OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 18 ขอโอกาสอีกครั้ง
บทที่ 18 ขอโอกาสอีกครั้ง
ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา จักจั่นบางตัวต่างก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างขี้เกียจที่ด้านบนของต้นไม้ตั๊กแตน
โจวหยูเฟิงเดินไปรอบๆสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์ เธอมองไปรอบๆเหมือนตกอยู่ในภวังค์ มีเด็กกลุ่มใหญ่ติดตามเธอและพูดคุยกับเธอไปทุกที่ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอได้ลืมหลายสิ่งหลายอย่างและจำอะไรไม่ได้เลย และสิ่งที่เธอพูดมากที่สุดว่า “คุณเป็นใคร? เด็กชายหรือเด็กหญิงตัวเล็กๆนี้เป็นใคร? “
หนิงเถาและซูหยาได้ยืนอยู่ที่ประตูของสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเผื่อเอาไว้ในกรณีที่โจวหยูเฟิง “หนีออกจากบ้าน” เพราะเธอจำอะไรไม่ได้
ด้วยภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เอง ทำให้น้ำตาในดวงตาของซูย่าไหลออกมา เธอยังพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนหัวใจแตกสลายว่า “สำหรับฉันแล้วผู้อำนวยการโจวเปรียบเหมือนแม่ของฉัน แต่เธอ … เธอจำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ”
“ให้เวลากับป้าโจวอีกหน่อย ฉันเชื่อว่ามันจะดีขึ้น” หนิงเถาเองก็พยายามหาคำพูดมาปลอบใจอีกฝ่าย
“เธอสามารถกู้คืนความทรงจำของเธอได้ไหม?” ซูหยาได้ถามออกมาเศร้าๆ
“ ฉันเองก็ไม่รู้ แต่เธอจะชินกับชีวิตที่นี่ถ้าเธอและเด็กๆพยายามช่วยกันเหมือนกับที่ป้าโจวเคยทำมันในอดีต เอาละ! เธอก็อย่าเสียใจไปเลยอย่างน้อยการที่ป้าโจวหายนี้แล้วก็ดีกว่าตายจากไปจริงไหม? “ระหว่างที่พูดถึงเรื่องนี้หนิงเถาก็อดนึกไปถึงพ่อแม่ของตัวเองไม่ได้ และนั้นทำให้ประโยคหลังนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์ที่เศร้าเสียใจเป็นอย่างมาก
ซูหยาได้หันหัวของเธอมาและมองตาของหนิงเถา เธอได้สังเกตเห็นว่ามีน้ำตาอยู่ในดวงตาของเขา มันเต็มไปด้วยความเศร้าเสียใจ
“อะไร?” หนิงเถาถามออกมา หลังจากที่เขาเห็นว่าอีกฝ่ายได้มองตาของเขานานเกินไป
ซูหยาไม่ได้พูดอะไร เธอเลือกที่จะเข้ามากอดหนิงเถาแทน
การกอดแบบไม่ทันตั้งตัวนี้เป็นอะไรที่หนิงเถาไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะต้องทำยังไงกับสถานการณ์ที่เกิดฉับพลันนี้ ในกรณีนี้จริงๆแล้วเขามีสองทางเลือก – หนึ่งคือการวางแขนของเขารอบเอวของเป้าหมายหรือไม่ก็ผลักเป้าหมายออกไปโดยปริยาย อย่างไรก็ตามเขากับเลือกไม่ทำอะไรเลย
“ขอบคุณ.” ซูหยาได้กระซิบข้างหูของหนิงเถาเบาๆ
การกอดและขอบคุณทำให้หนิงเถารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาทำนั้นคุ้มค่า เขารู้ว่านี่คือความจริงใจที่สุดของซูหบา และมันยังเป็นอะไรที่บริสุทธิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้
“พวกพี่ทำเรื่องหน้าไม่อาย!” เสียงของหลี่เซียวหยูดังขึ้นขัดจังหวะในเวลาต่อมา
ซูหยาที่ได้ยินแบบนั้นก็รีบปล่อยตัวหนิงเถาทันที แต่สีแดงบนใบหน้าของเธอยังคงไม่หายไปไหน มันยังคงปรากฏให้เห็นได้อย่างชัดเจน ตอนนี้เธอรู้สึกทั้งอายและโกรธไปพร้อมกัน ดังนั้นเธอจึงหันไปมองทางคนพูดพร้อมกับพูดว่า “อะไรนะ … เธอมาทำอะไรที่นี่?”
