OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 26 ความลับใต้เตียง
บทที่ 26 ความลับใต้เตียง
ในมุมหนึ่งใต้เตียงได้มีห่อผ้าวางเอาไว้ มันดูทั้งเก่าและสกปรก หนิงเถาไม่รู้ว่าในนั้นมีอะไรและทำไมมันถึงมากองอยู่ตรงนี้ อาจะเป็นพวกหนูที่ทำแบบนี้ หรือว่าจะเป็นตัวของซูหยาเองที่ทำมัน
หนิงเถาไม่มีทางเลือกมากนัก เขาจึงทำได้เพียงนำห่อผ้านั้นออกมา ก่อนที่เขาจะสังเกตว่ามันไม่ใช้ห่อผ้าธรรมดาแต่เป็นกางเกงในผู้หญิง ไม่ต้องเดาเลยว่านี้เป็นของใคร แต่ในขณะนั้นสิ่งที่เขาควรจะให้ความสนใจไม่ใช้เรื่องนั้น แต่เป็นเรื่องที่อยู่ในห่อผ้านั้นมากกว่า
“มีอะไรซ่อนอยู่ในนี้กัน?” ความอยากรู้ของหนิงเถาถูกจุดขึ้น หลังจากที่ลังเลอยู่เล็กน้อย เขาก็เปิดมันออกมา
ภายในห่อผ้านั้นมีกระดาษที่ถูกขยำเป็นลูกบอลและพบว่ามีบางสิ่งซ่อนอยู่ภายในอีกชั้นหนึ่ง
มันเป็นดินเหนียวสีฟ้าดูเหมือนดินน้ำมัน แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ดินน้ำมันและมันไม่ใช่ดินเหนียวด้วยเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเจ้าของกลิ่นแปลกปลอมที่เขาสัมผัสได้
“นี่คืออะไร? ทำไมซูหยาถึงใส่ของที่มีลักษณะคล้ายดินเหนียวนี้ลงในห่อผ้ากางเกงในของตัวเองและยังซ่อนมันเอาไว้อีกด้วย?” ความอยากรู้ของหนิงเถาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่คิดที่จะสัมผัสสิ่งที่เป็นเหมือนดินเหนียวนี้โดยตรง เขาวางมันลงบนโต๊ะและตัด “ดิน” ด้วยแปรงสีฟันของซูหยาอย่างระมัดระวัง
“ดิน” สีน้ำเงินขนาดไข่ไก่ถูกตัดเปิดและมีแผงวงจรขนาดของปรากฏอยู่ข้างในนั้นอีกทีหนึ่ง
“เรื่องมันซักจะยังไงแล้ว? ทำไมเธอถึงมีของแปลกๆพวกนี้อยู่ด้วย? ” หนิงเถารู้สึกสงสัยมากขึ้นเลื่อยๆ จากนั้นเขาก็เริ่มเดาเกี่ยวกับของสิ่งนี้ “ไม่ใช้ว่าเธอ … เธอจะขโมยของจากคนอื่นอีกแล้วนะ?”
มีเพียงซูหยาเท่านั้นที่สามารถบอกเขาได้ว่า “ดินเหนียว” ที่แปลกประหลาดนี้และแผงวงจรที่ซ่อนอยู่ใน “ดินเหนียว” นั้นถูกขโมยมาหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ของพวกนี้คงต้องทิ้งให้เป็นปริศนาไปก่อน
หากวัตถุที่ซ่อนอยู่ใน “ดิน” เป็นจ้ำไดรฟ์ หนิงเถาก็สามารถตรวจสอบเนื้อหาในคอมพิวเตอร์ได้ แต่น่าเสียดายที่มันดูไม่เหมือนจ้ำไดรฟ์เลย ในท้ายที่สุดเขาจึงนำมันไปห่อเอาไว้ในถุงพลาสติกแทนที่จะเป็นกางเกงในนั้นเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะยังไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี่คืออะไร แต่เขาเชื่อว่าทันทีที่เขาพบตัวซูหยาเขาจะรู้คำตอบของเรื่องนี้
ไม่นานก่อนที่จี๋หมิงจะมาถึง เขามาพร้อมกับอุปกรณ์ทำอาหารมากมาย เช่น มีดทำครัวหลายชนิด ที่เหมาะสำหรับใช้งานที่แตกต่างกัน เขียงขนาดใหญ่ หม้อ กระทะ เขาได้นำผ้านวมและเครื่องใช้ในห้องน้ำมาด้วยเช่นกัน
“นายกำลังย้ายบ้ายหรือไง?” หนิงเถาพูดขณะที่เขาช่วยจี๋หมิงย้ายสิ่งของออกจากรถ “ทำไมนายไม่เอาเตียงนอนมาด้วยเลยละ?”
