(One Useless Rebirth) เกิดใหม่อีกครั้งอย่างไร้ [Yaoi] - ตอนที่ 1
หมายความว่าไง ที่บอกว่าผมได้เกิดใหม่?
เหอไป๋จ้องที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ด้วยความตกใจ มือของเขาสั่นขณะที่เขาขยายภาพที่ตนเองเพิ่งจะนำเข้าสู่คอมพิวเตอร์ของตน
ภายในภาพ มีฉากที่สวยงามของสถานบันเทิงยามค่ำคืนของเมือง แสงไฟจากบ้านและดวงดาวนับหมื่นดวง กระจายอยู่ที่ขอบฟ้า พร้อมด้วยแสงดาวจากธรรมชาติอันนุ่มนวลและอ่อนโยน แสงไฟประดิษฐ์ที่หรูหราผสมผสานเข้าด้วยกันราวกับกำลังส่องแสงแข่งกัน
นี่เป็นภาพถ่ายที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของทิวทัศน์ยามเย็นซึ่งเข้ากับธีมหลักของนิทรรศการภาพถ่ายนานาชาติ, ท้องฟ้า ซึ่งจัดโดยจ้าวเทียนหู ช่างภาพชื่อดัง สามวันที่เขาตั้งแคมป์บนภูเขาเพื่อถ่ายภาพนี้ เวลาที่ใช้ไป ไม่เปล่าประโยชน์เลยจริง ๆ
แต่ตอนนี้ ภาพเหล่านี้ไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือมุมของภาพนี้ถัดจากหอนาฬิกาที่สูงที่สุดของเมือง H มองเห็นร่างมนุษย์กระโดดลงมาจากชั้นที่สูงที่สุดของอาคารขนาดใหญ่
จู่ ๆ โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เรียกให้เขาออกจากความคิดนั้นแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรเขา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ
“ลุงจ้าง ผมถ่ายติดภาพบ้า ๆ อะไรสักอย่างมาล่ะ”
“นายถ่ายภาพอะไร” จ้าวเทียนหู ถามด้วยเสียงแหบที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา น้ำเสียงที่เบาแสดงให้รู้ถึงอารมณ์ที่มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
“ดูเหมือนว่าช่างภาพคนใหม่ของเรา คุณเฉียวเหอ จะทำให้ชายแก่คนนนั้นประทับใจ หืม? แล้วเกิดอะไรขึ้น นายเห็นภาพหลอนหลังจากถ่ายภาพรึไง”
“เปล่าครับ” คอของเหอไป๋แห้งตึงเล็กน้อย เขากลืนน้ำลายและพูดต่อ “เหมือนว่า…ผมจะถ่ายติดฉากฆาตกรรม”
“ว่าไงนะ?”
นักแสดงภาพยนตสบชื่อดัง คุณเต๋อชูเหอ กระโดดตึกฆ่าตัวตาย!
ข่าวดังนี้กลายเป็นไวรัลอย่างรวดเร็ว โดยครองตำแหน่งพาดหัวข่าวหน้าแรกของทุกเว็บไซต์ข่าวออนไลน์แฟน ๆ และผู้ผ่านเข้ามาเห็นข่าวนั้นต่างตั้งคำถามว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลกของวันเอพริลฟูลส์หรือไม่ ไม่ก็ด่าว่าสำนักงานข่าวที่เอาความตายของนักแสดงชายชื่อดังคนนี้มาล้อเล่น
