OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 28 ผู้ป่วยที่แปลก
บทที่ 28 ผู้ป่วยที่แปลก
หนิงเถายังคงเดินตรงไปทางออกโดยไม่หันกลับมามอง เขามาที่นี้เพราะหลินชิงวู่เชื่อใจเขาและพร้อมที่จะถอดเสื้อผ้าของเธอเพื่อการฝังเข็ม การมาถึงของเขานั้นเท่ากับให้เกียรติอีกฝ่ายมากพอแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรพ่อแม่ของอีกฝ่ายก็โจมตีเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงแม้ว่าพวกเขาจะขอโทษเขาถึงร้อยครั้งในตอนนี้ เขาก็จะไม่หันหลังกลับไป
เจียงหยีหลงเองก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิดในขณะที่เขาได้รายงานเรื่องที่ตัวเองทำไปในช่วงนี้ว่า “ท่านอาจารย์หนิง! มีเพียงสามรายการในรายการที่คุณเขียนให้ผมเท่านั้นที่ยังไม่เสร็จ แต่คุณไม่ต้องกังวลไปพวกมันจะเสร็จเร็วๆนี้อย่างแน่นอน”
หนิงเถาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ดีมาก! คุณควรจะทำให้มันเสร็จทันเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้นแม้แต่พระเจ้าก็ไม่สามารถช่วยคุณได้”
เจียงหยีหลงยิ้มออกมาอย่างประจบประแจง ก่อนที่จะตอบว่า “ท่านอาจารย์หนิงคุณเป็นพระเจ้าที่ผมเชื่อเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะสั่งอะไรผมจะทำตามที่คุณบอกอย่างแน่นอน”
หนิงเถาเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ดังนั้นการพูดแต่ละครั้งจะไม่ยาวและนาม “ไม่! ผมไม่ใช้พระเจ้าอะไรทั้งนั้น ผมเป็นเพียงแค่หมอเร่รอนคนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นมันจะเป็นการดีกว่าที่คุณจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก”
ก่อนที่เจียงหยีหลงจะพูดอะไรออกไปมากกว่า หลินตงไห่ก็ได้วิ่งมาขวางหน้าพวกเขาเอาไว้แล้ว ก่อนที่เขาจะพูดว่า “คุณหมอหนิง! คุณเจียง! พวกคุณได้โปรดอย่าไป ผมรู้สึกเสียใจจริงๆกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปก่อนหน้านี้ ผมขอเชิญพวกคุณสองคนไปที่บ้านเพื่อดื่มกัน แน่นอนว่าผมจะลงโทษตัวเองด้วยการดื่มสามแก้ว “
หนิงเถาหยุดมองดูหลินตงไห่อย่างใจเย็นและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า“ ลงโทษตัวเองด้วยการดื่มสามแก้ว? เมื่อไหร่กันที่ผมเห็นด้วยที่จะดื่มกับคุณ?”
“คุณ … ” ใบหน้าของหลินตงไห่กลายเป็นสีแดง แน่นอนว่ามันเป็นสีแห่งความโกรธ ความจริงที่ว่าเขาพร้อมที่จะลงโทษตัวเองด้วยการดื่มสามแก้วนั้นถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับตัวตนอย่างหนิงเถา แม้แต่นายกเทศมนตรีเมืองฉานเจียงก็ไม่เคยได้รับเกียรตินี้!
เจียงหยีหลงจ้องที่หลินตงไห่และพูดขึ้นว่า “แม่*! นายยังกล้าที่จะเสนอหน้ามาให้ฉันกับอาจารย์หนิงเห็นอีกเหรอ? นายควรรู้จักเตรียมตัวบ้าง”
ศักดิ์ศรีสุดท้ายของหลินตงไห่ได้หายไป เขาต้องการที่จะหันหลังกลับไปทันที แต่เพราะผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับจากเรื่องนี้มันสำคัญกับบริษัทของเขามาก ด้วยที่ดินที่เขาจะได้รับถ้าการเจรจานี้ประสบความสำเร็จ มันจะทำให้การดำเนินงานของบริษัทของเขานั้นก้าวหน้าและเป็นที่หนึ่งของเขตนี้ได้ไม่อยาก
ทางด้านฟางเหมยหลิงเองก็เกิดความคิดดีๆขึ้นในช่วงเวลาที่สำคัญนี้เช่นกัน เธอผลักตัวลูกสาวของตัวเองไปข้างหน้าเบาๆ ก่อนที่จะพูดว่า “ลูก! ไม่ใช้ว่าลูกกับหมอหลินเป็นเพื่อนกันหรือไง? ทำไมลูกถึงไม่ไปขอโทษหมอหนิงและพูดดีๆกับเขากัน? “
หลินชิงวู่ที่ได้ยินแม่พูดแบบนั้น เธอก็ได้เดินออกไปอย่างอายๆและพูดขึ้นว่า “ ฉันต้องขอโทษสำหรับสิ่งที่ทำลงไปด้วย ไม่รู้ว่าหมอหนิงจะรับการขอโทษโดยการเลี้ยงอาหารค้ำได้ไหม? ”
“คุณไม่ได้ทำอะไรผิด” หนิงเถาพูดต่อว่า “ทำไมคุณถึงขอโทษผมด้วย?”
