OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 5: The magic of medical skills เวทย์มนตร์แห่งทักษะทางการแพทย์
- Home
- OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF
- ตอนที่ 5: The magic of medical skills เวทย์มนตร์แห่งทักษะทางการแพทย์
Chapter 5: The magic of medical skills เวทย์มนตร์แห่งทักษะทางการแพทย์
หนิงเถาใช้เวลาทั้งวันในการทำความสะอาดคลินิกแห่งนภา ความวุ่นวายของขวดและกระป๋องถูกจัดเรียงไว้ในที่ที่เหมาะสม เลือดที่เชินพิงดาวเขียนไว้บนผนังถูกทำความสะอาดโดยไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
ขณะที่เขาทำความสะอาด หนิงเถาพยายามเปิดประตูทั้งสองบานนั้น แต่ก็ล้มเหลว เพราะในคัมภีร์ให้คำใบ้ไว้ว่า เขาต้องได้ 5,000 แต้มของความตั้งใจทำคุณงามความดีและบาปแห่งความชั่วถึงจะเปิดประตูได้ รวมแล้วในการเปิดประตูทั้งสองบานต้องใช้ถึง 10,000 แต้ม ซึ่งมากกว่าค่าเช่าที่นี่ 4 ปีรวมกันเสียอีก ช่างเป็นคลินิกที่ร้ายกาจจริงๆ
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม เชินพิงดาวไม่สามารถเปิดประตูทั้งสองบานได้ เขาจะหาค่าความดีและความชั่วที่ไหนมาเปิดประตูทั้งสองบานในเมื่อคลินิกนี้ใกล้จะล้มละลายภายใต้การจัดการของเขาแท้ๆ?” หนิงเถาคิดและถอนหายใจ
หลังจากทำความสะอาดเสร็จ หนิงเถาจึงเริ่มมาเรียนรู้สิ่งของต่างๆในคลินิกและหนังสือทางการแพทย์ไร้ชื่อที่เชินพิงดาวมอบให้เขาไว้ หนิงเถาต้องหา 200 แต้มจองค่าความดีและความเลวเพื่อจ่ายเป็นค่าเช่าสำหรับเดือนนี้ ในเมื่อเขามียาอายุวัฒนะเพียง 5 เม็ดเท่านั้น ดังนั้นแล้วเขาต้องห้ามพลาดแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงจำเป็นต้องรู้ทุกๆอย่างเกี่ยวกับคลินิกแห่งนี้ก่อนที่เขาจะเปิดมัน
หนิงเถาคร่ำเคร่งกับกับการอ่านหนังสือไร้ชื่อ เขาไม่ออกไปไหนถึงแม้จะหิวก็ตาม และตอนนี้ด้านนอกคลินิกก็เริ่มมืดแล้ว
ภายใต้การปกคลุมของรัตติกาล เมืองชานชิตี้ส่องสว่างด้วยแสงไฟ ดูเรืองรองมากกว่าตอนสุริยกาลเสียอีก
หนิงเถาหาอาหารตามร้านอาหารข้างทางและมุ่งหน้าไปโรงเรียน เขาเกือบลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้นตอนเช้าเมื่อเขาใช้เวลาทั้งวันในการอยู่ที่คลินิกและศึกษาหนังสือทางการแพทย์ไร้ชื่อที่เชินพิงดาวมอบให้เขา ตอนนี้สิ่งเลวร้ายกำลังเกิดขึ้นกับเขา เขารู้สึกกังวลแต่ก็มีชั่วขณะหนึ่งที่เขารู้สึกโล่งใจ เขากลัวว่าจะถูกโรงเรียนไล่ออกหรอในเมื่อตอนนี้เขาเหลือเวลาอีกแค่ 29 วันเท่านั้น? เขาไม่เสียใจเลยที่ตอนนั้นต่อยมาฟูกวัน ถ้าย้อนกลับไปได้ ตอนนั้นเขาก็จะทำแบบเดิม
ถนนแต่ละสายจอแจไปด้วยผู้คน
หญิงสาวคนนึงลากกระเป๋าลากผ่านหนิงเถาไป เธอใส่เสื้อเชิ้ตและกางเกงขาสั้นเดนิมสีฟ้าอ่อน พร้อมกับสวมรองเท้านิวบาลานซ์รุ่นใหม่ เธอมีผมสั้น สูงประมาณ 1.75 เมตร มีเอวที่บาง ขาที่ยาว มีออร่าแห่งความเยาว์วัย แต่เธอไม่ใช่คนที่เสียสละและน่าชื่นชอบแม้แต่น้อย เธอเดินเหมือนทหารคือหลังตรง คอตั้งตรง นอกจากนี้แล้ว เธอยังสายตาที่ดูดุร้ายอย่างบอกไม่ถูก
