ตอนที่ 4
ถ้าเราไม่เมา เราไม่กลับ!
เต๋อชูเหอหยุดแล้วหันกลับมามองเขา มุมปากของเขายกขึ้นอย่างอ่อนโยนและไม่เป็นอันตราย เสียงต่ำชวนเย้ายวน “กำลังจะดูดวงให้ผมเหรอ?”
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงของชายคนนี้แปลกไปหน่อย ๆ.. เหอไป่ก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว และจู่ ๆ ก็เสียใจที่เรียกให้เขากลับมา วันนี้เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา –หัวใจเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้าผู้ชายที่เขาเพิ่งจะเคยพบเพียงสองครั้ง …เขาลูบที่กล้องของเขา มองไปที่ใบหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่ายที่เพิ่งจะอยู่ในวัยหนุ่ม เขาถอนหายใจ พยักหน้า ก่อนจะตอบว่า “ใช่ฮะ ผมอยากจะดูดวงให้คุณ”
เขาทนไม่ได้จริง ๆ ที่จะปล่อยให้คนเก่ง ๆ เช่นนี้จากโลกนี้ไปเพียงเพราะแผนร้ายของใครบางคน
ปล่อยให้เขาได้ทำผลงานศิลปะที่น่าทึ่ง ปล่อยให้เขาได้ใช้เวลาทั้งในช่วงวันหยุดที่แสนจะน่าเบื่อเหล่านั้นจะดีกว่า
เต๋อชูเหอมองไปที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง ดึงบัตรประจำตัวลงในกระเป๋าเสื้อ แล้วค่อย ๆ เดินกลับมาอีกครั้ง
“คุณจะทำนายเรื่องอะไร อาชีพการงาน โชคลาค หรือชีวิตของผม”
“ไม่ ผมจะทำนายเส้นชีวิตของคุณ” เหอไป่กำจัดอารมณ์พิเศษใด ๆ ออกไปและพยายามทำตัวให้ลึกลับที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาเริ่มพยายามหลอกล่อโดยพูดว่า “ตอนผมเป็นเด็ก ผมอาศัยอยู่ใกล้กับวัดลัทธิเต๋า ผมโชคดีที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการอ่านดวงชะตาคนอื่นจากนักบวชท่านหนึ่ง ตอนนี้สิ่งที่ผมจะบอกเกี่ยวกับคุณก็คือ คุณจะกลายเป็นราชาจอเงิน ที่ยิ่งใหญ่ และเริ่มก่อตั้งบริษัทของคุณ นี่คือสิ่งที่เขียนไว้บนใบหน้าของคุณ”
เต๋อชูเหอยกมือขึ้นสัมผัสใบหน้าของเขา “มีอะไรเขียนบนใบหน้าของผมงั้นเหรอ?”
ถูกต้องมันบอกว่าสองคำ – การเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
เหอไป๋ถูกกล้องของเขาอีกครั้งและยังคงโกหกเขาต่อไปโดยพูดว่า
“ใบหน้าของคุณตรงระหว่างคิ้วมีขนาดใหญ่และกว้าง นั่นหมายความว่าคุณเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวยมากและคุณควรจะมีโชคลาภมากมายในชีวิต แต่ริมฝีปากของคุณบางและมีไฝที่หู นั่นหมายความว่าชีวิตครอบครัวของคุณมีจุดบกพร่องเช่นกัน นอกจากนั้นสีหน้าและดั้งจมูกของคุณแปลได้ว่าในอนาคตคุณจะต้องเป็นคนที่ร่ำรวยและมีเกียรติอย่างแน่นอน แต่..”
เต๋อชูเหอกระตุ้นเขาด้วยความอยากรู้ โดยถามว่า “แต่อะไร”
“แต่ตรงกลางใบหน้าของคุณให้ความรู้สึกถึงความแตกสลาย ผมกลัวว่าคุณจะต้องเผชิญกับความโชคร้ายในวัยกลางคน” หลังจากที่เหอไป๋พูดจบ เขาเพิ่มความน่าเชื่อถือด้วยการแสดงออกอย่างเคร่งขรึมเดินวนรอบตัวเขาเป็นวงกลม เขายกมือขึ้นทำท่าทางแปลก ๆ เพื่อจำลองการอ่านโชคลาภถอนหายใจและพูดว่า “โชคร้ายนี้อันตรายมาก หากคุรผ่านพ้นไปได้คุณจะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จ ร่ำรวย และไร้กังวล แต่ถ้าคุณทำไม่ได้..”
“จะเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ?” การแสดงออกและน้ำเสียงของเต๋อชูเหอสงบมาก ดูเหมือนว่าเขาจะไม่เชื่อว่า คนที่พูดถึงจะเป็นเขา
“คุณจะตายตั้งแต่ยังหนุ่ม” ในที่สุดเขาก็พูดถึงประเด็นหลัก เหอไป๋ก็ผ่อนคลายลงโดยไม่รู้ตัวและพูดต่อไปว่า “โชคร้ายของคุณจะมาถึงเมื่อคุณอายุสามสิบห้าปี มันเกี่ยวข้องกับผู้หญิงและที่สูง ทิศทางของเหตุร้ายคือทิศตะวันออกเฉียงใต้ โอเค นั่นคือทั้งหมดที่ผมจะพูด หากเรามีชะตาต้องกัน คงได้พบกันใหม่”
ทุกอย่างที่เขาต้องการจะพูด ก็พูดมันออกไปหมดแล้ว หากจะพูดต่อไปอีก เขาจะต้องเปิดเผยบางสิ่งที่เขาไม่ควรเปิดเผย ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะเดินจากไป
เมื่อเต๋อชูเหอเห็นว่าเขากำลังจะจากไป เขาก็รีบวางมือลงบนไหล่ของเขาเพื่อหยุดไม่ให้เขาไป เขายิ้มอย่างจริงใจก่อนจะพูดออกมาว่า “คุณจะจากไปทั้งอย่างงั้นเหรอ? คุณจะไม่บอกวิธีหลบหนีโชคร้ายหรือให้อะไรเพื่อปกป้องผมเลยเหรอ? แล้วจะจากไปโดยไม่ทิ้งข้อมูลติดต่อเลยนี่นะ?”
เหอไป๋ดึงขาของตนที่เพิ่งจะเริ่มเดินออกไป หันกลับมาและตบบ่าเขา
“ผมบอกคุณมากขนาดนี้ก็เป็นการเปิดเผยความสวรรค์มากเกินไปแล้ว จำไว้คงทำความดีและสะสมกรรมดี นอกจากนี้หลีกเลี่ยงผู้หญิงและที่สูง แค่นี้คุณจะรอดพ้นจากภัยพิบัตินี้ได้ ไม่จำเป็นต้องติดต่อกับผมหรอก คุณเป็นคนที่มีความสุข สิ่งศักดิ์สิทธิ์ย่อมปกป้องคุณ” หลังจากพูดสิ่งนี้แล้วเขาก็หันกลับมาและออกจากตรอกเล็ก ๆ ด้วยท่าทางสงบ แต่ก้าวเร็วมากไปยังป้ายรอรถเมล์ที่อยู่ใกล้ที่สุด
ทิ้งข้อมูลติดต่อของเขางั้นเหรอ? สิ่งที่เขาพูดในตอนนี้เป็นเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น หากคุณคิดยอ่างรอบคอบเพียงพอ มีหลายอย่างที่ไม่สอดคล้องกัน ถ้าเต๋อชูเหอเขาอยู่ในวงการบันเทิงได้ดี ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่ใช่คนโง่ คำโกหกของเขาคงหลอกเขาได้เพียงครู่เดียว แต่ไม่อาจจะหลอกเขาได้ตลอดไป ดังนั้นการหนีออกมาโดยเร็วยังจะดีเสียกว่า เขาได้แต่หวังว่าพวกเขาจะไม่ได้พบกันอีกในอนาคตและเขาจะไม่ต้องฝันร้ายถึงตอนที่เขาตกจากตึกนั้นอีก สภาพจิตใจของเขาเปราะบางและไม่สามารถทนต่อการฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนั้นได้อีก
เต๋อชูเหอเฝ้าดูเขาจากไป มุมปากของเขาค่อย ๆ ลดลง เขาหยิบบัตรประจำนักศึกษาออกมาจากกระเป๋าเสื้อดูแล้วพูดว่า “นักศึกษามหาวิทยาลัย Q…”
หลังจากส่งการบ้านของสัปดาห์นี้ไปยังอีเมลของซวีอิ๋นหลงแล้ว เหอไป๋ก็กลับไปที่หอพัก ทรุดตัวลงบนเตียง เขามองเงิน 500 หยวนสุดท้ายในมือ แล้วถอนหายใจอย่างเป็นห่วง
เขาจำเป็นต้องหาเงิน
สิ่งนี้อาจจะเรียกว่า จากยาจกสู่เศรษฐี และจากเศรษฐีสู่ยาจก
