OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 25 ลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
บทที่ 25 ลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
พลังจิตสีดำและสีขาวได้แพร่กระจายผ่านเครือข่ายประสาทในสมองของหลินชิงวู่ มันเหมือนกับลำธารน้ำที่แห้งแล้งได้ถูกสายฝนในฤดูฝนตกใส่ มันทำให้ลำธารที่เคยแห้งมาตลอดได้รับการเติมเต็ม
“รู้สึกสบายตัวจัง! ฉันรู้สึกราวกับว่าร่างกายและจิตใจของฉันกำลังแช่ตัวในน้ำพุร้อนเลย มันผ่อนคลายมาก … ” หลินชิงวู่พึมพำกับตัวเองเบาๆ เธอไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายแบบนี้มาก่อนในชีวิต
อย่างไรก็ตามเมื่อเธอพึ่งจะรู้สึกผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์และสนุกไปกับการบำรุงรักษาอยู่นั้น พลังจิตของหนิงเถาก็ถูกเรียกคืนกลับไป และนั้นทำให้พลังงานแห่งความสุขที่เคยไหลผ่านร่างกายของเธอหายไป
หนิงเถาดึงเข็มศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เล่มออกจากร่างของหลินชิงวู่ “เสร็จแล้ว! ตอนนี้คุณก็สามารถใส่เสื้อกลับได้แล้ว”
หลินชิงวู่มองหนิงเถาด้วยสีหน้าแปลกๆ เธอยังคงนอนอยู่ในท่าทางล่อลวงบนโซฟา “เสร็จแล้ว?” เธอถามออกมาอย่างไม่แน่ใจ
หนิงเถาพยักหน้าเป็นการยืนยัน ก่อนที่เขาจะเก็บเข็มศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่เล่มกลับเข้าไปในหีบยาขนาดเล็กของเขา
“คุณสามารถทำมันอีกครั้งได้ไหม?” หลินชิงวู่ถามออกมาพร้อมกับแสงไฟกระพริบเล็กน้อยในดวงตาของเธอ
“มันไม่มีประโยชน์อะไร” หนิงเถาตอบว่า “การฝังเข็มของผมไม่เหมือนใคร ผมไม่สามารถให้การฝังเข็มได้ตามที่คุณต้องการ การฝังเข็มมากขึ้นนั้นไม่ดีต่อสุขภาพของคุณเอง ดังนั้นผมจึงจะต้องให้คุณทานยาตามใบสั่งแพทย์ด้วย”
หลินชิงวู่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เธอลุกขึ้นจากโซฟาพร้อมกับหยิบเสื้อของเธอและสวมพวกมันกลับไป
หนิงเถาได้นั่งอยู่ข้างโต๊ะน้ำชาเพื่อเขียนใบสั่งยาสำหรับหลินชิงวู่
หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้ว หลินชิงวู่ได้ก้มตัวลงมาจากอีกด้านหนึ่งของโต๊ะน้ำชา
ท่าทางที่ไม่คาดคิดของเธอทำให้ดวงตาของหนิงเถาและมือของเขาซึ่งกำลังเขียนตัวยาอยู่นั้นต้องหยุดลงทันที
เขาเห็นว่าหน้าอกของเธอที่เหมือนกับภูเขาสูงชันสองลูกได้ห้อยลงมาจากด้านบน และเขายังมองเห็นรอยแยกของมันได้อีด้วย ภาพตรงหน้านั้นช่างเป็นฉากที่มีเสน่ห์!
