OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 54 การเยี่ยมเยียน
OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF
บทที่ 54 การเยี่ยมเยียน
สามวันต่อมาเมืองหลวงของประเทศ
รถแท็กซี่จอดที่หน้าประตูของชุมชนแห่งหนึ่ง หนิงเถาได้ลงมาจากรถแท็กซี่โดยถือหีบยาขนาดเล็กของเขาและถุงผ้าใบใหญ่ซึ่งข้างในนั้นเต็มไปด้วยของขึ้นชื่อประจําท้องถิ่นซึ่งนํามาจากเมืองฉานเจียง จากนั้นก็ตามมาด้วยเจียงเฮาที่เดินลงมา เมื่อเธอจัดการจ่ายเงินเสร็จแล้วเธอก็ได้นําหนิงเถาเดินเข้าไปในชุมชนแห่งนั้นทันที
“ฉันบอกนายแล้วว่าว่าอย่าเอาอะไรมา แต่นายก็ไม่เชื่อฉัน! ดูสิว่ากระเป๋าของนายมันหนักขนาดไหน?” เจียงเฮาบ่นออกมาตลอดเวลาระหว่างที่พวกเขาเดินเข้าไปในชมชุน
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็แสดงรอยยิ้มออกมาและพูดว่า “นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมาที่บ้านของเธอ แล้วแบบนี้ฉันจะมามือเปล่าได้ยังไงกัน? อีกอย่างของพวกนี้มันก็ไม่ได้มีค่าอะไรมากนัก มันก็แค่อาหารและผลิตภัณฑ์จากท้อถิ่นเท่านั้นเอง”
“โอ้! นี่นายสามารถทําของพวกนี้จากสมุนไพรและเครื่องเทศเองเลยเหรอ?” เจียงเฮาพูดออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก” หนิงเถาพูดต่อว่า “พวกมันเป็นเพียงสมุนไพรพบได้ทั่วไป ก่อนที่จะนําพวกมันมาแปรรูปเพื่อคุณค่าด้วยสูตรลับจากบรรพบุรุษของฉันเอง ฉันรับรองว่าพวกมันดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคแน่นอน ไม่ว่าจะใช้รักษาแผลหรือทําอาหารก็ได้ทั้งนั้น”
“จริงเหรอ?” เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดแน่นอนว่าเจียงเฮาก็อดไม่ได้ที่ส่งเสียงหัวเราะออกมา “นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นหมอที่แปลกมากคนหนึ่ง ไม่เพียงแค่นายจะรักษาด้วยวิธีที่แปลกเท่านั้น แต่นายยังสามารถผลิตของพวกนี้ได้อีก? ฉันอยากรู้จริงๆว่านายยังมีความลับอะไรซ่อนอยู่อีก”
หนิงเถาแสดงรอมยิ้มอย่างอายๆออกมา และพูดว่า “เธอคิดมากไปแล้ว! ฉันจะไปมีความลับอะไรกัน? และอีกอย่างของพวกนี้ก็เป็นเพียงแค่ของแสดงความนี่เคารพของฉันที่มีต่อแม่ของเธอเท่านั้น”
เมื่อพวกเขามาถึงอาคารหลังหนึ่งและกําลังจะเข้าไปข้างใน ผู้หญิงวัยกลางคนที่กําลังเดินถึงสุนัขเทดดี้ตรงทางเดินก็ได้เห็นพวกเขาเข้า เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนที่จะร้องอุทานออกมาด้วยเสียงประหลาดใจว่า “เฮ้! นั่นใช่เจียงเฮาไหม?! เธอกําลังพาแฟนกลับบ้านเหรอ?”
