OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 32 ความสามารถอีกอย่างของพลังจิตวิญญาณ
บทที่ 32 ความสามารถอีกอย่างของพลังจิตวิญญาณ
เคาะ! เคาะ! เคาะ!
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ห้องปิดตายที่เงียบสงบเต็มไปด้วยเสียง
“ฉันเป็นคนงานในเหมืองนี้” หนิงเถาพูดคำโกหกออกมาเสียงดัง “เจ้านายของฉันได้บอกว่าวันนี้มันร้อนเกินไปและเขาสั่งให้ฉันเอาเบียร์เย็นๆมาให้พวกนาย พวกนายได้ยินที่ฉันพูดไหม?”
ไม่มีใครตอบกลับมาจากในห้อง
“มันแปลก! ก็เจ้านายบอกอยู่ชัดๆว่าให้ฉันเอาเบียร์และของกินเล่นมาให้ ทำไมถึงไม่มีใครตอบกลับมาเลย?” หนิงเถาพึมพำกับตัวเองเบาๆ “ แต่ไม่เป็นไร ฉันกินเบียร์เย็นๆกับเป็ดตุ๋นตัวนี้ก็ดีเหมือนกัน”
“เดี๋ยวก่อน.” ในที่สุดคนในห้องก็ตอบออกมา
หลังจากนั้นก็มีเสียงเดินหนักๆดังขึ้นจากอีกด้านหนึ่งของประตู
ทันใดนั้นหนิงเถาก็รู้สึกกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก เขากำหินในมือแน่น มันเป็นครั้งแรกที่เขาทำอะไรแบบนี้และนี้ยังเกี่ยวพันถึงชีวิตของซูหยาอีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าสภาพจิตใจของเขาจะดีแค่ไหน เขาก็ยังรู้สึกเครียดอยู่ดี
ประตูได้เปิดออกมาเล็กน้อยและมีหัวล้านโผล่ออกมาจากด้านหลังมัน ชายที่ดูดุดันได้มองหนิงเถาด้วยท่าทางที่ดูอันตราย “เอาเบียร์มาให้ฉัน … “
หนิงเถาไม่มีเบียร์หรือเป็ดอยู่ในมือ
ทันใดนั้นชายหัวล้านก็ตระหนักถึงบางสิ่งบางอย่างและพยายามที่จะหันศีรษะของเขากลับไป
แต่ก่อนที่หัวของเขาจะถูกดึงกลับไปหมดนั้น หนิงเถาเองก็เหวี่ยงมือขวาที่มีหินอยู่ในนั้นออกมาอย่างแรง และได้กระแทกหัวของอีกฝ่ายอย่างจัง
ปัง!
ศีรษะของชายหัวล้านก็มีเลือกไหลออกมาจำนวนมาก และเขาก็ร้องออกมาหลังจากทนความเจ็บปวดไม่ไหว
ขั้นถัดมาหนิงเถาได้วางมือบนไหล่ของชายหัวโล้นแล้วกดอีกฝ่ายให้ล้มลง ก่อนที่เขาจะพังประตูเข้ามาข้างในห้อง
ปัง!
มีเสียงลมดังขึ้นในเวลาต่อมา
หนิงเถาที่เพิ่งพุ่งเข้ามาในห้อง เขายังไม่ทันที่จะได้เตรียมตัวทำอะไรก็มีชายคนหนึ่งที่มีใบหน้าที่มีรอยแผลที่ซ่อนตัวอยู่ริมประตูจู่ๆก็ตีไม้เบสบอลใส่เขา
ปัง!
