OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 17 ข้อดีของการมีเจตนาดี
บทที่ 17 ข้อดีของการมีเจตนาดี
ในห้องหนิงเถาหาผ้าขนหนูมาชิ้นหนึ่งแล้วพูดว่า “ป้าโจว! ผมจะต้องปิดตาของป้า หวังว่าป้าจะให้ความร่วมมือ “
“ตาของฉันต้องถูกปกปิดในระหว่างการรักษาเหรอ?” โจวหยูเฟิงถามด้วยความอยากรู้
หนิงเถาได้อธิบายว่า“ ผมมีวิธีรักษาที่ไม่เหมือนกับหมอคนอื่น และผมเองก็ยังมีกฎของตัวเองด้วย ผมหวังว่าคนไข้ของผมจะทำตามมัน”
โจวหยูเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เอ่อ! ฉันกำลังจะตายอยู่แล้วงั้นการทำตามที่เธอบอกคงไม่เป็นอะไร แต่ฉันหวังว่าเธอจะไม่ลืมสัญญาที่เธอทำกับฉัน”
“ป้าโจวไม่ต้องห่วงครับ! ผมเป็นคนที่รักษาสัญญาเสมอ” หนิงเถาได้เกลี้ยกล่อมโจวหยูเฟิงอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะใช้ผ้าขนหนูปิดตาเธอ
แหวน แหวน แหวน …
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น
หนิงเถาหยิบโทรศัพท์ออกมาดู ก่อนที่จะกดรับสายนั้น
“หมอหนิง … คุณอยู่ไหนน่ะ?” เสียงของเจียงหยีหลงได้ดังขึ้นมาจากโทรศัพท์
“ มันไม่ใช่เรื่องของคุณ” หนิงเถาเองก็ได้ตอบกลับไปด้วยเสียงเย็นชากว่าที่เคย
เจียงหยีหลงที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบพูดว่า “ฉันไม่ดีเอง! ตอนนี้ฉันไม่สามารถขยับแขนของฉันได้ … และมันยังเปลี่ยนเป็นสีดำ … ฉันกลัวมาก … “
เห็นได้ชัดว่าเข็มศักดิ์สิทธิ์ต่อโรคที่น่ารังเกียจใช้ได้ผล
“ทำไมคุณถึงไม่ไปโรงบาลแทนที่จะโทรหาผม??” หนิงเถายังคงแกล้งไม่เข้าใจเรื่องทั้งหมด
“ฉันไปโรงพยาบาลแล้ว แต่หมอไม่สามารถบอกได้ว่าโรคนี้คืออะไร ขนาดฉันได้ตรวจสอบด้วยเครื่องมือการแพทย์ที่ทันสมัยที่สุดแล้วก็ยังไม่พบ… ฉันรู้ว่าหมอหนิงสามารถช่วยฉันได้ หมอหนิงได้โปรดช่วยฉันด้วย .. ฉันรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย … “เสียงของเจียงหยีหลงนั้นเต็มไปด้วยความกลัว
“คุณต้องการเจอผม?” หนิงเถายังคงถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเป็นอย่างมาก
“ฉันผิด! ฉันผิดไปแล้ว! หมอหนิงได้โปรดช่วยฉันด้วย … ฉันไม่กล้า … ” เจียงหยีหลงพยายามพูดอ้อนวอน
หนิงเถาได้หยุดไปครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะพูดต่อว่า “เอาละ! ตอนนี้ผมอยู่ใกล้ชุมชนความสุขที่คุณเป็นเจ้าของ ผมคิดว่าคุณจะหาผมเจอได้ที่ไหน?”
