OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 2 : A Human Search Dog
Chapter 2 : A Human Search Dog
เมื่อเวลาผ่านไป หนิงเถาค่อยๆลืมตาของเขาขึ้นช้าๆ เขาพยายามจะลุกขึ้นและมองไปที่ข้อมือขวาของเขา แผลจากเจ้าหมาดำยังคงมีอยู่แต่เขาแทบไม่รู้สึกอะไรเลยเพราะชาไปหมด
“เจ้าหมาบ้าเอ้ย!” หนิงเถารู้สึกโกรธขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องนั้น
ตู้มมม!!
มีบางอย่างกระตุกขึ้นมาในความคิดของหนิงเถา เหมือนกับประตูถูกเปิดขึ้นและบางอย่างหลั่งไหลเข้ามาในหัวของเขา
มันคือกลิ่น หลายกลิ่นๆรวมกัน
เขาได้กลิ่นเลือด ยาฆ่าเชื้อ ฝุ่น พลาสติก เกล็ก เส้นใยสังเคราะห์ แม้กระทั่งได้กลิ่นของตัวของเขาเอง
เขาไม่สามารถบอกจำนวนของกลิ่นต่างๆที่เข้ามาในจมูกของเขาได้ สมองของเขาประมวลกลิ่นเหล่านี้ให้สอดคล้องกัน บางกลิ่นชัดเจน บางกลิ่นดูคลุมเครือ บางกลิ่นช่างดูคล้ายกัน แต่บางกลิ่นก็แปลกมากเหมือนไม่เคยรู้สึกถึงกลิ่นนี้มาก่อน
“ฉัน…….” หนิงเถายืนขึ้นอย่างมึนงง
ในตอนนั้นเอง เขาหวนนึกถึงเจ้าหมาดำและความสามารถต่างๆของสุนัข
สุนัขมีความสามารถในการดมกลิ่นและแยกแยะกลิ่นได้ถึงสองล้านกลิ่น พวกมันสามารถค้นหาต้นตอของกลิ่นที่มีความซับซ้อนเหล่านี้ได้ นอกจากนั้นแล้ว สุนัขสามารถตรวจจับกลิ่นต่างๆที่ความเข้มข้นที่ต่ำกว่า หนึ่งร้อยล้านเท่าเมื่อเทียบกับที่มนุษย์สามารถตรวจจับได้
“หรือว่าเจ้าหมาที่กัดฉัน….จะเป็นหมาเทวดา?” ความคิดแปลกๆผุดขึ้นมาในหัวของเขา
“โอ้!”
“เจ้าหมาอกตัญญูเอ้ย!”
จมูกของหนิงเถาขยับฟุดฟิด เขาพบกลิ่นของสุนัขในจำนวนกลิ่นซับซ้อนเป็นพันๆ กลิ่นนั้นเหมือนรอยเท้าในอากาศซึ่งนำไปสู่บันได
หนิงเถาตามกลิ่นของเจ้าหมาดำไปซึ่งนำไปสู่ห้องเล็กๆของเขา เขารู้สึกตกใจเมื่อเห็นกองเลือดแปลกๆบนพื้น ซึ่งมันดูเหมือนลูกศรชี้ทางให้เขา
หนิงเถาไม่ได้เจตนาจะตามหาเจ้าหมาดำแต่เขาเปลี่ยนใจเมื่อเขาเห็น รอยเลือดคล้ายลูกศร เขาจึงดำเนินการตามกลิ่นของเจ้าหมาต่อไป
ตัดภาพมาที่ด้านนอกของตัวอาคาร บรรยากาศเงียบสงบ พื้นที่ของโรงเรียนถูกอาบไปด้วยแสงของดวงจันทร์
หนิงเถาดูเวลาที่โทรศัพท์และเขาก็ตระหนักได้ว่าเขานอนโคม่าอยู่บนพื้นเป็นเวลาถึวห้าชั่วโมง
กลิ่นของเจ้าหมาดำค่อยๆหายไปเมื่อถึงใกล้ประตูโรงเรียน หนิงเถาจึงปิดล็อคประตูทุกๆทางและตามหาทุกๆทางที่พอเป็นไปได้ เขาไม่อยากจะยอมรับนักว่าตอนนี้เขาทำท่าทางเหมือนสุนัขที่ถูกฝึกเพื่อการค้นหาของ