มันง่ายที่จะเบี่ยงเบนความสนใจที่เกิดขึ้น
หลี่เสี่ยวหยูปัดแก้มด้วยนิ้วของเธอพร้อมพูดว่า “มันช่างเป็นอะไรที่หน้าไม่อาย! พี่กอดลุงหนิง อีกไม่นานพี่คงจะจูบเขาด้วยใช้ไหม? อย่าบอกว่าหนูเป็นเด็กหรืออะไรพวกนั้น? “
ซูหยาได้ลูบหัวของอีกฝ่ายเบาๆ และเธอก็พยายามแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
หนิงเถาที่เห็นแบบนั้นก็รู้ว่าซูหยาต้องการอะไร ดังนั้นเขาจึงได้แสดงรอยยิ้มบิดเบี้ยวและพูดว่า “เสี่ยวหยู! มันไม่ใช่สิ่งที่หนูคิด”
หลี่เสี่ยวหยูตอบอย่างจริงจังว่า “ หนูรู้! หนูไม่ใช้เด็กแล้วนะ! หนูรู้ดีว่าพวกพี่กำลังทำอะไรกัน ดังนั้นในฐานนะเพื่อนคนแรกของหนู หนูจะต้องปกป้องคุณลุง”
หนิงเถาพบว่าตัวเองได้สูญเสียคำพูดที่จะพูดออกไป
เพราะนั่นไม่เหมือนคำพูดที่เด็กหกขวบใช้พูด! เห็นได้ชัดว่าเธอฉลาดผิดปกติ!
แหวน แหวน แหวน …
หนิงเถาได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดรับมันไม่แม้แต่จะมอง ก่อนที่เขาจะรับโทรศัพท์ “คุณมาแล้ว?”
“หมอหนิงอยู่ไหน? คุณอยู่ไหน?” เสียงของเจียงหยีหลงดังรอดมาจากโทรศัพท์ “ตอนนี้ฉันอยู่ในชุมชนแห่งความสุขแล้ว ฉันขอร้องหมอได้โปรดช่วยฉันด้วย … ฉันยอมคุกเข่าให้คุณ!”
เขาคุกเข่าลงจริงๆ? หนิงเถาได้ยินเสียงเข่าของเขากระแทกพื้นชัดเจน พื้นคอนกรีต!
หนิงเถาแสดงรอยยิ้มเย็นยะเยือกออกมาบนริมฝีปากของเขา แล้วพูดว่า “คุกเข่าต่อไป! อีกเดียวผมจะไปหาคุณ ตอนนี้ถ้าคุณทำให้ผมไม่พอใจเหมือนครั้งที่แล้ว แน่นอนว่าผมจะไม่มองคุณเลยแม้แต่น้อย”
“ไม่! ฉันจะไม่ทำอีกแล้ว … ฉันผิดไปแล้ว ฉันผิดจริงๆ … ” เจียงหยีหลงร้องไห้ออกมาหลังจากที่เขาได้ยินแบบนั้น
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็วางโทรศัพท์ ก่อนที่เขาจะหันไปมองหาซูหยาแล้วพูดว่า “ฉันจะไปชุมชนแห่งความสุขก่อน และฉันจะกลับมาใหม่ในภายหลัง ในเวลานี้เธอก็ดูแลป้าโจวอย่างดีไปก่อน”
ซูหยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ตอบตกลง แต่เธอไม่ยอมมองสบตาของหนิงเถาตลอดเวลาที่พูดอีก
“ลุงหนิง! หนูจะไปกับลุงด้วยได้ไหม?” หลี่เสี่ยวหยูถามด้วยความคาดหวัง
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ลูบหัวของเธอเบาๆและพูดว่า “เอาไว้ครั้งหน้าละกัน ครั้งนี้เสี่ยวหยูมีหน้าที่สำคัญกว่าคือต้องอยู่ที่นี่กับพี่สาวซูหยาเพื่อดูแลป้าโจว และถ้าลุงกลับมาลุงสัญญาว่าจะซื้อลูกอมมาฝากดีไหม?”