เจียงเฮาที่ไม่ได้ตั้งตัวว่าจะเจอเข้ากับคําถามแบบนี้ก็ถึงกับหน้าแดงออกมาทันที เธอเรียกหาอีกฝ่ายว่า “ป้าจาง” ก่อนที่เธอจะรีบอธิบายว่า ” พวกเราจริง ”
“จริง! อะไรนะ” ป้าจางขัดจังหวะขึ้น ” อย่าอายไปเลย” จากนั้นเธอก็จ้องมองหนิงเถาขึ้น และลงก่อนพูดขึ้นว่า “เด็กหนุ่มคนนี้หน้าตาดีจริงๆ คุณชื่ออะไร? คุณทํางานอะไร? คุณมาจากไหน?..”
ผู้หญิงวัยกลางคนในเมืองหลวงเกือบทั้งหมดต่างก็มีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับเรื่องคนอื่นมาก
ก่อนที่หนิงเถาจะพูดอะไรขึ้นมา เจียงเฮาก็ดึงเขาไปในอาคารและตะโกนขึ้นว่า “ป้าจาง! ตอนนี้แม่ของหนูกําลังรอพวกหนูกลับบ้านอยู่ เดี๋ยวถ้าเสร็จจากเรื่องพวกนี้แล้วหนูจะไปหาป้านะคะ”
ป้าจางมองกลับไปที่หนิงเถาผู้ซึ่งถูกลากเข้าไปในอาคารโดยเจียงเฮา แล้วก็ส่ายหัวเล็กน้อย “ถึงเขาจะหล่อจริงๆก็เถอะ! แต่ดูเหมือนว่าจะมีดีแค่นั้น ขนาดการแต่งตัวก็ยังเป็นอะไรพื้นๆเลย ไหนจะพวกของประดับอย่างนาฬิกายังไม่มีเลย เฮ้อ! ดูเหมือนว่าผู้ชายที่ลูกสาวของฉันพามาจะดูดีที่สุดแล้ว รายนั้นถึงกับมีนาฬิกาเรือนละตั้งหมื่นหยวน”
หนิงเถาได้ยินสิ่งที่เธอพูด แต่เขาต้องแกล้งทําเป็นว่าเขาไม่ยินมัน มันเป็นอะไรที่น่าตลกเป็นอย่างมาก
เมื่อพวกเขามาถึงบ้านของเจียงเฮา แม่ของเธอถังเฉินก็ออกมาต้อนรับพร้อมกับรอยยิ้มทันที ที่เธอได้ยินว่าลูกสาวตัวเองพาหมอหนิงกลับมา เธอก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมากและไหนจะรู้มาว่าอีกฝายถึงกับน้ําสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีคุณค่าทางโภชนาที่ได้รับการมาแปรรูปด้วยวิธีลับของตระกูลตัวเองมาด้วย มันก็ยิ่งทําให้เธอรู้สึกดีกับอีกฝ่ายมากขึ้น
มีสมุนไพรที่มีคุณค่าทางโภชนาการสามชนิดที่หนิงเถานํามาให้ถังเจิ้นในครั้งนี้ หนึ่งคือเก๊กสองต้นเฟิร์นอบแห้ง สามหน่อไม้ฝรั่ง สมุนไพรเหล่านี้ล้วนผ่านการขัดเกลาด้วยหมอยาบุปผามาแล้ว แน่นอนว่ามันจะต้องดีขึ้นมา แต่ผลิตภัณฑ์ที่เขานํามาให้ในครั้งนี้พวกมันมีความบริสุทธิ์เพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และไม่ได้ผ่านการกลั่นกรองให้เข้มข้น ถึงอย่างนั้นพวกมันต่างก็มีกลิ่นและรสที่เพิ่มมากขึ้นจนแบบเดิมไม่อาจจะเทียบได้
ถังเฉินได้ลองดูสมุนไพรแต่ละตัวแล้วก็ชื่นชม “ว้าว! เก๋กี่จีนพวกนี้ดูดีมาก! และไหนจะเฟิร์นอบแห้งนี้อีก? พวกมันดูดีกว่าของที่มีอยู่ตามร้านยาเสียอีก …”