เมื่อตามกลิ่นมาเรื่อยๆ เขาเดินข้ามถนนหลายเส้น จนกระทั่งตามมาถึงภูเขาที่อยู่ด้านหลังเขตชุมชน
ท่ามกลางแสงจันทร์ ต้นไม้และก้อนหินบนภูเขาดูพร่ามัว และทางเดินยาวที่ดูเก่า ใบไม้พริวไหวท่ามกลางสายลมยามค่ำคืนคล้ายเสียงคนร้องไห้คร่ำครวญ
ระหว่างที่เดินอยู่ หนิงเถารู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย “ไม่มีผีในโลกนี้หรอกน่า อีกอย่างนึง ฉันไม่เคยทำอะไรเลวร้ายสักหน่อย ฉันไม่ควรกลัวถึงแม้ว่าจะมีผีจริงๆก็เถอะ…..ฉันต้องหาเจ้าหมาดำให้เจอ….ฉันต้องรู้ให้ได้ว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่…”
เมื่อหนิงเถาเดินทางมาถึงครึ่งทาง มีบ้านเก่าๆหลังหนึ่งตั้งอยู่ บ้านหลังนั้นปูหนังคาด้วยกระเบื้อง ผนังของบ้านทำด้วยดินเหนียว รั้วสนามถูกปกคลุมด้วย ต้นสายน้ำผึ้ง ประตูบ้านผุพัง บ้านหลังนี้ดูเหมือนตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นร้อยๆปีแล้ว
บ้านหลังนั้นมืดมากเมื่อปราศจากแสงไฟ
กลิ่นของเข้าหมาดำยังอยู่แถวสนามหญ้าแห่งนี้
หนิงเถามาถึงที่ประตูบ้าน เรียกความกล้าของตนเอง และเคาะประตูบ้าน “ขอโทษนะครับ มีใครอยู่ที่นี่มั้ยครับ?” หนิงเถาถาม
ไม่มีการตอบรับใดๆ
หนิงเถาเคาะประตูอีกครั้งนึง “ขอโทษนะครับ ผมเข้าไปนะ”
ทันใดนั้นเองแสงไฟก็สว่างขึ้นมา เสียงของผู้ชายแก่คนนึงดังขึ้นมา “ใครน่ะ? นี่มันเกือบเที่ยงคืนแล้วนะ”
หนิงเถาตกใจเล็กน้อย เขาตอบไปว่า “เออ คุณครับ ผมเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาแพทย์ชานซิตี้ครับ สุนัขของคุณกัดผม”
“คุณมาที่นี่เพราะจะมาเรียกร้องเงินจากผมหรอ?” ชายแก่ถามหนิงเถา
หนิงเถารีบตอบปปฏิเสธไป “ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น ผมแค่อยากเจอสุนัขของคุณ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อเงินครับ”
“งั้นก็เข้ามาสิ….ประตูไม่ได้ล็อค”
หนิงเถาได้ยินเช่นนั้นจึงผลักประตูเข้าไป เดินผ่านทางเดินไปยังห้องที่เปิดไฟอยู่
เขาเปิดเข้าไปในห้องและพบชายแก่ ผมสีขาว แต่งตัวในชุดของราชวงศ์ถัง เขาดูเหมือนศิลปินรักสันโดษที่อาศัยอยู่ในหุบเขายังไงยังงั้น
ห้องของเขาค่อนข้างเก่า ประกอบจากคานและผนังของห้องทำจากไม้ ข้างฝาผนังแขวนภาพวาดและภาพลายมือตัวบรรจง นี่ก็เหมือนห้องธรรมดาทั่วไป โต๊ะสี่เหลี่ยมที่มีม้านั่งสี่ตัว มีศาลเจ้าอยู่ในห้อง แต่แปลกอย่างนึงคือ ศาลเจ้านี้ไม่ได้เทิดทูลพระเจ้าหรือบรรพบุรุษ แต่มันดูเหมือนหนังสือที่ผูกด้ายเอาไว้มากกกว่า
“คุณครับ ผมอยากเห็นสุนัขของคุณหน่อยได้มั้ยครับ”
โครม!