“ดีค่ะ!” หลี่เสี่ยวหยูตอบอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่จัดการเรื่องทั้งหมดเสร็จแล้ว หนิงเถาได้ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าซันไชน์และเดินไปที่ชุมชนแห่งความสุข
ทางด้านซูหยาก็ทำเพียงจ้องมองด้านหลังของหนิงเถาจนลับสายตา
“เฮ้อ! ฉันยังเด็กเกินไปจริงๆ” หลี่เสี่ยวหยูได้ถอนหายใจออกมา เธอทำตัวราวกับว่าเธอเคยเห็นความว่างเปล่าของโลกแห่งวัตถุมาแล้ว
ซูหยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบโบกมือให้หลี่เสี่ยวหยูและพูดว่า “เสี่ยวหยู! เธอมาที่นี่เดียว พอดีฉันมีเรื่องคุยกับเธอหน่อย?”
หลี่เสี่ยวหยูได้ส่ายหัวของเธอพูดว่า “พี่ชอบโกหก ที่จริงแล้วพี่แค่ต้องการเอาชนะหนูแล้วแย่งคุณลุงไปใช้ไหม?”
“อืม! ที่จริงแล้วฉันแค่จะให้ขนนกับเธอเท่านั้นเอง ถ้าเธอไม่คิดจะเอางั้นฉันจะไปให้กับเด็กคนอื่นก็ได้ “ ซูหยาได้พูดออกมาเบา ๆ
หลี่เสี่ยวหยูที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบวิ่งไปที่ซูหยาทันที พร้อมกับตะโกนเรียกว่า ‘พี่สาวใจดี’
แน่นอนว่าซูหยาไม่คิดจะให้จริงๆ ทันทีที่หลี่เสี่ยวหยูมาถึงอีกฝ่ายก็ถูกฝ่ามือพิฆาตเข้าให้..
ดวงอาทิตย์แผดเผาเหนือศีรษะและไม่มีคนเดินบนถนนยกเว้นหนิงเถา เขาหยิบบัญชีแยกประเภทของใบไผ่ออกแล้วเปิดขึ้น บัญชีแยกประเภทได้แสดงให้เห็นว่ามีบาป 107 จุด, 169 ของความดี รวมกันได้ 276 คะแนน เมื่อนำไปหักกับค่าเช่าเดือนนี้แล้วมันเหลือ 76 คะแนน
“ยอดคงเหลือ?” หนิงเถารู้สึกว่าวิธีบอกของมันนั้นเหมือนกับการจ่ายบิลโทรศัพท์มือถือยังไงยังงั้น
ในความเป็นจริงยอดคงเหลือที่มีอยู่นั้นเข้าใจง่ายมาก ค่าเช่าเดือนนี้คือ 200 คะแนน และเขาได้รับ 276 คะแนน จำนวนบัญชีทั้งหมดลบด้วยค่าเช่าของเดือนนี้คือ 76 คะแนน และ 76 คะแนนของมูลค่าดีและชั่วคือสิ่งที่เขาสามารถใช้ได้
“ในการเปิดประตูสองบานนั้นจะต้องใช้คะแนนจำนวนมาก ประตูหนึ่งต้องการ 5,000 คะแนนของยอดเงินคงเหลือและประตูสองต้องการ 10,000 คะแนน ไม่แปลกใจที่จนถึงตอนนี้เฉินผิงดาวก็ไม่เคยเปิดประตูพวกนั้นได้ เห็นได้ชัดว่ามันถูกตั้งมาเพื่อให้เปิดไม่ได้! “ หนิงเถารู้ดีว่าการเปิดประตูนั้นแถบจะเป็นไปไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็รู้เป้าหมายที่ตัวเองจะต้องทำแล้ว
อีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจก็คือบัญชีแยกประเภทยังคงแสดงชื่อของเจียงหยีหลง ในขณะที่ไม่แสดงชื่อโจวหยูเฟิง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการเตือนว่าสัญญาของเขากับเจียงหยีหลงนั้นยังไม่สมบูรณ์!