แน่นอนว่าหนิงเถาถูกมันฟาดเข้าที่หน้าอกจังๆ ครู่หนึ่งเขารู้สึกราวกับว่าหน้าอกของเขาทั้งหมดได้ถูกทำลาย ความรุนแรงและความเจ็บปวดเกือบจะทำให้เขาต้องพ้นเลือดออกมา แต่ในขณะแรงกระแทกจากไม้เบสบอลเกิดขึ้นที่หน้าอกของเขานั้น พลังงานจิตวิญญาณที่อยู่ตรงกึ่งกลางคิ้วของเขาก็เริ่มที่จะเคลื่อนไหว มันได้สั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะส่งพลังงานจิตวิญญาณแพร่กระจายไปเหมือนคลื่นเสียงสร้าง “ฟิล์มป้องกัน” สำหรับเขาปกป้องร่างกายของเขาและสติเอาไว้
พลังจิตวิญญาณเป็นพลังงานชนิดหนึ่งที่มีจิตวิญญาณเป็นของตัวเอง เมื่อเจ้านายถูกโจมตีหรือมีปฏิกิริยาภายนอกมากระตุ้น พวกมันจะทำการปกป้องผู้ฝึกเองโดยอัตโนมัติ มันก็เหมือนกับว่าเปลือกตาของใครคนหนึ่งที่จะปิดโดยอัตโนมัติเมื่อดวงตาถูกโจมตีโดยแมลงหรือฝุ่น
ปัง!
ชายผู้มีรอยแผลเป็นได้เหวี่ยงไม้เบสบอลของเขาไปที่หัวหนิงเถาอีกครั้ง
เสียงดังที่ตัวไม้เบสบอลทำได้นั้นน่ากลัวเป็นอย่างมาก มันสามารถเจาะรูในผนังคอนกรีตได้สบายๆ นั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเป้าครั้งนี้หัวมนุษย์เลย!
“วู … ” ที่มุมห้องซูหยาที่ถูกผูกไว้กับเก้าอี้เหล็กก็พยายามทำเสียงเล็กๆออกมา
ทันใดนั้นหนิงเถาก็หมอบลง
ปัง!
ไม้เบสบอลในมือของชายคนนั้นได้กระแทกกำแพงด้านหลังหนิงเถาอย่างจัง ด้วยเสียงที่น่ากลัวนี้ทำให้เกิดรูบนกำแพงอิฐและคอนกรีต!
ก่อนที่ชายคนนั้นจะได้ทันนำไม้เบสบอลกลับคืนมา หนิงเถาได้นำหินที่ยังอยู่ในมือไปกระแทกเข้าที่หัวเข่าของเขา
ปัง!
มันเป็นเสียงของกระดูกแตก
“อา!” ชายผู้ที่ใบหน้ามีรอยแผลก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา เมื่อกระดูกสะบ้าหัวเข่าของเขาได้แตกออก มันทำให้เขาเสียสมดุลและล้มลงกับพื้น
หนิงเถาพุ่งไปข้างหน้าและใช้หินในมือขวาทุบเข้าไปในหัวของชายผู้นั้นในเวลาต่อมา
เช่นเดียวกับสหายของเขาก่อนหน้านี้
หนิงเถาสามารถล้มคนร้ายทั้งสองลงได้ นั้นทำให้เส้นประสาทที่เคยตรึงเครียดของเขาผ่อนคลายลง อาจเป็นเพราะอะดรีนาลีนออกมามากเกินไปมันจึงทำให้การเต้นของหัวใจของเขากลายเป็นกลองชุด มันเป็นการต่อสู้ของชีวิตและความตายครั้งแรกของเขา แบบนี้มันจะไม่ทำให้เขารู้สึกเครียดได้ยังไง?