ก่อนที่เขาจะเกิดใหม่ เขาได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายจากสลากกินแบ่งรัฐบาลที่เขาถูกรางวัลมานานกว่าทศวรรษ เขาถูกรางวัลในปีที่เขาจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะเอาอะไรกิน จะเอาอะไรใส่ แล้วจะให้เขากลับไปทำงานพาร์ทไทม์ทั้งกลางวันและกลางวันเหมือนเดิมอีกได้อย่างไรกัน ไม่ใช่ว่าจะทนทุกข์ไม่ได้ แต่เขาได้เรียนรู้จากโลกนี้แล้วว่า มีวิธีการหาเงินอีกมากมาย
เมื่อนึกถึงเรื่องนี่ เขาจึงลุกขึ้นและนึกถึงแล็ปท็อปและปากกาที่ซ่อนอยู่ใต้หมอน โดยระบุชื่อโครงการพัฒนาที่มีชื่อเสียงหลายโครงการในเมือง B ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยแยกออกทีละโครงการ ข้อได้เปรียบของการเกิดใหม่ยังคงมีอยู่ แต่เขาไม่มีเงินทุนอยู่ในมือ แม้ว่าเขาจะรู้เกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจ แต่ก็ไม่มีที่ไหนให้เขาเริ่มต้นได้ อีกทั้งเขายังเชื่อในเรื่องกรรม ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการใช้ประโยชน์จากสิ่งต่าง ๆ ที่เขาจำได้ในอนาคตเพื่อแย่งชิงโอกาสที่ควรจะเป็นของคนอื่นไป
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาใช้ประโยชน์จากการรู้อนาคต แล้วแย่งชิงโอกาสของคนอื่น ก็คงจะลงเอ่ยด้วยการทำให้คน ๆ นั้นมีชีวิตที่ยากลำบากน่ะสิ จะดีกว่าที่จะใช้สิ่งที่เขามีและโอกาสที่เป็นของเขาเอง
…เขาเปิดปฏิทินที่หน้าสมุดบันทึกของตนและวาดวงกลมในวันที่สองปีต่อมา
หลังจากจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย เขาเริ่มทำงานที่หนังสือพิมพ์ภาคค่ำในเมือง B ตามคำแนะนำของอาจารย์ท่านหนึ่ง เขากลายเป็นนักข่าวฝึกหัดในแผนกการศึกษา เดิมทีนี่เป็นโอกาสที่ดี แต่เขาโชคร้ายพอที่จะได้นักข่าวเก่า ๆ ที่เลวร้าย เขาทั้งถูกข่มเหงและกีดกันทุกซอกทุกมุม การเลือกที่รักมักที่ชังในวงการหนังสือพิมพ์นั้นร้ายแรงมาก แต่การที่เขาเป็นบัณฑิตใหม่ที่โง่เขลา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาถูกขังไว้ใต้รถบัส ต่อมา…ต่อมาเมื่ออาชีพของเขามันยากเข็นและไม่สนุกเอาเสียเลย เขาออกมาแล้วซื้อสลากลอตเตอรี่ให้ตัวเอง โดยใช้ตัวเลขวันเกิดของเขาด้วยตั้งใจเพียงเพื่อความสนุกสนาน เป็นผลให้เขาได้รับรางวัลที่หนึ่ง และร่ำรวยเพียงชั่วข้ามคืน
หลังจากถูกล็อกเตอรี่เขางงไปชั่วขณะ นักข่าวคนเก่าคนเดิมนั้นพยายามจะยุ่งกับเขาอีกครั้ง จึงเกิดการชกต่อยกันขึ้น เขาได้ลาออกจากงาน และเดินทางท่องเที่ยวสถานที่ธรรมชาติทั้งภูเขาและแม่น้ำที่มีชื่อเสียงมากมายที่บ้านเกิดของตน หลังจากได้เห็นด้านมือของมนุษย์มากพอแล้ว เขาจึงอยากจะล้างตาด้วยทิวทัศน์ที่สวยงาม
เขาเดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง แล้วเริ่มคิดที่จะบันทึกเรื่องราวการเดินทางของตนเอง เพื่อเป็นที่ระลึกเมื่อแก่ตัวลง เขาจึงตัดสินใจซื้อกล้องและก้าวเข้าสู่โลกแห่งการถ่ายภาพอย่างเป็นทางการ