จากนั้นก็เป็นเครื่องเทศที่หนิงเถานํามาให้ พวกมันคือพริก พริกไทย และโป๊ยกั๊ก อย่างไรก็ตาม หลังจากการขัดเกลาโดยพลังทางวิญญาณของเขาและหมอยาแล้ว เครื่องเทศธรรมดาก็กลายเป็นของที่ไม่ธรรมดาขึ้นมา พวกมันมีรสชาติและกลิ่นที่รุนแรงขึ้นจากเดิมไปมาก
ถังเงินที่เห็นของทั้งหมดก็ได้พูดขึ้นว่า “โอ้โห! ดูพริกเหล่านี้สิ พริกไทยพวกนี้ด้วย และไหนจะโป๊ยกั๊กอีก พวกมันส่งกลิ่นหอมที่รุนแรงออกมามากจนฉันไม่อยากแม้แต่จะกินมัน! หนิงเถา! เธอเป็นคนที่มีความสามารถมากจริงๆ ”
เจียงเฮาไม่สามารถทนคําพูดที่พูดเกินจริงของแม่ของเธอได้ เธอจึงได้ลากหนิงเถาไปที่ห้อง และไม่ปล่อยมือจนกว่าพวกเขาจะผ่านประตูเข้ามา
นี่คือห้องของผู้หญิง เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง และชั้นวางหนังสือ บนชั้นวางหนังสือไม่ได้มีหนังสือแต่อย่างใด พวกมันกับเต็มไปด้วยถ้วยหลายรางวัลและเหรียญรางวัลมากมาย เช่น รางวัลแรกในการแข่งขันยิงปืน , รางวัลที่สองในการแข่งขันต่อสู้ และเหรียญรางวัลทหารดีเยี่ยม
ดูเหมือนว่าห้องนี้จะดูแคบไปถนัดตาด้วยของรางวัลพวกนี้ แต่นั่นเป็นสถานการณ์ทั่วไปในเมื่อ งหลวง ราคาของบ้านในเมืองหลวงถูกคาดการณ์เอาไว้ที่ 100,000 หยวนต่อตารางเมตร และทําให้คนธรรมดาไม่สามารถซื้อบ้านได้ บ้านหลังนี้ถังเฉินได้ซื้อมันมาเมื่อกว่า 10 ปีก่อน เมื่อราคาบ้านยังไม่ได้สูงนัก ในความเป็นจริงเธอได้คิดเผื่อในอนาคตในช่วงเวลาที่เธอเกิดล้มป่วยขึ้นมา เธอจะได้มีที่อยู่ไม่ต้องคอยระหกระเหินไปไหนและในช่วงเวลานั้นเองเธอได้ได้หย่ากับเจียงหยีหลงไป ดังนั้นบ้านหลังนี้จึงมีเพียงสองห้องนอน หนึ่งห้องนั่งเล่นเท่านั้น
“วันนี้นายนอนในห้องของฉัน และฉันจะไปนอนในห้องนั่งเล่นเอง “เจียงเฮาเริ่มพูดขึ้นมา
หนิงเถาได้ปฏิเสธอย่างเร่งรีบ “ไม่! ฉันจะทําแบบนั้นได้ยังไง? มันไม่ได้ยุ่งอยากอะไรที่ฉันจะไปนอนที่ไหน ดังนั้นเธอก็นอนห้องของตัวเองไป ส่วนฉันจะไปนอนที่ห้องนั่งเล่นเอง”
“นายเป็นแขกของบ้านฉัน! แล้วจะให้ฉันให้นายไปนอนในห้องนั่งเล่นได้ยังไง” เจียงเฮาตอบโต้ออกมา “นายนอนในห้องของฉันและฉันนอนในห้องนั่งเล่นเอง”
“ถ้าเธอยังไม่ยอมให้ฉันนอนที่ห้องนั่งเล่น ฉันก็จะไปหาโรงแรมนอนเอง” หนิงเถาเองก็ไม่คิดจะยอมเช่นกัน
“นาย … “ เจียงเฮาที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกโกรธคนตรงหน้าขึ้นมา
หนิงเถาที่เห็นว่าตัวเองเถียงชนะก็ได้แสดงยิ้มออกมาและพูดว่า “เป็นอันตกลงแล้วนะ!”
