวเองมากพอ” เจียงเฮาพูดต่อว่า “สามชั่วโมงมันสั้นเกินไปอันที่จริงแล้วนายไม่ควรจะพูดแบบนั้นออกมาเลยหรือไงจะให้ฉันไปพูดเรื่องกรอบเวลานี้กับเหลียงเคมิงและเฉินจุนอีกครั้งไหม?”
หลินชิงวุ่มอบรอยยิ้มอันสดใสให้หนิงเถาและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหมอหนิง ฉันเชื่อว่าคุณจะรักษาพี่ชายของฉันได้อย่างแน่นอน”
ดวงตาของเจียงเฮาตกอยู่บนใบหน้าของหลินชิงรู่ การแสดงออกบนใบหน้าของเธอบอกได้อย่างชัดเจนว่าเธออารมณ์ไม่ดีมากขนาดไหนในตอนนี้
เหลียงเคมิงเองก็ได้เดินมาเมื่อเวลาใกล้หมดก่อนที่เขาจะ ทักทายพวกหนิงเถาในระยะไกล “สวัสดีคุณหมอหนิง คุณเจียงคุณหลิน ผมกําลังรบกวนพวกคุณอยู่ไหม?”
หลินชิงวุ่และเจียงเฮามองเหลียงเคมิงและไม่ตอบเขา
” นักวิชาการเหลียง! คุณมาที่นี่เพื่อรอฟังข่าวดีใช่ไหม?” หนิงเถาพูดต่อว่า “หัวหน้าเฉินและผู้ช่วยของเขาจะออกมาในไม่
ช้า”
“ผมหวังว่าพวกเขาจะได้รับแผนการรักษาที่ถูกต้อง” เหลียงเคมิงพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวลต่อว่า “ไม่อย่างนั้นมันจะขึ้นอยู่กับหมอหนิงที่จะทําแล้ว”
ทันใดนั้นประตูของวอร์ดก็เปิดออกและหมอกลุ่มหนึ่งที่นําโดยเฉินจุนก็ได้ออกมาจากวอร์ด ใบหน้าของทุกคนเหี่ยวเฉาราวกับว่ามีโศกเศร้าแขวนอยู่เหนือทีมพวกเขา
เหลียงเคมิงที่เห็นแบบนั้นก็รีบเดินไปหาพวกเขาทันทีและถามว่า “หัวหน้าเฉิน! ผลเป็นยังไงบ้าง?”
เฉินจุนหยุดดูใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างจริงจัง ก่อนที่จะพูดขี้ว่า “ เราได้วินิจฉัยความเจ็บปวยของหลินชิงหัวว่าเป็นโรคจิตประเภทรุนแรงและอาจจะมีโรคหวาดระแวงเข้ามาเกี่ยวด้วยแน่นอนว่าเพราะเป็นโรคจิตประเภทชนิดหนึ่งมันจึงทําให้ตัวผู้ปวยเกิดบุคลิกแยกออกมา ดังนั้นทางผมจึงอยากจะแนะนําให้คุณหลินชิงวุ่ส่งพี่ชายของคุณไปยังโรงพยาบาลของเราเพื่อทําการตรวจรักษาเพิ่มมากขึ้น และการรักษาทางจิตเวชนั้นจําเป็นต้องทําอย่างเป็นระบบ ซึ่งมันจะใช้ระยะเวลานานมากกว่าที่ผู้ป่วยจะหายดี ซึ่งมันไม่สามารถทําให้หายได้เร็วๆนี้ “
เหลียงเคมิงหันไปมองหนิงเถาและถามว่า “หมอหนิง! คุณคิดว่าไง?”
หนิงเถาลุกขึ้นและตอบว่า “ผมไม่สามารถบอกได้ว่าการตัดสินของคนอื่นนั้นเป็นยังไง เพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผม”
“ฮี” เฉินจุนพูดอย่างเย็นชาว่า “งั้นทําไมนายถึงไม่พูดผลการวินิจฉัยของตัวเองออกมาละ!”