“หอน … ” ซูหยาที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นก็พยายามทำเสียงอู้อี้ออกมาอีกครั้ง
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็ลุกขึ้นจากพื้น ก่อนที่จะเดินไปทางซูหยาพร้อมกับดึงผ้าขี้ริ้วออกมาจากปากของเธอ
“นายสบายดีไหม?” ซูหยารู้สึกประหม่าและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน
“ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับฉัน ฉันสบายดี ไม่ต้องตกใจ ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้” หนิงเถาพูดออกมาขณะที่เขาถอดสายรัดต่างๆบนตัวของซูหยาออก
ทันทีที่เชือกหลุดออกทั้งหมด ซูหยาก็โยนตัวเองเข้าสู่อ้อมแขนของหนิงเถาและน้ำตาที่เธอเก็บเอาไว้มาตลอดก็ไหลออกมา
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ทำได้เพียงพูดปลอบเธอด้วยเสียงเบาๆได้ “ไม่เป็นไรแล้ว เธอปลอดภัยแล้ว”
“ฉันขอโทษ … ” ซูหยาร้องไห้สะอื้นออกมา ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า “ฉันไม่ควรลากนาย … ลากนายเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ … “
“เธอได้ขโมยของที่ซ่อนอยู่ใต้เตียงของเธอมาจากที่ไหน” ด้วยการหมกมุ่นกับคำถามนี้ หนิงเถาไม่สามารถรอที่จะรู้คำตอบได้
“ฉันขโมยมันจากนักธุรกิจที่ชื่อวังหยางหยาง… “
“ เจียงหยีหลงไม่ได้พึ่งจะบริจาคเงินห้าล้านหยวนให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไปเหรอ? แล้วทำไมเธอยังต้องออกมาขโมยของอีก?” หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นเขาก็แอบรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยในตัวซูหยา
“ไม่ใช้นะ! ฉันขโมยมันก่อนที่ฉันจะพบนายเสียอีก ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรฉันได้แอบเข้าไปในบ้านของวังหยางหยางในคืนหนึ่งเพื่อขโมยของมีค่า และพอดีที่ระหว่างนั้นฉันได้ยินอีกฝ่ายคุยผ่านทางโทรศัพท์บอกว่าเจ้าของสิ่งนี้มันคุ้มค่ากับเงินสิบล้านหยวน ดังนั้น ฉัน … “ซูหยาไม่สามารถเล่าต่อได้และใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความผิด
แน่นอนว่าจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ปฏิกิริยาลูกโซ่ขึ้น
หนิงเถาที่ได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็ถอนหายใจออกมา เขาได้ทำตบไปบนหลังของซูหยาเบาๆอีกครั้งและพูดว่า “เอาละ! เราจะพูดถึงเรื่องนี้กันในภายหลัง ตอนนี้เราต้องออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด”
ซูหยาพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่เธอจะเตรียมตัวที่จะลุกขึ้นจากที่นั่ง แต่เมื่อขาข้างหนึ่งของเธอถูกพื้นมันก็ทำให้เธอรู้สึกเจ็บและเธอเดินเซไปเล็กน้อย
หนิงเถาสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวนี้ ดังนั้นเขาจึงได้ถามออกมาด้วยความกังวลว่า “เธอโอเคไหม?”
“ฉันโอเค” ซูหยาได้ตอบกลับมา แต่ทันทีที่เธอได้ยกแขนขึ้นมา เธอก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและล้มลงกับพื้น
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็รีบเข้าไปพยุงเธอเอาไว้ ก่อนที่จะถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
“ ก่อนหน้านี้ฉันโดนชายคนนั้นตีเข้าที่ซี่โครง ดูเหมือนว่าซี่โครงของฉันคงจะหักนะ” ซูหยาพูดออกมาพร้อมกับหน้าตาบูดบึ้ง
หนิงเถาได้เดินไปที่ด้านหน้าของซูหยา ก่อนที่จะก็ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เธอคงไม่สามารถเดินได้เร็วๆนี้ ดังนั้นมันจะเป็นการดีที่สุดที่เธอจะกระโดดขึ้นมาบนหลังฉัน”