ในตอนนี้เจียงหยีหลงได้คุกเข่าที่ประตูชุมชนแห่งความสุข เขาทำตัวราวกับว่าตัวเองไม่ได้อยู่กลางอากาศที่ร้อนเหมือนนรก แต่กำลังนั่งเย็นสบายอยู่ในฤดูใบไม้ผลิ
ถึงแม้ว่าระหว่างนั้นคนขับของเขาไปเอาร่มมากางให้เขา แต่เขาก็เลือกที่จะปฏิเสธมันก่อนที่จะสั่งให้คนขับรถนั้นกลับขึ้นไปรอบนรถ
ชาวบ้านจำนวนมากต่างก็มารวมตัวกันที่ประตูชุมชนแห่งความสุขและชาวบ้านจำนวนมากต่างก็มาดูฉากที่วุ่นวายนี้ ในไม่ช้าก็เกิดกำแพงมนุษย์ก่อตัวขึ้นรอบเจียงหยีหลง
“นั่นคือเจียงหยีหลงใช่ไหม?”
“ ใช่แล้ว! เขาเป็นคนนั้น คนที่ทำลายบ้านของพวกเรา!”
“ ถ้าเป็นเจียงหยีหลงจริง! แล้วเขาคุกเข่าทำไม? หรือว่าพ่อของเขาตายหรือแม่ของเขาตาย?”
“ ฉันว่าไม่น่าใช้ มันเลือกเย็นจะตายไป มันคงไม่รู้สึกเสียใจเป็นกับเขาหรอก”
ในเวลานั้นได้มีคำสาปและคำสบประมาทที่รุนแรงมากมายเกิดขึ้น เมื่อหนิงเถามาถึงประตูชุมชนแห่งความสุขเขากับไม่พบเจียงหยีหลงจริง เขาเห็นแต่กลุ่มคนจำนวนมากที่กำลังล้อมอะไรอยู่
เขารู้ได้ทันทีว่าคนที่พวกชาวบ้านมุงนั้นคือใคร ดังนั้นเขาจึงได้พยายามฝ่าเข้าไปในฝูงชนนั้นจนมาถึงตรงหน้าเจียงหยีหลงจริง
เจียงหยีหลงจริงสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำและสวมถุงมือในสภาพอากาศที่ร้อนจัด เสื้อผ้าและกางเกงของเขาเปียกไปด้วยเหงื่อและเขาก็สั่นตลอดเวลา
สายตาของหนิงเถาได้ตกลงบนข้อมือซ้ายของเจียงหยีหลงจริง ระหว่างแขนเสื้อของเขากับถุงมือนั้นเขาเห็นผิวสีเทาเข้มอย่างชัดเจน นอกจากนี้เขาสามารถดมได้กลิ่นเหม็นที่มาจากแขนซ้ายของอีกฝ่ายได้ชัดเจน
นี่คือปรากฏการณ์ของการตายของเนื้อ
หนิงเถาที่รู้แบบนั้นก็รู้สึกตกใจ “พระเจ้า! ฉันไม่คิดว่าแค่ใช้เข็มจิ้มไปเพียงครั้งเดียว ผลลัพธ์ที่ออกมาจะอันตราบแบบนี้ เห็นได้ชัดว่ามันพึ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงเอง!”
แม้ว่าวิธีนี้จะใช้ในการลงโทษคนชั่ว แต่มันก็ยังเป็นวิธีที่ชั่วร้ายและโหดร้ายมากเกินไป!
