OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 13 แฟนหนุ่ม
บทที่ 13 แฟนหนุ่ม
โรงแรมดราก้อนได้ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสายหลักของเมือง และแน่นอนว่าโรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่ดีที่สุด คนที่สามารถมาดื่มกินที่ได้อย่างน้อยก็ต้องมีเงินในบัญชีเจ็ดหลักเป็นอย่างน้อย หรือไม่ก็ต้องมีสถานะทางสังคมสูง
ใกล้เที่ยงได้มีรถแท็กซี่เข้ามาจอดทางเข้าโรงแรม แน่นอนว่าจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากหนิงเถาและเจียงเฮา
แน่นอนว่าเจียงเฮาไม่ได้สวมเครื่องแบบของเธอในวันนี้ เธอได้สวมชุดสีดำมีระดับพร้อมกับรองเท้าที่เข้าชุดกัน การแต่งกายแบบนี้ของเธอและด้วยรูปร่างของเธอเองแล้วนั้น ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของแขกที่มาที่นี้ได้ง่ายๆ และด้วยสวนสูง 1.8 เมตร มันทำให้การเดินไปด้วยกันของพวกเขานั้นดูดีเป็นอย่างมาก
ในครั้งนี้หนิงเถาไม่ใช้นำกล่องไม้เล็กๆที่บรรจุยาอมตะมา แต่เขาได้นำเข็มศักดิ์สิทธิ์มากับเขาแทน แน่นอนว่าชุดที่เขาใส่มาร่วมงานในครั้งนี้ก็ธรรมดามากเช่นกัน มันเป็นเพียงแค่เสื้อเชิ้ตแขนสั้นปกกว้าง, กางเกงเก่ายับๆและรองเท้าหนังสีดำเท่านั้น
การปรากฏตัวของเจียงเฮานั้นให้ความรู้สึกที่สง่างามและไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ส่วนทางด้านหนิงเถานั้นกับเต็มไปด้วยอารมณ์ของผู้ชายขี้แพ้ มันช่างเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันจริงๆ
“พระเจ้า! ผู้หญิงคนนั้นตัวสูงและสวยมาก”
“ใครคือชายที่น่าสงสารคนนั้นกัน? ทำไมเขาถึงได้ไปเดินกับผู้หญิงที่งดงามแบบนั้นได้”
“ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สูงและสวยขนาดนี้มาก่อน? แล้วผู้ชายที่เดินข้างๆนั้นใคร?”
หนิงเถาไม่ได้รู้ว่าคนอื่นจะคิดยังไงกับการแต่ตัวของตัวเอง ถึงแม้ว่าเขาจะใส่เพียงชุดธรรมดาแต่รัศมีที่ออกมาหลังจากที่เขาได้กลายเป็นผู้ฝึกตนแล้วนั้น มันทำให้การแสดงออกทั้งหมดของเขานั้นเต็มไปด้วยพลัง
“ที่นี้นายเสียใจที่ฉีกเช็คล้านหยวนไปหรือยัง?” เจียงเฮาได้ถามคำถามข้างๆหูของหนิงเถา
หนิงเถาทีได้ฟังแบบนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วตอบว่า “ฮาฮาฮา! ผมไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำไป ดังนั้นคุณไม่ควรจะเสียเวลาโน้มน้าวผมอีกในอนาคต”
“นายรู้ตัวไหมว่าเป็นคนเอาใจยากขนาดไหน?” เจียงเฮาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา เธอรู้แล้วว่าเธอจะไม่สามารถเปลี่ยนใจอีกฝ่ายได้ในเร็วๆนี้ ดังนั้นเธอจึงเลิกคิดเกี่ยวกับมันก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปจับแขนของหนิงเถาแทน
เมื่อเจียงเฮาได้ค้องแขนเข้ากับแขนของตัวเอง แน่นอนว่าหนิงเถาต้องตกใจเป็นเรื่องธรรมดา เพราะนี้ถือเป็นครั้งแรกที่เขาเจออะไรแบบนี้ และเมื่อเขาต้องการหยุดการกระทำนี้ของอีกฝ่าย พวกเขาก็ได้เดินมาถึงประตูโรงแรมแล้ว
พนักงานของโรงแรมที่อยู่ตรงทางเข้าได้ทำการขอบัตรเชิญตามกฏระเบียบ
เจียงเฮาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แสดงบัตรเชิญออกไป
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วมองไปทางหนิงเถาพูดว่า “ขอโทษด้วยครับคุณเจียง คำเชิญของคุณมีเพียงแค่ชื่อของคุณอยู่เท่านั้น ดังนั้นคุณสามารถเข้าไปคนเดียวเท่านั้นครับ คุณผู้ชายที่มาด้วยกับคุณนั้นเข้าไปไม่ได้ ต้องขอโทษด้วยครับ”
เจียงเฮาขมวดคิ้วและตั้งคำถามว่า “ทำไม?”
