OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 22 อย่ามาแข่งอิทธิพลกับหนิงเถา
บทที่ 22 อย่ามาแข่งอิทธิพลกับหนิงเถา
ชายอ้วนได้เเตะไปสัญลักษณ์บนหน้าอกของตัวเอง และตะโกน “หมอ! คุณชื่ออะไร?”
“ทำไมคุณถึงอยากรู้ชื่อของผมละ?” หนิงเถาไม่เพียงแต่ไม่ตอบกลับไป เขายังถามคำถามกลับไปแทน
“แม่*! ฉันอุสาให้เกียรติ์นายแล้ว แต่ดูเหมือนว่านายจะไม่รับมัน!” ชายอ้วนได้พูดจาสาปแช่งออกมา ก่อนที่จะเดินเข้าไปเตะกล่องอาหารกลางวันในมือของหนิงเถา
ปัง!
กล่องอาหารกลางวันของหนิงเถาได้บินออกไป ไม่ว่าจะเป็นข้าว ธัญพืช เนื้อสัตว์ และผักดองต่างๆ ต่างก็ได้ตกลงไปบนพื้นทั้งหมด มีเพียงเนื้อเป็ดที่อยู่ในปากของเขาเท่านั้นที่รอดจากเหตุการณ์นี้
หนิงเถาที่ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนก็ได้ยืนขึ้นและจ้องมองไปยังชายอ้วนด้วยสายตาเย็นชา
“ ฮึ! แกกล้าจ้องมาหาฉันแบบนั้นได้ยังไง? รู้ไหมว่าแกทำอะไรลงไป?” ผู้ชายอ้วนยังคงแสดงอำนาจของตัวเองออกมา
“ผมทำอะไรลงไปเหรอ?” หนิงเถาถามกลับด้วยน้ำเสียงสงบ
“แกได้ละเมิดข้อบังคับและมีอิทธิพลต่อภาพลักษณ์ของเมือง หรืออาจจะพูดได้ว่าแกนั้นได้แสดงเป็นหมอปลอม และนั้นเป็นเรื่องที่เราไม่ยอมให้เกิดขึ้น! ดังนั้นแกต้องไปกับฉันเดียวนี้!” ชายอ้วนได้พูดข้อกล่าวหาของหนิงเถาออกมา ก่อนที่เขาจะสั่งให้ตามไป
“ทำไมผมต้องแกล้งเป็นหมอกัน? และคุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นหมอปลอม? และไหนจะข้อกล่าวหาที่ว่าผมไปหรอกลวงคนอื่น? แต่ที่สำคัญที่สุดคือแผนกของคุณไม่ได้รับหน้าที่นี้ไม่ใช้เหรอไง?” หนิงเถาเองก็ไม่ยอมรับเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้ตอบโต้กลับไป
“แกช่างเป็นอะไรที่ดื้อรั้นจริงๆ!” เฉินเจ้าทนไม่ไว้อีกแล้ว เขาจึงได้เดินออกมาจากด้านหลังเจ้าหน้าที่ดูแลเมืองด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “คุณหมอ! คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังพูดกับใครอยู่? นี่คือหัวหน้าดูแลเมืองเขตเมืองจางเฉียง กระทั่งพวกอันธพาลอันดับหนึ่งของเมืองนี้ยังต้องไว้หน้าของหัวหน้าหยงถึงหกส่วน รู้แบบนี้แล้วคุณหมอยังคิดจะขัดขืนอีกหรือไง? “
เมื่อเฉินเจ้าปรากฏตัวออกมา หนิงเถาก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