ใบหน้าอ้วนๆของจี๋หมิงได้ปรากฏรอยยิ้มออกมา “นายคิดแบบนั้นใช้ไหม? ที่จริงแล้วฉันจะเอามันมาแล้วแต่พอดีว่าที่นอนของฉันมันใหญ่เกินไป มันจึงต้องรอเอาไว้ครั้งหน้า และก่อนหน้าที่จะเอามันมาได้ฉันต้องหาห้องนอนให้ได้ก่อน นายคงไม่คิดว่าฉันเรื่องมากนัก ฉันอยากได้ห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ และอย่างสุดท้ายไม่คิดค่าเช่าห้อง”
หนิงเถาถึงกับตกใจกับสิ่งที่ตัวเองได้ยินทันที ทีแรกเขาแค่ล้อเล่นอีกฝ่ายเท่านั้น แต่เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเห็นมันเป็นเรื่องจริงจังขึ้นมาและต้องการย้ายมาอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจริงๆ
แต่มันก็เข้าใจได้ที่อยู่เดิมของจี๋หมิงนั้นอยู่ไกลจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้มาก มันจะต้องใช้เวลาขับรถอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงที่จะมาที่นี้ การเดินทางไปกลับจะทำให้เขาต้องเสียค่าน้ำมันถึง 20 หยวน นอกจากนี้พ่อครัวต้องตื่นแต่เช้า หากเขาไม่ได้อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ เขาจะต้องตื่นก่อนเวลาอย่างน้อยประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับอีกฝ่ายก็ว่าได้
หลี่เสี่ยวหยูและเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเดินออกมาเพื่อช่วยกันขนย้ายของเข้าตัวอาคาร พวกเขาได้ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่าที่จะขนย้ายหมด ในระหว่างนั้นเองจี๋หมิงก็สนิทกับพวกเด็กๆมากขึ้น โดยเฉพาะหลี่เสี่ยวหยูที่ดูจะเข้ากันได้ดีกว่าคนอื่น
พระอาทิตย์ตกดินแล้วและในไม่ช้ามันก็ถึงเวลาอาหารเย็น
ในตอนนี้จี๋หมิงกำลังยุ่งอยู่กับการทำอาหารมื้อแรกให้กับเด็กๆ และนั้นทำให้ห้องครัวก็เต็มไปด้วยเสียงของการสับและการปรุงอาหารต่างๆ พวกเด็กๆเองก็ไม่ได้ไปไหนไกล พวกเขายังคงเบียดเสียดกันอยู่ที่ประตูและหน้าต่างเพื่อดูการทำอาหารของจี๋หมิง ดูเหมือนพวกเขามีความอยากรู้อยากเห็นอย่างไม่รู้จบเกี่ยวกับลุงอ้วนคนนี้
ซูหยาและโจวหยูเฟิงยังไม่กลับมา และโทรศัพท์ของพวกเธอก็ยังปิดอยู่
หนิงเถาไปที่บ้านหลังคากระเบื้องซึ่งเป็นที่อยู่เดิมของโจวหยูเฟิง ในขณะที่เขาเปิดประตูเข้าไปกลิ่นของยาและราน้ำค้างเต็มรูจมูกของเขา พื้นห้องถูกปกคลุมไปด้วยขยะ เสื้อผ้าเก่า กระดาษ ห่อถุงพลาสติก
หนิงเถาเริ่มทำความสะอาดห้อง ในไม่ช้าเขาก็พบข้อความจากโจวหยูเฟิงที่วางเอาไว้บนโต๊ะ
มันเขียนว่า “โลกนี้สวยงามมาก ฉันต้องการออกไปดู และอยู่เพื่อตัวฉันเอง”
หลังจากอ่านข้อความที่โจวหยูเฟิงทิ้งไว้หนิงเถามีความรู้สึกใจหายเล็กๆ เขาเป็นคนนำโจวหยูเฟิงกลับมาจากความตายและมอบชีวิตที่สองให้เธอ โดยมีข้อแลกเปลี่ยนเป็นความดีและความทรงจำที่เกี่ยวข้องทั้งหมดของเธอ ทำให้ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าอีกแล้ว มันจึงไม่แปลกที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์จะเป็นสถานที่แปลกสำหรับเธอและเธอก็ไม่ได้รู้สึกเหมือนอยู่บ้านในสถานที่แห่งนี้อีกต่อไป ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับข้อผูกมัดที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อผู้อื่นและเป็นที่เข้าใจได้ว่าเธอต้องการมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองในครั้งนี้ ไม่มีใครมีสิทธิที่จะบังคับให้เธอทำสิ่งต่างๆมากขึ้นเพื่อเด็กกำพร้าเหล่านี้ การเป็นคนดีตลอดไปนั้นยากกว่าการเป็นคนเลวตลอดไป
โจวหยูเฟิงอาจจะทิ้งไปแล้ว และซูหยารู้เรื่องนี้ไหม?