ไม่มีใครเชื่อว่าเต๋อชูเหอจะฆ่าตัวตาย เขาเป็นคนที่มีพรสวรรค์ ทั้งอ่อนโยนและมีพลัง สิบห้าปีหลังจากเปิดตัว เขาได้ทำผลงานที่ยอดเยี่ยมมากมายมาสู่ผู้ชม อีกทั้งยังก่อตั้งบริษัทที่ส่งเสริมให้นักแสดงรุ่นน้องที่มีความสามารถมากมายได้เข้าวงการบันเทิง ความสัมพันธ์ของเขากับคนอื่น ๆ เป็นไปด้วยดีในธุรกิจบันเทิง ไม่มีใครเลยที่จะคิดร้ายต่อเขา คนแบบนี้ที่แม้จะถูกพักงานในวงการบันเทิง แต่ยังสามารถทำงานหนักเพื่อไล่ตามความฝัน แล้วเขาจะตัดสินใจฆ่าตัวตายได้อย่างไรกัน! ที่สำคัญไปกว่านั้นเขาเพิ่งจะอายุ 35 ปีเท่านั้น ยังหนุ่มยังแน่นอยู่แท้ ๆ
คำถามบ้า ๆ จากแฟน ๆ ของเขาท่วมท้นในโลกอินเทอร์เน็ต ทุกคนคิดว่านี่เป็นเพียงเรื่องตลกร้าย แต่ข้อความที่ส่งจาก weibo อย่างเป็นทางการของ บริษัทฮวาดิ้ง ทำให้พวกเขาต่างเสียใจอย่างสุดซึ้ง
[ด้วยความเจ็บปวดและเศร้าโศกอย่างยิ่ง พวกเราขอส่งประธานเต๋อชูเหอ ไปสู่สุขคติ ขอให้หลับสบาย]
อินเทอเน็ตทุกเว็บดูเหมือนจะถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ ข่าวจาก weibo อย่างเป็นทางการของ บริษัทเขาเอง ทำให้ทุกคนรู้ว่านี่คือความจริง
“ไม่ ฉันไม่เชื่อ” เต๋อชิวเหอ น้องสาวคนเล็กของเต๋อชูเหอร้องไห้ ล้มลงไปกองกับพื้น เธอร้องไห้อย่างหนักทำให้เครื่องสำอางบนใบหน้าเลอะพร้อมกับผมที่ยุ่งเหยิง กระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ของเธอปกคลุมไปด้วยฝุ่นหลังจากที่เธอลงไปนั่งกับพื้น
“นั่นไม่ใช่พี่ชายของฉัน พี่ชายของฉันเขาจะเป็นแบบนี้ไม่ได้…”
อีกด้านหนึ่งของเลนส์กล้องที่ลั่นชัตเตอร์ภาพน้องสาวของเต๋อชูเหอที่กำลังนั่งร้องไห้บนพื้น โดยมีบรรดาสื่อมวลชนยืนล้อมรอบ เสียงร้องไห้ของเธอทำให้ผู้ได้ฟังต่างรู้สึกเศร้าและเวทนาเธอยิ่งนักเมื่อพวกเขามองไปยังเธอ
ตำรวจหญิงท่านหนึ่งปิดมือถือที่เธอใช้ดูข่าวด้วยสีหน้าเคร่งพร้อมกับยิ้มเยาะ
“ความจริงที่ว่าเขาไม่ใช่พี่ชายของคุณ และพี่ชายเพียงคนเดียวของคุณคือ เต๋อเซียะซง น้ำตาของคุณดูเป็นเรื่องจริงนะ แต่ใครก็รู้ว่าเต๋อชูเหอไม่ได้มีความสัมพันธ์ใด ๆ กับน้องสาวลูกติดคนนี้ เธอที่ทั้งเสแสร้งและเจ้าเล่ห์ย่อมรู้ว่าต้องทำตัวยังไง”
เมื่อเห็นฉากนี้เข้าอย่างไม่ได้ตั้งใจ เหอไป๋กระแอมไออย่างเชื่องช้าและเอนตัวลงเล็กน้อย
“เออ ขอโทษครับ ผมมาให้แจ้งความเรื่องคดีครับ”