ไม่ค่อยมีผู้หญิงคนไหนเหมือนเธอสักเท่าไหร่ จึงช่วยไม่ได้ที่หนิงเถาจะหยุดมองเธอไปชั่วครู่
ผู้หญิงผมสั้นคนนี้จู่ๆก็หยุดชะงักทันที ตัวเธอเริ่มสั่นเล็กน้อย ในช่วงสองสามวินาทีใบหน้าปกติของเธอพลันซีดลง ปราศจากสีใดๆ
หนิงเถาได้รับสัญญาณเตือนมาจากขนคิ้วของเขา เพียงชั่วพริบตาเดียวความรู้สึกที่แผ่ซ่านมาจากส่วนกลางของคิ้ว ตาและจมูกของเขาเหมือนกำลังตื่นขึ้นจากการหลับไหล ในขณะที่ประสาทการรับรู้ของกลิ่นนับพันๆหลั่งไหลเข้าสู่ขนจมูกของเขา ในหนังสือไร้ชื่อกล่าวไว้ว่าในสมัยจีนโบราณมีเทคนิคการดมกลิ่นซึ่งหมายถึงการวิเคราะห์กลิ่นต่างๆพร้อมกับการได้ยินเสียงไปพร้อมๆกัน ความสามารถนี้หนิงเถาได้รับมาจากการได้รับยาอายุวัฒนะปฐมภูมิของเชินพิงดาว ดังนั้นหนิงเถาสามารถใช้ความสามารถนี้เมื่อเขาเชี่ยวชาญวิธีการใช้
ในขณะนั้น หนิงเถามองเห็นออร่าหลากสีสันซึ่งแผ่ออกมาจากผู้หญิงผมสั้นคนนั้น ซึ่งสีแต่ละสีเกิดจากอวัยวะที่แตกต่างกันของร่างกาย นี่เป็นเทคนิคการมองเห็นในหนังสือแพทย์ไร้ชื่อ – คือ การวินิจฉัยโดยการสังเกตออร่าที่แผ่ออกมาของคนไข้
ทันใดนั้นเอง ผู้หญิงผมสั้นหยุดนิ่งลงทันทีและล้มลงบนพื้น
เมื่อเห็นแบบนั้น หนิงเถารีบวิ่งเขาไปหาเธอพร้อมโอบเอวเธอไว้ ไม่ให้เธอล้ม เขารู้อาการผู้หญิงคนนี้ จากการแปลความหมายของมองเห็นออร่าและการดมกลิ่น
อย่างไรก็ดี เมื่อหนิงเถาทำแบบนี้โดยไม่เคยรู้จักผู้หญิงคนนี้มาก่อน ทำให้เธอเกือบที่จะต่อยเขาเข้าให้แล้ว
หนิงเถาคว้าข้อมือเธอไว้และบอกว่า “ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณต่ำมาก อย่างพึ่งขยับครับ คุณต้องลดความดันของหัวใจของคุณ มันจะเจ็บมาก โปรดอยู่นิ่งๆครับ”
ดวงตาของผู้หญิงผมสั้นเบิกโตด้วยความประหลาดใจ
หนิงเถาโอบที่เอวเธอและพยุงเธอไปนั่งเก้าอี้ที่ใกล้ที่สุด “คุณนั่งนี้สักครู่นะครับ ผมจะหาของกินที่ทำให้น้ำตาลในเลือดของคุณเพิ่มสูงขึ้นมาให้”
ผู้หญิงผมสั้นผงกหัวให้หนิงเถา
“จำไว้นะครับ ห้ามขยับ ผมจะรีบกลับมา” หนิงเถารีบวิ่งเข้าไปในซูปเปอร์มาเก็ต
ไม่กี่นาทีต่อมา หนิงเถากลับมาพร้อมชานมร้อนหนึ่งแก้วและช็อคโกแลตสองชิ้น
“ขอบคุณค่ะ”เสียงของผู้หญิงผมสั้นดูเหนื่อยๆ หลังจากได้ทานของที่หนิงเถานำมาให้ หญิงสาวดูมีกำลังวังชาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“คุณรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ? อยากให้ผมเรียกรถพยาบาลให้มั้ยครับ?” หนิงเถาถามเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นกังวล
หญิงสาวส่ายศีรษะและตอบกลับมาว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันรู้สึกดีขึ้นแล้ว ต้องขอโทษจริงๆนะคะที่จะต่อยคุณ ฉันไม่รู้ว่าคุณจะเข้ามาช่วยฉัน”
“ไม่เป็นไรครับ” หนิงเถาตอบกลับ
“แต่ยังไงก็แล้วแต่…..คุณรู้ได้ยังไงว่าฉันมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (hypoglycemia) และเจ็บมาก?”
