OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 34 เจอโดยบังเอิญ
บทที่ 34 เจอโดยบังเอิญ
กลิ่นเลือดเต็มห้องเล็กๆนี้
ชายที่มีแผลเป็นและชายหัวโล้นได้ตายไปแล้ว หลอดเลือดแดงใหญ่ของพวกเขาทั้งคู่ถูกตัดและนั้นทำให้เลือดไหลออกมาเต็มพื้น มันเป็นเรื่องยากมากที่จะจินตนาการถึงสถานการณ์ที่พึ่งจะเกิดขึ้น – จากช่วงเวลาที่พี่ชายเหมิงเข้าไปในประตูและพบว่าตัวประกันหายไป และคนสองคนของเขานอนหมดสติอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ลังเลเลยที่จะดึงมีดออกแล้วผ่าคอทั้งสอง
นี่คือการฆาตกรรม
“นายรู้ไหมว่าอีกฝ่ายเป็นตัวอันตรายมากขนาดไหน?! ถ้าเกิดว่านายไม่โชคดีพอนายและผู้หญิงคนที่นายช่วยเอาไว้จะต้องนอนกลายเป็นศพอยู่บนพื้นนี้แทน!” เจียงเฮาได้ทำลายความเงียบระหว่างเธอกับหนิงเถา
อารมณ์ของหนิงเถาไม่ได้ผันแปรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ อาจจะเพราะเขาได้กลายเป็นผู้ฝึกตนไปแล้ว มันจึงทำให้อารมณ์ต่างๆของเขามีความมั่นคงมากขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะเห็นฉากนี้เป็นครั้งแรกมันก็ไม่ได้ทำให้เกิดอารมณ์อะไรขึ้นมาเลย
“สัญญากับฉันว่านายจะไม่ทำตัวเป็นคนดีอีก?” เจียงเฮาพูดออกมา
หนิงเถาพยักหน้า “ได้! แล้วเธอรู้ยังว่าคนพวกนี้เป็นใคร โดยเฉพาะคนที่ชื่อพี่ชายเหมิง “
“ ไม่! ตอนนี้ยังต้องรอการระบุตัวตนของพวกเขาและฝ่ายเทคนิคก่อน ตำรวจเมืองฉานเจียงเองกำลังสืบสวนพวกเขาตามลักษณะและ DNA ของพวกเขา” เจียงเฮาพูดต่อว่า “สำหรับคนที่ถูกเรียกว่าพี่ชายเหมิงอะไรนั้น ตอนนี้เราได้หน้าตาของเขาแล้วกำลังตรวจสอบกับพวกกล้องวงจรปิดอยู่ ผลมันคงจะออกมาเร็วๆนี้”
“แล้ววังหยานหยางล่ะ?” หนิงเถาถามอีกครั้ง
“ เขาเป็นผู้ค้านำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของเมือง ครอบครัวของเขาได้ตั้งรกรากอยู่ในสหรัฐอเมริกา” เจียงเฮาพูดต่อว่า “เขาไม่มีประวัติผิดกฎหมายและดูเหมือนจะเป็นนักธุรกิจที่ชอบด้วยกฎหมายด้วย หากไม่ใช่เพราะข้อมูลที่นายเสนอมามันคงเป็นเรืองยากสำหรับเราที่จะสงสัยชายคนนี้ ฉันเชื่อว่าควรมีผู้ซื้ออยู่ข้างหลังเขาหรือไม่ก็พวกผู้ก่อการร้าย ดังนั้นตอนนี้ทางเบื้องบนจึงได้จับตาเขามากขึ้น “
“ดังนั้นพูดได้ว่าข้อมูลที่ฉันให้ไปนั้นมันมีประโยชน์ใช้ไหม??” หนิงเถาถามออกมาอีกครั้ง
เจียงเฮาที่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดพักชั่วครู่ก่อนที่เธอจะเข้าใจแรงจูงใจของหนิงเถา เธอกลอกตาไปมาและพูดว่า “ถ้าฉันตอบว่าใช่ นายจะใช้มันเพื่อขอร้องให้ซูหยาใช้ไหม?”