หลินชิงวู่รู้สึกอายขึ้นมา และนั้นทำให้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดง
“หมอหนิง! หลินชิงวู่ก็ได้ขอโทษคุณไปแล้ว ทำไมคุณถึงยังไม่รับมันอีก??” หลินตงไห่ที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดอย่างหน้าด้านออกมา
“คุณไม่ได้ยินสิ่งที่ผมพึ่งจะพูดไปเหรอ?” หนิงเถาได้พูดต่อว่า “หลินชิงวู่ไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมเธอต้องขอโทษผมด้วย”
“ถ้าอย่างนั้น … ต้องเป็นฉันที่ต้องออกมาขอโทษใช่ไหมล่ะ?” เมื่อคำพูดออกมาจากปากของเขาหลินตงไห่ เขารู้สึกแย่กว่าเสียเงินไปสิบล้านหยวนเสียอีก เขาเกิดความลังเลขึ้นมา
รอยยิ้มแปลกๆได้ปรากฏบนริมฝีปากของหนิงเถา “คิดว่าแค่คุณขอโทษผมแล้วทุกอย่างจะจบหรือไง? และคุณคิดว่าผมต้องการคำขอโทษจากคุณด้วย? ผมต้องพูดเอาไว้ตรงนี้เลยว่าผมไม่ได้ต้องการของพวกนั้น ผมขอตัวก่อน “
หนิงเถาพูดจบก็ได้เดินจากไป และนั้นทำให้หลินตงไห่ไม่รู้ว่าต้องทำอะไร
หลินตงไห่ต้องการคว้ามือของหนิงเถาเพื่อให้อีกฝ่ายหยุด แต่เมื่อเขาได้เห็นใบหน้าโกรธของเจียงหยีหลง เขาก็ไม่สามารถยกมือขึ้นมาได้
หลินชิงวู่เองก็รู้สึกซับซ้อนเช่นกัน เธอไม่ได้คาดหวังว่าหนิงเถาจะปฏิเสธคำขอของเธอ เมื่อเธอขอโทษเป็นการส่วนตัวไม่มีใครเคยทำให้เธอผิดหวังมาก่อน!
ทันใดนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งบนไม้ค้ำโผล่ออกมาที่ประตูห้องนั่งเล่นแล้วถามว่า “ใคร … พ่อแม่กำลังโต้เถียงกันเรื่องอะไร?”