“ขอโทษด้วยครับ คุณเจียงหยีหลงได้จองโรงแรมทั้งหมดในวันนี้ และเขาได้สั่งเอาไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าใครไม่มีบัตรเชิญไม่สามารถเข้าไปได้ ” เจ้าหน้าที่ได้อธิบายออกมา
ข่าวนี้ทำให้หนิงเถารู้สึกดีมาก “ไม่เป็น … “
แต่ก่อนที่หนิงเถาจะพูดจบนั้นเอง เจียงเฮาก็ได้พูดขัดขึ้นก่อนว่า “เขาเป็นแฟนของฉัน และคุณเจียงหยีหลงที่นายกำลังพูดถึงนั้นคือพ่อของฉันเอง ถ้านายยังคงไม่ยอมให้แฟนของฉันเข้าไปอีก ฉันจะบอกให้พ่อของฉันไล่นายออก “
“ผม… ” ดวงตาของพนักงานเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความหวาดกลัว เขาไม่คิดว่าผู้ชายที่แต่งตัวธรรมดาคนนี้จะเป็นถึงแฟนของลูกสาวเจ้านายของตัวเอง ยิ่งเขาคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง
เมื่อพนักงานกำลังตกตะลึงอยู่นั้นเอง เจียงเฮาก็ได้ดึงตัวของหนิงเถาเข้าไปในโรงแรมทันที
“เอ่อ … มันเป็นแค่แผนที่จะพานายเข้ามาข้างในเท่านั้น นายเองก็อย่าไปคิดเป็นจริงเป็นจังละ” เจียงเฮาได้พูดออกมาด้วยเสียงเบาๆ
หนิงเถาที่ยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดสุดท้ายของเจียงเฮาเขาก็ได้ตอบกลับว่า “อ้อ! ไม่เป็นไรผมจะไม่คิดจริงจังแน่นอน”
ทันทีที่เขาพูดอย่างนั้นเขาก็รู้สึกว่าแขนของเจียงเฮาที่กำลังค้องแขนของเขาอยู่นั้นได้หายไป และเขายังสังเกตเห็นอีกว่าสายตาที่อีกฝ่ายจ้องมองมายังเขานั้นยังเต็มไปด้วยความไม่พอใจอีกด้วย
ทางเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมนั้นถูกปูด้วยพรมแดงสดใส่ แน่นอนว่าทางเข้านั้นต้องมีเจียงหยีหลงและเชินเซิงหลินคอยยืนต้อนรับแขกที่มา และด้านหลังของพวกเขาเองก็ยังมีสุภาพบุรุษชายชุดดำจำนวนหนึ่งที่ปล่อยออร่าอันดุร้ายออกมาตลอดเวลา
แขกที่มางานปาร์ตี้นี้ล้วนมีสถานะในเมืองฉานเจียง ยกเว้นหนิงเถาที่เป็นเพียงคนจนๆธรรมดาที่อยู่ที่นี้ ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่าคนที่ไม่เข้าพวกที่สุดในงานนี้ก็คือตัวของหนิงเถาเอง
การแสดงออกของเจียงหยีหลงเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเห็นหนิงเถา
หนิงเถาเองก็พบว่าสายตาที่อีกฝ่ายมองมายังตัวเองนั้นมีอะไรผิดปกติเช่นกัน มันก็เป็นอันเข้าใจได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่พอใจที่เขามายังงานจัดเลี้ยงนี้ เดิมอีกฝ่ายก็ไม่ได้เชิญเขาอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช้เพราะเจียงเฮาเป็นคนพูดและชวนเขามางานนี้ เขาก็คงไม่รู้ว่ามีงานแบบนี้ถูกจัดขึ้น
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจสายตาที่อีกฝ่ายมองมา แต่เขาก็ยังให้ความสนใจในเรื่องสัญญาที่อีกฝ่ายทำเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ต้องการทำตามที่ตกลงกันเอาไว้ และนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่ต้องการอยากจะเห็น!