“ หัวหน้า! ชายคนนี้แหละที่ผมพูดถึง เขาเป็นหมอปลอมและได้ทำการความผิดลงไป!” หลังจากที่ได้ฟังที่เฉินเจ้าพูดออกมา จ่างหยงชายอ้วนก็รู้ว่าตัวเองต้องจัดการยังไง ถึงยังไงเขาก็เคยทำเรื่องแบบนี้มาแล้วมากมาย การที่จะจัดการเรื่องนี้จึงเป็นงานง่ายๆสำหรับเขา
ชายอ้วนได้สั่งให้ลูกน้องไปล้อมหนิงเถาเอาไว้ ทันทีที่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติก็สามารถเข้าไปโจมตีได้ทันที
“เดี๋ยวก่อน” หนิงเถาที่เห็นว่าเหตุการณ์มันเกินที่จะตกลงกันดีๆไปแล้ว เขาจึงได้ตะโกนขัดขึ้น
จางหยงที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงร้อยยิ้มที่เย็นชาออกมาและถามว่า “แกกลัวเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นแกก็คุกเข่าลงและขอโทษน้องฉันซะ! ถ้าฉันอารมณ์ดีฉันอาจจะให้โทษเบาๆกับแกก็ได้ “
หนิงเถาไม่ได้ทำตามที่อีกฝ่ายพูดออกมา เขาทำเพียงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วพูดว่า “ผมจะเรียกชายคนหนึ่งมาและถ้าคุณยังกล้าที่จะข้ามเขามาหาผมอีก ผมจะยอมทำตามที่คุณสั่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นอะไรดีไหม? แต่ผมไม่คิดว่าคุณกล้าทำมัน “
“ฮ่าฮ่า! แกคิดเหรอว่าฉันไม่กล้า?” ไขมันของจางหยงได้กระเพื่อมไปมาพร้อมกับเสียงหัวเราะของตัวเอง “แกมันก็แค่นักต้มตุ๋นตัวเล็กๆคนหนึ่ง แกยังคิดที่จะใช้ลูกไม้เด็กน้อยนี้กับฉันอีกหรือไง? ดี! วันนี้ฉันจะเล่นกับแกก็แล้วกัน ฉันจะให้ทุกคนรู้ว่าไม่มีใครเล่นลูกไม้ต่อหน้าของฉันได้!” จากนั้นเขาก็พูดเสริมว่า “เจ้าสอง! แกรีบโทรหาเด็กๆของเราที่ทำงานอยู่ที่นี้ทั้งหมด ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าถ้าเพื่อนของมันมาเห็นพวกเราแล้วจะแสดงอาการยังไง!”
ลูกน้องที่ชื่อเจ้าสองได้กดหมายเลขในโทรศัพท์และโทรเรียกรวมตัวทันที
หนิงเถาเองก็ได้ใช้เวลานั้นหาหมายเลขที่เขาต้องการ ก่อนที่เขาจะเห็นหมายเลขของเชินเซิงหลิน
เขาก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา เขาจึงไม่รอช้าที่จะกดโทรไปยังหมายเลขนั้นทันที ในหนึ่งวินาทีต่อมาโทรศัพท์ก็เชื่อมต่อกันและเสียงของเชินเซิงหลินก็ดังขึ้นมา “หมอหมิง! นั้นใช้หมอหนิงใช้ไหม? … ไม่สิ! หมอเทวดา! ฉันผิดไปแล้ว ฉันรู้ตัวเองว่าทำเรื่องที่ผิดลงไป …ได้โปรดช่วยฉันด้วย !”