หลินชิงวู่จ้องมองหนิงเถาด้วยดวงตาสีดำอันงดงามของเธอ
ดวงตาของพวกเขาได้มาพบกันราวกับว่าการปะทะกันของหอกและโล่
หลินชิงวู่ลุกขึ้นยืนและดึงเสื้อของเธอมาปิดโดยไม่รู้ตัว
หนิงเถาเองก็หลับตาลง ก่อนที่จะเริ่มเขียนใบสั่งยาอีกครั้งอย่างจริงจัง
ในช่วงเวลานั้นเองก็ได้เกิดบรรยากาศที่น่าอึดอัดใจขึ้นในสำนักงาน
ไม่กี่วินาทีต่อมาหลินชิงวู่ก็เป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบขึ้น “ หลังของฉันไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว ปรากฎว่าสิ่งที่พวกนั้นพูดกันเป็นความจริง ดูจากหน้าตาของหมอแล้วคุณนั้นดูเด็กมากจนฉันไม่ได้คาดหวังว่าคุณจะมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมแบบนี้”
หนิงเถาไม่ตอบอะไรเลย เขาทำเพียงเพื่อเขียนใบสั่งยาต่อไป
“ เอาละงั้นฉันจะโทรศัพท์ก่อนเดี๋ยวกลับมา” หลินชิงวู่พูดจบเธอก็ได้เดินไปทางระเบียงทันที เมื่อเธอมาถึงระเบียงเธอก็ได้ปิดประตูแก้ว
หนิงเถามองไปที่หลินชิงวู่ที่กำลังคุยโทรศัพท์มือถือของเธอ น่าเสียดายที่ประตูแก้วบานนั้นกันเสียงจนเขาไม่ได้ยินสิ่งที่เธอพูด เขาที่เห็นแบบนั้นก็คิดกับตัวเองว่า “ผู้หญิงที่เย่อหยิ่งอย่างนั้นและยังยอมถอดเสื้อผ้าให้ฉันฝังเข็ม มันคงต้องมีอะไรแอบแฝงอย่างแน่นอน ถ้าไม่มีสิมันถึงจะแปลก… “
ไม่กี่นาทีต่อมาหนิงเถาก็เขียนใบสั่งยาเสร็จและหลินชิงวู่เองก็เดินกลับจากระเบียงเช่นกัน
หนิงเถาส่งใบสั่งยาให้เธอแล้วบอกว่า “นี่คือใบสั่งยาของผมสำหรับคุณหลิน คุณสามารถนำใบสั่งยานี้ไปยังร้านขายยาได้ทุกที่ และเรื่องที่ผมมารักษาพนักงานในบริษัทของคุณโดยไม่ได้รับอนุญาตผมต้องขอโทษด้วย ดังนั้นเพื่อเป็นการแสดงความเสียใจผมจะไม่คิดค่ารักษาคุณในครั้งนี้ “
จากนั้นหนิงเถาก็เดินไปที่ประตูพร้อมกับกล่องยาเล็กๆของเขา
“รอเดียว” หลินชิงวู่เรียกและหยุดหนิงเถาอีกครั้ง
หนิงเถาหันมามองเธอแล้วถามว่า “คุณหลิน! คุณต้องการอะไรอีก”
หลินชิงวู่ถามว่า “คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?” ก่อนที่หนิงเถาจะตอบสนองอะไร เธอก็ได้พูดเสริมว่า “ ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เพราะมันไม่ใช่ปัญหา”
“ ผมไม่ได้กังวลเรื่องนั้น แต่มันเป็นเรื่องที่คุยต้องการให้ผมทำต่างหาก?” หนิงเถาตอบกลับมาอย่างสุภาพ
“ พี่ชายของฉันป่วยและสุขภาพของเขาแย่ลงทุกวัน ดังนั้นฉันอยากเชิญคุณไปที่บ้านของฉันและดูว่าจะรักษาเขาได้ไหม?” หลินชิงวู่ได้พูดในสิ่งที่ตัวเองต้องการออกมา
นี้คือสิ่งที่เป็นปมในใจของเธอตลอดเวลา และมันยังเป็นสาเหตุที่เธอยอมเป็นหนูทดลองก่อนหน้านี้อีกด้วย
“เกิดอะไรขึ้นกับพี่ชายของคุณ?” หนิงเถาถามกลับ
“ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ คุณพาเขาไปโรงพยาบาลหรือยัง??”
“ ไปแล้ว! แต่หมอเองก็ไม่ทราบว่าโรคที่พี่ชายของฉันเป็นนั้นคืออะไรเช่นกัน จะอธิบายยังไงดี มันดูเหมือนว่าจะเป็นโรคที่ไม่เคยมีมาก่อน ถ้าคุณไปเห็นก็จะเข้าใจเอง” หลินชิงวู่พยายามละงับอารมณ์ระหว่างที่เธอพูดเรื่องนี้ออกมา แต่แววตาที่เธอมองมายังหนิงเถานั้นกับเต็มไปด้วยความเศร้า
“งั้นคุณจะพาผมไปหาพี่ของคุณตอนนี้?”