ระหว่างที่เขากำลังใช้ความคิดอยู่นั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
หนิงเถาดึงโทรศัพท์ออกมาแล้วมองไปที่หมายเลขที่โทรมา เขาพบมาว่าเป็นสายเรียกของหลินชิงวู่ และนั้นทำให้เขาจำได้ว่าเขาได้นัดกับเธอเอาไว้
เมื่อโทรศัพท์ถูกกดรับ อีกฝ่ายก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “หมอหนิง! ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปรับคุณเดียวนี้”
“ตอนนี้ผมอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์ คุณสามารถมารับผมที่นี้ได้” หนิงเถาตอบกลับไป
“โอเค! ฉันจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะไปถึงที่นั้น” หลินชิงวู่พูดจบก็กดวางสายไป
เมื่อจัดการเรื่องนี้แล้วหนิงเถาก็ได้เข้ามาในครัว ซึ่งพวกเด็กๆกำลังทานอาหารค่ำที่โต๊ะกลมใหญ่ การทำอาหารของจี๋หมิงในครั้งนี้นั้น เขาได้จัดอาหารมื้อใหญ่ให้พวกเด็กๆเป็นการต้อนรับ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีเนื้อเป็นส่วนประกอบ และดูเหมือนว่าพวกเด็กจะไม่ได้กินมันมานานแล้ว ทันทีที่พวกเขาเห็นมันพวกเขาก็ไม่รอที่จะแย่งกันทันที
“เถา! นายจะกินด้วยไหม?” จี๋หมิงถาม
“ ไม่ละ! ตอนนี้ฉันยังไม่หิว” หนิงเถาพูดต่อว่าเ “อีกเดียวจะมีใครบางคนจะมารับฉันไปเพื่อรักษาคนในครอบครัว ดังนั้นระหว่างนี้ฉันฝากนายดูแลพวกเด็กๆด้วยละกัน”
“ไม่มีปัญหา ปล่อยพวกเขาเป็นหน้าที่ฉันเอง” จี๋หมิงหยิบบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งซอง ก่อนที่เขาจะมองไปทางหนิงเถาและถามว่า “นายจะเอาด้วยไหม?”
หนิงเถาส่ายหัวแล้วปฏิเสธว่า “ไม่ละ! นายเองก็สูบบุหรี่ให้น้อยลงหน่อยก็แล้วกัน”
จี๋หมิงไม่ได้สนใจเรื่องที่หนิงเถาพึ่งจะพูดมากนัก เขาได้จุดบุหรี่ให้ตัวเองและทันใดนั้นเขาก็จำบางสิ่งได้ ก่อนที่จะถามว่า “ฉันได้ยินจากพวกเด็กๆว่าผู้อำนวยการโจวหายไป? แล้วแบบนี้ใครจะเป็นคนจ่ายเงินเดือนของฉันกัน?”