“คุณรู้ตัวด้วยว่าตัวเองทำเรื่องผิดลงไป?” หนิงเถาได้ถามออกมาห้วนๆ
เชินเซิงหลินที่กำลังร้องไห้อยู่นั้นก็รีบตอบกลับว่า “ใช่! ฉันรู้ว่าฉันทำผิดไป! ได้โปรดช่วยฉันด้วย ไม่ว่าอะไรที่หมอหนิงต้องการฉันทำให้ … “
“หยุดพูดก่อน” หนิงเถาพูดขัดจังหวะ “ตอนนี้ผมกำลังเจอปัญหาที่พลาซ่าด้านหลังบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพในย่านไฮเทคหัวหน้าหน่วยงานดูแลเมืองที่ชื่อว่าจางหยงต้องการจับผมไป ถ้าเกิดว่าผมถูกจับไปจริงๆการรักษาของคุณก็คงต้องถูกเลื่อนออกไปหรือไม่ก็ไม่อาจจะรักษาได้อีก ดังนั้นถ้าคุณอยากหายจากโรคที่เป็นคุณมีเวลายี่สิบนาทีที่จะมาที่นี้ “
เชินเซิงหลินที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดอย่างตื่นเต้น “แม่*! ไอ้นั้นมันกำลังติดพันความตาย! ตอนนี้ฉันอยู่ในย่านไฮเทคพอดี ฉันจะไปหาหมอที่นั้นในยี่สิบนาทีแน่นอน”
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อไป เขาได้กดวางสายไปทันที จากนั้นเขาดูจางหยงและพูดว่า “เขาจะมาที่นี่ในไม่ช้า คุณจะรอที่นี่ซักพักได้ไหม?”
“แน่นอน! ฉันจะรอเพื่อนของแกที่นี่!” จางหยงพูดจาเย้ยหยันต่อว่า “ ฉันต้องการที่จะดูว่าใครที่กล้ามาเมื่อฉันคนนี้? ดังนั้นฉันหวังว่าเพื่อนของแกจะแน่นจริง ไม่อย่างนั้นแกเตรียมตัวเจอดีได้เลย!”
หนิงเถาไม่ได้สนใจคำขู่ของอีกฝ่าย เขาทำเพียงเดินไปที่โต๊ะตัวอื่นแล้วนั่งลงและเรียกเจ้าของว่า “ขอโทษนะครับ! ผมอยากได้กล่องอาหารกลางวันอีกกล่องที่มีหมูสองชิ้นที่ปรุงเป็นพิเศษ”
ผู้ขายอาหารกลางวันชนิดบรรจุกล่องมองหนิงเถาด้วยสายตาแปลกๆ ก่อนที่เขาจะตอบว่า “โอเค!”
ก่อนที่เชินเซิงหลินจะมาพร้อมกับคนของเขา เพื่อนร่วมงานของจางหยงก็ได้มาถึงก่อนแล้ว กลุ่มเจ้าหน้าที่ดูแลเมืองได้มองมายังหนิงเถาด้วยสายตาที่พร้อมจะเปิดฉากที่ได้ทุกเวลา แต่ถึงอย่างนั้นเป้าหมายของพวกเขาก็ทำเพียงนั่งสบายๆพร้อมกับนั่งทานอาหารกลางวันตามปกติ
เกือบ 20 นาทีต่อมาเฉินเจ้าได้ยกมือขึ้นแล้วดูนาฬิกาของเขาพร้อมกับถ่มน้ำลายออกมา “ทำไมคนของแกถึงยังมาไม่ถึงอีกวะ?”
หนิงเถาผู้ที่เพิ่งรับประทานอาหารเสร็จได้วางตะเกียบลง ก่อนที่จะหันมาดูที่เฉินเจ้าและพูดว่า “คุณจะรีบไปไหนกัน?”
เฉินเจ้าที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดว่า “ฉันกลัวว่ามันจะเป็นแผนถ่วงเวลาของแกมากกว่า? ถ้าผ่าน 20 นาทีนี้ไปแล้วยังไม่มีใครมา แกก็เตรียมตัวเจ็บตัวได้เลย!”
