OPEN A CLINIC TO CULTIVATE MYSELF - ตอนที่ 16 การกินขนมและทำงาน
บทที่ 16 การกินขนมและทำงาน
เด็กๆออกไปซื้อขนมและนั้นทำให้บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งนี้เงียบลงไปมาก
ภายใต้ต้นไม้ตั๊กแตนเก่าในสนามหลังบ้าน ซูหยาได้มองหน้าหนิงเถาก่อนที่เธอจะส่งกล่องไม้คืนไปให้ “นี่คือกล่องของนาย เมื่อนายได้มันคืนแล้วก็ควรจะกลับไปได้แล้วตอนนี้”
หนิงเถาได้เปิดกล่องและตรวจสอบว่ามีอะไรหายไปหรือเปล่า
ซูหยาที่เห็นแบบนั้นก็ได้เดินเข้ามาเพื่อดูของข้างในเหมือนกัน ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นว่า “ทำไมนายถึงเปิดมันออกง่ายๆเลยละ? ขนาดฉันใช้ทุกวิธีที่คิดออกแล้วก็ยังเปิดมันไม่ได้เลย?”
“มันมีกลไกอยู่ภายในนะ” หนิงเถาตอบกลับมาอย่างไม่สนใจ
จริงๆแล้วเขาโกหก ที่เขาสามารถเปิดได้เพราะเขาเป็นเจ้าของคลินิกและของทุกชิ้นที่มาจากที่นั้นถ้าไม่ใช้เจ้าของก็ไม่สามารถเปิดมันได้
“งั้นนายก็รีบออกไปได้แล้ว” ซูหยาได้กระตุ้น
“ยังไม่ถึงเวลา ทำไมเราไม่มาคุยกันก่อนละ” หนิงเถาได้พูดเข้าประเด็นที่เขาต้องการ
เมือประโยคนี้ของหนิงเถาจบลง ได้มีสายตาที่ไม่เป็นมิตรที่ส่งมาจากซูหยาทันทีมี “นายจะคุยเรื่องอะไร?”
“เกี่ยวกับผู้อำนวยการโจว! ฉันอยากรักษาเธอ” หนิงเถาไม่เสียเวลาพูดอ้อมค้อมมากนักเช่นกัน
“เสี่ยวหยูได้บอกว่านายเป็นหมอ แต่ฉันดูยังไงนายก็ไม่ใช้หมอแน่นอน” เห็นได้ชัดว่าซูหยาไม่เชื่อเรื่องที่อีกฝ่ายพูดออกมา
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็เงียบไปเล็กน้อยก่อนที่จะถามว่า “งั้นฉันจะต้องทำยังไงเธอถึงจะเชื่อว่าฉันเป็นหมอจริงๆ?”
ซูหยาจ้องมองเขาขึ้นๆลงๆ จากนั้นก็มองเข้าไปในดวงตาของเขาแล้วพูดว่า “นายช่วยบอกฉันที่สิว่าจะมีโรงพยาบาลไหนที่มีหมอแต่งตัวเหมือนนายบ้าง? สภาพนายนี้มันดูโทรมสุดๆ!”
หนิงเถาที่พึ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองแต่งตัวยังไง ก็ทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นมาเกาหัวตัวเองแก้เขินได้เท่านั้น
“ฉันต้องเตือนนายเอาไว้ตรงนี้เลยว่าฉันมีเพื่อนอยู่ในกลุ่มนักซิ้ง ถ้าเกิดว่านายคิดจะทำอะไรฉันละก็ พวกเพื่อนๆของฉันไม่มีทางปล่อยนายเอาไว้แน่!”
หนิงเถาทีได้ฟังแบบนั้นไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกโกรธเท่านั้น แต่เขายังหลุดหัวเราะออกมาเช่นกัน “ถ้าเป็นอย่างที่เธอพูดจริงๆ ที่ว่าถ้าเกิดเรื่องขึ้นกับเธอแล้วกลุ่มเพื่อนๆในสิงนักบิดจะเข้ามาช่วย แล้วไหนละรอยสักของแก๊ง? ฉันยังไม่เห็นพวกมันเลย”
“ฉัน … ฉันมี! มันก็แค่ถูกคลุมด้วยเสื้อผ้าเท่านั้นเอง!” ซูหยาได้พูดแย้งออกมา
“ฉันไม่เชื่อเธอ”
ซูหยาที่เห็นแบบนั้นก็แสดงท่าทางเหมือนจะหาเรื่องออกมา แต่ก็ถูกหนิงเถาขัดขึ้นมาเสียก่อน “ถ้าเธอไม่เชื่อว่าฉันเป็นหมอ งั้นทำไมเธอไม่ลองให้ฉันตรวจอาการของเธอดูก่อนละ?”