“ผมเป็นแพทย์ครับ…เอิ่ม ถ้าคุณรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมต้องขอตัวก่อนนะครับ ต่อจากนี้ไป คุณต้องทานอาหารให้ตรงเวลาและดูแลเรื่องการกินด้วยนะครับ”
“คุณชื่ออะไรหรอคะ?”
หนิงเถาเพียงแค่มองกลับไปพร้อมยิ้มให้เธอเล็กน้อยโดยไม่ได้ชื่อเขาแก่เธอ เขาไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่มีแผลถูกยิงสักเท่าไหร่
มีบางอย่างแปลกๆ ในสายตาของผู้หญิงผมสั้นคนนั้นในขณะที่เธอมองไปยังแผ่นหลังของหนิงเถา
เมื่อกลับไปที่โรงเรียน หนิงเถาลองถามเป็นนัยๆกับเพื่อนร่วมชั้นของเขาเกี่ยวกับเรื่องมาฟูกวัน เพราะเขากังวลเรื่องที่เขาดันไปต่อยมาฟูกวันตอนนั้น แต่ก็ได้คำตอบว่า ไม่มีใครในโรงเรียนรู้เรื่องนี้เลย รวมทั้งเรื่องของหยางไฮที่จะมาแทนที่เขาด้วย
หนิงเถาพยายามคิดหาทางออกหลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง หยางไฮติดสินบนมาฟูกวันก่อนที่มาฟูกวันจะยกตำแหน่งของหนิงเถาให้หยางไฮ ซึ่งต้องไม่มีใครในโรงเรียนรู้เรื่องนี้ ถ้าหากมาฟูกวันเล่าเรื่องที่หนิงเถาต่อยเขาให้โรง
เรียนหรือให้ตำรวจฟัง การติดสินบนจะต้องถูกเปิดเผยอย่างแน่นอน
“อืมมม..ฉันจะทำเป็นว่ามันไม่ได้เกิดขึ้นละกัน” หนิงเถาบอกกับตัวเอง เขาเดินไปที่ตึกห้องปฏิบัติการณ์และเก็บของใช้ต่างๆเพื่อจะย้ายไปที่คลินิกแห่งนภา
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊งงงงง…
โทรศัพท์ของหนิงเถาดังขึ้น
หนิงเถามองดูเบอร์ที่โทรมาจึงกดรับสาย “ไง ช็อปเปอร์ นี่หนิงเถาเอง เป็นยังไงบ้าง?”
ช็อปเปอร์เป็นชื่อเล่นของ เกอหมิง ซึ่งเป็นเพื่อนวัยเด็กของหนิงเถา เขาออกจากโรงเรียนตั้งแต่มัธยมและมาทำงานหั่นผักอยู่โรงอาหารของบริษัทแห่งหนึ่ง หนิงเถาก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าใครเป็นใครตั้งชื่อเล่นให้เกอหมิง แต่หลายๆคนเรียกเขาว่า ช็อปเปอร์ ดังนั้นแล้ว หนิงเถาก็เลยเรียกตามด้วย ทั้งหนิงเถาและช็อปเปอร์อาศัยอยู่ในละแวกเดียวกัน ช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งสองคนก็มักจะออกมาเที่ยวด้วยกันอยู่บ่อยๆ
“เถา ช่วงนี้นายมีปัญหาอะไรรึปล่าว?” เสียงเกอหมิงที่ลอดออกมาจากโทรศัพท์ดูค่อนข้างเป็นกังวล
หนิงเถารู้สึกตกใจกับคำถามที่เกอหมิงยิงมายังเขา “นาย…ทำไมนายถึงถามแบบนั้นละเพื่อน?”
“วันนี้ตอนฉันกลับมาถึงบ้าน ฉันเห็นกลุ่มคนมากมายมาเคาะประตูบ้านนายและมีคนมาถามว่าบ้านนายอยู่ไหนอ่ะเพื่อน……มีผู้ชายที่ขับรถ BMW ถามฉันว่าเห็นนายบ้างมั้ยและฉันตอบว่าไม่เห็นเลย และยังถามฉันว่านายเคยไปที่ไหนบ้าง…ฉันก็ตอบว่าฉันไม่รู้”
หนิงเถาคิดอยู่สักพักจึงรู้ว่า ผู้ชายที่ขับรถ BMW มาคือ หยางไฮนั่นเอง
“เถา..นายบอกอะไรฉันบ้างสิ..ฉันเป็นห่วงนายนะเว้ย…ตอนนี้นายอยู่ไหน?”