“F ** k! แกกล้าหลอกฉันหรือไงวะ!” จางหยงเองก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้องเช่นกัน เขาจึงได้จ้องมองไปยังหนิงเถาด้วยสายตาที่เย็นชาทันที
ทันใดนั้นเองก็เสียงของยางรถได้เบรกโดยแรง ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงกรีดร้องของความหวาดกลัว
จางหยงมองไปที่แหล่งกำเนิดเสียงและเห็นเมอร์เซเดสเบนซ์ที่จอดอยู่ไม่ไกล เขาที่เตียมจะลงมือกับหนิงเถาก็ต้องหยุดลงก่อนที่จะจ้องไปยังรถนั้นอย่างไม่วางตา
เฉินเจ้าพูดขึ้นว่า “เป็นใครกัน? มันเป็นใครที่กล้ามาสร้างเรื่องในพลาซ่านี้?”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้นเอง ก็ได้มีรถยนต์อีกหลายคนที่พุ่งเข้ามาในบริเวณนี้ และไม่นานก็มีกลุ่มคนจำนวนมากเดินลงมาจากรถพวกนั้น
เมื่อประตูของรถเมอร์เซเดสเปิดขึ้นเชินเซิงหลินก็ได้เดินออกมา และเป้าหมายที่เขาเดินไปหาก็คือหนิงเถานั้นเอง แน่นอนว่าด้านหลังของเชินเซิงหลินนั้นมีกลุ่มชายชุดดำจำนวนหนึ่งเดินตามาเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดดูเคร่งขรึมและมีรัศมีเหมือนกับฆาตกรรมที่เคยฆ่าคนมาก่อนปล่อยออกมาตลอดเวลา
สายตาของเชินเซิงหลินนั้นยังต้องมองไปยังหนิงเถาตลอดเวลา แต่เขาไม่รู้เลยว่าสายตาของจางหยงได้มองเขาเช่นกัน “โอ้! นั้นใช้คุณเชินไหมครับ? ถ้าผมรู้มาก่อนว่าคุณจะมาที่นี้ในวันนี้ ผมคงจะเตรียมสถานที่และกันคนออกไปก่อน ไม่รู้ว่าที่คุณเชินมาที่นี้ต้องการอะไรหรือครับ?”
จางหยงไม่รู้ว่าทำไมเชินเซิงหลินอยู่ที่นี่ แต่เขามั่นใจว่าเชินเซิงหลินไม่ได้มาเพราะหนิงเถาอย่างแน่นอน ในสายตาของจางหยงมันเป็นเรื่องตลกที่หมอบ้านนอกคนหนึ่งที่หาเลี้ยงชีพด้วยการเดินไปตามท้องถนนจะไปทำความรู้จักกับยักใหญ่ที่คุมพื้นที่สองในสามของเมืองนี้
เชินเซิงหลินสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวและสวมถุงมือสีดำบนซ้ายมือ ใบหน้าที่มืดมนของเขาดูราวกับว่ามันสามารถฆ่าทุกคนได้ทันทีถ้าเกิดเรื่องไม่พอใจขึ้นมา เขาไม่ได้หันไปดูจางหยงด้วยซ้ำเมื่อตอนที่เดินผ่าน
เฉินเจ้าที่ไม่รู้เรื่องพวกนี้มากนักได้เอนไปทางจางหยงและกระซิบว่า “พี่หยง! ชายคนนี้เป็นใครหรือครับ? ทำไมพี่ถึงต้องเกรงใจเขาด้วย?!”
ขณะที่เฉิงเจ้ากำลังจะพูดต่อนั้น เชินเซิงหลินที่เดินเข้าไปถึงตรงหน้าของหนิงเถาก็ได้คุกเข่าลง
จากนั้นบอดี้การ์ดที่เดินตามหลังทุกคนต่างก็ได้คุกเข่าบนพื้นเช่นกัน
เชินเซิงหลินแทบจะรอไม่ไหว เขาถึงกับพูดออกมาพร้อมกับน้ำตาว่า “ท่านอาจารย์! หมอหนิง! ฉันผิดไปแล้ว! ฉันเป็นคนผิด!”
ฮะ!
จางยงและเฉินเจ้าถึงกับตะใจกับภาพที่เห็น เจ้าเหนือหัวในเมืองฉานเจียง ผู้นำกลุ่มคนจำนวนมาก เขาถึงกับต้องมาคุกเข่าลงไปหาแพทย์เร่ร่อนคนหนึ่ง และยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขาฟังไม่ผิดอีกฝ่ายได้เรียกเขาว่า “ท่านอาจารย์” มันไม่ได้เป็นไปตามตรรกะที่ควรจะเป็นเลย!
