OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 42 สร้างความเสียหายจากการโจมตีคริติคอล
บทที่ 42 สร้างความเสียหายจากการโจมตีคริติคอล
ฉูเหมิงได้เปิดปากของเขาและพุ่นเลือดลงบนพื้น “ฉันไม่ได้เป็นคนกลัวตาย หากนายมีวิธีการทรมานอะไรก็ลองใช้ได้เลย!”
หนิงเถาทําเพียงแค่เตะเข้าไปที่เอวของอีกฝ่ายทําเท่านั้น
ฉูเหมิงทําเสียงอึดฮัดและเคลื่อนตัวไปด้านข้างสามเมตร ถึงกระนั้นเขาก็ยังทําท่าดุร้ายพร้อมกับกัดฟันโดยไม่ส่งเสียงกรีดร้องขอความเมตตา
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ได้ใช้มีดสําหรับตัดสมุนไพรวางไว้ที่คอของอีกฝ่าย ก่อนที่จะพูดเรียบๆว่า “นายเชื่อไหมว่าฉันจะฆ่านาย ทันที”
ฉูเหมิงระงับความเจ็บปวดเอาไว้ ก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “นายเป็นหมอไม่ใช่ฆาตกร! ฉันไม่คิดว่านายจะเต็มใจที่จะก่ออาชญากรรมเพราะคนอย่างฉัน!”
หนิงเถาเป็นแพทย์แน่นอนว่าสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมานั้นเป็นความจริง เขาไม่คิดจะฆ่าอีกฝ่ายอยู่แล้วต่อให้เขาไม่กลัวกฎหมาย แต่เขายังต้องกลัวบาปที่เกิดขึ้นจากการกระทํานี้ ดังนั้นการส่งตัวของอีกฝ่ายให้เป็นหน้าที่ของตํารวจ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหรือตายต่อจากนี้มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเขา อย่างไรก็ตามการทรมานยังเป็นสิ่งที่ทําได้ หนึ่งในจุดที่หนิงเถาเล็งเอาไว้คือแขนขวาและเข่าซ้ายของฉูเหมิง
ในขณะที่หนิงเถากําลังคิดว่าจะเริ่มทรมานส่วนไหนก่อนดี ฉูเหมิงก็ได้ตะโกนขึ้นว่า “ถ้านายคิดว่าจับฉันได้แล้วทุกอย่างจะจบ นายคิดผิดแล้ว มันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้มเท่านั้น พวกเขาจะไม่มีวันปล่อยนายแน่นอน!”
“พวกเขาที่นายพูดถึงมันเป็นใคร?”
” ฉันจะไม่บอกนาย!”
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็เริ่มลงมือค้นตัวของอีกฝ่าย ก่อนที่เขาจะพบเพียงเงินสดไม่กี่ร้อยหยวนไม่มีโทรศัพท์หรือกระเป๋าสตางค์
ฉูเหมิงที่เห็นสีหน้าแบบนั้นก็ได้พูดว่า ” นายกําลังพยายามหาเงื่อนงําจากโทรศัพท์ของฉันใช้ไหม? ฉันคงต้องแสดงความผิดหวังกับนายด้วย เพราะฉันไม่เคยพกมือถือติดตัวเมื่อฉันปฏิบัติภารกิจ”
แต่การขยับตัวไปมาของฉูเหมิงก็ได้เปิดเผยส่วนหน้าอกขึ้นมา และนั้นทําให้รอยสักปรากฏต่อหน้าของหนิงเถาในตอนแรกหนิง เถาก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่เมื่อเขาสังเกตมันดีๆก็พบว่ามันไม่ใช้รอยสักทั่วไปอย่างมังกรหรือเสือ แต่มันเป็นใบหน้าของบุคคล
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็รีบถอดเสื้อของฉูเหมิงออกทันที