หนิงเถายิ้มออกมาอย่างขมขื่นและพูดว่า “เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่เลวรายขนาดนั้น ในทางกลับกันเธอเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ถ้าเธอได้ไปเห็นสภาพที่อีกฝ่ายอยู่ เธอจะเชื่อเรื่องที่ฉันพูดอย่างไม่ต้องสงสัย “
“นายจะไม่ช่วยฉันถ้าฉันตอบว่าไม่ใช้ไหม”
“ใช้” หนิงเถาตอบกลับมา
“ ว้าว! นี้นายกำลังขู่ฉันเพื่อผู้หญิงคนหนึ่งอยู่เหรอ? ฉันอยากจะรู้แล้วสิว่าความสัมพันธ์ของพวกนายเป็นอะไรกัน?” เจียงเฮารู้สึกไม่สบอารมณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างมาก
“ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันก็เป็นเด็กกำพร้าเหมือนกันและฉันคิดว่าเธอเป็นน้องสาวของฉัน” หนิงเถาพูดต่อว่า “เธอไม่ได้ทำอะไรผิดอย่างร้ายแรงและฉันก็ต้องการช่วยเธอให้มากที่สุด”
“นายคิดว่าเธอเป็นแค่น้องสาว?” มีความสงสัยในดวงตาของเจียงเฮาและในน้ำเสียงของเธอ
หนิงเถาตอบกลับอย่างตรงๆว่า“ ใช่! แล้วเธอคิดว่าความสัมพันธ์ของเราคืออะไร? เธอยังเด็กมาก …”
เจียงเฮาขัดจังหวะหนิงเถาทันเวลาและพูดว่า “โอเค! ฉันจะช่วยนาย” จากนั้นเธอก็หันไปและออกไปที่ประตู “ไปหาน้องสาวของนายก่อน ดูเหมือนว่าบาดแผลส่วนใหญ่ของเธอจะถูกรักษาแล้ว อีกเดียวฉันจะตามออกไป”
หนิงเถาแสดงให้เห็นรอยยิ้มจางๆ เขารู้สึกว่าเจียงเฮาจะเน้นคำว่า “น้องสาว” โดยเจตนาและเขาไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องทำแบบ
เมื่อตกกลางคืน แสงดาวหลายพันดวงก็ปรากฏขึ้นเหนือแม่น้ำฉานเจียง
รถยนต์ธรรมดาคันหนึ่งได้แล่นเข้าไปจอดร้านอาหารตะวันตกสุดหรูริมแม่น้ำเจียหลิง
เจียงเฮาในที่นั่งคนขับได้เห็นข้อความที่เธอเพิ่งได้รับทางโทรศัพท์และขมวดคิ้วออกมา “วังหยานหยานได้หนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ไปได้ และตอนนี้เราไม่สามารถหาเขาพบ”
หนิงเถาในที่นั่งผู้โดยสารได้พูดขึ้นว่า “ งั้นข่าวของชายที่ชื่อว่าพี่เหมิงอะไรนั้นละ? เรารู้ยังว่าเขาเป็นใคร?”
เจียงเฮาคลิกที่รูปบนโทรศัพท์ของเธอแล้วส่งให้หนิงเถาดู
บนหน้าจอของโทรศัพท์เป็นรูปถ่ายใบรับรองของคนขับรถแท็กซี่ที่หนิงเถาได้พบในชุมชนแห่งความสุข
“ เขาคือพี่ชายเหมิงที่นายกำลังพูดถึงใช้ไหม?” เจียงเฮาพูดต่อว่า “ชื่อจริงของเขาคือฉูเหมิง ภูมิลำเนาของเขาอยู่ในจังหวัด ทางใต้ แต่เขาไม่ได้กลับมานานกว่าสิบปีแล้ว เขาไปเป็นทหารรับจ้างในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และฆ่าคนจำนวนมากในเวลาไม่นานมานี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นนักฆ่ามืออาชีพที่โหดเหี้ยมมาก .”