“เอางั้นก็ได้”
หนิงเถาไม่ได้สนใจสายตาที่อีกฝ่ายมองมา เขาได้กระตุ้นพลังไปยังดวงตาและจมูกของเขา เพื่อที่ว่าเขาจะสามารถสังเกตอาการของเป้าหมายได้ชัดเจนมากขึ้น เขาได้เห็นว่าร่างของซูหยานั้นถูกห่อด้วยเมฆที่มีสีสันและกลิ่นต่างๆมากมาย พวกมันต่างก็วนรอบๆตัวเธอก่อนที่จะลอยเข้ามาในจมูกของเขา
ซูหยาที่รอยู่นานก็ไม่เห็นอีกฝ่ายเข้ามาตรวจโรคของเธอแต่อย่างใด ก็ได้พูดขึ้นว่า “นี้นายยังยืนบื้ออะไรอยู่ตรงนั้น? ไม่ใช้ว่านายต้องเขามาตรวจอาการของฉันหรือไง? หรือว่าที่จริงแล้วนายเป็นหมอปลอม? ฉันควนจะโทรเรียกตำรวจดีไหม?!”
“ ไม่ต้องรีบร้อนไป ฉันแค่ขอเวลานิดหนึ่งเท่านั้นเอง เอาละ! เธอมีเส้นประสาทบางเส้นที่ไม่ดี มันเกิดจากที่เธอเครียดและหดหู่มากไปในช่วงนี้” หนิงเถายังพูดต่อว่า “เมื่อเร็วๆนี้เธอนอนไม่หลับหรือไม่เธอก็มักจะฝันร้ายใช้ไหม? แม้ว่าเธอจะนอนหลับไปนานแค่ไหนทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมา เธอจะรู้สึกถึงอาการปวดหัวตลอดเวลา”
ซูหยาตกตะลึงไปทันที
“ แต่ไม่ต้องกังวลเกินไปอาการพวกนี้ไม่ได้ร้ายแรงอะไร และเธอยังคงเป็นเด็กด้วยคุณสมบัติของรางกายที่มี มันจะใช้เวลาไม่นานก่อนที่สภาพร่างกายของเธอจะกลับมาดีตามเดิม” หนิงเถาพูดเสริมว่า “บวกร่างกายของเธอขาดวิตามินเนื่องจากขากอาหารและสารอาหารที่จำเป็นในช่วงนี้ โดยเฉพาะพวกวิตามินบี ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ผิวที่บอบบางมากของเธอมักจะแห้งและลอกออก สายตาของเธอในช่วงนี้ก็มักจะเบลอและไวต่อความร้อนมากเป็นพิเศษใช้ไหม? กระดูกขาซ้ายของเธอเองก็พึ่งจะได้รับบาดเจ็บมา แต่ด้วยการไม่ได้รับการรักษาที่ดีพอ มันจึงทำให้เธอรู้สึกเจ็บทุกครั้งเมื่อสภาพอากาศที่เปียกชื้น”
ซูหยารู้สึกตกใจกับสิ่งที่เธอได้ยินมาก เพราะอาการบาดเจ็บบางอย่างเธอก็ไม่เคยบอกใคร แต่ชายตรงหน้ากับรู้มันได้ยังไง
หนิงเถาตอบว่า“ เธอไม่ต้องรู้ว่าทำไมฉันถึงรู้เรื่องนี้ ที่ฉันทำก็เพื่อยืนยันว่าฉันเป็นหมอ และฉันสามารถรักษาผู้อำนวยโจวได้จริงๆ ที่ฉันต้องการจากเธอในตอนนี้คือความช่วยเหลือเล็กๆจากเธอเท่านั้น”
ซูหยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพูดว่า “นายต้องการให้ฉันทำอะไร?”