“ อาการเจ็บปวยของหลินชิงหัวดูเหมือนจะเป็นโรคหวาดระแวง” หนิงเถาพูดเบาๆ ” แต่คุณจะอธิบายให้ญาติผู้ปวยฟังได้ยังไงว่าทําไมเขาถึงมีอาการโรคจิตออกมา เพราะถ้าเขาทนทุกข์ทรมานจากความหวาดระแวงของบทบาทสมมุติขึ้นมาจริงทําไมตัวบทบาทสมมุตินั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลยตลอดระยะที่เขาปวย ทําไมถึงยังยึดถือตัวเองเป็นจักรพรรดิชวนจงตลอดเวลาคุณจะอธิบายได้ไหมว่ามีผู้ปวยที่เป็นโรคจิตที่เป็นแบบนี้กี่คน? ”
เฉินจุนไม่รู้สึกโกรธอีกต่อไป เพราะตอนนี้เขารู้แล้วว่าตัวเองเป็นฝ่ายที่แพ้ในความจริงแล้วผลการวินิจฉัยตลอดสามวันที่ผ่านมาต่างก็ออกมาว่าอีกฝ่ายไม่ได้ปวย ท้ายที่สุดแล้วระยะเวลาสามวันก็ผ่านไปและเขาที่ยังไม่สามารถวินิจฉัยว่าอีกฝ่ายเป็นโรคอะไรได้ ดังนั้นเขาจึงได้พูดโรคออกมาแบบคร่าวๆเพื่อหวังว่าจะได้เวลาเพิ่มขึ้นอีก
“นายเป็นใครกัน? ทําไมนายถึงกล้าพูดกับอาจารย์ของฉันแบบนี้ได้?” หนึ่งในผู้ช่วยของเฉินจุนไม่สามารถทนได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้นเขาจึงได้ออกมาต่อสู้กับหนิงเถาซึ่งๆหน้า
“ ถ้านายคิดว่าตัวเองมีความสามารถมากกว่าพวกเราก็เชิญไปรักษาผู้ป่วยได้เลย” ผู้ช่วยคนอื่นเองก็ไม่ยอมพลาดโอกาสทําคะแนนจากเฉินจุนเช่นกัน
“นายก็เป็นแค่นักต้มตุ่นข้างถนน มีสิทธิอะไรที่มาพูดว่าการวินิจฉัยของอาจารย์ฉันผิดกัน? ฉันไม่รู้จริงๆว่านายไปเอาความกล้าแบบนี้มาจากไหน!”
หนิงเถาไม่ได้โต้เถียงกับผู้ช่วยเหล่านั้น เขาจะไม่ยอมลดต่อไปอยู่ในระดับเดียวกับอีกฝ่ายไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เจียงเฮาสงบนิ่งไม่ได้เหมือนหนิงเถา เธอต้องการที่โต้ตอบกลับไป “พวกคุณเองนั้นแหละที่ไปความกล้าแบบนี้มาจากไหน!”
และนั้นก็เป็นเหมือนตัวจุดชนวนขึ้นมา เหล่าผู้ช่วยของเฉินจุนต่างก็ไม่พอใจและเริ่มที่จะพูดโต้เถียงกันซึ่งแน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นเฉินจุนก็ได้ดุด่าพวกเขาทั้งหมด
“พวกแกต่างก็เป็นผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆของตัวเองฉันจึงได้เลือกพวกแกมาเป็นผู้ช่วยของฉัน และดูที่พวกแกทําตอนนี้สิ? ดูว่ามันใช้ได้ไหมฮะ?” เฉินจุนได้ดุด่าเหล่าผู้ช่วยของตัวเองไปยกหนึ่ง ก่อนที่จะหันมาพูดกับหนิงเถาว่า “ฉันหวังว่าเวลาสามชั่วโมงที่นายขอไปก่อนหน้านี้มันจะทําให้นายได้รับผลลัพธ์ที่ดีกว่าฉัน”
อย่างไรก็ตามก่อนที่หนิงเถาจะพูดอะไร ก็ได้เจียงเฮาพูดแทนว่า “สามชั่วโมงจะไปพออะไร? ไม่ใช้ว่าพวกคุณใช้เวลาถึงสามวันหรือไง? “
“ เขาบอกเองว่าเขาต้องการเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น”เฉินจุนพูดต่อว่า “ ไม่มีใครบังคับให้เขาพูดก่อนหน้านี้ แต่ถ้าเขาข้อร้องอีกครั้งฉันก็ยินดีให้เหมือนกัน”
“คุณ!” เจียงเฮารู้สึกโกรธมาจริงๆ
“หมอหนิง! ทําไมคุณถึงไม่เปลี่ยนเวลาเป็นสามวันเพื่อทํางานนี้ให้สําเร็จ?” เหลียงเคมิงพูดแนะนําต่อว่า “สามชั่วโมงมันสั้นเกินไป ผมไม่เชื่อว่าคุณจะสามารถให้การวินิจฉัยที่เชื่อถือได้ภายในเวลาแค่นั้น”
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า “ ใครพูดกันว่าจะให้ผลวินิจฉัย? ผมจะลงมือรักษาหลินชิงหัวเลยตั้งหาก”
เหลียงเคมิงถึงกับตัวแข็งไปทันที เขาไม่ได้คาดหวังว่าหนิงเถาจะกล้าพูดอย่างนั้นออกมา
เฉินจุนเองก็ได้พูดจาเยาะเย้ยออกมา ”นายหมายความว่ายั
งไง?”