เจียงเฮาได้ถอนหายใจออกมาแล้วก็พูดขึ้นว่า “เอาล่ะ! นายชนะแล้ว! นายรู้ตัวไหมว่าตัวเองเป็นคนที่ดื้อรั้นแค่ไหน”
หนิงเถาทําเพียงแค่แสดงรอยยิ้มออกมา ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ในไม่ช้าถังเจิ้นก็ทําอาหารกลางวันเสร็จ วันนี้เธอทําหมูตุ้นน้ําแดงชิ้น เนื้อต้ม และไก่ตุ้น อาหารเหล่านี้ต่างก็มีส่วนประกอบของเครื่องเทศที่หนิงเถานํามา ไม่ว่าจะเป็นโป๊ยกักที่ถูกนํามาใช้ในหมูตุ้นน้ําแดง, พริกได้ถูกใช้ในเนื้อต้ม และพริกไทยได้ถูกนําไปใช้ในไก่ตุ้น ทันทีที่อาหารพวกนี้ทําเสร็จ กลิ่นหอมก็ได้ลอยตลบอบอวลไปทั่วห้อง
นอกจากการเพิ่มรสชาติให้กับอาหารแล้ว เครื่องเทศที่ได้รับการปรับปรุงโดยหนิงเถายังทําให้อาหารทั่วไปเหล่านี้อร่อยขึ้นมาก ชิ้นเนื้อต้มเป็นอาหารเสฉวนแท้ๆ แต่ด้วยพริกและพริกไทยที่หนิงเถาได้ปรับปรุงขึ้นมา มันยังคงลักษณะที่เผ็ดและเพิ่มรสอูมามิของอาหารให้ถึงจุดสูงสุด ยิ่งไปกว่านั้นความเผ็ดของมันจะไม่ไปกระตุ้นต่อมรับรสและท้องโดยตรง ดังนั้นมันจึงทําให้ผู้คนจากภาคเหนือที่ชอบรสอ่อนก็สามารถเพลิดเพลินไปกับมันได้ ไก่ตุ๋นกับโป๊ยกักเองก็ไม่ต่างกันมากนัก ทันทีที่กัดเข้าไปเพียงคําเล็กๆ ความรู้สึกถึงความอร่อยและความสดชื่นก็ได้ทะลักเต็มปากของพวกเขา เมื่อซุปไก่ได้เข้าไปในกระเพาะอาหารมันก็ทําให้คนกินเข้าไปรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่มันจะกระจายไปทั่วร่างกาย
ถังเฉินและเจียงเฮาเองก็ถูกรสชาติของอาหารเหล่านี้ล่อลวงจนลืมมารยาทบนโต๊ะอาหารที่ดีในฐานะผู้หญิงไป
หนิงเถาที่เห็นการแสดงออกของสองแม่ลูกก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ในช่วงสามวันที่ผ่านมา เขาไม่เพียงทําครีมว่านหางจระเข้ขึ้นมามากมายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสมุนไพรและเครื่องเทศที่พบทั่วไปอีกด้วย คราวนี้ที่เขาให้ผลิตภัณฑ์บางอย่างแก่ถังเจิ้นก็เพราะต้องการทดสอบประสิทธิภาพของตัวผลิตภัณฑ์เหล่านั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะคิดน้อยเกินไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตอนนี้ดูเหมือนว่าเครื่องเทศที่ผ่านกระบวนการจากหมอยามาจะมีประสิทธิภาพที่ดี