“ ไม่! ฉันยังออกไปไม่ได้ ได้โปรดคุณช่วยทิ้งเบอร์โทรศัพท์มือถือของคุณให้ใช้ได้ไหม? ฉันจะโทรหาคุณเมื่อฉันเลิกงานแล้วและฉันจะไปรับคุณเพื่อไปหาพี่ชายฉัน “หลินชิงวู่ได้พูดออกมา
หนิงเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เอาล่ะ! ผมจะให้หมายเลขโทรศัพท์ของผมกับคุณ และเราจะคุยกันอีกครั้งหลังจากเวลาเลิกงานแล้ว”
หนิงเถาได้ออกจากห้องสำนักงานหลินชิงวู่หลังจากที่เขาได้ให้หมายเลขโทรศัพท์ของเขากับเธอ
เมื่อเขาเดินผ่านบริเวณสำนักงานขนาดใหญ่ เขาได้ยินพนักงานคนหนึ่งแอบเรียกชื่อเล่นของหลินชิงวู่ว่า “แม่ชี” ซึ่งทำให้เขารู้สึกตลกกับชื่อนี้มาก เขาไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมชื่อเล่นแปลกๆนี้ถึงได้มอบให้กับผู้หญิงที่มีความภาคภูมิใจและร้อนแรงแบบหลินชิงวู่ได้กัน
หลังจากออกจากบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ หนิงเถาก็ได้กลับไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์แทนที่จะเดินไปตามถนนและฝึกรักษาคนอื่น เขาได้ซื้อขนมและหนังสือเด็กมากมาย เขาต้องการเห็นโจวหยูเฟิง ซูหยาและเด็กผู้หญิงที่น่ารักและตลกอย่างหลี่เสี่ยวหยู
ในขณะที่รถแท็กซี่จอดที่ริมถนน หนิงเถาก็ออกจากรถแล้วเดินไปที่ประตูของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของซันไชน์พร้อมกับกล่องยาเล็กๆของเขาในมือข้างหนึ่งและถือถุงขนาดใหญ่ใบหนึ่งบนมืออีกข้าง
ประตูเหล็กยังคงเป็นเหมือนเดิม กำแพง อาคาร ลานหน้าบ้าน ทั้งหมดยังคงเป็นอย่างเดิมมันทั้งดูเก่าและโทรม
เขาขมวดคิ้วแล้วก็สงสัยว่า “เกิดอะไรขึ้น? ก่อนหน้านี้เจียงหยีหลงก็พึ่งจะบริจาคเงินห้าล้านหยวนให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไป แม้ว่าป้าโจวจะเสียความทรงจำเกี่ยวกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าไป แต่ซูหยาก็สามารถใช้เงินเพื่อปรับปรุงสภาพที่นี่ได้ แล้วทำไมเธอถึงไม่ทำมัน? “
ที่ประตูหนิงเถาได้เอื้อมมือออกไปเคาะอีกครั้ง
เคาะ! เคาะ! เคาะ!
“รอสักครู่.” ในไม่ช้าเสียงของเด็กผู้หญิงที่ดูน่ารักก็ได้ดังขึ้นจากด้านหลังประตู
รอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปากของหนิงเถา เพราะเขาจำเจ้าของเสียงนี้ได้ มันจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหลี่เซียวหยู
จากนั้นประตูเหล็กก็เปิดออกเล็กน้อยและหัวเล็กของหลี่เซียวหยูก็ออกมาผ่านรอยแตกนั้น การแสดงออกบนใบหน้าของเธอได้เปลี่ยนไปทันทีที่เห็นว่าใครอยู่อีกฝั่งของประตู ได้ปรากฏรอยยิ้มเล็กๆขึ้นบนใบหน้าของเธอ “โอ้! ลุงหนิงกลับมาแล้ว! เข้ามาสิค่ะ เข้ามา … ว้าว! ขอหนูช่วยลุงถือได้ไหม?!”