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่รอยสักตรงบริเวณหน้าอกของฉูเหมิงจะปรากฏออกมาอย่างสมบูรณ์ รูปรอยสักนั้นเป็นใบหน้าของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอดูน่ารักและมีอายุพอๆกับหลี่เสี่ยวหยู
“นายกําลังทําอะไร?” ฉูเหมิงรู้สึกประหม่าขึ้นมาบ้าง
หนิงเถาไม่ตอบกลับไป เขาทําเพียงหยิบโทรศัพท์ออกมาและถ่ายรูปรอยสักของอีกฝ่ายเก็บเอาไว้
“แกกําลังทําอะไร! แกมันเป็นพวกหน้าตัวเมีย!” ดูเหมือนว่าฉูเหมิงจะรู้ว่าชายตรงหน้าต้องการทําอะไร เขาจึงพยายามยกมือขึ้นมาปิดรอยสักนั้น แต่มันก็ช้าไปแล้ว
หนิงเถาได้เหยียบไปที่มือซ้ายอย่างแรง ก่อนที่จะถามด้วยเสียงเย็นชาว่า “นายกลัวไหม? ที่อยู่ดีๆลูกสาวของนายก็เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย”
“เด็กนั้นไม่ใช้ลูกสาวของฉัน! มันก็แค่รอยสักธรรมดาอันหนึ่ง”
“ถ้าเธอไม่ใช่ลูกสาวของนาย ทําไมนายถึงลงทุนสักรูปเธอเอาไว้บนหน้าอก?” หนิงเถาถามออกมา
ฉูเหมิงหลับตาไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่านายเป็นคนแกร่ง แต่นายเคยคิดถึงลูกสาวของตัวเองบ้างไหม? ใครจะดูแลเธอเมื่อนายตายไปแล้ว”
” หุบปาก!” มาถึงจุดนี้ฉูเหมิงได้สูญเสียความสงบไปแล้ว
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “นายคิดว่าลูกสาวของนายจะปลอดภัยถ้านายเก็บความลับให้กับคนเหล่านั้นเหรอ? ฉันจะบอกว่าทันทีที่ข่าวว่านายถูกจับกุมหลุดออกไป พวกนั้นคงคิดว่านายให้ข้อมูลที่สําคัญกับทางการไปแล้ว พวกนั้นคงจะรีบไปจับลูกของนายเป็นตัวประกันเพื่อที่จะเอาไว้ใช้ข่มขู่นาย นายไม่คิดเหรอว่าคนพวกนั้นจะทําอะไรกับลูกสาวของนายถ้านายตายไป? ขายเธอหรือสอนให้เธอเป็นคนอย่างนาย?”
” หุบปาก! ฉันไม่อยากได้ยินมัน!”
หนิงเถายังคงพูดต่อไปว่า “ฉันแน่ใจว่านายรู้ว่าสิ่งที่ฉันพูดนั้นเป็นความจริง เพราะไม่อย่างนั้นนายคงจะไม่มีการตอบสนองแบบนี้ นายไม่สามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์พวกนี้ได้ มันจะดีกว่าถ้านายจะให้ความรวมมือกับฉัน ฉันสัญญาว่าจะดูแลลูกสาวของนายให้ และจะพาเธอมาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกําพร้าที่ซันไชน์ “
ริมฝีปากของฉูเหมิงสั่นราวกับว่าเขาต้องการพูดอะไรบางอย่าง แต่เขาก็ไม่ได้พูดมันออกมา
“ ฉันสามารถหาครอบครัวที่ดีให้กับเธอได้ เธอจะใช้ชีวิตได้ตามปกติ เธอจะสามารถไปโรงเรียนและเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีในอนาคตได้ นอกจากนี้เธอยังสามารถแต่งงานกับชายที่รักเธอ “
“ถ้า … “ ฉูเหมิงเริ่มเกิดความลังเลเกิดขึ้น เขาหยุดพูดไปเล็กน้อยก่อนจะพูดว่า “ถ้านายโกหกฉันล่ะ?”