“ฉันจะจ่ายให้นายเอง นี่คือเงินเดือนครึ่งเดือนนี้ นายเอามันไปก่อน” หนิงเถานำเงินที่เขาทำในวันนี้ออกมา ก่อนที่เขาจะนับแยกออก 2,000 และส่งมอบให้จี๋หมิง
“ไม่ … ฉันไม่สามารถรับเงินของนายได้ เห็นอยู่ชัดๆว่านายมันยากจนกว่าฉันอีก” จี๋หมิงต้องการมอบเงินคืนให้หนิงเถา
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า “รับมันไป! อีกเดียวถ้าผู้อำนวยการโจวกลับมาแล้ว ฉันจะไปเบิกเงินส่วนนี้จากเธอเอง”
ไม่มีใครรู้ว่าโจวหยูเฟิงจะกลับมาหรือไม่ ในความเป็นจริงแม้ว่าเธอจะกลับมาหนิงเถาก็จะไม่ขอเงินจากเธอ ที่เขาบอกแบบนั้นก็เพื่อที่จะทำให้จี๋หมิงไม่รู้สึกอะไรหลังจากที่รับเงินนี้ไป
“เอาล่ะ! ฉันจะรับมันเอาก็แล้ว แต่ถ้าช่วงนี้นายต้องการใช้เงินนายก็สามารถมาเอากับฉันได้ตลอดเวลา” จี๋หมิงเอาเงินใส่ในกระเป๋ากางเกงของเขาแล้วเสริมว่า “งั้นเรื่องเงินก็จบไปแล้ว แล้วเรื่อความสัมพันธ์ระหว่างนายกับตำรวจหญิงเป็นยังไงบ้าง?”
หนิงเถาหยุดครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “นายหมายความว่าไง?”
“เธอไม่ได้ขอให้นายพาไปดูหนังหรือไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนหรืออะไรอย่างนั้นเหรอ?”
หนิงเถามองไปที่เพื่อนคนนี้แล้วพูดว่า “เธอไม่ใช่แฟนของฉัน ทำไมเธอถึงต้องชวนฉันไปดูหนังหรือทานอาหารใต้แสงเทียนด้วย?”
รูปลักษณ์ที่ผิดหวังได้กระจายไปทั่วใบหน้าของจี๋หมิง “นายจะบอกฉันว่าเธอไม่แม้แต่จะโทรมาหานายเลยหรือไง??”
“ไม่นะ! นายก็รู้ว่าเธอมีสถานะพิเศษ ฉันคิดว่าเธอคงจะยุ่งๆอยู่ช่วงนี้ ไหนจะเรื่องงานและเรื่องครอบครัวของตัวเอง”
จี๋หมิงได้ยื่นริมฝีปากของเขาออกมาและพูดว่า “นั่นจะเป็นไปได้ไง? นายเป็นคนช่วยพ่อของเธอนะ? ทำไมเธอถึงไม่คิดจะแต่งงานกับนายเป็นการตอบแทนกัน??”
หนิงเถายกมือขึ้นและพยายามตบลงไปที่หัวของเพื่อนคนนี้ แต่จี๋หมิงก็รู้ว่าจะต้องเกิดสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เขาจึงเตรียมตัวหลบเอาไว้แล้ว
เด็กๆเพิ่งทานอาหารเย็นเสร็จ เมื่อมีเสียงบีบแตรรถดังขึ้นมา
“หนูจะไปเปิดประตูเอง!” หลี่เสี่ยวหยูที่ชอบออกไปประตู ก็ได้วิ่งไปที่ประตูเหล็กทันที
หนิงเถาตามเธอไปพร้อมกับถือกล่องยาขนาดเล็กของเขาไปด้วย “เสี่ยวหยู! หนูช้าลงหน่อยและระวังอย่าให้หกลงละ!”
จี๋หมิงได้เดินตามหลี่เสี่ยวหยูไปจนทัน ก่อนที่เขาจะช่วยเธอเปิดประตูเหล็ก
ข้างนอกเป็นเซราติเอ็มซี รถหรูราคาหลายล้านหยวน แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆมัน เธอดูงดงามและสง่างาม
เมื่อเห็นรถและผู้หญิงคนนี้จี๋หมิงไม่สามารถละสายตาจากมันไปได้
“หมอหนิง” หลินชิงวู่ได้ทักทายออกมาด้วยรอยยิ้ม
หนิงเถาได้ตบไหล่ของจี๋หมิงและพูดว่า “ดูแลเด็กระหว่างที่ฉันไม่อยู่ด้วย ถ้ามีอะไรผิดปกติก็โทรหาฉันเข้าใจไหม?”