“เป็นเรื่องแย่มากที่เขาหลุดลอดจากการจับกุมไปได้ ถ้ารู้แบบนี้ฉันคงบอกเธอไปตั้งแต่แรก” หนิงเถาถอนหายใจออกมาอย่างเสียใจที่ไม่บอกเจียงเฮาให้เร็วกว่านี้ ตราบได้ที่อีกฝ่ายยังไม่ถูกจับกุมซูหยาก็จะไม่ปลอดภัย
“ นายไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของซูหยาไป ฉันได้เตรียมคนไว้เพื่อปกป้องเธอแล้ว ที่ฉันกังวลมากกว่าก็คือตัวนายเอง ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังมีตัวประกันเป็นซูหยาและคงรู้สึกว่าถือไพ่เหนือกว่า แต่ตอนนี้มันไม่เป็นแบบนั้นอีกแล้ว ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรได้บ้างหลังจากนี้ ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่าที่นายจะระวังตัวเองไว้”
หนิงเถาพยักหน้าแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้ว”
“ดี! งั้นนายก็เข้าไปข้างเถอะ ไม่รู้ว่าหลินชิงวู่รอนานหรือยัง?” เจียงเฮาพูดแล้วหยิบโทรศัพท์ของเธอกลับไป
“ได้! งั้นเราคอยพบกันใหม่” หนิงเถาพูดจบก็เตรียมตัวที่จะเปิดประตูรถออกไป
“เดี๋ยวก่อน!.” เจียงเฮาได้เรียกเขาเอาไว้ก่อน
หนิงเถามองไปที่เธอแล้วด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
“เน็คไทของนายมันไม่ตรง! ฉันจะช่วยปรับมันให้เข้าที่เอง” เมื่อเจียงเฮาพูดจบ มือของเธอก็ตรงเข้าไปปรับเน็คไทของหนิงเถาให้เรียบร้อยแล้วโดยไม่ให้โอกาสเขาพูดอะไร
หนิงเถาเป็นคนธรรมดาและยังไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แน่นอนว่าเขาต้องตื่นเต้นกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นธรรมดา
“เอาล่ะ” เจียงเฮามองหนิงเถาใกล้ๆ จากนั้นริมฝีปากของเธอก็ม้วนเป็นรอยยิ้ม “นายดูดีมากในชุดสูท”
“ชุดนี้เท่าไหร่?” หนิงเถาถาม
“3,800หยวน” เจียงเฮาตอบกลับมาเรียบๆ
“อะไรนะ?” หนิงเถาตกใจ “ทำไมมันแพงแบบนี้!”
เจียงเอามองไปที่หนิงเถาทันที ก่อนที่เธอจะพูดจาเหน็บแหนบว่า “ดูสิว่าตัวนายพึ่งจะพูดอะไรออกมา? นายตกใจกับค่าชุดสามพันกว่าหยวนหรือว่านายกังวลว่าฉันจะเรียกคืนชุดนี้กัน? มั่นใจได้ว่าชุดนี้ฉันซื้อให้นายไม่เรียกคืน “
หนิงเถาโล่งอกเมื่อได้ยินแบบนี้ “ดี! งั้นเธอก็รอฟังข่าวจากฉันก็แล้วกัน” จากนั้นเขาก็เปิดประตูอีกครั้งและลุกออกจากรถก่อนที่จะมุ่งหน้าไปที่ร้านอาหาร
เจียงเฮาส่ายหัวไปมาและพูดพึมพำว่า “นายตกใจกับค่าชุดแค่สามพันกว่าหยวน แต่นายฉีกเช็คมูลค่าล้านหยวนด้วยไม่กระพริบตาด้วยซ้ำ”
ปารีสที่สองเป็นร้านอาหารตะวันตกที่หรูหราที่สุดในเมืองฉานเจียง ผู้คนที่มาที่นี่เพื่อทานนั้นสามารถพูดได้ว่าเป็นคนที่มีอิทธิพลในเมืองนี้เท่านั้น ซึ่งมันเป็นเหตุผลว่าทำไมเจียงเฮาถึงได้ยืนยันในการเตรียมสูทสำหรับหนิงเถา เมื่อเธอรู้ว่าหลินชิงวู่เชิญเขามาทานอาหารเย็นที่นี่
หนิงเถาไปถึงประตูร้าน ก่อนที่เขาจะรับโทรศัพท์จากหลินชิงวู่
“คุณหลิน! ผมเพิ่งมาถึงร้านอาหาร คุณอยู่ที่ไหน?” หนิงเถาถาม