การถ่ายภาพเป็นงานอดิเรกที่ผลาญเงิน ไม่ว่าจะเป็น กล้องก็ต้องใช้เงิน เลนส์ก็ต้องใช้เงิน ขณะที่ไม่ได้ทำงานเพียงแค่มองหาแรงบันดาลใจในถ่ายภาพก็ยังต้องเสียเงิน แต่โชคดีที่เขาพอจะเป็นคนที่ไม่ขาดแคลนเงินและเต็มใจที่เรียนรู้ อีกทั้งยังเป็นช่วงที่ดีที่สุดของเขาอีกด้วย เมื่อนึกถึงตอนนี้ทักษะทางด้านเทคนิคในการถ่ายภาพของเขาล้วนเรียนรู้ผ่านการใช้เงินทั้งสิ้น
ความพยายามของเขาได้ผลอย่างช้า ๆ เขาเริ่มมีชื่อเสียงในด้านการถ่ายภาพ รู้จักกับผู้คนที่มีความสนใจเหมือน ๆ กัน และเริ่มมีความสำเร็จเล็ก ๆ น้อย ๆ …แล้วเพียงคืนเดียวเข้าก็ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นอีกครั้ง
ทำไมฉันต้องมาเกิดใหม่ – ยังเป็นประโยคคำถามที่วนเวียนอยู่ในหัวเสมอมา
เขาเก็บสมุดและปากกา ทิ้งตัวลงนอนจากนั้นก็ม้วนตัวอยู่ภายใต้ผ้าห่ม
“ทำไมมานอนอีกแล้วล่ะเสียวไป๋” เสียงของหวังหูดังขึ้นข้างเตียง จากนั้นเขาก็ดึงผ้าห่มออก
“เหลาซานจองร้านหม้อไฟเจ้าดังที่ถนนด้านหลังไว้ เขาบอกว่าจะเลี้ยงมื้อเย็นพวกเราล่ะ ตื่นเร็วเข้า”
หวังหูยิ้มให้เขาอย่างแห้ง ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “เขาอกหักอีกแล้วล่ะ”
เหอไป๋ขมวดคิ้ว “อกหักอีกแล้วเหรอ? กับใคร?” เขาจำได้ว่าเหลาซานอกหักในมหาวิทยาลัยเพียงครั้งเดียว เขาจะอกหักเป็นครั้งที่สองได้อย่างไรกัน? ปีกผีเสื้อที่เขาไม่กล้ากระพือ ก็ยังคงกระพือปีกอยู่ได้อีกงั้นเหรอ?
“กับหลิวฮวานฮวาน” เสียงของหวังหูฟังดูเหมือนเขากำลังสำลักพร้อมกับท่าทางที่บอกว่ามันยากที่จะพูดออกมา
“คราวนี้เป็นเหลาซานที่ทิ้งหลิวฮวานฮวาน เขาบอกว่าเขาอยากจะฉลอง”
“…”
ในอพาร์ทเม้นต์หรูแห่งหนึ่ง เต๋อชูเหอเปิดคอมพิวเตอร์ของเขา พร้อมกับค้นหาข้อมูลของมหาวิทยาลัย Q อย่างชำนาญพร้อมกับป้อนหมายเลขบัญชีของตนเอง จากนั้นเขาก็หยิบการ์ดบนโต๊ะทำงานป้อนหมายเลขประจำตัวนักศึกษาของเหอไป๋ แล้วคลิกปุ่มค้นหา
ข้อมูลพื้นฐานของนักศึกษาคนี้ก็ปรากฏขึ้น เขาคลิกที่ ID ที่เรียกว่า “ขาวและขาว” และสามารถดูโพสต์ต่าง ๆ เกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ที่มหาวิทยาลัยได้ประกาศบนหน้าจอ
เขาเป็นรุ่นน้องของฉันที่มหาวิทยาลัยนี้จริง ๆ คุณหมอดูไม่ได้โกหก
เขาเคาะโต๊ะคัดลอก ID แล้วย้อนกลับไปที่หน้าแรกของเว็บมหาวิทยาลัย เปิดแถบค้นหาชื่อของเขา
ข้อมูลเพิ่มเติมปรากฏขึ้นส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยข้อความที่เขาถามเกี่ยวกับงานพาร์ทไทม์ และตอบกลับคำแนะนำอาหารในร้านอาหาร ที่ด้านบนสุดของหน้าแรกโพสต์เกี่ยวกับการขายสินค้า ซึ่งเพิ่งโพสไปเมื่อหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว ช่างสะดุดตาเขา
ขาวและขาว : ขายลายเซ็นของราชาจอเงิน เต๋อชูเหอ ที่กำลังมีชื่อเสียง ราคาเริ่มต้น 10 หยวน
สิบหยวน?