“ฉันรู้! ฉันจะไปหาหมอให้เร็วที่สุด!” เจียงหยีหลงพูดจบก็ได้วางสายไป
หนิงเถาเก็บโทรศัพท์ของเขาลง ก่อนที่เขาจะตัดเรื่องของเจียงหยีหลงทิ้งไป ในเวลาต่อมาเขาก็ได้เริ่มที่จะใช้เลือกของตัวเองเป็นสื่อกลางเพื่อที่พวกเขาจะได้ข้ามไปยังคลินิกนภา
“เธอคุยกับใครเหรอ?” โจวหยูเฟิงถามออกมาด้วยความสงสัย เพราะดวงตาของเธอถูกคลุมด้วยผ้าขนหนูอยู่ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถมองเห็นประตูอวกาศที่ปรากฏขึ้นได้
หนิงเถาได้มาถึงข้างเตียงและพูดว่าง “เป็นแค่ลูกหนี้นะครับ! ป้าโจวอย่างไปสนใจเลยครับ เรามาสนใจเรื่องที่จะรักษาป้ากันดีกว่า” เขาพูดขณะที่เขาได้อุ้มโจวหยูเฟิงขึ้นมาในอ้อมแขนของเขาแล้วเดินผ่านประตูอวกาศไป
ด้านหลังประตูคือคลินิกนภา
สิ่งแรกที่ปรากฏอยู่ในสายตาคือกระถางธูป
เหนือขาตั้งคือพลังงานความชั่วร้ายที่ลอยอยู่ แต่เมื่อหนิงเถาได้พาโจวหยูเฟิงเข้ามา พลังงานความชั่วร้ายก็กลับเข้าไปในกระถางธูป ก่อนที่จะมีควันสีฟ้าลอยขึ้นมาแทน
เนื่องจากไม่มีเตียงนอนในคลินิกนี้ หนิงเถาจึงได้วางป้าโจวหยูเฟิงไว้บนโต๊ะเพียงตัวเดียวได้เท่านั้น ก่อนที่เขาจะดึงผ้าปิดตาออก
โจวหยูเฟิงตกใจเมื่อเธอลืมตาขึ้นมา “เกิดอะไรขึ้น? ที่นี่คือที่ไหน? แล้วฉันมาที่นี่ได้ไง?”
“ป้าโจว! ป้าไม่ต้องตกใจไปครับ ตอนนี้ป้าอยู่ในคลินิกของผมเอง” หนิงเถาบอกเธอเบาๆ
“ฉันมาที่นี่ได้ยังไง?” โจวหยูเฟิงยังคงรู้สึกประหลาดใจ เธอไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความจริงได้
หนิงเถาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วอธิบายว่า “คลินิกนี้เป็นเหมือนกับเวทมนต์ มันจึงเป็นเหตุผลที่ผมต้องปิดตาป้าก่อนหน้านี้”
“อ้อ! ฉันพอจะเข้าใจแล้ว” โจวหยูเฟิงเลิกสนใจเกี่ยวกับการมาที่นี้ กลับกันเธอได้มองไปมาด้วยความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
หนิงเถาที่เห็นว่าสถานการณ์ได้กลับมาในทางที่ควรแล้วก็ได้พูดขึ้นว่า “ป้าโจว! ป้าเป็นคนดีคนหนึ่ง ป้าได้ทำสิ่งดีๆมากมายในชีวิตของป้า ตอนนี้ป้าได้ป่วยและป้าจะเป็นตายหากยังไม่ได้รับการรักษาที่ดี ผมสามารถรักษาป้าได้แต่มันต้องอยู่ในเงื่อนไขที่ป้าต้องตกลงกับผมก่อน”
“นั้นคือป้าต้องเซ็นชื่อลงในใบสัญญา”
โจวหยูเฟิงได้จ้องมองหนิงเถาด้วยความแปลกใจ “เธอแค่ต้องการลายเซ็นของฉันเหรอ?”