หลังจากอาหารเหล่านี้ถูกกินหมดไปอย่างรวดเร็ว ถังเจิ้นก็ได้เรอออกมาและพูดว่า “นี่คืออาหารที่อร่อยที่สุดเท่าที่ฉันเคยกินมาเลย! หนิงเถา! เธอจะว่าอะไรไหมถ้าน้าจะขอพวกเครื่องเทศเพิ่ม? ”
หนิงเถาได้แสดงรอยยิ้มออกมาแล้วตอบว่า “คุณน้าแค่โทรหาผมเมื่อเครื่องเทศชุดนี้หมดก็พอครับ ผมจะรีบส่งมันมาให้คุณน้าทันที”
“เธอช่างเป็นคนดีอะไรแบบนี้! น้าชักสงสัยแล้วว่าผู้หญิงคนไหนที่จะเป็นคนโชคดีที่จะได้แต่งงานกับเธอ” ถังเจิ้นส่งสายตาเปล่งประกายออกมา ก่อนที่เธอจะจ้องมองที่เจียงเฮากําลังถือถ้วยชาและดื่มอยู่ไม่ไกล ทันใดนั้นเธอก็ถามขึ้นว่า “หนิงเถา! น้าขอถามได้ไหมว่าทําไมเธอถึงไม่พาแฟนของเธอมาเมืองหลวงด้วย?”
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็หยุดไปซักพักก่อนที่จะถามกลับว่า “แฟนเหรอครับ? ใครครับ?”
“น้าหมายถึงหนูหลินชิงวู่นะ!” ถังเจิ้นพูดต่อว่า “นั่นไม่มีแฟนของเธอเหรอ?”
หนิงเถาถูกถามแบบนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะอธิบายว่า “คุณน้าเข้าใจผิดแล้วครับ! ผมยังไม่มีแผนและอีกอย่างหลินชิงวู่เองก็เป็นแค่เพื่อนที่ดีของผมคนหนึ่งเท่านั้นเอง”
“อ้อ! น้าเข้าใจแล้วละ!” มาถึงจุดนี้ถังเจิ้นก็ได้หัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะไปเหยียบเท้าของลูกสาวตัวเอง
เจียงเฮาที่ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้เผลอร้องตกใจออกมา ก่อนที่เธอจะรีบจ้องมองไปยังผู้กระทําผิด
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” หนิงเถาถามออกมาอย่างสงสัย เขาไม่รู้เรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้นข้างใต้โต๊ะ
” ฉันคิดอะไรเผลอไปนะ! อย่าสนใจเลย! ทําไมเราไม่ไปตระกูลดิงกันตอนนี้เลยละ?” เจียงเฮาพยายามเปลี่ยนหัวเรื่อง เธอรู้ว่าเพราะอะไรแม่ของเธอจึงเหยียบเทาเธอ และเธอต้องรีบออกไปจากที่นี้ให้เร็วที่สุด
“ โอเค! เราไปที่ตระกูลดิงกันเถอะ” หนิงเถาเองก็รู้ว่าตัวเองไม่มีเวลามากขนาดนั้น อีกไม่กี่วันก็จะถึงวันนัดหมายในวันที่ 15 ของเดือนจันทรคติแล้ว เขาต้องรีบกลับไปให้ทันในวันนั้น
“เจียงเฮา! ลูกมีนัดกับดิงค่อยี่หรือ??” ถังเจิ้นถามออกมาด้วยความสงสัย