ในที่สุดตำรวจก็สังเกตเห็นว่ามีคนยืนอยู่หน้าดต๊ะ รีบวางโทรศัพท์มือถือของเธอไว้บนโต๊ะ และยิ้มให้เขาด้วยความเขินอายเล็กน้อย ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ขอโทษคะ คุณมาแจ้งความเรื่องอะไรคะ”
“ผมคิดว่านี่เป็น การฆาตกรรมครับ” เหอไป๋แสร้งทำเป็นไม่เห็นทาทางก่อนหน้านี้ของเธอ
เขาดึงรูปถ่ายออกมาวางตรงหน้าเธอและชี้ไปที่ภาพขยาย
“ผมเป็นช่างภาพครับ เมื่อสองวันก่อนผมอยู่บนภูเขาที่ชานเมืองเพื่อถ่ายภาพทิวทัศน์ยามค่ำคืน ผมถ่ายภาพนี้ได้โดยบังเอิญและรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อย”
ในภาพถ่ายที่ขยายใหญ่เห็นร่างคนกระโดดลงมาจากหน้าต่าง ขณะที่หลังม่านหนังต่างนั้นมีแขนสีขาวขยับเข้าไปข้างใน
หลังจากเห็นภาพนี้ตำรวจหญิงก็ลุกขึ้น พร้อมกับจ้องมองไปที่ร่างของคนในภาพ สีหน้าของเธอบิดเบี้ยว
“ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย…”
“หะ ครับ?” เหอไป๋รู้สึกสับสนกับสภาพที่กระวนกระวายใจของเธอ
ตำรวจหญิงไม่ตอบ เธอพลิกภาพขยายอีกภาพขึ้นมาแล้ววิ่งไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าที่อยู่ด้านหลังอย่างตื่นเต้น
“หัวหน้าคะ มีหลักฐานสำคัญคะ เต๋อชูเหอไม่ได้ฆ่าตัวตาย เขาถูกฆาตกรรม มีคนนำหลักฐานมาให้ค่ะ”
อะไรนะ? เต๋อชูเหอเหรอ? เงาดำในภาพถ่ายนั้นคือ เต๋อชูเหอเหรอ? นักแสดงนำชายของเรื่อง Immortal Way เต๋อชูเหอคนนั้นเหรอ?
เหอไป๋รู้สึกเหมือนไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ อยากจะเดินเข้าไปถามรายละเอียดให้มากกว่านี้ เขาบังเอิญเคาะปฏิทินบนโต๊ะทำงานของตำรวจ ปฏิทินกระแทกพื้นเสียงดังอู้อี้ มีรูปถ่ายเก่า ๆ หลายรูปตกลงที่พื้น รูปหนึ่งหล่นลงมาข้าง ๆ เท้าของเขา
เขาหยุดและหยิบภาพนั้นขึ้นมา
นี่เป็นภาพของชายคนหนึ่งซึ่งเป็นชายหนุ่มในวัยประมาณยี่สิบปี ใบหน้าของชายคนนี้สมบูรณ์แบบ ดวงตาของเขาอ่อนโยนและมีรอยยิ้ม สวมเสื้อเบสบอลสีขาว เพิ่มความสง่างามให้กับผู้ที่สวมมัน
คนในภาพนั้นคือ เต๋อชูเหอ และเขาก็ตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่าคน ๆ นี้ตายไปแล้ว และดูเหมือนว่าเขาอาจจะเพิ่ง…ถ่ายรูปชายคนนี้ขณะที่เขาเสียชีวิตไว้ได้
เหอไป๋ลืมตาขึ้นและมองไปที่เพดานห้องนอนที่คุ้นเคยแต่ตอนนี้เหมือนจะไม่คุ้นเคย เขาพลิกตัวดึงผ้าห่มคลุมศีรษะและหลับตาลงอย่างเจ็บปวด
“ไม่ ตอนนี้ฉันอายุสามสิบสามแล้ว ไม่ใช่ยี่สิบ ไม่ใช่ยี่สิบ…”
“เสี่ยวไป๋ ลงมากินข้าวได้แล้ว!”