ที่คลินิกนภาเป็นพื้นที่พิเศษดังนั้น เพียงแค่ผู้ป่วยอยู่ในคลินิกนี้ก็จะทำให้สภาพจิตใจและร่างกายของเธอดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
หนิงเถาได้อธิบายอีกครั้งว่า “ป้าโจวคงรู้ว่าไม่มีอะไรฟรีบนโลกใบนี้ เรื่องนี้ก็เช่นกัน เมื่อป้าต้องการได้รับสิ่งหนึ่งป้าก็ต้องเสียสิ่งหนึ่งไป แต่ผมต้องเตือนป้าโจวก่อนว่าถ้าป้าเซ็นลงไปแล้ว ป้าจะไม่สามารถจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นพวกเด็กหรือสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์ รู้แบบนี้ป้ายังจะยืนยันที่จะเซ็นชื่ออยู่ไหม? “
โจวหยูเฟิงมองหนิงเถาด้วยความประหลาดและถามว่า “หมอหนิง! นี้เธอล้อเล่นฉันอยู่เหรอ?”
หนิงเถาได้แสดงสีหน้าจริงจัง ก่อนที่จะพูดว่า “ไม่ครับ! ที่ผมพูดมานั้นคือเรื่องจริง “
โจวหยูเฟิงหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะตอบว่า “ฉันไม่รู้ว่าเรื่องที่เธอพูดมานั้นเป็นความจริงไหม? แต่การแลกความทรงจำกับการหายจากโรคนี้เป็นอะไรที่ถูกมาก ฉันจะเซ็นมัน แต่ฉันอยากรู้ว่าถ้าฉันเซ็นมันแล้วฉันจะหายดีใช้ไหม”
หนิงเถาพยักหน้า “ใช่ครับ! ตราบใดที่ป้าโจวเซ็นสัญญา ป้าก็จะกลับมามีสุขภาพดีอีกครั้ง แต่ลองคิดดูสิเมื่อป้าเซ็นต์มันแล้วความดีทั้งหมดที่ป้าทำเอาไว้ก็จะหายไป ป้าจะจำมันไม่ได้อีก”
โจวหยูเฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถอนหายใจออก “ฉันไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องจริงไหม? และฉันเองก็ไม่เชื่อเรื่องบุญอะไรพวกนั้นด้วยเหมือนกัน เพราะถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงๆการที่ฉันทำสิ่งดีๆมาตลอดชีวิต ฉันคงไม่ต้องมาเจอกับโรคร้ายแบบนี้ เห็นได้ชัดว่าผลบุญอะไรพวกนั้นมันเป็นของไร้ประโยชน์ “
“โลกนี้มีความยุติธรรมอยู่เสมอ ผมเชื่อว่าความดีและความชั่วจะได้รับผลตอบแทนครับ” หนิงเถาตอบกลับมา
“ดี! ฉันจะลงนาม” โจวหยูเฟิงพูดออกมาอย่างเด็ดขาด
หนิงเถาหยิบปากกาและใบสั่งยาของเขาขึ้นมาและเริ่มเขียนสนธิสัญญาความดี
ข้อตกลงตามใบสั่งแพทย์สำหรับคนดีนั้นจะแตกต่างจากข้อตกลงที่เคยทำกับเจียงหยีหลงก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง สำหรับข้อตกลงตามใบสั่งแพทย์สำหรับความดีนั้นได้กำหนดเอาไว้ว่าผู้ป่วยจะลืมความดีที่พวกเขาได้ทำและทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในคลินิกนี้เมื่อพวกเขาหาย
สำหรับข้อกําหนดเกี่ยวกับความชั่วนั้นจะแตกต่างตรงที่พวกเขาจะจำทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในที่นี้ได้ และเมื่อพวกเขาทำตามเงื่อนไขทุกอย่างแล้วพวกเขาถึงจะลืมเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น ดังนั้นนี้จึงอธิบายได้ว่าทำไมเจียงหยีหลงถึงยังคงจำเรื่องทั้งหมดได้
หนิงเถาใช้เวลาประมาณสิบนาทีในการเขียนใบสั่งยานี้ขึ้นมา จากนั้นเขาก็วางข้อตกลงตามใบสั่งยาไว้บนโต๊ะและพูดว่า “ป้าโจวสามารถเซ็นมันได้เลยครับ”
โจวหยูเฟิงมองใบสั่งยาตรงหน้าและก็ต้องตกตะลึงกับเนื้อหาที่อยู่ในนั้น “หมอหนิง! เธอรู้ได้ยังไงว่าฉันได้ทำสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด?”