“โอ้! ชิงหัว! ลูกออกมาทำอะไรข้างนอก? ลูกควรจะกลับไปนอนพักผ่อนให้มากๆ” ฟางเหมยหลิงเป็นคนแรกที่กรีดร้องออกมา และวิ่งไปหาชายหนุ่มคนนั้นทันที
ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ที่ประตูห้องนั่งเล่นคือหลินชิงหัว เป็นน้องชายของหลินชิงวู่
หนิงเถาหยุดเดินและจ้องกลับไปที่เขา
หลินชิงหัวมีหน้าตาที่ดูคล้ายกับหลินตงไห่ ทั้งคู่มีอารมณ์ที่แสดงออกของลูกผู้ดี อย่างไรก็ตามเขาผอมเกินไป เขามีน้ำหนักน้อยกว่า 50 กิโลกรัมที่ความสูงมากกว่า 1.7 เมตร เมื่อนำส่วนประกอบพวกนี้รวมเข้าด้วยกัน มันทำให้คนดูรู้สึกว่าแค่ลมพัดเบาๆก็สามารถทำยกเขาขึ้นไปในอากาศได้แล้ว นอกจากนี้ใบหน้าของเขาก็ออกเป็นสีขาวและมีสีน้ำเงินแปลกๆปรากฏขึ้นอีกด้วย
ใบหน้าของหลินชิงหัวเตือนให้หนิงเถานึกไปถึงดินเหนียวสีฟ้าที่เขาพบใต้เตียงของซูหยา ด้วยเหตุผลบางอย่างเขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ในแง่นี้เขาได้ปลุกทักษะการมองและการดมกลิ่นของตัวเองขึ้นมา ในชั่วพริบตาเขารับรู้ถึงผู้คนทุกคนที่อยู่ในวิสัยทัศน์ของเขา ทั้งลมหายใจที่มีสีสันและกลิ่นทั้งหมดที่ไหลเข้าไปในรูจมูกของเขารวมถึงกลิ่นของร่างกายมนุษย์และสสารทุกชนิด มีกลิ่นนับพันที่เขาสัมผัสได้
หนิงเถาพบว่ากลิ่นของหลินชิงหัวนั้นผิดปกติ อากาศที่อยู่รอบๆตัวเขาในปัจจุบันนั้นมีสีที่หลากหลาย แต่ตรงบริเวณบนตัวเขากับเป็นสีฟ้าและหมอกเหมือนละอองของโคลน มันทำให้บริเวณนั้นมีกลิ่นผิดปกติเกิดขึ้น ดูเหมือนว่ากลิ่นพวกนั้นพยายามกลบกลิ่นที่เป็นมนุษย์ของอีกฝ่ายเอาไว้ มันจึงทำให้รอบๆตัวของเขานั้นเต็มไปด้วยกลิ่นที่แรงเหมือนโคลน
เมื่อรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว หนิงเถาก็เต็มไปด้วยความสงสัย “ เขามีออร่าที่แปลกประหลาดและมีกลิ่นที่ฉันไม่สามารถบอกได้ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น? ดูจากภาพรวมแล้วมันไม่มีทางเลยที่เขาจะป่วยเพราะโรค หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช้โรคที่ฉันรู้จัก? โดยเฉพาะกลิ่นที่อยู่รอบๆตัวเขามันเหมือนกับกลิ่นก้อนดินแปลกๆที่ฉันพบใต้เตียงของซูหยา ไม่รู้ว่าการหายตัวไปของเธอนั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกับเขาบ้างไหม?”
ในขณะเดียวกันตาของหลินชิงหัวก็ตกลงไปที่หนิงเถา “ผู้ชายคนนั้นคือใคร?” เขาถามออกมา
“คนเร่ … ” ฟางเหมยหลิงได้ตอบกับไปโดยสัญชาตญาณ แต่ทันทีเธอก็รู้ว่าไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ เธอจึงได้เปลี่ยนคำตอบว่า “เขาเป็นเพื่อนของน้องสาวลูก และเขามาที่นี้เพื่อรักษาลูก “
“เขาทำได้ … รักษาผู้ป่วย … เขาเป็นหมอจริงๆ … ” เสียงของหลินชิงหัวยิ่งนานไปก็ยิ่งอ่อนแรงลง
“หลินชิงวู่! ลูกรีบพาคุณหมอนิงเข้าบ้านเร็ว” ฟางเหมยหลิงรู้ดีว่านี้เป็นโอกาสที่ดี”ลูกก็รู้ว่าร่างกายของพี่ชายของลูกแย่แค่ไหน ถ้าให้เขาตากลมนานๆมันจะส่งผลต่อสุขภาพของเขาได้ ….”