“ช็อปเปอร์ ขอบคุณนายมากแต่นายอย่ายุ่งกับเรื่องนี้ดีกว่านะ ฉันสบายดี”
“จริงจริงนะ?”ช็อปเปอร์ถามหนิงเถา
“อืม..จริงสิ คนที่นายคุยด้วยน่าจะเป็นคนที่ต้องการให้ฉันไปพบคนไข้ซะมากกว่า” หนิงเถาโกหกช็อปเปอร์
“โอเคๆๆ ขอฉันพูดอะไรที่น่าสนใจหน่อยนะ”
“หื้ม? ว่ามาสิ?”
“เจ้านายฉันเกิดเป็น stroke(โรคเส้นเลือดในสมองตีบหรือตัน) ในออฟฟิสวันนี้ มีคนโทรเรียกรถพยาบาล เชื่อมั้ยว่า…รถโรงพยาบาลคันนั้นเป็นของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยทางการแพทย์ของชานซิตี้” เกอหมิงเริ่มต้นเล่าเรื่องอย่างน่าสนใจ “ต่อมา ภรรยาของเขาเข้ามาในบริษัทพร้อมกับทนายของเธอและบอกว่าเธอต้องการให้เจ้านายของฉันโอนบริษัทมาให้เธอ เธอเป็นภรรยาคนที่สองของเจ้านายฉันหน่ะ เพื่อนร่วมงานฉันหลายคนบอกว่า..นี่เป็นบทลงโทษของเขา ที่ทำให้เขาเป็น stroke….เจ้านายฉันมีลูกสาวแค่คนเดียว ซึ่งเป็นลูกของเขากับภรรยาเก่า ตอนนี้เธออาศัยอยู่ที่เมืองอื่น เธอคนมาที่นี่เร็วๆนี่แหละ ฉันคิดว่าต้องเกิดสงครามแก่งแย่งมรดกกันแน่นอนพรุ่งนี้ที่บริษัท ฮ่าๆๆๆ”
หนิงเถาไม่ได้สนใจอะไรในเรื่องที่เกอหมิงเล่าแม้แต่น้อย “นี่เป็นเรื่องของครอบครัวที่ร่ำรวย คนธรรมดาอย่างเราๆจะทำอะไรได้ละ…”ก่อนที่หนิงเถาจะพูดจบ เขานึกอะไรบางอย่างออก “โอ้ววว ช็อปเปอร์ นายพึ่งพูดว่ามีคนในบริษัทบอกว่าที่เจ้านายของนายเป็น stroke เนี่ย…เป็นบทลงโทษของเขา นายหมายความว่ายังไงหรอ?”
“ตอนที่เจ้านายของฉันเริ่มก่อสร้างอสังหาริมทรัพย์หน่ะ…เขาเป็นนักธุรกิจที่ใจดำมาก เขาบังคับให้บ้านหลายหลังรื้อถอนออกไป เพื่อที่จะได้ตั้งบริษัทแห่งนี้ ฉันได้ยินมาว่า มีครั้งหนึ่งเขาเคยบังคับให้ชายพิการคนนึงรื้อบ้านออกไป…หลังจากที่เขามีสมบัติมาก เขาก็จงเกลียดจงชังภรรยาของเขาและคิดว่าหล่อนไม่สวยเอาซะเลย ต่อมาเขาจึงโอนย้ายสินทรัพย์ของเขาออกมาและบังคังให้ภรรยาเก่าของเขาหย่ากับเขาซะ….นายคิดว่าไงละ….บทลงโทษที่เขาได้รับจากสิ่งเลวๆที่เขาทำ?”
“ฮ่าๆ ฉันนึกอะไรออกละ!!” หนิงเถาหัวเราะขึ้นมา
“นี่นายพูดเรื่องอะไรของนาย?” เกอหมิงถาม
“ช็อปเปอร์ ช่วยฉันหาลูกสาวของเจ้านายหน่อยว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหนตอน เราจะมาเจอกันที่จัตุรัสเสรีภาพและนายจะพาฉันไปหาเธอ”
“พาไปหาลูกสาวของเจ้านายฉัน?” เกอหมิงถามอย่างสงสัย “นายจะทำอะไรหน่ะหนิงเถา?”
“ไม่ต้องถาม พาฉันไปหาเธอ เรื่องนี้สำคัญกับฉันมาก”
“โอเคๆ เจอกันที่จัตุรัสเสรีภาพ” เกอหมิงวางโทรศัพท์ไป
หนิงเถาหันหลังกลับมา และมุ่งไปหน้าประตูโรงเรียน
“หนิงเถา!!!….หยุดเดียวนี้นะ!!” เสียงดังมาจากด้านหลังของหนิงเถา
โปรดติดตามตอนที่ 6