“ผมยังไม่ได้ทําให้มันชัดเจนอีกเหรอ?” หนิงเถาจ้องไปทางเฉินจุนตรงๆก่อนที่จะพูดว่า “ผมบอกว่าผมจะไม่ทําการวินิจฉัยหรือวางแผนรักษาอะไรทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าจะรักษาหลีนชิงหัวยังไง ดังนั้นเวลาสามชั่วโมงที่ผมบอกไปนั้นก็เพื่อการ
“ฮะ!” เหลียงเคมิงถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะพูดต่อว่า “ผมละชอบเด็กชายที่มีความกล้าแบบนี้จริงๆงั้นหมอหนิงบอกระยะเวลาที่ต้องการมาได้เลย ”
“ไม่ใช้ว่าผมบอกไปแล้วเหรอครับ? ผมต้องการเพียงแค่สา มชั่วโมงเท่านั้น” หนิงเถาพูดออกมาเรียบๆ
เจียงเฮายังคงนิ่งแต่สายตาของเธอได้จ้องมองที่หนิงเถาอย่างไม่วางตา เธอต้องการรู้ว่าที่เขาพูดมานั้นเพราะมั่นใจหรือว่าเพียงเพราะต้องการตอกหน้าอีกฝ่ายเท่านั้นแต่ในใจลึกๆเธอก็รู้ดีว่าถ้าเขาไม่มีความมั่นใจมากพอเขาจะไม่พูดเรื่องที่ตัวเองทําไม่ได้ออกมา
“นายพูดอย่างนั้นเองนะ? ไม่มีใครบังคับให้นายพูด!” เฉินจุนทําท่าทางเหมือนว่าเป็นห่วงหนิงเถา แต่ที่จริงแล้วเขารอไม่ไหวที่อีกฝ่ายจะล้มลงเพราะหลุมที่ตัวเองขุดเอาไว้เมื่อถึงเวลานั้นเขายินดีที่จะช่วยกลบหลุมฝังให้ฟรีๆเลย
หนิงเถาไม่สนใจเฉินจุน ก่อนที่จะหันไปพูดกับเจียงเฮาว่า”เจียงเฮา! ฉันจะพาหลินชิงหัวไปที่ห้องของฉันเพื่อรับการรักษาในหนึ่งนาทีนี้ ฉันหวังว่าเธอจะปกป้องประตูให้ฉันไม่ให้ใครมารบกวนนั้นรวมทั้งเธอและคุณหลินด้วยเข้าใจไหม? “
เจียงเฮาตกลงกันโดยไม่ลังเล คําขอนั้นดูไม่แปลกสําหรับเธอเพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตอบรับคําขอแบบนี้จากหนิงเถา
“ฉันจะเข้าไปข้างในกับคุณด้วย ฉันรับรองว่าจะไม่รบกวนคุณรักษาพี่ชายฉันเด็ดขาด?” หลินชิงว์พูดขึ้น
หนิงเถาได้ส่ายหัวเป็นการปฏิเสธแล้วพูดว่า ” ผมได้พูดออกไปชัดเจนแล้วไม่ใช้เหรอ?”
ดวงตาของหลินชิงวุ่เต็มไปด้วยความผิดหวัง แต่เธอก็ยังอยากจะต่อสู้เพื่อมัน อย่างไรก็ตามเมื่อเธอเห็นเจียงเฮามองเธอด้วยสายตาแปลกๆ เธอก็ล้มเลิกเรื่องนี้ไปทันที
หนิงเถาที่เห็นว่าสถานการณ์กลับมาเป็นปกติแล้ว เขาก็เดินไปที่ห้องของหลินชิงหัวทันที
“ไอ้นักต้มตุ้นนั้นยังทําตัวเป็นหมออยู่อีก! มันเป็นเรื่องดีที่เขาจะไปหลอกโกงเงินจากคนบนถนน? รู้ตัวว่าเป็นพวกหลอกลวงทําไม่ยอมอยู่ในที่ของตัวเองกัน ทําไมต้องมาหาที่ตายแบบนี้? ” ผู้ช่วยของเฉินจุนคนหนึ่งได้พูดจาเย้ยหยันออกมา
“ถ้าเขาสามารถรักษาผู้ป่วยรายนั้นได้ภายในสามชั่วโมงจริง! ฉันจะกลับบ้านทํานาและไม่ไปหาหมอ อีกเลย!”ผู้ช่วยคนอื่นถึงกับเล่นพนันเพียงเพื่อต้องการเยาะ
เย้ยหนิงเถา
“สามชั่วโมงเป็นเวลาที่เร็วมาก! ฉันคิดว่าที่เขาทําแบบนั้นก็เพราะต้องการหาข้อแก้ตัวมากกว่า เขาคงไม่คิดจะรักษาหลินชิงหัวจริงๆ”
เวลานี้เฉินจุนไม่ได้หยุดการพูดของผู้ช่วยอีกต่อไปกลับกันเขาต้องการให้พวกนั้นพูดออกมาให้เยอะกว่านี้
เหลียงเคมิงแสร้งทําเป็นไม่ได้ยิน หนิงเถาสามารถรักษาหลีนชิงหัวในสามชั่วโมงได้ไหม เขาไม่ได้คิดเรื่องนี้เพราะเขาไม่เชื่อว่าหนิงเถาสามารถทําได้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ถ้าหนิงเถาล้มเหลวเขาจะพาหลินชิงหัวกลับไปที่เมืองหลวงและทํารายงานเรื่องที่เกิดขึ้นตรงต่อเบื้องบน ด้วยวิธีนี้ความหน้าเชื่อถือของเจียงเฮาก็จะหมดไปและผลงานที่ใหญ่นี้ก็จะตกเป็นของเขาคนเดียว!
ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในหัวของเหลียงเคมิง ภายใต้การจ้องมองของทุกคนหนิงเถาจัดวางยาสลบหลินชิงหัวก่อนที่จะอุ้มเขาออกมาแล้วเดินไปที่ห้องของตัวเอง ในฐานะที่เป็นชายสูงกว่า 1.7 เมตรตอนนี้หลินชิงหัวชั่งมีน้ําหนักน้อยกว่า50กิโลกรัมเขาผอมมากจนอาจสงสัยว่าเขาสามารถปลิว ได้หลังจากถูกลมพัดหรือไม่
“พี่ ” เมื่อเห็นใบหน้าซอบผอมของหลินชิงหัว หลินชิงวุ่รู้สึกเศร้าเป็นอย่างมากและก็มีน้ําตาไหลออกมาจากดวงตาของเธออย่างควบคุมไม่ได้
หนิงเถาหยุดดูครู่หนึ่ง ก่อนที่จะพูดปลอบโยน “เชื่อผม! ผมจะรักษาพี่ชายของคุณให้หายเอง”
สําหรับหัวใจของหลินชิงวุ่ที่ดูเหมือนจะโดนบางสิ่งบางอย่างที่นุ่มนวลโอบอุ้มเอาไว้ เธอผงกหัวตอบรับพร้อมกับน้ําตา
หนิงเถาส่งหลินชิงหัวเข้าไปในห้องของเขาแล้วปิดประตู
หลินชิงว์เช็ดน้ําตาที่มุมดวงตาของเธอ แต่ฉากที่หนิงเถาหยุดพูดคุยกับเธอตอนนั้นพร้อมกับการปลอบโยนที่อ่อนโยนมันได้ตราตรึงในใจของเธอไปแล้ว
ผู้ช่วยของเฉินจุนที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาพวกเขาต่างก็รีบไปที่ประตูของหนิงเถาทันที
“ เปิดประตู! ฉันต้องการเห็นนายรักษาหลินชิงหัวยังไง?ฉันจ้องการเห็นคนขี้โกงที่อ้างตัวว่าเป็นหมออย่างนาย”
“ไอ้เรื่องข้ออ้างที่ไม่ให้คนอื่นห้องที่จริงแล้วนายบิดอะไรกัน
แน่”
ในท่ามกลางเสียงร้องตะโกนของลูกศิษย์เฉินจุนก็ได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
” หยุด!” เจียงเฮาได้ตะโกนออกมา
ผู้ช่วยของเฉินจุนมองกลับไปที่เจียงเฮาด้วยความไม่พอใจ
เจียงเฮาที่เห็นว่าสถานการณ์กลับมาสงบแล้ว เธอก็เดินไปที่ประตูห้องของหนิงเถาก่อนที่จะเอื้อมมือไปที่เอวของเธอและโชปืนพกของเธออกมา “เตือนครั้งที่หนึ่ง! ฉันต้องบอกพวกคุณเอาไว้ก่อนว่าหลังจากที่ฉันเตือนพวกคุณไปในครั้งนี้ฉันมีอํานาจในการยิงพวกคุณได้ทันทีหลังจากที่ฉันเห็นว่าพวกคุณเป็นภัย ดังนั้นมันจะเป็นการดีต่อทั้งสองฝ่ายที่จะรออยู่เงียบๆจริงไหม? ”
เธอไม่พูดเปล่าแต่ได้ยกปืนพกออกมาจากซองเอาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อย พร้อมกับแสดงสายตาที่เย็นชาออกมานั้นจึงทําให้ตอนนี้ผู้ช่วยของเฉินจุนไม่กล้าเข้าไปใกล้ประตูของหนิงเถาอีก