“มันดีที่ตัวเองรู้ว่าสิ่งที่ทำไปนั้นเป็นเรื่องผิด แต่มันจะดียิ่งกว่าถ้ารู้จัดแก้ไขไขข้อผิดพลาดที่ตัวเองทำลงไป” หนิงเถาไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับภาพที่เห็น กลับกันเขาพูดออกมาอย่างสุภาพแทน
เชินเซิงหลินที่ได้ยินแบบนั้นพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว! ฉันจะแก้ไขให้ถูกต้อง “
จางหยงและเฉินเจ้ามองหน้ากันแล้ว ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทั้งคู่คิดมีเพียงแค่ต้องการหนีออกไปจากที่นี้ให้ไกล
ตามปกติแล้วพวกเจ้าหน้าดูแลพื้นที่นั้นมักจะกลั่นแกล้งคนอ่อนแอและกลัวคนเข้มแข็งเสมอ พวกเขาไม่กล้ายืนหยัดต่อสู้เชินเซิงหลินเลยในตอนนี้ และทันทีที่พวกเขารู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น พวกเขาก็ได้หนีไปก่อนที่จางหยงและเฉินเจ้าจะได้ทำอะไรแล้ว
หนิงเถาลุกขึ้นและพูดว่า “เอ่อ! เกือบลืม หัวหน้าจาง คุณเฉินเจ้า พวกคุณจะไปไหนกัน?”
เสียงพูดฉับพลันของหนิงเถาทำให้หัวเข่าของจางหยงและเฉินเจ้าอ่อนลง และเกือบจะล้มลงไปกองกับพื้น
“เชินเซิงหลิน! นายหยุดคุกเข่าก่อน เมื่อไม่นานมานี้หัวหน้าจางได้พูดว่าจะจับผมข้อหาหลอกลวงและต้องการลงโทษผมสถานหนักอีกด้วย” หนิงเถาพูดต่อว่า “ถึงแม้ว่าผมจะพยายามพูดยังไง พวกเขาทั้งสองก็ไม่ยอมฟัง ผมจึงยากให้คุณช่วยพูดกับเขาแทนผมที”
ถ้ามีคนอื่นพูดอย่างนั้นเขาคงถูกคนทุบตีไปแล้ว แต่เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นกับเชินเซิงหลิน มันจึงไม่มีทางที่จะเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้น “ ใช่แล้วอาจารย์หนิง! คุณรอเดี๋ยว! ฉันจะไปคุยกับพวกนั้นทันที”
เชินเซิงหลินลุกขึ้นจากพื้นและขยิบตาให้กับคนของเขา จากนั้นทุกคนก็ลุกขึ้นจากพื้นและยืนรอบๆจางหยงและเฉินเจ้าเป็นวงกลม
เฉินเจ้ากลัวมากและถามด้วยความประหม่าว่า “คุณต้องการอะไร?
จ่างหยงยกมือขึ้นและตบเฉินเจ้าอย่างแรง ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “ มันเป็นความผิดของแก! เห็นได้ชัดว่าหมอหนิงนั้นเป็นหมอเทวดาที่คอยช่วยเหลือผู้คน ถ้าไม่ใช้เพราะแกพูดคำโกหกออกมา และฉันไม่หูเบาเชื่อเรื่องที่นายพูด เรื่องพวกนี้คงไม่เกิดขึ้น ผมต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆครับ”
เฉินเจ้าที่ไม่ทันได้ตั้งตัว และยังถูกตบอย่างแรงไปที่ใบหน้าอีกด้วย “ฉัน … “
ก่อนที่เฉินเจ้าจะพูดจบประโยคของตัวเองอีกครั้งนั้น จางยงจู่ๆก็เตะเฉินเจ้าลงมาที่พื้นแล้วตะโกนว่า “อะไรนะ! นายยังคิดจะพูดโจมตีหมอหนิงอีกหรือไง? นี้นายเห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตัวหรือไง?”