ฟางเหมยหลิงได้มองมาทางหนิงเถา และพูดขึ้นว่า “หมอหนิง ฉัน … “
ดูเหมือนว่าเธอจะมีหลายสิ่งที่ต้องการจะพูด แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง
แต่ความประหลาดใจก็เกิดขึ้นต่อหน้าทุกคน หนิงเถาไม่รอให้หลินชิงวู่พูดเสร็จ เขาก็ได้พูดขัดขึ้นก่อน “อืม! ผู้ป่วยเป็นคนที่สำคัญที่สุด งั้นทำไมเราไม่ไปคุยกันข้างในบ้านกัน”
การเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของหนิงเถาทำให้การแสดงออกของเจียงหยีหลงนั้นเต็มไปด้วยความสับสน “ท่านอาจารย์หนิง … “
หนิงเถาได้ขัดจังหวะอีกครั้งว่า “เข้าไปข้างในและค่อยพูดกัน”
“ใช่ ใช่ ใช่.” ปฏิกิริยาของเจียงหยีหลงนั้นเปลี่ยนไปรวดเร็วมาก แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมหนิงเถาถึงเปลี่ยนใจ แต่สำหรับคำพูดของหนิงเถาแล้วมันเป็นเหมือนคำสั่งของจักรพรรดิที่มีต่อเขา ซึ่งเขาไม่กล้าไม่เชื่อฟัง
หนิงเถาได้เดินไปที่หลินชิงหัวด้วยใบหน้าที่เงียบสงบ ไม่มีใครรู้ว่าเขาตกลงที่จะอยู่เพราะหลินชิงหัว
หลินตงไห่รู้สึกโล่งอก เขาเดินไปข้างๆเจียงหยีหลงและใช้โอกาสที่จะพูดว่า “คุณเจียง! ผมต้องขอพูดก่อนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้มันเป็นแค่ความเข้าใจที่ผิดเท่านั้น… “
เจียงหยีหลงมองหนิงเถาจากด้านหลัง เหมือนสานุศิษย์ที่กำลังมองดูพระเจ้าของตัวเอง “ถ้าอาจารย์หนิงเห็นด้วยทุกอย่างก็ตกลงกันได้ แต่ถ้าอาจารย์หนิงโกรธละก็ถึงแม้ว่านายจะให้ราคาที่ดินมากกว่าเดิมสิบเท่า ฉันก็ไม่ขายมัน”
“คุณจะไม่ขายที่ดินให้ผมแม้ว่าผมจะให้ราคาสิบเท่าจริงเหรอ? แล้วแบบนี้ผมจะกล้าไปถามหมอหนิงได้ยังไงกัน?” หลินตงไห่ถามออกมาอย่างสุภาพ
“หมอหนิง?” เขามองไปทางหนิงเถาด้วยความเคารพ “นั่นคือท่านอาจารย์หนิง!” จากนั้นเขาจ้องมองที่หลินตงไห่และตะคอกว่า “ฉันเรียกเขาว่าท่านอาจารย์หนิง แต่นายกับเรียกเขาว่าหมอหนิง? นายคิดว่าตัวเองเหนือกว่าฉันเหรอไง?”
หลินตงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็ทำได้เพียงแค่หุบปากลง
แม้ว่าเขาจะถูกต่อว่าแรงแค่ไหน แต่เมื่อเทียบชั้นกันแล้วเขาที่เป็นรองอยู่ก็ทำได้เพียงแค่อดทนเท่านั้น
ในห้องนั่งเล่นเดียวกันกัน แต่บรรยากาศที่นี้กับต่างกันอย่างสิ้นเชิง
“ หมอหนิงเชิญนั่งตรงนี้เลยค่ะ คุณจะรับมีชาดำหรือชาเขียวดีค่ะ?” ฟางเหมยหลิงพยายามแสดงรอยยิ้มที่จริงใจออกมา แต่การทำแบบนี้ของเธอทำให้การแสดงออกมันดูไม่ดีมากนัก
“ ผมไม่กระหายน้ำ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องทำชาให้ผม” หนิงเถาได้ปฏิเสธอย่างสุภาพ
“ ใช้! ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำชาจริงๆ” หลินตงไห่พูดต่อว่า “ผมได้เตรียมไวน์ไว้หนึ่งขวด ทำไมเราไม่มาคุยกันขณะดื่มกันละ?”