“ฉันจะทำ … อย่างนั้นได้ยังไง?” ซูหยารู้สึกลังเลเล็กน้อย
“เร็วเข้า!” หนิงเถาพยายามเร่งเร้าด้วยเสียงอันดุเดือด
ซูหยาไม่มีทางเลือกอีกแล้ว เธอจึงได้กัดริมฝีปากของเธอแล้วกระโดดขึ้นหลังอีกฝ่าย
มือของหนิงเต่าเอื้อมมือไปด้านหลังของเขาก่อนที่จะเตะไปถูกจุดที่ไม่ควรจะเตะอย่างไม่รู้ตัว ความรู้สึกสัมผัสที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนได้ผ่านจากมือของเขาไปสู่หัวใจของเขา การสัมผัสนี้ทำให้เขารู้สึกเป็นกังวลอย่างลับๆ แต่สถานการณ์ไม่อนุญาตให้เขาทำอะไรได้มากนัก ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้นจากพื้นพร้อมกับมีซูหยาอยู่บนหลังของเขา ก่อนที่เขาจะวิ่งออกมาจากบ้านหลังนั้น
เขาวิ่งเร็วมากจนซูหยาได้นำแอแบล็กขนาดพอดีของตัวเองชนเข้ากับหลังของเขาเป็นระยะ
“อุ๊ย … ” ซูหยารู้สึกเจ็บขึ้นมาหลังจากที่หนิงเถาได้กระโดดผ่านหลุม
“ ทนเอาอีกสักหน่อย มันจะไม่เป็นไรเมื่อเราออกจากที่นี่” หนิงเถาพูดขึ้นและเร่งฝีเท้าของเขาให้เร็วมากกว่า
ซูหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็กัดริมฝีปากของเธอให้เน้นขึ้น และพยายามทนไม่เพียงแค่ความเจ็บปวดจากการกระแทกเท่านั้น แต่ยังมีความรู้สึกอื่นอีกด้วย
หนิงเถาไม่รู้ว่าผู้หญิงที่เขาแบกอยู่ด้านหลังกำลังคิดอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะรู้เขาก็ไม่มีเวลาที่จะสนใจ เพราะสิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้คือการนำตัวเองออกจากที่นี้ไปให้ไกลที่สุด
จริงๆแล้วเขาคิดเกี่ยวกับการใช้ประตูวาปตรงกลับไปที่คลินิกของเขา แต่ในกรณีนั้นซูหยาจะรู้ความลับของคลินิกและอาจจะทำให้เกิดเอฟเฟกต์ผีเสื้อขึ้นได้ มันจะไม่มีทางควบคุมความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ ดังนั้นความคิดนี้จึงได้ถูกปัดตกไป
เมื่อมาถึงสถานที่คิดว่าปลอดภัยแล้ว หนิงเถาก็ดึงโทรศัพท์ออกมาเพื่อโทรไปหาเจียงเฮา แต่ก่อนที่เขาจะกดหมายเลขโทรศัพท์ออกไป มันก็มีหมายเลขที่ไม่คุ้นเคยปรากฏขึ้นมาเสียก่อน
หนิงเถารู้ว่ามันต้องหมายเลขของชายที่อยู่บนรถแท็กซี่
เสียงที่ดังมาจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ “คุณอยู่ที่ไหน?”
มันเป็นเสียงของคนขับรถแท็กซี่จริงๆ
หนิงเถามองไปที่ซู่หยา ก่อนที่จะวางนิ้วมือลงบนริมฝีปากของเขาเพื่อให้อีกฝ่ายเงียบเสียงลง ก่อนที่เขาจะตอบคนขับแท็กซี่ว่า “ฉันอยู่ที่บ้านของฉันและฉันกำลังรอโทรศัพท์ของนายอยู่เลย นายบอกฉันมาได้แล้วว่าต้องเอาของไปแลกตัวที่ไหน?”
“เอาสิ่งนั้นไปที่เหมืองเหนือ ภายใน 40 นาที ไม่อย่างนั้นฉันจะฆ่าผู้หญิงคนนั้นถ้าคุณไม่มาหรือมาสาย! และถ้าคุณกล้าโทรหาตำรวจ คุณก็รอตามเก็บชิ้นส่วนของผู้หญิงคนนั้นได้!” คนขับแท็กซี่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ได้! ฉันจะไปอยู่ตรงนั้นตามเวลาที่กำหนด แต่ฉันเองก็ต้องเตือนนายเหมือนกันว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของฉัน ฉันสาบานว่านายจะต้องอยากตายมากกว่าการมีชีวิตอยู่!” หนิงเถาเองก็ไม่ยอมเรื่องนี้เช่นกัน
“เฮอะ! … ” นี้เป็นเสียงเดียวที่ดังขึ้นมาจากปลายอีกด้านของสาย ก่อนที่จะวางไป
หนิงเถาวางโทรศัพท์ของเขาและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แสงยังคงสว่างอยู่ซึ่งนั้นหมายความว่ามันยังต้องใช้เวลาอีกหลายชั่วโมงก่อนจะมืด
“เป็นผู้ชายคนนั้น?” ซูหยาพูดขึ้นมาหลังจากที่เธอเห็นว่าสายนั้นถูกตัดไปแล้ว
หนิงเถาถามออกมาด้วยความสงสัยว่า “เธอรู้เหรอว่าอีกฝ่ายเป็นใคร?”