นิ้วของเขาที่วางค้างบนเมาส์แข็งขึ้นเพียงครู่
หากไม่มีคนอื่นอยู่รอบตัวเขา นักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ผู้ที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกได้ตามต้องการ แล้วอารมณ์เขาก็แย่ลงในทันทีเมื่อมองไปที่คำว่า “ราคาเริ่มต้น : 10 หยวน”
“ฉันมีค่าแค่สิบหยวนเหรอ?”
นักแสดงผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ที่มีความหลงตัวเองอยู่ภายในใจลึก ๆ ตะโกนออกมาดัง ๆ อย่างช่วยไม่ได้
“ฉันจะมีค่าเพียงสิบหยวนไปได้ยังไงกัน?”
เขาหยิบบัตรประจำตัวนักศึกษาขึ้นมาโดยไม่แสดงอาการขึ้นมาดู สักพักรอยยิ้มอ่อนโยนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา นิ้วเรียวยาวของเขาเลื่อนเมาส์ไปคลิกที่ปุ่มประมูลด้านล่าง และเสนอราคาหนึ่งพัน
“เหอไป๋” เขาคลายเมาส์จ้องมองชายหนุ่มหน้าตาดีผู้เป็นเจ้าของรอยยิ้มสดใสที่ติดอยู่บนบัตรประจำตัวนักศึกษา และอดไม่ได้ที่จะแหย่นิ้วเข้าไปที่ลักยิ้มบนแก้มซ้ายนั่น พร้อมกับพูดออกมาช้า ๆ ด้วยเสียงทุ้มว่า
“ฉันจะจำหน้าเธอไว้หนุ่มน้อย”
……….
แก้วเบียร์สี่ใบกระทบกันด้วยเสียงดังกริ๊ก
“ดื่ม!” หนิวจุนเจี๋ยตะโกนอย่างภาคภูมิใจพร้อมกับดื่มเบียร์จนหมดแก้วในครั้งเดียว เขาวางแก้วลงแล้วพูดว่า
“ฉันได้ปลดปล่อยความแค้นมากมายแล้ว ฉันหยุดรถของพ่อที่ประตูด้านหน้าสถานีโทรทัศน์ตรงช่องที่มีชื่อของหลิวฮวานฮวาน เธอรีบวิ่งออกมาทันทีแล้วร้องไห้ บอกกับฉันว่าเธอเสียใจ แถมยังบอกอีกว่าเธอรักฉันจากใจจริง ส่วนเรื่องเป็นคู่รักกับผู้ประกาศข่าวชายนั้นเป็นสิ่งที่สถานีขอให้พวกเขาแกล้งทำ เธอทำไปเพราะถูกบังคับล่ะ”
เหอไป๋ช่วยเขาเติมแก้วอีกครั้งก่อนจะถามว่า “แล้วไงต่อ?”
“แล้วฉันก็จับมือเธอขึ้นมาด้วยความรัก” หนิวจุนเจี๋ยหยิบเบียร์ของเขาขึ้นดื่มในรวดเดียวหมดแก้วอีกครั้ง พร้อมกับหัวเราะอย่างเต็มที่
“แล้วฉันก็ถอดแหวนเพชรที่ฉันเคยให้เธอออก เอามันไปจำนำ แล้วเงินที่ได้ไปบริจาคให้กับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าน่ะสิ รู้สึกดีเป็นบ้า!”
เหอไป๋แสร้างทำเป็นไม่เห็นดวงตาแดงกล่ำของเขาและมือไปปัดไปปัดมามากเกินไปของเขา เขาส่ายศีรษะไปที่หวังหูที่ดูจะกังวลและเป็นห่วง พร้อมทั้งเติมแก้วให้หนิวจุนเจี๋ยให้เต็มอีกครั้ง เขากล่าวด้วยรอยยิ้มว่า
“อะไรที่เก่า ๆ จากไป อะไรใหม่ ๆ ที่จะเข้ามา ย่อมดีกว่าเดิม มา! ชนแก้ว!”
“ชนแก้ว!” หนิวจุนเจี๋ยเคาะแก้วของเขา ก่อนจะยกมันขึ้นหันไปทาง เฉินจี้และหวังหูที่ไม่ได้พูดอะไรเลยตลอดเวลา และนั่งดื่มอยู่เงียบ ๆ “มาดื่มกันเถอะ ไม่เมาไม่กลับ!”
เฉินจี้และหวังหูมองหน้ากัน ส่ายหัวพร้อมเพรียงกัน แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ได้ ไม่เมาไม่กลับ!”
MANGA DISCUSSION