หนิงเถายิ้มและพูดว่า “ผมมีวิธีของตัวเองในการหาข้อมูลพวกนี้มา ป้าโจวไม่ต้องสนใจมันหรอกครับ”
ทันใดนั้นโจวหยูเฟิงก็เข้าใจบางอย่างขึ้น และทำให้น้ำตาของเธอไหลออกมา “ฉันจะต้องลืมความทรงจำที่ผ่านมาจริงใช้ไหม??”
หนิงเถาพยักหน้า
“ฉันจะจำเธอได้ไหม?” โจวหยูเฟิงถามอีกครั้ง
หนิงเถาได้ส่ายหัวเล็กน้อย
โจวหยูเฟิงนั่งนิ่งๆไม่กี่วินาทีจากนั้นก็หยิบปากกาและลงนามในข้อตกลงตามใบสั่งยา
ระหว่างความเจ็บป่วยและความตาย สุขภาพและอายุยืน เธอเลือกอย่างหลัง เมื่อเธอมาที่คลินิกนี้เป็นครั้งแรกเธอก็ยังไม่เชื่อว่าหนิงเถาจะสามารถรักษาเธอได้ อย่างไรก็ตามเมื่อเธอได้เห็นข้อตกลงตามใบสั่งยาเธอก็เชื่อในสิ่งที่หนิงเถาพูดเอาไว้ทันที เพราะเนื้อหาในนั้นบางเรื่องยังเป็นสิ่งที่ตัวเธอเองยังลืมไปแล้ว และยังไม่บอกใครเลย
การลงนามในข้อตกลงตามใบสั่งยาหมายถึงการยกเลิกความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ซึ่งมันเป็นสิ่งที่มีความหมายและมีค่าที่สุดในชีวิตของเธอ แต่ไม่มีอะไรในโลกที่เธอจะได้มาด้วยไม่เสียอะไร ดังนั้นหากเธอต้องการมีชีวิตที่ยืนยาวมากขึ้นและมีสุขภาพที่ดี เธอก็ต้องสละความดีทั้งหมดของเธอไป
หนิงเถาได้จัดยาอายุวัฒนะที่เตรียมไว้ให้ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นว่า “ป้าโจวครับ! นี่คือยาอายุวัฒนะสำหรับใช้รักษาความเจ็บป่วยของป้า ป้าควรจะกินมัน”
โจวหยูเฟิงถามน้ำตาด้วยตาของเธอว่า “เธอจะช่วยให้ซูหยาดูแลพวกเด็กๆใช้ไหม?”
หนิงเถาพยักหน้าและตอบว่า “ใช่ครับ! ป้าโจวไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น ผมได้สัญญาไปแล้วว่าจะช่วยป้าดูแลพวกเขาเอง”
จากนั้นโจวหยูเฟิงก็อ้าปากแล้วกินยาอายุวัฒนะตรงหน้าไปทันที
ในทันใดนั้นควันไฟสีน้ำเงินก็ได้พัดมาที่โจวหยูเฟิงและโอบอุ้มเธอเอาไว้
ตาของหนิงเภากว้างขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า แต่เขาก็ยังคงล้มเหลวที่จะเห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างในนั้น แม้ว่าเขาจะใช้ความสามารถใหม่หลังจากที่เป็นผู้ฝึกตนแล้วก็ตาม ที่เขารู้เพียงว่ายาอายุวัฒนะขั้นต้นนั้นเป็นเพียงสื่อกลางของผู้ป่วยกับข้อตกลงตามใบสั่งยาเท่านั้น ทันทีเงื่อนไขสมบูรณ์จะมีพลังงานลึกลับบางอย่างปรากฏขึ้น
“เฮ้อ! ฉันยังคงเป็นเด็กน้อยในโลกใบนี้ เห็นได้ชัดว่าฉันคงยังต้องทำงานหนักต่อไป และด้วยความดีที่ป้าโจวให้มาในตอนนี้ มันก็มอกพอที่จะจ่ายค่าเช่าเดือนนี้ได้แล้ว ไม่รู้ว่าเจ้ากระถางธูปนั้นจะให้ของอะไรไหม? “หนิงเถาได้คิดไปไกล