“ นายก็เห็นว่าฉันสามารถดูแลเด็กๆที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าฉันรักษาคําพูดของตัวเองเสมอ ขอแค่นายตอบตกลงเรื่องที่ฉันพูดไปฉันสัญญาว่าจะทํามัน” หนิงเถายังพูดต่อว่า “ ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะยังไม่สามารถพิสูจน์อะไรให้นายเห็นได้ ฉันทําได้เพียงแค่ขอให้นายไว้ใจฉันเท่านั้น”
ฉูเหมิงได้ไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างน้อยสองนาที จากนั้นเขาก็พูดว่า “ฉันเชื่อใจนาย! ฉันสามารถบอกได้เลยว่านายไม่ได้เป็นคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไร ดูได้จากการที่นายยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้น เอาละ! นายต้องการรู้อะไร?”
” บอกฉันก่อนว่าลูกสาวของนายอยู่ที่ไหนและฉันจะจัดให้ใครบางคนไปรับเธอมาทันที” หนิงเถาพูดต่อว่า “จากนั้นนายสามารถพบเธอได้”
“ไม่! ฉันละอายเกินไปที่จะพบเธอ ฉันไม่อยากให้เธอเห็นฉัน แบบนี้ … แค่ให้เธอลืมฉัน ฉันไม่สมควรเป็นพ่อของเธอ … “ พูดมาถึงจุดนี้ฉูเหมิงก็เริ่มที่จะร้องไห้ออกมา แม้ว่าเขาจะเป็นนักฆ่าเลือดเย็น แต่เขาก็ยังมีส่วนที่อ่อนโยนซ่อนอยู่ข้างในตัว
“งั้นบอกฉันว่าลูกนายอยู่ไหน?”
“ชื่อของเธอคือฉูลี่ เธออยู่ที่บ้านเพื่อนในตอนเหนือของเมืองฉานเจียง เพื่อนของฉันชื่อดงซู เขาได้ดูแลเธอให้ฉันในตอนนี้ ฉันคิดจะพาเธอออกไปทํางานที่ประเทศไทยหลังจากงานนี้จบแต่… ” พูดมาถึงตรงนี้ฉูเหมิงก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ดึงโทรศัพท์ออกมาแล้วกดหมายเลขของเจียงเฮาทันที
หลังจาก 10 วินาที เจียงเฮาได้รับสายโทรศัพท์ “อะไรนะ…เอ่อ…นายเหรอ?”
“ฉันได้ตัวฉูเหมิงมาแล้ว” หนิงเถาตอบกลับสั้นๆ
“ฮะ?” เจียงเฮาคิดว่าตัวเองฟังผิดไป “จริงเหรอ? แล้วตอนนี้ นายอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปหานายทันที”
” ฉันอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกําพร้า”
”เข้าใจแล้ว! ฉันจะไปหานายให้เร็วที่สุด!” เจียงเฮาได้ตอบกลับมา
แต่ก่อนที่เธอจะวางสายไป หนิงเถาก็ได้พูดขึ้นว่า “มีอีกเรื่องที่ฉันต้องการให้เธอช่วย พอดีว่าฉูเหมิงได้ทําข้อตกลงกับฉันเรื่อง การให้ข้อมูลสําคัญ แต่เขาต้องการให้ฉันช่วยลูกสาวของเขา เพื่อแลกกับเรื่องนี้ ดังนั้นฉันจึงอยากให้เธอไปรับตัวลูกสาวของเขามาที่นี้ด้วยใช้! ลูกสาวของเขาอยู่ที่…”
“นี้เรื่องจริงใช้ไหม?” เจียงเฮาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถามออก มาด้วยน้ําเสียงแปลกๆ
“ใช่! เขาจะบอกเราทุกอย่างที่เขารู้ นอกจากนี้เด็กเองก็เป็นคนบริสุทธิ์ เธอไม่ควรจะตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้นได้โปรดปกป้องเธอด้วย” หนิงเถายังได้พูดเสริมออกมาอีกว่า “เกือบลืมไปเลย! เธอช่วยโทรเรียกรถพยาบาลด้วย พอดีว่ามีคนที่ได้รับบาดเจ็บ ”
“นายสบายดีไหม?”