“เฮา! ลูกมาจริงๆด้วย? มามา พ่อมีอะไรจะคุยกับลูก” เจียงหยีหลงที่เห็นลูกสาวของตัวเองก็ได้โบกมือให้เธอเข้ามาหา
“พ่อ! หมอหนิงเองก็มาด้วย” เจียงเฮาเอยเตือนเขา
ทางด้านเจียงหยีหลงเองก็เห็นหนิงเถาเช่นกัน แต่เขาก็ยังคงเลือกที่จะทักทายลูกสาวตัวเอง และทำเป็นมองไม่เห็นอีกฝ่าย ถ้าเจียงเฮาไม่พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็ตั้งใจที่จะลืมว่าอีกฝ่ายอยู่ที่นี้เช่นกัน แต่เมื่อลูกสาวพูดขึ้นมาแบบนี้เขาก็ไม่มีทางเลือกนอกจากทักทายอีกฝ่าย “โอ้หมอหนิง! คุณเองก็มาที่นี่แล้ว” หลังจากทักทายง่ายๆ เขาก็หันไปทางเชินเซิงหลินแล้วพูดขึ้นว่า “เซิงหลิน! นายเป็นตัวแทนของฉันช่วยพาหมอหลินไปเที่ยวชมรอบๆก่อนได้ไหม? ถ้าฉันเสร็จธุระที่นี้แล้วจะตามไป”
เชินเซิงหลินที่ได้ฟังแบบนั้นก็เข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงหันไปพูดกับหนิงเถาว่า “หมอหนิงโปรดตามผมมาครับ”
ก่อนที่หนิงเถาจะพูดอะไรเจียงเฮาก็ได้เข้ามาขัดเสียก่อน
แต่เจียงเฮายังไม่ทันทีได้พูดอะไรขึ้นมา ก็ถูกเชินเซิงหลินขัดขึ้นก่อน เขาได้แสดงรอยยิ้มแล้วพูดว่า “เจียงเฮา! เธอก็รู้ว่าฉันเป็นลุงของเธอเหมือนกัน ดังนั้นการที่ฉันจะพาหมอหนิงผู้มีพระคุณไปเที่ยวชมโรงแรมนี้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย จริงไหมครับหมอหลิง?”
“ใช้! ผมจะไปกับลุงของคุณซักพัก ระหว่างนี้คุณก็อยู่คุยกับพ่อของคุณไปพลางๆก่อนก็แล้วกัน” หนิงเถาได้พูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่สงบตามปกติ ไม่มีอาการแตกตื่นหรือไม่อะไรเลย
“ระวังตัวด้วยละกัน” เจียงเฮารู้ว่าไม่สามารถห้ามแผนการนี้ได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงอวยพรได้เท่านั้น
“งั้นเราไปดูตรงนั้นกันเถอะครับ” เชินเซิงหลินพูดขึ้นพร้อมกับเดินนำไปทันที
เจียงเฮาที่ไม่ว่างใจเรื่องนี้จึงได้มองตามอีกฝ่ายไปสนสุดทาง ก่อนที่เธอจะนึกในใจว่า “เห็นอยู่ชัดๆว่าเชินเซิงหลินนั้นต้องการแก้แค้นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงพยาบาล และมีความเป็นไปได้ที่พ่อเองก็มีส่วนร่วมด้วย”
หนิงเถากับทำตัวสบายเป็นอย่างมาก ระหว่างที่เขาเดินตามเชินเซิงหลินไปนั้นเขายังได้มองไปรอบๆด้วยความอยากรู้อยากเห็นตลอดเวลา
เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาลึกขึ้นคนคนที่ผ่านไปผ่านมาก็น้อยลง จนในที่สุดพวกเขาก็ได้มาหยุดอยู่ในห้องๆหนึ่งตรงมุมทางเดินข้างในโรงแรม
หนิงเถายังคงทำตัวไม่เข้าใจสถานการณ์นี้ เขายังได้แกล้งถามกลับไปว่า “คุณเชิน ทำไมคุณถึงพาผมมายังที่นี้กัน? ในห้องนี้มันมีอะไรให้ดูเหรอ?”
เชินเซิงหลินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้แสดงรอยยิ้มปลอมๆบนใบหน้าของเขา ก่อนที่จะตอบว่า “หมอหนิง! สถานที่นี้เป็นน้องเขยของฉันที่ได้เตรียมของขวัญที่ดีสำหรับนายเอาไว้ แน่นอนว่ามันเป็นอะไรที่นายคาดไม่ถึงเลยที่เดียว เอาละ! ออกมาได้แล้ว! “
“เกิดอะไรขึ้น! คนพวกนี้เป็นใครกัน? แล้วทำไมทุกคนถึงมองผมแบบนั้น??” หนิงเถายังคงแกล้งไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
เชินเซิงหลินยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสและพูดว่า “หมอหนิง! นายนี้มันเป็นคนยังไงกันแน่ แค่นี้ยังไม่รู้อีกเหรอว่าจะเกิดอะไร? งั้นฉันจะบอกให้เป็นบุญก็แล้ว เห็นแก่ที่นายช่วยพี่เขยของฉันให้ปลอดภัย ฉันจะสั่งให้ลูกน้องละเว้นมือของนายเอาไว้ เพื่อว่าในอนาคตพวกฉันจะต้องพึ่งนายอีก “
“เอาล่ะ! ดูเหมือนว่าฉันจะเข้าใจเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว” หนิงเถาได้รู้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว ดังนั้นเขาจึงได้เลิกเล่นละครเล็กๆนี้ เขาได้เดินผ่านเชินเซิงหลินไปอย่างช้า แต่ระหว่างที่เขากำลังจะเดินผ่านเชินเซิงหลินไปนั้นเอง อีกฝ่ายก็ได้พุ่งมือเข้ามาหมายจะจับเขาเอาไว้
ในเสี้ยววินาทีแสงสีฟ้าก็ได้เปล่งประกายแวบไปทางด้านหลังของมือของเชินเซิงหลิน เหมือนกับแมลงปอที่เตะผิวน้ำ
เชินเซิงหลินไม่รู้สึกอะไรเลย แต่เขาก็เลือกที่จะยังคงทำต่อไป
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็แสร้งทำเป็นรู้สึกประหลาดใจและถามว่า “คุณเชิน! ทำไมคุณถึงปิดประตูด้วย?”
การแสดงออกของเชินเซิงหลินเปลี่ยนไปในทันที “นั้นก็เพราะมีบางสิ่งที่ทำได้ดีในที่ลับ” เขาพูดพร้อมกับหัวเราะเยาะออกมาเบาๆ
ทันทีที่เขาพูดจบบอดี้การ์ดร่างใหญ่จำนวนมากในชุดสูทสีดำต่างก็พุ่งเข้ามาเหมือนน้ำท่วมทันที ด้วยขนาดที่ห้องนี้ใหญ่มากมันจึงจุคนได้เยอะเช่นกัน ดังนั้นไม่ถึงหนึ่งนาทีจำนวนคนที่ล้อมรอบหนิงเถาเอาไว้นั้นก็มากกว่าสิบคน
หนิงเถาแสร้งทำเป็นกลัวและพูดว่า “คุณจะทำอะไรนะ?”
“ฮาฮาฮา! เรากำลังทำอะไรอยู่เหรอ?” เชินเซิงหลินทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา “ฉันก็จะส่งแกไปนอนในโรงพยาบาลยังไงละ!”
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็ยังคงเล่นไปตามน้ำต่อว่า “คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมได้รักษาคุณเจียงให้หาย พวกคุณควรจะตอบแทนผมมากกว่าที่จะทำแบบนี้ “
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” เชินเซิงหลินยังคงหัวเราะ “ แกเป็นนักเรียนจนๆคนหนึ่ง แกคิดเหรอว่าเพียงแค่แกมีทักษะแพทย์ที่ดีกว่าเล็กน้อย แล้วแกจะกลายเป็นคนสำคัญได้? เพื่อไม่ให้แกฝันหวานไปมากกว่านี้ ฉันจะเป็นคนสั่งสอนให้แกก่อนที่จะสายไปเอง! แน่นอนว่าฉันจะไม่ทำให้แกถึงตาย! “
“ก่อนที่จะเริ่มบรรเลงกัน แกเป็นคนทาสีบนประตูและกำแพงของฉันใช่มั้ย?”
เชินเซิงหลินตอบกลับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ใช่! วันนั้นแกโชคดีที่ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ไม่อย่างนั้นเรื่องนี้คงจบไปวันนั้นแล้ว!”
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็หันไปมองรอบๆห้องเพื่อหาว่าในห้องนี้มีล้องวงจรปิดหรือไม่?
“แกกำลังมองหาอะไร? ถ้าแกกำลังมองหาพวกกล้องวงจรปิดละก็ ฉันต้องขอโทษด้วยที่ฉันได้สั่งให้คนปิดมันก่อนหน้านี้แล้ว” เชินเซิงหลินพูดออกมาด้วยความเยาะเย้ยเต็มที่
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ถามออกมาอีกครั้งว่า “นายคิดจะทำแบบนี้จริงใช้ไหม?!”
เชินเซิงหลินไม่คิดที่จะตอบคำถามนี้ เขาทำเพียงออกคำสั่งเย็นชา “จัดการมัน!”
บอดี้การ์ดร่างใหญ่จำนวนมากได้พุ่งไปที่หนิงเถาและชกเขาที่ด้านหลังศีรษะด้วยกำปั้นเหมือนค้อนของเขาทันที
ก่อนที่กำปั้นของบอดี้การ์ดคนนั้นจะถูกเป้านั้น หนิงเถาก็ได้ทำการหลบกำปั้นไปก่อนแล้ว ราวกับว่าเขามีตาอยู่ที่ด้านหลังของศีรษะของตัวเอง และก่อนที่เขาจะดึงมือกลับมานั้นอีกฝ่ายก็ได้คว้าแขนของเขาเอาไว้ก่อนแล้ว ด้วยการเป็นทหารมาก่อนเขาจึงมีปฏิกิริยาที่เหนือกว่าคนธรรมดา แต่มันก็ไม่สามารถช่วยให้เขาหลุดออกจากสถานการณ์ที่นี้ เพราะทันทีที่แขนของเขาถูกจับได้นั้น เขาก็ถูกส่งลอยกลับไปด้านหลังทันที
ปัง!
หนิงเถาที่ได้โยนบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่มีผู้น้ำหนักอย่างน้อย 100 กิโลกรัมไปอย่างสบายๆนั้น ได้ตกเป็นเป้าสายตาของคนทั้งห้องทันที
หนิงเถาไม่หยุดเพียงแค่นั้น เขาถือคติประจำใจที่ว่าเมื่อตีงูต้องตีให้ตาย ทันที่บอดี้การ์ดคนนั้นล้มลงแล้ว เขาก็ได้ยื่นเท้าออกมาและกระทืบที่ท้องของบอดี้การ์ดต่อทันที
“พัฟ!” บอดี้การ์ดคนนั้นไม่สามารถช่วยตัวเองได้ ในตอนนี้เขาคิดแต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเพียงความฝันเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าความจริงจะเป็นอะไรที่โหดร้ายกว่ามาก เพราะเวลาต่อมาไม่นานความเจ็บปวดก็ดึงให้เขากลับมาเจอกับสถานการณ์ที่กำลังจะเจออยู่
ทุกคนในห้องที่เห็นแบบนั้นต่างก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างก็คิดว่างานนี้เป็นเพียงงานหมู่ๆอย่างการซ้อมเด็กเรียนคนหนึ่ง แต่ใครจะคิดว่าอีกฝ่ายกับเล่นเป็นหมูเพื่อกินเสือซะงั้น
เมื่อหนิงเถาเห็นว่าบอดี้การ์ดคนนั้นหมดสภาพแล้ว เขาก็เร่งการกระทำขึ้นไปอีกขั้น เขาได้ไปข้างหน้าและเตะบอดี้การ์ดคนหนึ่งที่อยู่ตรงนั้น บอดี้การ์ดคนที่ตกเป็นเป้ายังไม่ทันได้ส่งเสียงกรีดร้องออกมา เขาก็บินขึ้นไปเหมือนเป็นกระสวยอาวกาศไปแล้ว และหลังจากที่เขาตกลงมาก็ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกได้