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่ควันสีน้ำเงินได้กลับมาไปที่กระถางธูป และได้มีเมฆสีขาวในกระถางธูปแทนที่เมฆสีดำก่อนหน้านี้ มันดูแตกต่างจากพลังงานบาปอย่างสิ้นเชิง มันทำให้คนที่ดูมันนั้นรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับการอาบน้ำท่ามกลางแสงแดด
มันเป็นพลังงานที่ดีที่เกิดจากความตั้งใจดี
ทันใดนั้นโจวหยูเฟิงก็ล้มลงกับพื้น
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็รีบพุ่งเข้าไปไปข้างหน้าเพื่อรับเธอ โดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในกระถางธูป เขาได้นำตัวโจวหยูเฟิงกลับไปยังห้องในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์
เมื่อเข้ามาในห้องโจวหยูเฟิงก็ยังคงไม่ตื่น
หนิงเถาทีเห็นแบบนั้นก็ได้วางเธอไว้บนเตียงและเช็ดคราบเลือดออกจากผนังด้วยผ้าขนหนู เหมือนครั้งสุดท้ายที่เขาปฏิบัติกับเจียงหยีหลง เขาได้หยิบเข็มศักดิ์สิทธิ์ออกมาโดยอ้างว่าเขารักษาโจวหยูเฟิงด้วยการฝังเข็ม
“มันใกล้จะหมดเวลาที่นายพูดเอาไว้แล้ว” เสียงของซูหยาได้ดังขึ้นมาจากด้านหลังของประตู ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงที่ดังมาก “ถ้านายไม่ตอบกลับมาอีก ฉันจะบุกเข้าไปแล้วนะ!”
“เธอจะรีบร้อนไปทำไม?” หนิงเถาได้พูดตอกลับไปก่อนที่ประตูจะเปิดเข้ามา
ทันทีที่ประตูเปิดออกซูหยาก็รีบเข้ามาในห้องทันที เมื่อเห็นเข็มสีเงินหลายเล่มปักอยู่บนท้องของโจวหยูเฟิง เธอก็ร้องออกมาทันทีว่า “นายใช้เข็มเงินเพื่อรักษาผู้อำนวยการโจว!”
“ มีปัญหาอะไร? ตราบใดที่สามารถรักษาโรคของป้าโจวได้ มันก็ไม่จำเป็นต้องสนใจวิธีการไม่ใช้หรือ?” หนิงเถาตอบกลับไป
“ผู้อำนวยการโจวหมดสติอยู่บนเตียง! เรื่องนี้นายจะอธิบายยังไง?” ซูหยายังคงตะโกนออกมา
หนิงเถาไม่ได้ตอบกลับไป แต่เขาเลือกที่จะเดินกลับไปที่เตียงและดึงเข็มที่ปักอยู่ตามตัวของโจวหยูเฟิงออก
“เอ่อ … ” ทันใดนั้นเองโจวหยูเฟิงจู่ๆก็ลืมตา จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นนั่งบนเตียงและจ้องที่ซูหยาซึ่งยืนอยู่ต่อหน้าเธอ
“ผู้อำนวยการโจว … คุณหายดีแล้ว?” ซูหยารู้สึกประหลาดใจและวิตกกังวลในเวลาเดียวกัน “คุณรู้สึกยังไงบ้าง?”
โจวหยูเฟิงเงียบไปสักครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่าว่า “เธอเป็นใคร”
ซูหยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตัวแข็งไปทันที ทันใดนั้นเธอก็เหมือนจะนึกได้ถึงข้อความที่หนิงเถาได้พูดเอาไว้ก่อนหน้า