“หยุดก่อน! พี่หยง! ผม ผม … ผมเป็นลูกพี่ลูกน้องของพี่นะ … พี่ช่วยหยุดตบผมก่อนได้ไหม … ” เฉินเจ้าพยายามพูดจาอ้อนวอนออกมาด้วยความกลัว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นจางหยงก็ยังไม่ยอมหยุดลงมือ มันจึงทำให้ตอนนี้สภาพของเขานั้นเหมือนกุ้งที่ถูกต้มจนสุก
เชินเซิงหลินได้เดินมาหยุดอยู่หน้าจางหยงและเฉินเจ้าพร้อมกับหน้าบูดบึ้ง
จางยงหันกลับมาแล้วคุกเข่าลงที่เท้าของเชินเซิงหลิน จากนั้นเขาก็ตบหน้าตัวเองในขณะที่พูดว่า “พี่เชิน! มันเป็นความผิดของผมเอง ผมไม่น่าจะหูเบาเชื่อเรื่องพวกนี้ ขอได้โปรดพี่ช่วยยกโทษให้กับความโง่ของผมด้วย”
ตบ, ตบ …
ใบหน้าของจางหยงนั้นได้บวมขึ้นจากแรงตบของตัวเอง
เชินเซิงหลินไม่แสดงความเมตตาต่ออีกฝ่ายเลยและถามว่า “ท่านอาจารย์หนิง! ท่านต้องการขาหรือแขนของเขากัน?”
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ขมวดคิ้วและถามว่า “ทำไมคุณถึงยังใช้ความรุนแรงอยู่อีก? ไหนคุณบอกว่าคุณรู้ความผิดของตัวเองและต้องการแก้ไขมัน? ถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้อยู่อีผมคิดว่าการรักษาคุณคงเป็นไปไม่ได้แล้ว “
หนิงเถาพูดคำเหล่านี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่สำหรับเชินเซิงหลินได้กลายเป็นหินพร้อมกับที่มีเหงื่อเย็นๆไหลลงมาเต็มไปหมด “ใช่แล้ว! ฉันไม่กล้าทำอีกแล้ว”
จางหยงได้เห็นประกายแห่งความหวังเกิดขึ้น เขาได้คลานเข้ามาหยุดอยู่ที่หน้าหนิงเถาพร้อมกับพูดว่า “ท่านอาจารย์หนิง! ฉันเป็นคนตาบอดเหมือนค้างคาว ท่านได้โปรดยกโทษให้ฉันและลืมความหยาบคายที่ฉันได้ทำไปก่อนหน้านี้ด้วย”
ตุบ, ตุบ, ตุบ …
เสียงหน้าผากของจางหยงที่กระทบกับพื้นจนมีเลือดไหลออกมา
“พอได้แล้ว” หนิงเถาพูดจบก็ไม่ได้สนใจเรื่องที่เกิดขึ้นอีก
“ขอบคุณ ขอบคุณ ผมจะไปทันที!” จางยงที่ได้รับการยกโทษให้แล้วก็รีบลุกขึ้นจากพื้นและวิ่งหนีราวกับว่าตัวเองได้รอดจากความตายมา
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ได้ก้มหยิบป้ายโฆษณาของเขาขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินออกไปด้านนอกของพลาซ่า
เชินเซิงหลินมองหนิงเถาเป็นเวลานานก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “ท่านอาจารย์หนิง … ”
หนิงเถามองย้อนกลับไปที่เขาและพูดอย่างไม่เข้าใจว่า “คุณจะยืนอยู่ตรงนั้นเพื่ออะไร? ทำไมยังไม่หาห้องให้ผมเพื่อรักษาคุณอีก”
ในช่วงเวลานั้นเชินเซิงหลินรู้สึกเหมือนเป็นเกิดเป็นคนใหม่ “ฉัน ฉันจะรีบหามันทันที!” เขาพูดออกมาความตื่นเต้นและเกือบจะร้องไห้