“ผมไม่เคยดื่มของพวกนี้มาก่อน” หนิงเถาพูดต่อ “และผมไม่ต้องการไวน์ด้วย”
หลินชิงวู่ที่ดูภาพรวมออก จึงรีบพูดขึ้นว่า “เอ่อ! หมอหนิง! ทำไมหมอไม่ตรวจร่างกายของพี่ชายของฉันละ”
หนิงเถาที่ได้ยินแบบนั้นก็พยักหน้าและพูดว่า “โอเค! คุณเจียงคุณก็คุยกับคุณหลินไปก่อนก็แล้วกัน”
“ใช่แล้ว ผมจะคุยกับเขา” เจียงหยีหลงตอบตกลงทันที
หลินชิงวู่ช่วยหลินชิงหัวเดินไปที่ทางเดินในตอนท้ายของห้องนั่งเล่นพูดว่า “ชิงหัว! เราไปที่ห้องของพี่กัน อีกเดียวคุณหมอหนิงจะเป็นคนตรวจอาการของพี่เอง หมอหนิงเป็นหมอที่เก่งดังนั้นเขาจะต้องรักษาพี่ได้อย่างแน่นอน”
หลินชิงหัวที่ได้ยินแบบนั้นก็พูดขึ้นว่า “จักรพรรดิคนนี้ไม่ได้ป่วย เจ้าจงรีบนำชุดเกราะของข้าออกมา ข้าต้องการออกไปฆ่าศัตรู… “
หนิงเถาพยายามไตร่ตรองสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับหลินชิงหัว “ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีอาการของโรคประสาทอยู่ด้วย แต่มันจะเป็นอย่างที่อีกฝ่ายพูดจริงๆที่ว่าตัวเองไม่ได้ป่วย? แล้วทำไมบนร่างกายของเขาถึงมีกลิ่นแปลกๆพวกนั้นเกิดขึ้นได้กัน? ขนาดทักษะการมองและการดมกลิ่นของฉันก็ไม่สามารถหารอยโรคของเขาได้ มันแปลกจริงๆ … “
มันเป็นครั้งแรกที่หนิงเถาประสบกับปัญหาดังกล่าวนับตั้งแต่เขากลายเป็นเจ้าของคลินิกนภา
หลินชิงวู่ช่วยหลินชิงหัวขึ้นไปห้องตัวเองและปล่อยให้เขานอนบนเตียง ในระหว่างกระบวนการทั้งหมดหลินชิงหัวบ่นด้วยน้ำเสียงของจักรพรรดิโดยใช้คำพูดเช่นนางสนมและเรียกร้องหาพวกเธอตลอดเวลา นอกจากนี้เขาต้องเผชิญกับอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง
หนิงเถาดูเขาอย่างถี่ถ้วน แต่ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ
หลินชิงวู่รู้สึกหนักใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น “ หมอหนิง! คุณเห็นสภาพของพี่ชายของฉันแล้ว” เธอพูดต่อว่า “อาการที่เขาเป็นอยู่ตอนนี้ … ฉันเป็นห่วงเขาจริงๆ ได้โปรดช่วยเขาด้วยไม่ว่าจะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ฉันก็ยินดี”
หนิงเถามองไปที่ระเบียงแล้วเดินไปที่นั่นแล้วพูดว่า “ผมจะขอคุยกับคุณสักครู่ได้ไหม?”
หลินชิงวู่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้เดินตามหนิงเถาไปยังระเบียงแล้วถามว่า “คุณต้องการพูดเรื่องอะไร?”
“ผมอยากถามคุณเกี่ยวกับพี่ชายของคุณ” หนิงเถาถามต่อว่า “มันเป็นเรื่องที่สำคัญต่อการรักษาของเขาเอง ถ้าเกิดว่าคุณซ่อนอะไรเอาไว้และไม่ยอมบอกผม ผมก็ไม่สามารถที่จะรักษาเขาได้ คุณคงเข้าใจใช้ไหม?”
หลินชิงวู่ที่ได้ฟังแบบนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เอาละ! ฉันจะบอกทุกอย่างที่ฉันรู้ แต่ … “
“แต่อะไร?”
“สัญญากับฉันว่าคุณจะรักษาพี่ชายของฉัน” หลินชิงวู่พูดต่อว่า “และสิ่งที่ฉันจะบอกคุณต้องเก็บเป็นความลับ”
“เรื่องเก็บเป็นความลับนั้นมันแน่นอน แต่เรื่องที่จะรักษาให้พี่ชายของคุณหายดีได้ไหมนั้นผมไม่สามารถรับปากได้ ” หนิงเถายังคงพูดต่อว่า “แต่ผมสัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด ดังนั้นในตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่”
ร่องรอยของความลังเลได้ปรากฏขึ้นมาบนดวงตาของหลินชิงวู่ แต่เธอตัดสินใจอย่างรวดเร็ว “ฉันเห็นด้วย”
ในที่สุดเธอก็เลือกที่จะเชื่อใจหนิงเถาเพราะเธอได้พิสูจน์ทักษะทางการแพทย์ของเขาเป็นการส่วนตัวมาแล้ว