หนิงเถายิ้มและพูดว่า “ฉันต้องการห้องที่ไม่มีหน้าต่างเมื่อฉันเริ่มทำการรักษาแล้วจะต้องไม่มีใครสามารถเข้ามาในห้องได้ ไม้เว้นแม้แต่เธอ ซึ่งกระบวนการรักษานั้นฉันไม่สามารถบอกเธอได้ แต่ฉันรับรองว่าทุกอย่างจะต้องออกมาดีอย่างแน่นอน “
ซูหยามองไปดวงตาของหนิงเถาก่อนที่จะถามว่า “นายจะไม่โกหกฉันใช้ไหม เพราะไม่อย่างนั้นฉัน … “
หนิงเถาใจเย็นมากในตอนนี้ เขารู้ดีว่าประโยคถัดไปของเธอคงจะเป็นการคุกคามตามปกติ
“ฉันจะขโมยของของนายไปตลอดชีวิต! ฉันจะไม่แม้แต่ทิ้งกางเกงในของนาย!” หลังจากพูดออกมาแบบนี้ ซูหยาก็ได้เดินจากไป
หนิงเถามองตามหลังของเธอไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเดินตามไป
ซูหยากำลังเตรียมห้องเมื่อพวกเด็กกลับมา พวกเขาได้หัวเราะและเล่นกันตลอดทางที่เดินมา ดูๆไปแล้วมันดูดีกว่าก่อนหน้านี้มาก หลี่เสี่ยวหยูเองก็ยังมีอมยิ้มอันใหญ่อยู่ในปาก ขณะที่เธอได้ยืนเฝ้าประตูตามที่คุณลุงหนิงบอกเอาไว้
ในบ้านกระเบื้องมุงหลังคาหนิงเถาได้นำบัญชีแยกประเภทออกมา ก่อนที่จะนำมือของโจวหยูเฟิงว่างเอาไว้บนนั้น
โจวหยูเฟิงได้ถอนหายใจอย่างอ่อนแรงและพูดว่า “คุณหมอหนิง! ฉันรู้ว่าคุณนั้นเป็นคนใจดีที่คิดจะช่วยฉัน แต่ … ฉันรู้อาการของตัวเองดี ทางโรงพยาบาลบอกว่าฉันต้องได้รับการเปลี่ยนตับเพื่อให้มีความหวังในการมีชีวิตรอด แต่ฉันไม่มีเงินเลย ขนาดยาแก้ปวดฉันยังไม่สามารถจ่ายได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการรักษาแบบนี้เลย “
หนิงเถาที่ได้ฟังแบบนั้นก็รีบพูดออกมาว่า “ป้าโจว! ป้าไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนั้นเลย ที่ผมรักษาป้าเพราะป้าเป็นคนดี ผมไม่ต้องการเงินอะไร และอีกอย่างถึงแม้ว่าป้าจะไม่เปลี่ยนตับผมก็ยังสามารถรักษาป้าให้หายได้อยู่”
น้ำตาคลอในดวงตาของโจวหยูเฟิง ก่อนที่เธอจะพูด“คุณหมอหนิงไม่ต้องปลอบใจฉันหรอก ฉันรู้ว่าวันเวลาของฉันดี ฉันไม่ได้กลัวที่จะตายแต่ที่ฉันกลัวก็คือพวกเด็กๆต่างหาก ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้พวกเขาต่างก็ไม่มีครอบครัว ซูหยาเองก็ยังอายุน้อยเกินไปที่จะเป็นคนดูแลพวกเขาได้… “
“ป้าโจวไม่ต้องกังวลไป ผมสัญญาว่าจะต้องช่วยป้าให้ได้” หนิงเถาจับมือโจวหยูเฟิงออกจากบัญชีแยกประเภทแล้วเปิดมันออก
ในบัญชีแยกประเภทปรากฏเนื้อหาเกี่ยวกับผู้อำนวจการโจว “โจวหยูเฟิงเกิดในวันที่สิบเจ็ดของเดือนจันทรคติที่หกในรอบสี่สิบห้าปีในรอบหกสิบปีบุญแรกคือการรักษาและเลี้ยงดูเด็กที่ถูกทอดทิ้ง 16 คน และเพื่อรับเด็กกำพร้า 57 คน … เธอเป็นคนดีมีแต้มบุญ 169 คะแนนจากความตั้งใจทำดี ด้วยความตั้งใจดีนี้เองจะช่วยในการละลายภัยพิบัติ รักษาโรค และยืดอายุชีวิตของเธอ “