เสียงของหลินชิงวู่ดูก้องเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันยังติดอยู่บนถนนทางไปร้านอาหารอยู่เลย แต่หมอหนิงไม่ต้องกังวลฉันได้จองโต๊ะเอาไว้แล้ว คุณสามารถบอกชื่อฉันให้กับพนักงานต้อนรับได้ทันที เขาจะพาคุณไปรอฉันที่โต๊ะก่อน ฉันคิดว่าฉันอาจจะใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงเพื่อจะไปถึงที่นั่น”
“โอเค! งั้นผมจะรอคุณอยู่ข้างในก่อน คุณเองก็อย่ารีบมากนักละ! “ หนิงเถาพูดจบก็ได้วางสายแล้วเดินเข้าไปในร้านอาหาร
หนิงเถาให้ชื่อของหลินชิงวู่กับพนักงาน ก่อนที่เขาจะพาเขาไปยังโต๊ะที่จองเอาไว้
ถัดจากร้านอาหารคือแม่น้ำฉานเจียง คืนที่เต็มไปแสงจันทร์และแสงดาวบนท้องฟ้า ทำให้สองฝั่งของแม่น้ำเป็นภาพทิวทัศน์อันงดงาม
หนิงเถามองไปที่แม่น้ำและเริ่มคิดว่า “โครงการต้นกำเนิดบรรพบุรุษที่หลินชิงหัวทำคืออะไรกันแน่? ทำไมโครงการของเขาถึงมีความลับมากมายแบบนี้? และทำไมบัญชีแยกประเภทใบไผ่ถึงได้วินิจฉัยว่าหลินชิงหัวเป็นปีศาจกลายพันธ์กัน ?” ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ได้คำตอบทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมา “เฉินผิงดาว คุณมันเป็นพวกโกหก! คุณบังคับให้ผมรับช่วงคลินิกบ้าๆนี้ต่อจากคุณ และยังบังคับให้ผมเป็นผู้ฝึกตนด้วย แต่ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย แล้วที่นี้ผมจะทำยังไงต่อดีละ? “
อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะได้พบกับเฉินผิงดาวอีกหรือไม่
” หนิงเถา! นั่นคือนายใช้ไหม? “ ทันใดนั้นเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้น
มันทำให้หนิงเถาถูกดึงกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เขามองตามแหล่งกำเนิดเสียงไปและเห็นคนสี่คนอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามคนคือเพื่อนของเขา เหลียงติงเทียน เหมิงเจียว และหยางไห่ ในตอนนี้หยางไห่มองเขาอย่างดุเดือดราวกับว่าเขาต้องการกระโดดเข้ามากินเขาทั้งเป็น
เหลียงติงเทียนมองไปทางหนิงเถาด้วยความประหลาดใจ เธอจับมือของหยางไห่เอาไว้ ไม่รู้ว่าทั้งสองไปคบกันตอนไหน ก็ครั้งที่แล้วแฟนของเหลียงติงเทียนไม่ใช้หยางไห่ อย่างไรก็ตามเท่าที่รู้มาทางด้านหยางไห่เองก็ไม่ใช้ผู้ชายที่รักเดียวใจเดียวเท่าไหร่ มันคงไม่แปลกที่พวกเขาทั้งสองจะคบกัน
สำหรับเหมิงเจียวเนื่องจากใบหน้าที่สวยงามของเธอ ทำให้ผู้ชายทุกคนในคลาสเดียวกันต่างก็ยกย่องให้เธอเป็นนางฟ้าอันดับหนึ่ง และนั้นทำให้กลุ่มเด็กผู้ชายหลายคนติดตามเธอ มันยิ่งเธอภูมิใจในตัวเองมากที่เธอไม่เคยเลียวมองหนิงเถาจริงๆมาก่อน และการพูดกันของพวกเขาในช่วงสี่ปีของวิทยาลัยมีจำนวนไม่เกิน 20 ประโยคเท่านั้น
ในตอนนี้เธอกำลังจับแขนของชายหนุ่มอีกคนที่ไม่ใช้ผู้ชายในคลาสเรียน ชายหนุ่มคนนี้สวมชุดทักสิโด้และสวมใส่นาฬิกาแบนร์ดดัง ซึ่งมันทำให้มูลค่าทั้งตัวของอีกฝ่ายนั้นมีอยู่หลายแสนเลยที่เดียว
การปรากฏตัวของทั้งสี่อย่างฉับพลันทำให้หนิงเถารู้สึกว่าโลกนั้นเล็กเกินไป แต่เขาก็ทักทายพวกเขาอย่างสุภาพ “เฮ้! พวกนายมากินข้าวเย็นที่นี้ด้วยเหรอ?”
เหลียงติงเทียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “หนิงเถา! นายยังไม่เปลี่ยนไปเลยจากการเจอครั้งที่แล้ว? จะมีใครบ้างที่พูดคำว่ากินในสถานที่แบบนี้?”
คิ้วของเหมิงเจียวเองก็ขมวดชนกันทันที
หยางไห่ได้เอนหลังและกระซิบอะไรบางอย่างข้างหูของชายหนุ่มในชุดทักสิโด้
ชายหนุ่มคนนั้นผงกหัวและดวงตาของเขาก็ตกไปหนิงเถาอีกครั้งด้วยแสงประกายอันดุเดือด
“หนิงเถา! นายสบายดีไหม? ฉันไม่รู้ว่านายมีปัญญาซื้อชุดสูทผูกไทด้วย และไหนจะมาที่ร้านอาหารสุดหรูแบบนี้ บอกมานะว่านายดวงดีถูกรางวัลลอตเตอรีมาใช้ไหม?” เหลียงติงเทียนพูดคำเยาะเย้ยถากถางออกมาในขณะที่เธอดูปฏิกิริยาของหยางไห่
เห็นได้ชัดว่าเธอรู้อะไรมากกว่านี้และเธอกำลังพยายามทำให้หยางไห่พอใจด้วยวิธีนี้
“ทำไมเราต้องใช้คำพูดว่า ‘ทานอาหารเย็น‘ แทนที่จะเป็น ‘กิน‘ ฉันคิดว่ามันมีความหมายที่เหมือนๆกัน” หนิงเถาตอบกลับไป
“นาย … ” เหลียงติงเทียนถึงกับสำลักด้วยความโกรธ
“อย่าคุยเรื่องไร้สาระกับเขาเลย! ไม่อย่างนั้นคนอื่นอาจจะคิดว่าเราคุ้นเคยกับเขา พี่ชายเฉินจูน เราควรจะไปได้แล้ว ปล่อยให้พวกบ้านนอกนี้อยู่ที่นี้คนเดียวดีกว่า อย่าปล่อยให้คนบ้านนอกนี้ทำลายบรรยากาศของเรา” เหมิงเจียวพูดด้วยน้ำเสียงเบาๆกับแฟนหนุ่มของเธอ
“เธอเรียกใครว่าคนบ้านนอก” หนิงเถาเริ่มไม่พอใจขึ้นมาจริงๆ
“ก็จะเป็นใครได้นอกจากนาย!“ เหลียงติงเทียนพูดออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าเหยียดหยามออกมา “แม้ว่านายจะนั่งที่นี่ในชุดสูทและเน็คไท ฉันก็ยังเห็นว่านายเป็นคนบ้านนอกอยู่ดี? นายควรเหมาะกับเป็นพวกกรรมกรมากกว่าที่จะมานั่งที่นี้!”
หนิงเถาได้ยืนขึ้นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เธอลองพูดอีกที่สิ”
ทันใดนั้นชายหนุ่มชื่อเฉินจูนก็เปิดปากของตัวเองว่า “นายชื่อว่าหนิงเถาใช่มั้ย? นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองหยิ่งเกินไป”