“ฉันสบายดี”
“ โอเค! ฉันจะจัดการให้คนไปรับลูกสาวของเขามาเอง ส่วนรถพยาบาลกําลังไป ก่อนที่ฉันจะไปถึงนายก็ดูแลตัวเองด้วยละ” เจียงเฮาพูดจบก็ได้วางสายไป
หนิงเถาวางโทรศัพท์แล้วหันไปหาฉูเหมิงแล้วพูดว่า “อีกเดียวทางตํารวจจะไปรับลูกของนายมาที่นี้ ที่นี้นายคงสบายใจขึ้นแล้วใช้ไหม? ”
” ขอบคุณ”
“ฉันไม่ได้ต้องการคําขอบคุณจากนาย” หนิงเถาพูดต่อว่า “ทําไมเราไม่มาเริ่มต้นด้วยเรื่องโครงการต้นกําเนิดบรรพบุรุษของหลินชิงหัว นายรู้อะไรเกี่ยวกับโครงการนี้บ้าง”
”นายจ้างของฉันเป็นชาวอเมริกันและฉันรู้แคชื่อของเขาในฐานะนิโคลัสคอนเวย์ แต่ฉันไม่รู้ว่านี้เป็นชื่อจริงของเขาหรือเปล่า นายเองก็รู้ว่าคนที่ทํางานในสาขาของฉันไม่เคยถามตัวตนของนายจ้าง และเหตุผลสําหรับงานทั้งหมดที่ฉันสนใจคือเงิน ”
“ฉันรู้”
“นิโคลัสได้จ้างฉันให้นําสิ่งนั้นมาจากวังหยางหยาง ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรจนกระทั่งวังหยางหยางบอกว่ามันถูกขโมยไปแล้ว ในตอนนั้นฉันโกรธมากจนฉันอยากจะฆ่าใครซักคน ฉันถามถึงเนื้อหาของมันแต่อีกฝ่ายก็บอกฉันไม่ได้มาก เขาพูดเพียงว่ามันเป็นข้อมูลลับสําหรับโครงการต้นกําเนิดบรรพบุรุษของหลินชิงหัว และวัสดุ สําคัญสําหรับการผลิตซึ่งมีมูลค่านับสิบล้าน ”
หนิงเถาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาแน่ใจว่าเนื้อหาสําคัญที่อีกฝ่ายพูดถึงคือดินวิญญาณสีน้ําเงินนั้น มันเป็นส่วนสําคัญที่เห มาะกับใช้ปลูกพืชวิญญาณ แล้วทําไมมันถึงได้มาเกี่ยวข้องกับโครงการวิจัยทางชีววิทยากัน?
ฉูเหมิงยังคงพูดต่อไปว่าสิ่งที่หลินชิงหัวศึกษาลือกันว่าเป็นปาฏิหาริย์ในสาขาชีวเวชภัณฑ์ มันได้ช่วยให้ผู้คนมีความแข็งแกร่งไม่เหน็ดเหนื่อยและยังสามารถพัฒนาทักษะโดยรวมของผู้คนได้ แม้ แต่การคิดการวิเคราะห์ ความสามารถเฉพาะจุดในช่วงเวลาสั้นๆก็ถูกเพิ่มขึ้นมาก วังหยางหยางยังบอกด้วยว่าถ้ามันถูกนําไปใช้ใน กองทัพ แม้แต่ทหารธรรมดาก็อาจกลายเป็นทหารกองกําลังพิเศษที่ยอดเยี่ยมได้
หนิงเอานึกถึงตัวยาอมตะที่เฉินผิงดาวได้มอบให้เขา มันมีคุณสมบัติที่คล้ายๆกัน แต่ยาของเขามีฤทธิ์ที่แรงกว่าและเห็นผลได้ดีกว่า ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจถึงผลลัพธ์ที่อีกฝ่ายพูดถึง แต่เขาให้ความสนใจที่มาที่มาของดินวิญญาณมากกว่า
“วังหยานหยานได้ทําธุรกิจกับบริษัทหลินชิงหัว แน่นอนว่าเขาได้ซื้อตัวนักวิจัยเอาไว้ อีกฝ่ายได้โหลดเอกสารลับของโครงการลงบนแผงวงจรและได้ขโมยวัสดุ สําคัญสําหรับทํายาออกมา อันที่จริงแล้วเรื่องทุกอย่างควรจะเป็นงานง่ายๆและจบโดยเร็ว แต่ใครจะไปคิดว่าต่อมามันจะถูกขโมยโดยใครบางคน และเมื่อฉันรู้เรื่องนี้ฉันก็รีบติดตามหาคนที่ขโมยของไปก่อนที่ฉันจะพบเธอในวิดีโอวงจรปิด…”
“แล้วตอนนี้วังหยานหยานซ่อนตัวอยู่ที่ไหน?”