ชายแก่ล้มลงกับพื้นก่อนที่หนิงเถาจะพูดจบ
“คุณครับๆๆ?” หนิงเถาอุทานออกมาด้วยความตกใจและรีบวิ่งเข้าไปด้านในเพื่อช่วยชายแก่ แต่ชายแก่นอนแน่นิ่งไร้การเคลื่อนไหวอยู่บนพื้น
หนิงเถารีบมาคุกเข่าอยู่ข้างชายแก่ เขาเอามือไปอังไว้ที่จมูกของชายแก่ ชายแก่หยุดหายใจไปแล้ว หนิงเถาจึงไปจับชีพจรของเขาที่ เส้นเลือดแดงแคโรทิดที่คอของชายแก่ พบว่าชีพจรของเขาหยุดเต้นไปแล้ว
“เขาตายแล้ว?” หัวใจของหนิงเถาแถบหลุดออกมาจากอก
แต่ถึงอย่างนั้น ในฐานะที่เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ เขาไม่เพียงแต่ผ่าอาจารย์ใหญ่ แต่เขายังนอนในห้องที่ร่างเหล่านั้นนอนอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้เขาจึงกลับมาตั้งสติได้และทำการซีพีอาร์ ขั้นแรกเขาออกแรงกดไปที่อกของชายแก่ต่อมาจึงเป่าปากชายแก่คนนี้โดยสลับไปมาตามโปรโตคอลการทำซีพีอาร์
ไม่กี่นาทีต่อมา เสียงแปลกๆออกมาจากหลอดลมของชายแก่ หลังจากนั้นเสียงเต้นของหัวใจและลมหายใจของชายแก่ก็กลับมา ตาของชายแก่ก็เปิดขึ้น
หนิงเถาหยิบโทรศัพท์เขาออกมาเพื่อจะโทรหารถฉุกเฉิน
แต่ทันใดนั้นชายแก่ ก็คว้าข้อมือของหนิงเถาไว้ และพูดด้วยเสียงที่อ่อนแรงว่า “อย่าเรียกรถฉุกเฉินมาที่นี่ พ่อหนุ่ม….ฉันไม่ต้องการไปโรงพยาบาล”
“ไม่ครับ” หนิงเถาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณตาอยู่ในสถานการณ์ที่เสียงอันตรายมาก คุณตาต้องไปโรงพยาบาลให้แพทย์ตรวจดูนะครับ”
ชายแก่เขย่ามือของหนิงเถาและพูดกับหนิงเถาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ปะติดปะต่อสักเท่าไหร่นัก “พ่อหนุ่ม….ฉันอายุ 99 แล้ว ด้วยอายุเท่านี้ ฉันจะตายได้ทุกเมื่อ…..จะแตกต่างยังไงว่าฉันจะไปหรือไม่ไปโรงพยาบาล…ฉันไม่อยากตายที่เตียงโรงพยาบาล..อีกอย่างนึงคือ ฉันไม่มีเงินที่ไปรักษาที่โรงพยาบาลหรอก”
หนิงเถาอยากจะเถียงออกไป “แต่ว่า……”
เสียงของชายแก่ดูอ่อนลง “อะฮึ้ม….พ่อหนุ่มเป็นคนดี…ฉัน..เชิน พิงดาว ไม่เคยติดค้างใครเลยในชีวิตนี้….พ่อหนุ่มช่วยชีวิตฉันไว้ ฉันอยากตอบแทน…ครอบครัวฉันได้ฝึกฝนการรักษามาหลายชั่วอายุคน และเขียนลงในหนังสือทางการแพทย์ที่ไร้ชื่อ….ฉันไม่มีคนสืบทอดสิ่งนี้….ฉันจะให้หนังสือเล่มนี้กับพ่อหนุ่มคืนนี้”
“อะไรนะครับ” หนิงเถารู้สึกสับสนจึงตอบปฏิเสธไปทันที
“ไม่ครับ ไม่…คุณตาเข้าใจผิดอะไรผิดแล้วละครับ…ผมเป็นนักศึกษาแพทย์…มันเป็นหน้าที่ของผมที่ต้องช่วยเหลือชีวิตคนครับ…ผมรับของสิ่งนี้ไว้ไม่ได้หรอกครับ”
ชายแก่ที่เรียกตัวเองว่าเชินพิงดาว กระพริบตาของเขาและระเบิดน้ำตาออกมา เขาตัวสั่นเทาในขณะที่พูดว่า “แค่นี้เอง…..ฉัน…คืนนี้ฉันกำลังจะตาย…พ่อหนุ่มอยากให้ฉันรู้สึกเสียใจรึ?….ฉันจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษของฉันได้อย่างไร…วู้วววว…”
ตอนนั้นเอง หนิงเถารู้สึกสับสนไปหมด เขาแค่มาตามหาเจ้าหมาดำแต่ไหงมาลงเอยแบบนี้ไปได้