เขาดึงผ้าห่มพยายามหลอกตัวเองให้เชื่อว่าสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินเป็นเพียงเพราะเขาหูฝากไปเอง
“แกต้องทำการบ้านเรื่องการถ่ายภาพวันจันทร์นี่ ตื่นเร็ว ฉันยืมอุปกรณ์มาให้แล้ว” หวังหู อายุมากที่สุดในหอพักเหลาต้า เขากางแขนออกแรงดึงผ้าห่ม
“ครั้งก่อนก็ได้ศูนย์กับไองานถ่ายภาพนี่ทีแล้ว เพราะงั้นนายต้องไปซ่อมซะ แล้วก็ขอร้องศาสตราจารย์ซวีให้เขาให้โอกาสอีกครั้งด้วยล่ะ นายต้องรีบทำคะแนนนะ เร็วเข้า”
เมื่อดึงผ้าห่มออก เหอไป๋ก็ลืมตาขึ้นนั่งขดเหมือนอยู่ในรัง มองไปที่ด้านข้างใบหน้าของหวังหูที่ดูอ่อนเยาว์ลงอย่างน้อยสิบปี ด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
เป็นเวลาสามวันแล้ว เขาไม่สามารถหลอกตัวเองได้อีกต่อไป
เมื่อสี่วันก่อนเขาได้นำรูปถ่ายจำนวนหนึ่งไปที่สถานีตำรวจเพื่อแจ้งความคดีถ่ายรูปติดคนถูกฆาตกรรม เมื่อเขาเผลอเคาะปฏิทินของตำรวจหญิง และมองไปที่รูปถ่ายที่หลุดออกมาจากปฏิทิน…เขาหลับตาเพียงวินาทีเดียวเท่านั้น เมื่อลืมตาขึ้น เขาก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่สถานีตำรวจ เขาพบตัวเองอยู่ในห้องเรียน
จากอายุสามสิบสาม เข้าย้อนไปที่อายุยี่สิบปี จากเงินออมหกล้านเหลือเพียงหกร้อย จากช่างภาพที่คาดหวังกับผลงาน ย้อนมาเป็นนักศึกษาวารสารศาสตร์ที่มีผลการเรียนอันย่ำแย่ในชั้นเรียนถ่ายภาพ…ในพริบตา ดวงตาทั้งโลกดูเหมือนจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
“โอเค โอเค ร่างเริ่มเข้าไว้ มันเป็นงานเดียวเท่านั้น ใครไม่รู้จะคิดว่านายเพิ่งอกหักหรือเป็นอะไรสักอย่าง”
หวังหูเคาะที่ราวเตียงเพื่อเกลี้ยกล่อมเขาต่อไป
“ปกติแล้ว คะแนนจะอยู่ที่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเกรดสุดท้ายเท่านั้น หากนายทำใหม่ นายต้องได้รับทุนการศึกษาต่อแน่ ไม่ต้องเศร้าไปหรอก”
เหอไป๋ส่ายศีรษะและพูดอย่างไร้ความปรานีว่า “บ้าเหรอ ฉันน่ะเหรออกหัก”
“อะไร?”
“นั่นมันเจ้าเหลาซานต่างหากล่ะ”
หวังหูสับสน
“เหลาซานน่ะเหรออกหัก? มันมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
ทันทีที่เขาพูดประโยคนี้จบ เหลาซานก็ระเบิดเสียงสะอื้นออกมาจากประตูพร้อมกับสะอึก พร้อมกับล้มลงดิ้นกับพื้น เขากอดต้นของของหวังหู “ชาวหอ ฉันถูกทิ้ง หลิวฮวานฮวาน เธอนอกใจฉัน เธอนอกใจฉัน! ฉันทำดีกับเธอทุกอย่าง เธออยากได้อะไรฉันก็หามาให้ทุกอย่าง เธอบอกให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำตาม ทำไมเธอต้องทิ้งฉันด้วย ทำไมเธอต้องทำกับฉันแบบนี้”
หวังหูตะลึง “หลิวฮวานฮวานเหรอ? ดอกไม้ของวงการวิทยุและโทรทัศน์น่ะเหรอ? นายเคยเดทกับเธอเหรอ?”
หนิวจุนเจี๋ยก้มศีรษะลงและโยนรองเท้าของตัวเองอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าของหวังหูบิดเบี้ยว เหมือนเพิ่งกินมะนาวรสเปรี้ยว
กลิ่นเหม็นลอยขึ้นแตะจมูก เหอไป๋บีบจมูกและล้มลงนอนบนเตียง
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ความฝัน…แล้วทำไมฉันถึงกลับมาเกิดใหม่?