“เกิดอะไรขึ้น? พวกแกมีคนเยอะกว่ามันตั้งเท่าไหร่ ทำไมถึงยอมให้มันอัดอยู่ฝ่ายเดียวฮะ!” เชินเซิงหลินที่เห็นสถานการณ์ตั้งแต่ต้นก็ไม่เข้าใจเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงได้ร้องออกมาด้วยความตกใจ
บอดี้การ์ดคนอื่นที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้รู้สึกตัว และเริ่มที่จะพุ่งเข้าไปห้าหนิงเถาพร้อมๆกัน…
ปัง ปัง ปัง
แต่ละเสียงที่เกิดขึ้นนั้นต้องหมายถึงว่ามีกายเฟอร์นิเจอร์เสียหายหนึ่งชิ้น และตามมาด้วยเสียงกรีดร้องที่เหมือนกับหมีถูกเชียดดังตามมา
ในไม่กี่นาทีต่อมา
ปัง
บอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งคนสุดท้ายก็ได้ตกลงบนพื้น พร้อมกับเลือดที่ไหลออกมาจากปากไม่หยุด มันใช้เวลาน้อยกว่าสองวินาทีที่เสียงร้องของอีกฝ่ายจะหายไป
ดังนั้นในตอนนี้จึงมีเพียงสองคนเท่านั้นที่ยืนอยู่ในห้องนี้ นั้นก็คือหนิงเถาและเชินเซิงหลิน
ในตอนนี้เชินเซิงหลินได้ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์แล้ว บอดี้การ์ดที่เขานำมานั้นล้วนแต่เป็นมืออาชีพที่ได้เรียนศิลปะการต่อสู้และมีประสบการณ์ตรงมากมาย อย่างไรก็ตามทั้งสิบกว่าคนตอนนี้ต่างก็ได้นอนไม่รู้ว่าเป็นหรือตายอยู่บนพื้นหมดแล้ว! พวกนั้นไม่สามารถเอาชนะนักศึกษาวิทยาลัยคนหนึ่งไหน! ถ้าเอาเรื่องนี้ไปพูดข้างนอกไม่รู้ว่าจะมีใครเชื่อไหม?
หนิงเถาที่เห็นว่าสถานการณ์ถูกแก้ไขแล้ว ก็ได้เดินไปที่เชินเซิงหลิน
“หยุดนะ! แกอยู่ห่างจากฉัน!” เชินเซิงหลินได้ตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัว
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็นำมือลูบคางของตัวเอง และพูดขึ้นว่า “อะไรกัน? มาตอนนี้นายมาบอกให้ฉันหยุดหรือ? นายคิดว่าถ้าเป็นฉันที่ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ นายจะหยุดไหม?”
เชินเซิงหลินรู้ดีว่าถ้าหนิงเถาตกอยู่ในสถานการณ์นี้ เขาจะไม่มีทางบอกให้บอดี้การ์ดของเขาหยุดอย่างแน่นอน และไม่แน่ว่าเขาอาจจะหยิบโทนศัพท์ออกมาถ่ายคลิปเก็บเอาไว้อีกด้วย
หนิงเถาที่เห็นว่าอีกฝ่ายขี้ขลาดมากขนาดไหน แค่การขู่เล็กๆน้อยๆก็ทำให้เชินเซิงหลินกลัวแบบนี้ ดังนั้นหนิงเถาจึงเลือกที่จะปล่อยอีกฝ่ายไป เขาเดินไปเปิดประตูแล้วเดินออกไปอย่างสงบโดยไม่ให้แม้แต่จะเหลียวกลับมามองเชินเซิงหลินอีก
ทางด้านเชินเซิงหลินเองก็มองหนิงเถาจากด้านหลังจนกระทั่งมองไม่เห็น
ทันใดนั้นด้านหลังของมือซ้ายของเขาก็รู้สึกคันอย่างไม่รู้สาเหตุและเขาก็ไม่สามารถหยุดเกามันได้