ดึงค่อยเป็นบุตรชายของดังยี่ซึ่งเป็นนายพลคนสําคัญในเขตการทหารในเมืองหลวง นี่คือสิ่งที่เจียงเฮาพยายามบอกให้หนิงเถาฟังระหว่างทางมาที่บ้าน นอกจากนี้เธอยังบอกหนิงเถาสั้นๆเกี่ยวกับสมาชิกสําคัญอีกหลายคนของตระกูลดิง ดังนั้นเมื่อถังเจิ้นได้ถูดชื่อดึงค่อยขึ้นมา หนิงเถาก็รู้ว่าคนนั้นคือใคร และเป็นที่รู้กันว่าตอนนี้ลูกชายคนโตอย่างดึงค่อยได้กลายเป็นหัวหน้าดูแลตระกูลแทนพ่อของตัวเอง
“ ใช่! หนูได้นัดกับเขาไปแล้วดังนั้นพวกหนูจะไปตอนนี้เลย” เจียงเฮาดูเหมือนจะไม่ต้องการใช้เวลาอยู่ที่บ้านอีกต่อไป เพราะถ้าเธอรู้ดีว่าถ้าเธออยู่ต่ออีกจะเกิดอะไรขึ้น มันแน่นอนว่าแม่ของเธอจะพูดถึงเรื่องอย่างพวกแต่งงานอะไรเทือกนั้น
หนิงเถาได้บอกลาถังเจิ้นก่อนที่จะเดินออกมาพร้อมกับหีบยาของเขา
ระหว่างทางภายในชุมชนเจียงเฮาเองก็ก็ตั้งคําถามขึ้นว่า “ทําไมนายถึงบอกแม่ว่าตัวเองยังไม่มีแฟนกัน?”
“ มันเป็นเรื่องจริงนิ! ตอนนี้ฉันยังไม่จบการศึกษาเลย ยังไม่ได้ทํางานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ไหนจะเรื่องเงินอีก มันคงเป็นเรื่องแปลกที่ฉันจะมีแฟน?” หนิงเถาได้ตอบออกมาอย่างช้าๆ
“ นั่นเป็นเพราะนายไม่ต้องการเงินและงานเองต่างหาก! นายถึงกับฉีกเซ็ค 1,000,000 หยวนที่ฉันให้ไปทันทีและยังได้ปฏิเสธงานที่ฉันแนะนําโดยไม่ลังเล” เจียงเฮาพูดออกมาโดยไม่พอใจเล็กน้อย
หนิงเถาทําเพียงแค่ยิ้มบางๆออกมาและพูดว่า “เราจะไม่พูดเรื่องนี้อีก! เดี๋ยวฉันจะไปหาแท็กซี่นะ!” จากนั้นพูดจบเขาก็เร่งฝีเท้าของเขาออกไปราวกับกําลังหนีคนร้าย
เมื่อมองไปที่หลังของหนิงเถาที่ห่างออกไป เจียงเฮาก็ได้หยุดเดินและพูดขึ้นมาเบาๆว่า “งั้นทําไมนายถึงไม่ถามฉันว่าฉันมีแฟนหรือยังละ?”
คําถามนี้มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ได้ยินมัน และมันคงจะเป็นคําถามที่ไร้คนตอบ
อันที่จริงไม่ใช่ว่าหนิงเถาไม่ต้องการแฟน ในฐานะที่เป็นคนธรรมดาเขาต้องการสิ่งนี้เป็นอันดับแรกๆ แต่ด้วยสถานะการเงินในช่วงเวลานั้นมันไม่ได้เอื้อยอํานวย มันจึงทําให้เขาไม่สามารถทําอะไรได้ และเมื่อตอนนี้เรื่องเงินไม่ใช้ปัญหาสําคัญสําหรับเขาอีกต่อไป แต่มันกับเป็นตัวตนของเขาที่เป็นเจ้าของคลินิกนภาต่างหากที่ได้กลายไปเป็นอุปสรรคใหม่แทน
เขาไม่ทราบว่าวันหนึ่งเขาจะถูกดูดพลังชีวิตไปหมดโดยคลินิกของเขาตอนไหน หรือไม่เขาก็อาจจะมีชีวิตเป็นพันๆปีเหมือนกันกับเฉินผิงดาวก็ได้ ในกรณีนี้เขาจะตกหลุมรักหญิงสาวธรรมดา และอยู่กับเธอจนกว่าพวกเขาจะแก้ได้ยังไงกัน?