“ ฉันไม่รู้ว่าเขาอีกเป็นใคร! แต่ฉันจำเสียงนั้นได้ มันเป็นชายคนเดียวกับที่ตีฉันจนกระดูกซี่โครงของหัก” ซูหยาพูดออกมาพร้อมกับมีการสั่นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอกลัวอีกฝ่ายมาก
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ทำเพียงพยักหน้า ก่อนที่เขาจะกดหมายเลขโทรศัพท์มือถือไปหาเจียงเฮา ใช้เวลาไม่นานก่อนที่อีกฝ่ายจะกดรับ “ฟังฉันก่อน! ตอนนี้ฉันอยู่บนเนินเขาด้านหลังของเหมือนเหนือ ที่ฉันไม่ได้บอกเธอก่อนหน้านี้เพราะมีคนจับเพื่อนของฉันเอาไว้ ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันช่วยเธออกมาสำเร็จแล้วแต่เธอได้รับบาดเจ็บ ฉันต้องการให้เธอช่วยเรียกรถพยาบาลให้ “
“แล้วนายได้รับบากเจ็บด้วยไหม?” เมื่อเธอได้ยินหนิงเถาขอให้เธอเรียกรถพยาบาล ปฏิกิริยาแรกของเธอคือถามความปลอดภัยของอีกฝ่ายก่อน แทนที่จะถามว่าเขาไปทำอะไรที่นั้น
“ฉันสบายดี” หนิงเถาพูดต่อว่า “แต่คนที่ลักพาตัวเพื่อนของฉันได้รับบาดเจ็บ”
“นายอยู่กับที่ก่อน ฉันใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงแล้ว และฉันคิดว่าเราต้องคุยกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง” เจียงเฮาพูดจบก็วางสายไป
ซูหยาที่ได้ยินตั้งแต่ต้นก็รู้สึกประหม่าขึ้นมา “นายโทรหาตำรวจเหรอ?”
“ใช้! ฉันโทรหาเพื่อนที่ชื่อเจียงเฮาและเธอก็เป็นตำรวจ” หนิงเถาตอบกลับมา
“ ฉัน ฉันต้องออกไปจากที่นี่ เธออาจจะจับฉันได้ถ้ารู้เรื่องที่ฉันเคยทำ” ซูหยาประสาทมากยิ่งขึ้นและธอพยายามที่จะเดินจากไป
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็คว้ามือของเธอและพูดโน้มน้าวว่า “การหลีกเลี่ยงปัญหามันไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ เมื่อเธอได้ทำอะไรผิดไป เธอก็ต้องกล้าที่จะเผชิญหน้ากับมัน ไม่ใช้มัวแต่คอยหลบหนีมันไปตลอดชีวิต”
“ฉัน … ” ซูหยารู้สึกว่าตัวเองสูญเสียคำพูดที่จะพูดออกไป
“ฉันจะบอกเจียงเฮาเกี่ยวกับสถานการณ์ของเธอ” หนิงเถาพูดเรียบๆต่อว่า “อีกอย่างแผนกของเธอต้องการความช่วยเหลือจากฉัน และฉันมั่นใจว่าเรื่องของเธอจะถูกจัดการให้ถูกต้อง ดังนั้นเธอไม่ต้องกังวลไป”
ริมฝีปากของซูหยาสั่นเล็กๆ “ทำไมนายถึงดีกับฉันจัง” ในที่สุดเธอก็ถามคำถามที่อันตรายออกมา
หนิงเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบเลี่ยงๆว่า “หลี่เสี่ยวหยูและเด็กคนอื่นๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์ พวกเขาไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากเธอ”
ดวงตาของซูหยามีความผิดหวังเกิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่มันจะหายไป
ดูเหมือนว่าหัวข้อจะติดอยู่ตรงนี้ หนิงเถาไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นดังนั้นเขาจึงได้พาซูหยาเดินไปทางต้นไม้ใหญ่ “ ฉันจะปีนขึ้นไปและดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นในเหมือง แล้วจากนั้นฉันจะลงมาและเราจะคิดแผนขั้นต่อไปกัน โอเคไหม?”
ซูหยาพยักหน้าและพูดว่า “นายเองก็ระวังตัวด้วย”
หนิงเถาพยักหน้าก่อนที่จะปีนขึ้นต้นไม้ด้วยมือและเท้าเปล่า