หนิงเถายิ้มและพูดว่า “ได้สิ! งั้นหนูช่วยฉันถือกล่องยาก็แล้วกัน”
“ไม่! หนูขอหิ้วกระเป๋าใบใหญ่นั้น!” หลี่เสี่ยวหู่ไม่ยอมฟังคำเตือนของหนิงเถา เธอยังคงยืนยันที่จะถือมัน และทันทีที่เธอถือมันผลก็คือเธอได้ล้มลงไปกองกับพื้นเพราะน้ำหนักที่มาก
หนิงเต่าเอื้อมมือออกมาแล้วดึงเธอขึ้นพร้อมกับหัวเราะ “ ลุงรู้ว่าหนูต้องการขนม แต่หนูไม่ต้องรีบร้อนแบบนั้นก็ได้ เพราะยังไงลุงก็ซื้อมาเผื่อทุกคนอยู่แล้ว”
“แต่หนูต้องการเพิ่มเป็นสองชิ้น” หลี่เสี่ยวหยูพูดออกมา
“ทำไมละ?” หนิงเถาถามกลับ
“เพราะหนูสวยและน่ารัก” หลี่เสี่ยวหยูตอบกลับพร้อมกับแสดงท่าทางน่ารักให้หนิงเถาดู
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ “งั้นเดียวลุงหนิงจะให้น้ำตาลก้อนกับหนูอีกชิ้นก็แล้วกัน” เขาพูดจบก็ได้ก้มลงหยิบกระเป๋าใบใหญ่ที่ตกลงบนพื้นขึ้นมา ก่อนที่จะเดินเข้ามาในประตูและถามว่า “แล้วพี่สาวของหนูซูหยาอยู่ที่ไหนกัน?”
“หนูเองก็ไม่รู้เหมือนกัน พี่ซูหยาออกไปตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วแต่ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมา”
เธออกไปตั้งแต่เมื่อคืนเหรอ? ทันใดนั้นหัวใจของหนิงเถาก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นและความกังวล “เธอพูดอะไรก่อนที่จะออกไปไหม? “
หลี่เสี่ยวหยูส่ายหัวน้อยๆของเธอไปมาแล้วตอบว่า “ไม่ค่ะ”
“งั้นเธอได้พูดไหมว่าเมื่อไรเธอจะกลับมา?” หนิงเถาถามอีกครั้ง
หลี่เสี่ยวหยูก็ยังคงส่ายหัวของเธออีกครั้ง “ไม่ค่ะ”
“แล้วหนูไม่คิดจะโทรตามพี่ซูหยาเหรอ?”
“หนูพยายามโทรหาพี่ด้วยโทรศัพท์ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า” หลี่เสี่ยวหยูตอบว่า “แต่โทรศัพท์มือถือของพี่สาวซูหยาปิดตลอดเวลาเลย”
หนิงเถากลายเป็นมืดมนมากขึ้น “ผู้อำนวยการโจวละ? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
“ เธอเองก็ออกไปหลังอาหารเช้าและยังไม่กลับมาเลย” หลี่เสี่ยวหยูตอบกลับมา
“เธอไม่ได้บอกหนูเหรอว่าเธอกำลังจะทำอะไรหรือเมื่อไหร่เธอจะกลับมา?”
“หนูถามเธอแล้ว แต่เธอไม่สนใจหนูเลย” หลี่เซียวหยูพูดด้วยท่าทางที่เจ็บปวด “มันจึงทำให้ตอนนี้เพื่อนของหนูและหนูยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลยวันนี้ “
คำพูดของหลี่เสี่ยวหยูทำให้หนิงเถารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก แต่เขาก็ยังคงแตะหัวน้อยๆของเธอและปลอบโยน “ไม่ต้องกังวลเกินไป ตอนนี้ลุงอยู่ที่นี้แล้ว เดี๋ยวลงจะเป็นคนทำอาหารให้พวกหนูเอง”
หลี่เสี่ยวหยูพูดอย่างดีใจว่า “ลุงหนิง ลุงเป็นลุงที่ใจดีที่สุดเลย ถ้าผู้หญิงคนไหนได้แต่งงานกับลุง หนูคิดว่าพวกเธอต้องโชคดีที่สุดแน่เลย”
หนิงเถาเลือกที่จะไม่ตอบเรื่องนี้
คำพูดที่ไร้เดียงสาของหลี่เสี่ยวหยูทำให้เขามีความสุขอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่ความสุขนั้นกินเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่หัวใจของเขาจะตกลงไปอีกครั้ง ความจริงที่ว่าซูหยาหายไปทั้งวันและโจวหยูเฟิงเองก็ออกไปทั้งวัน มันทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจและรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ดีเกิดขึ้น
หลี่เสี่ยวหยูเรียกเพื่อนของเธอออกมา หนิงเถาเองก็ได้มอบขนมให้กับเด็กๆแล้วโทรไปหาเบอร์รู้จักเบอร์หนึ่ง
“จี๋หมิง! นี้ฉันเองนะ หนิงเถา นายว่างไหม??”