วันที่สิบเจ็ดของเดือนจันทรคติที่หกในรอบสี่สิบห้าปีในรอบหกสิบปีคือปี 1968 ดังนั้นโจวหยูเฟิงจึงไม่ใช่คนแก่อย่างที่คิด เพราะถ้านับกันจริงแล้วเธอมีอายุเพียง 50 ปี เท่านั้น
ด้วยการทำความดีของโจวหยูเฟิงทำให้หนิงเถารู้สึกดี แต่สิ่งที่ทำให้เขาต้องถอนหายใจออกมาก็เพราะคนดีๆมักจะมีอายุสั้น และโจวหยูเฟิงก็เป็นหนึ่งในนั้น ถ้าไม่ใช้เพราะเขามาพบเข้าพอดี ก็มีความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะตายไปเร็วๆนี้
โชคดีที่ในโลกนี้ยังคงมีความยุติธรรมและกรรมอยู่เสมอ ความดีและความชั่วจะได้รับรางวัลตอบแทน
ดูเหมือนว่าชะตากรรมจะไม่เป็นธรรมกับโจวหยูเฟิง แต่ใครจะรู้ว่าหนิงเถาได้เข้ามาเปลี่ยนชะตากรรมของเธอในครั้งนี้
หนิงเถาได้ปิดบัญชีแยกประเภทและพูดขึ้นว่า “ป้าโจวครับ! ความเจ็บป่วยของป้าสามารถรักษาให้หายขาดได้และป้าก็จะมีสุขภาพดีขึ้นหลังจากการรักษานี้ ผมรับรองว่าป้าจะต้องมีอายุถึง100ปีแน่นอน”
โจวหยูเฟิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ส่ายหัวแล้วพูดว่า “หมอไม่ต้องทำให้ฉันมีความสุขหรอก ฉัน … ไอ … ฉันรู้สถานการณ์ของฉันดี … “
“ป้าอย่าพูดแบบนั้น! ขอแค่ป้าเชื่อใจผมสักครั้งแล้วให้โอกาสกับตัวเอง ได้โปรดให้ผมรักษาป้านะครับ” หนิงเถาพยายามพูดจาเกลี้ยกล่อม
“ก็ได้! ฉันเห็นด้วยกับหมอ แต่หมอต้อง … ไอ … ต้องสัญญากับฉันอย่างหนึ่งก่อน”
“ได้ครับ! ป้าโจวบอกผมมาได้เลย ไม่ว่าอะไรก็ตามผมจะสัญญาทำมัน” หนิงเถาได้ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว
โจวหยูเฟิงมองหนิงเถาและพูดว่า “ฉันบอกได้เลยว่าคุณนั้นเป็นคนดี คุณสามารถช่วยดูแลพวกเด็กๆได้ไหมหลังจากที่ฉันตายไปแล้ว พวกเขานั้นช่างหน้าสงสารมาก … “
“ตกลงครับ! ผมสัญญา!” หนิงเถาตอบตกลง
ทันใดนั้นเสียงของหลี่เสี่ยวหยูก็ดังขึ้นมาจากอีกฝั่งขอประตู “พี่สาวซูหยา! พี่เข้าไปไม่ได้นะ!”
“เธอช่วยหลบออกไปได้แล้ว”
“ไม่! เว้นแต่พี่จะเหยียบย่ำศพของหนูไป!”
ซูหยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็แกล้งทำเสียงดุว่า “หลี่เสี่ยวหยู! เพียงแค่ขนมไม่กี่อย่าง มันก็สามารถซื้อเธอได้แล้วหรือไง?”
หลี่เสี่ยวหยูได้ตะโกนมาทันทีว่า “ไม่ใช้เสียหน่อย! ก็แค่หนูต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับลุงหนิงเท่านั้นเอง!”