แต่ในทางกลับกันคนชั่วอย่างเจียงหยีหลงจริงก็สมควรที่จะได้รับมันแล้ว
ทันทีที่หนิงเถามาถึงที่นี้เจียงหยีหลงจริงเองก็สังเกตเห็นอีกฝ่ายเช่นกัน มันทำให้เขารู้สึกขึ้นมาแวบหนึ่งว่าตัวเองเจอเส้นเชือกที่สามารถทำให้เขารอดจากการจมน้ำได้ เขาไม่กล้าที่ลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาอีกฝ่าย เขาทำได้เพียงพยายามชันเขาไปทางหนิงเถาพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุดได้เท่านั้น “หมอหนิง! ฉันผิด … ฉันผิดไปแล้ว โปรดช่วยฉันด้วย” เขาพยายามขอร้องออกมา
“ตอนนี้คุณสำนึกผิดแล้ว? งั้นคุณจำได้ไหมว่าฉันพูดอะไรไปก่อนหน้านี้?” หนิงเถาไม่ได้แสดงสีหน้าเห็นใจออกมา กลับกันเขาทำลาดน้ำเย็นลงไปแทน
ด้วยเสียงอันดังของเจียงหยีหลงก่อนหน้านี้ ทำให้ฝูงชนต่างก็ได้ยินกันหมด พวกเขาต่างก็มีข้อสงสัยเหมือนกันว่าอะไรคือ “ฉันผิด” และอะไรคือ “เรื่องที่ฉันบอกคุณไปก่อนหน้านี้”
“มันไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะมาขอร้องฉัน ถ้าคุณยังไม่ยอมทำสิ่งที่ได้สัญญาเอาไว้” หนิงเถายังคงพูดออกมาอย่างเฉยเมย
เจียงหยีหลงที่ได้ฟังแบบนั้นก็พูดอย่างรวดเร็ว “ฉันรู้แล้ว! ฉันจะจ่ายค่าชดเชยให้กับชาวบ้านในตอนนี้! ฉันจะจัดสรรเงินทุนเพื่อสร้างชุมชนนี้อีกครั้ง”
ชาวบ้านที่อยู่ที่นี้ต่างก็เงียบลงทันที พวกเขาต่างก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนี้ มี
มันเกิดอะไรขึ้น?
ในขณะที่ชาวบ้านได้จ้องมองด้วยความประหลาดใจอยู่นั้นเอง เจียงหยีหลงก็ได้เล่าให้พวกเขาฟังว่าเกิดอะไรพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงคร่ำครวญว่า “พวกคุณ! ฉันเป็นคนทำลายหมู่บ้านของพวกคุณและยังได้บังคับให้พวกคุณย้ายออกไป ฉันมันไม่ใช้คน ฉันมันไม่ดี แต่ได้โปรดยกโทษให้ฉันและให้โอกาสฉันในการแก้ตัวด้วย “
“เจียงหยีหลง! คุณบ้าไปแล้วเหรอ?” เสียงของชายสูงอายุคนหนึ่งได้ดังขึ้นมา “มันคงไม่ใช้แผนการของคุณอีกอย่างหรอกนะ! คุณจะไม่พยายามหลอกพวกเราอีกครั้งใช้ไหม?”
เจียงหยีหลงได้ปฏิเสธอย่างทันทีว่า “ไม่ ไม่ ไม่ ฉันไม่ได้โกหกพวกคุณ พวกคุณเพียงแค่ให้หมายเลขบัญชีธนาคารของคุณมา แล้วฉันจะโอนเงินให้คุณทันที” หลังจากพูดจบไปเขาก็รู้สึกวิตกกังวลว่าพวกชาวบ้านอาจจะไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูด เขาจึงได้พูดเสริมว่า “เร็วเข้าหน่อย! คุณช่วยบอกหมายเลขบัญชีธนาคารของคุณให้ฉันหน่อยได้ไหม? ฉันจะโอนเงินให้คุณเดี๋ยวนี้! ฉันขอร้องคุณละ”
อะไรกันนะ?…
ฝูงชนต่างก็มองดูการแสดงออกของเจียงหยีหลง และพวกเขาต่างก็รู้สึกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเพียงแค่ความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้น