“วัดที่เรียกว่าความสงบในใต้หล้า” ฉูเหมิงพูดต่อว่า ”เขาได้โกนหัวแล้วแกล้งทําเป็นพระอยู่ในตอนนี้ เขากําลังรอให้ทางนิโคลัสช่วยเขาออกไปนอกประเทศ ถ้านายรีบไปตอนนี้อาจจะพอทันเวลาเรื่องที่ฉันรู้ทั้งหมดก็ได้บอกได้ไปแล้ว”
“แล้วนายเคยได้ยินไหมว่าดินพวกนั้นหลินชิงหัวได้มาจากที่ไหน” หนิงเถาถามในส่วนที่เขาต้องการรู้ออกมา
ฉูเหมิงได้ส่ายหัวและตอบว่า “ฉันเองไม่รู้ ถ้านายอยากรู้เรื่องนั้น คงมีเพียงแค่หลินชิงหัวเท่านั้นที่สามารถบอกนายได้ “
“ดี! งั้นถ้าภายหลังมีคนถามคําถามแบบเดียวกับฉัน นายก็ตอบให้เหมือนกับตอนนี้เข้าใจไหม?”
“ไม่มีปัญหา แต่นายต้องรักษาสัญญาที่นายให้ฉันเอาไว้ด้วย! ไม่อย่างนั้นฉันจะกลับมาหลอกหลอนนายแม้ว่าฉันจะตายไปแล้วก็ตาม!”
หนิงเถาพูดขึ้นว่า “ฉันบอกนายแล้วว่านายสามารถไว้ใจฉันได้ ทั้งหมดที่นายต้องทําในตอนนี้คืออดทนกับมัน”
” นายหมายถึงอะไร”
หนิงเถายกมือขึ้นแล้วตบไปที่หัวของฉูเหมิง
ฉูเหมิงที่ไม่ได้ทันได้เตรียมตัวก็ร้องออกมาด้วยความตกใจครึ่งหนึ่งและหมดสติไป
หนิงเถาที่เห็นว่าอีกฝ่ายสลบไปแล้ว ก็ได้เปิดประตูวาปขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินทะลุไปยังห้องซู
ในตอนนี้ซูหยายังไม่ได้ตื่นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกตกใจกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากขนาดไหน
เมื่อเขาสังเกตมันมากขึ้น อาจจะเพราะว่าหน้านี้มันเป็นฤดูร้อน ทําให้เธอมีเหงื่อตัวไปหมด
หนิงเถาได้วาฉูเหมิงเอาไว้บนพื้นตามเดิม โดยที่บาดแผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการต่อสู้ก่อนหน้านี้ต่างก็ถูกรักษาแล้ว ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายอาจจะตกอยู่ในอันตรายได้
หลังจากวางฉูเหมิงแล้ว หนิงเถาก็ได้เดินมาที่เตียงของซูหยาก่อนที่เขาจะดึงผ้าห่มออกจากเธอ เขาทํามันเพราะเห็นว่าอากาศในห้องนี้ร้อนเกินไป การที่ทําตัวให้ร้อนมากเกินไปมันอาจจะทําให้ไม่สบายขึ้นมาได้ แต่เขาไม่ทันคิดว่าเสื้อผ้าภายใต้ผ้าห่มนั้นซ่อนอะไรเอาไว้…