“โอ้! ตอนนี้ฉันมีเวลาเหลือเฟือ” จี๋หมิงตอบกลับทำให้เกิดความเห็นแก่ตัวเล็กน้อย
“มันฟังดูแปลกๆนะ? วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับนายหรือเปล่า” หนิงเถาถามออกมา
จี๋หมิงได้ตอบด้วยเสียงหัวเราะว่า “นายอาจไม่เชื่อสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ แต่วันนี้ไม่รู้ว่าเจ้านายอย่างเจียงหยีหลงถูกผีสิงหรือกินยาผิดประเภทมา เขาถึงกับขายหุ้นบริษัททิ้งเกือบหมดและยังนำเงินที่ได้ไปมอบให้กับองค์กรการกุศลต่างๆ นายคิดว่ามันแปลกไหม? อยู่ๆเขาก็กลายเป็นคนดีขึ้นมาซะงั้น? แต่คนที่ซวยกับเป็นพนักงานตัวเล็กๆอย่างฉันที่ตอนนี้ต้องตกงาน มันจึงมีเวลาเหลือเฟือที่จะคุยกับนาย “
คำพูดของจี๋หมิงทำให้หนิงเถารู้สึกผิดเล็กน้อย หลังจากไตร่ตรองสักครู่เขาจึงเสนอว่า “จี๋หมิง! ทำไม … ทำไมนายไม่มาที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์เพื่อทำอาหารและช่วยดูแลเด็กๆที่นี่ละ?”
“นายล้อเล่นใช่มั้ย?” จี๋หมิงถามด้วยความประหลาดใจ “ตอนนี้ขนาดตัวฉันเองยังดูแลไม่ได้เลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปดูแลคนอื่นกัน?”
“4,000 หยวนต่อเดือน นายต้องการงานไหม?” หนิงเถาได้ถามออกไปตรง
“รอฉันครึ่งชั่วโมง ไม่สิ แค่สิบห้านาทีฉันก็ไปถึงที่นั้นแล้ว!” จี๋หมิงยอมรับงานโดยไม่ลังเล
หลังจากการโทรครั้งนี้จบลง อาหารที่เขาทำอย่างบะหมี่สำหรับเด็กก็เสร็จแล้ว ระหว่างที่พวกเด็กๆกำลังทานกันอย่างเอร็ดอร่อยอยู่นั้น เขาก็ได้แอบเข้าไปยังห้องของซูหยา
ห้องของเธอนั้นเรียบง่ายมาก มีเพียงเตียงโต๊ะไม้เล็กๆ ตู้เสื้อผ้าเรียบง่ายและเก้าอี้พลาสติก โต๊ะไม้เล็กๆตั้งอยู่ข้างหน้าต่างซึ่งมีถ้วยแปรงสีฟันและยาสีฟันและนวนิยายโรแมนติกหลายเล่มอยู่บนนั้น
หนิงเถาพยายามโทรหาซูหยาในห้องอีกครั้ง แต่โทรศัพท์ของเธอก็ยังคงปิดอยู่ เขามองไปรอบๆห้องเพื่อหาเบาะแสที่จะบอกได้ว่าเธออาจจะไปที่ไหน แต่เขาไม่พบอะไรเลย ในที่สุดเขาก็เลิกหาและนั่งลงบนเตียงของเธอ ก่อนที่จะเปิดใช้ทักษะการดมกลิ่นของเขา
มีหลายร้อยกลิ่นหลั่งไหลเข้ามาในจมูกของเขารวมถึงกลิ่นที่เหมือนฮอร์โมนแปลกๆด้วย และยังมีกลิ่นที่แปลกๆจากพวกปนอยู่ในนั้นเช่นกัน
หนิงเถาที่พบเรื่องนี้ก็ตั้งใจให้มากขึ้น จนเขารู้ว่ากลิ่นนั้นมาจากที่ไหน เขาจึงได้ก้มลงไปที่ขอบเตียง ขณะที่เขามองลงใต้เตียงคิ้วของเขายับไปด้วย