ทันใดนั้นจี๋หมิงก็เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง “โอเค! นายไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ ทิ้งให้ฉันจัดการเอง”
หลี่เซียวหยูรีบวิ่งไปหาหลินชิงวู่ด้วยใบหน้าเล็กๆของเธอที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวสุดสวย! พี่สาวสวยกว่านางฟ้าอีกค่ะ”
หลินชิงวู่เป็นคนรักเด็ก ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยแสดงมันออกมาก่อนก็ตาม “ขอบใจจ๊ะ! แล้วนี้หนูชื่ออะไรจ๊ะ?”
หลี่เสี่ยวหยูตอบกลับอย่างหน้ารักว่า “หนูชื่อหลี่เสี่ยวหยูค่ะ! พี่สาวนางฟ้าละค่ะ?”
หลินชิงวู่เอื้อมมือไปแตะหัวน้อยของหลี่เสี่ยวหยูเบาๆ และตอบว่า “พี่สาวชื่อว่าหลี่เสี่ยวหยู เออ! ตอนนี้พี่สาวต้องไปแล้ว เอาไว้โอกาสหน้าเรามาเล่นด้วยกันนะ “
โดยไม่มีใครคาดคิดหลี่เสี่ยวหยูได้ยื่นมือออกไปหาหลินชิงวู่และเริ่มใช้มายาที่เธอทำมาตลอด “พี่สาวนางฟ้าได้โปรดบริจาคเงินให้เราพวกเราด้วย พวกเราทุกคนเป็นเด็กกำพร้า พวกเรายากจนมากจนเราไม่ได้กินเนื้อมานานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว “
จี๋หมิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็มองหลี่เสี่ยวหยูด้วยสายตาแปลกๆ ถ้าจำไม่ผิดเขาเพิ่งทำอาหารจานเนื้อให้ไม่ใช้เหรอ?
หนิงเถาผู้ซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นไปในรถก็ต้องหยุดลง ก่อนที่เขาจะแกล้งทำสีหน้าจริงจังว่า “เสี่ยวหยู! หนูไม่ควรจะทำแบบนี้นะ? รู้ไหมว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควร”
หลี่เสี่ยวหยูกดริมฝีปากของเธอแน่นและเริ่มใช้แผนขั้นต่อไป เริ่มมีน้ำตาสองหยดเล็กๆไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
หลินชิงวู่ที่เห็นแบบนั้นก็รีบหยิบกระเป๋าตัวเองออกมาจากรถทันที จากนั้นเธอก็หยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วเอาไปใส่ในมือของหลี่เซียวหยูโดยพูดว่า “พอดีว่าพี่สาวมีเงินสดติดตัวมาไม่มาก งั้นครั้งต่อไปที่มาที่นี้พี่จะนำขนมมาฝากพวกหนูดีไหม? “
เมื่อเห็นว่าแผนการของตัวเองประสบความสำเร็จ ใบหน้าของหลี่เสี่ยวหยูก็ดีขึ้น เธอรีบพูดว่า “ขอบคุณพี่สาวนางฟ้าค่ะ! พี่สาวเป็นนางฟ้าที่สวยที่สุดในโลกเลย!”
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ทำได้เพียงแค่ส่ายหัวไปมาพร้อมกับรอยยิ้มบางๆได้เท่านั้น
หลินชิงวู่เองก็ขึ้นรถเช่นกัน ก่อนที่เธอจะขับรถมาเซราติเอ็มซีกลับไปยังตัวเมือง
บนเนินเขาด้านหลังสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าของซันไชน์ มีชายร่างผอมสูงจ้องที่รถมาเซราติเอ็มซีในขณะที่มันเร่งความเร็วออกไป เขาไม่ขยับจนกว่ารถจะมองไม่เห็นแล้ว เขาสวมหมวกขนาดใหญ่และยังได้ซ่อนตัวอยู่ในความมืด ถึงแม้ว่าจะมีใครผ่านมาทางนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเห็นเขาได้