“อุ้ว….โอ้…” เชินพิงดาวทำเสียงเหมือนหายใจลำบาก ตาของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว แต่เขาเองก็พยายามที่จะพูด “พ่อหนุ่ม เจ้าลงไปดู..ดูใต้โต๊ะ…ถ้าเจ้าไม่ยอมรับหนังสือแพทย์และคลินิกเล่มนี้ไป ฉันจะตายตาไม่หลับ..ฉันจะตามล่าพ่อหนุ่มเหมือนผี”
“ตกลงครับ ผมรับๆ อย่าพึ่งเครียดนะครับ…คุณตาจะดีขึ้น” หนิงเถารีบลงไปดูใต้โต๊ะสี่เหลี่ยม เขาเปิดลิ้นชักออกมา และดูของด้านในนั้นว่ามีอะไร
มันคือสัญญาโอนย้ายสินทรัพย์ที่ถูกเตรียมไว้แล้ว แม้กระทั่งปากกาสำหรับเซ็นชื่อก็ตาม
หนิงเถาเปิดดูสัญญา สัญญาดูเป็นอะไรที่ง่ายมากๆ โดยในสัญญากล่าวว่า เชินพิงดาวจะโอนย้ายความเป็นเจ้าของของคลินิกแห่งท้องฟ้าที่ถนนการ์เด้นแก่ผู้ที่เซ็น
โดยเอกสารนี้ถูกผนึกโดยสำนักงานจดทะเบียนและมีลายเซ็นของเชินพิงดาวบนนั้น โดยลายเซ็นของเขาดูเป็นทางการมาก
ความกังวลอาจทำให้ชายแก่มีปัญหาทางด้านโรคหัวใจได้ หนิงเถาจึงยินยอมเซ็นสัญญา
“มันคือโชคชะตานะพ่อหนุ่มที่ทำให้เราให้เราได้เจอกัน…ฉันไม่มีไวน์ที่นี่..แต่มีชาอยู่บนโต๊ะ…ทำชาสองแก้วและดื่มชาแทนไวน์ด้วยกันเถอะเพื่ออวยพรแด่โชคชะตาของพวกเรา..ต่อจากนี้ฉันจะได้ไม่รู้สึกเสียดายทีหลัง”
คำพูดของชายแก่กระทบความรู้สึกของหนิงเถามาก เหมือนเขาตกเข้าไปอยู่ในห้วงอารมณ์นั้นๆ ระหว่างนั้นเขาก็คล้ายเกรียวกาน้ำและทำชาสองแก้ว ต่อมาเขาก็พยุงเชินพิงดาวขึ้น หลังจากเสียงดังกริ๊กของกาน้ำ เขาก็กระดกแก้วชาของเขาจนหมด
กลิ่นของชาที่เขาดื่มดูหวาน รสชาติสดชื่นกระจายไปทั่วปากของเขา เขาพบว่ามันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ หลังจากที่เขาดื่มหมดเค้ารู้สึกผ่อนคลาย “นี่เป็นชาประเภทไหนหรอครับ?”
“มันเป็นชาที่ทำจากใบไผ่ธรรมดานี่แหละ…แต่ฉันใส่ตัวยาบางอย่างลงไปในนั้น” เชินพิงดาวตอบ เสียงของเขาไม่สั่นเครืออีกต่อไป
หนิงเถาผงะไปพักนึง “ทำไมหรอครับ?…..เป็นยาประเภทไหนหรอครับ?”
เชินพิงดาวลุกขึ้นออกจากแขนหนิงเถาทันที “ไม่ต้องกังวลไปหรอก มันเป็นเพียงแค่ยาอายุวัฒนะขนานเล็ก มันจะสงผลต่อไขกระดูก การสร้างกล้ามเนื้อใหม่ ขับพิษออกจากร่างกาย ปลุกจิตวิญญาณโดยกำเนิดของเจ้า เพิ่มความแข็งแรงและความเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเพิ่มการรับรู้ของกลิ่นและการมองเห็นให้เฉียบคมขึ้น นี่เป็นค่าตอบแทนของฉัน และจำไว้ว่า เมื่อคุณตื่นขึ้นให้ไปที่คลินิกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ยิ่งคุณรอนานเท่าไหร่ คุณจะยิ่งแย่ลงเท่านั้น”
“คุณโกหก……” หนิงเถาไม่สามารถที่จะจบบทสนทนาของตนเองได้ เขาร่วงลงบนพื้นเสียงดังโคร้ม
“ท้ายที่สุดฉันก็เป็นอิสระแล้ว…..มีความยุติธรรมอยู่บนโลกนี้จริงๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เชินพิงดาวตะโกนออกมาเหมือนคนบ้า ต่างจากที่เขาแสดงตอนแรกโดยสิ้นเชิง
หนิงเถาได้ยินเชินพิงดาวได้ไม่ชัดนักว่าเขาพูดอะไรไปตอนแรกก่อนที่ความคิดของเขาจะเผชิญกับความมืดอีกครั้ง……
ติดตามต่อตอนที่ 3