ซูหยาที่เห็นแบบนั้นก็รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ยอมจากไปไหน ดังนั้นเธอจึงได้ผลักประตูเปิดเข้ามาโดยตัวเอง แต่มันก็ไม่ง่ายแบบนั้นเพราะระหว่างที่เธอได้เข้ามาในห้องนั้น ตรงบริเวณขาของเธอได้ถูกหลี่เสี่ยวหยูกอดเอาไว้แน่น และดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
‘เฮ้อ! หนูหลี่เสี่ยวหยูนี้ทำงานได้เกินคุ้มจริงๆ’
“ ฉันได้เตรียมบ้านตามที่นายต้องการเอาไว้แล้ว ที่นี้นายต้องการอะไรอีกไหม?” ซูหยาได้ถามออกมา
หนิงเถาได้ส่งกระดาษใบหนึ่งให้เธอ และเขาได้พูดขึ้นว่า “เธอเปิดดูหลังจากที่ฉันเข้าไปแล้วนะ ส่วนป้าโจวปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉันเอง ฉันจะพาเธอเข้าไปในนั้นด้วยตัวเอง”
ซูหยาได้เก็บกระดาษโน้ตลงในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่เธอจะนำหนิงเถาไปยังบ้านที่เธอจัดเตรียมเอาไว้ให้
หลังจากนั้นที่หนิงเถาได้พาผู้อำนวยการโจวเดินตามซูหยาไปในบ้าน ในห้องมีเตียงเดียวเท่านั้น ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มก็สะอาดและสดใหม่
หนิงเถาได้วางผู้อำนวยการโจวไว้บนเตียงแล้วพูดกับเธอว่า “ป้าโจวครับ! โปรดรอสักครู่นะครับ เดียวผมจะออกไปพูดอะไรกับซูหยาก่อน แล้วจะกลับมารักษาป้า”
โจวหยูเฟิงแค่พยักหน้าโดยไม่พูดอะไร เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ไว้วางใจหนิงเถาเพื่อรักษาเธอ ที่เธอให้ความร่วมมือกับเขาเพราะเธอเชื่อว่าหนิงเถาจะทำตามคำสัญญาของเขา – เพื่อช่วยให้ซูหยาดูแลเด็กๆในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าหลังจากที่เธอเสียชีวิต
หนิงเถาเรียกซูหยาออกจากห้องและบอกเธอว่า “อย่าลืมว่าไม่มีใครรวมถึงเธอได้รับอนุญาตให้เข้ามา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ฉันจะต้องใช้เวลาประมาณสี่สิบหรือห้าสิบนาทีเพื่อรักษา และเมื่อฉันรักษาเสร็จแล้วฉันจะเป็นคนเรียกเองเข้าใจไหม? “
ซูหยายังคงรักษาภาพลักษณ์ที่ดุร้ายของเธอเอาไว้ “ได้ แต่ถ้านายกล้าหลอกฉันละก็ ฉันจะ… “
ก่อนที่เธอจะพูดจบหนิงเถาก็ได้จากไปและปิดประตูลงกลอน
เมื่อมองไปที่ประตูที่ปิดสนิท ซูหยายังคงพยายามพูดออกมาให้จบประโยคว่า “ฉันจะขโมยสิ่งของของนายไปตลอดชีวิต! ฉันจะไม่ทิ้งแม้แต่กางเกงในไว้!”
หลี่เสี่ยวหยูมาพร้อมกับอมยิ้มในปากเล็กๆของเธอและยืนนิ่งเงียบอยู่อีกด้านหนึ่งของประตู
ซูหยาถามอย่างสงสัยว่า “หลี่เสี่ยวหยู! เธอมาทำอะไรที่นี่?”
“เฝ้าประตู” หลี่เสี่ยวหยูทำเสียงฮึดฮัด
ซูหยามองไปยังหลี่เสี่ยวหยูด้วยความโกรธเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอได้รับกระดาษโน้ตจากอีกฝ่าย
ในนั้นเขียนว่า “ผู้อำนวยการโจวมีโอกาสสูญเสียความทรงจำสูงหลังการรักษา เธออาจจะลืมทุกอย่างที่นี่ เธอต้องบอกผู้อำนวยการเกี่ยวกับอดีตทั้งหมด และต้องดูแลเธอเพื่อทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
ซูหยาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถรักษาโจวหยูเฟิงได้จริงๆ แต่เมื่อเธอเห็นข้อความนี้มันก็ทำให้เธอมีความหวังขึ้นมา เธอหวังว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำได้อย่างที่พูดเอาไว้