หลังจากช่วยหวังหูจัดการกับหนิวจุนเจี๋ยที่เงียบลงแล้ว เหอไป่ก็กลับมารับประทานอาหารกลางวันของตนเองสองสามคำ แล้วหยิบกล้องที่หวังหูยืมมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะออกไปเรียน
กางเกงขากระดิ่ง กระโปรงลายตารางหมากฮอส แว่นตาขอบดำ …ทั้งหมดนี้ยังเป็นแฟชั่นของทศวรรษนี้ แต่ในสายตาของเขามันตกยุคไปแล้ว เขาหายใจเข้าลึก ๆ นั่งยอง ๆ อยู่ข้างถนน ยกกล้องขึ้นอย่างสบาย ๆ และเล็งไปที่ฝูงชนในขณะที่ปรับโฟกัสอย่างชำนาญ เมื่อเขาพบมุมที่เหมาะสม เขาก็กดชัตเตอร์ลง
แชะ
ภาพดังกล่างถูกถ่ายขึ้น เมื่อรถ suv สีดำคันหนึ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า ทำให้ฝุ่นฟุ้งขึ้นจากถนน
เด็กตัวเล็ก ๆ ที่ควรจะเป็นแบบหลักขององค์ประกอบ ถูกแทนที่ด้วยภาพเบลอของรถ คิ้วของเหอไป๋กระตุกและยกมือขึ้นโบกปัดฝุ่นไปมา เพื่อหลบฝุ่นมองไปที่รถ suv ที่จอดอยู่ข้างหน้าเขาเพียงสองก้าว
ประตูหลังของรถถูกเปิดออกและขายาวเหยียดได้ก้าวลงมาจากรถ
รองเท้าผ้าใบแบบเรียบ ๆ กางเกงยีนส์เรียบ ๆ เสื้อยืดลายกราฟฟิคสีขาวไหล่กว้าง ลำคอเรียวยาว คางพอดีกับริมฝีปากบางเม้มแน่น สันจมูกโด่งสูง… และดวงตาที่อ่อนโยนอย่างเป็นธรรมชาติ
ดวงตาของเหอไป๋เบิกกว้างเล็กน้อย ด้วยความตกใจกับใบหน้าของคนตรงหน้า เขาคือ เต๋อ…เต๋อชูเหอเหรอ?
“อย่าคิดนะว่ามีชื่อเสียงขึ้นมาเล็ก ๆ น้อย ๆ จะทำให้นายมีโอกาสพลิกผันในชีวิตนี้ได้ ฝันไปเถอะ!”
เสียงผู้หญิงโวกเวกดังลอดมาจากรถ กระเป๋าเป้สะพานหลังถูกโยนออกไปตามด้วยร่างของเด็กผู้หญิงอายุสิบสามหรือสิบสี่ปี เอนออกมาจากรถไปทางเต๋อชูเหอที่ยืนอยู่นอกรถ
“คนเดียวที่เป็นทายาทของฮวางตู๋ได้คือพี่ชายของฉัน นายก็รอให้ทุกคนในวงการบันเทิงหันหลังให้ก็แล้วกัน คนขับ ออกรถ!”
รถ suv ออกตัวไป เหอไป๋มองไปที่เต๋อชูเหอ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา และพยายามปิดบังตัวตน
ดูเหมือนว่าเขาจะเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ควรจะเห็นเข้าแล้ว…
แชะ! มือของเขาเผลอกดชัตเตอร์เข้า
เต๋อชูเหอหันกลับมามองเขา
เหอไป๋ยัดกล้องกลับเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างเคยชิน จากนั้นก็รู้ว่ามันดูงี่เง่าแค่ไหน เขาจึงดึงกล้องออกมาอีกครั้ง หันหน้าไปทางเต๋อชูเหอ มุมปากของเขากระตุกขณะที่เขาพูดว่า “พื้นมันสกปรกนะครับ กระเป๋าของคุณ…” เขาชี้ไปที่กระเป๋าเป้สีดำข้างเท้าของเขาที่เด็กสาวคนในรถเมื่อครู่โยนทิ้งไว้ตรงนั้น
เต๋อชูเหอถอนสายตาจากเขา แล้วลดศีรษะลงหยิบกระเป๋าขึ้นจากพื้น ตบมันสองสามครั้ง แล้วย้อนกลับมามองเขาอีกครั้ง
มันช่างน่าอึดอัดเสียจริง ที่ปล่อยให้คนอื่นเห็นช่วงเวลาอับอายของตนเอง เขาถามอย่างห้วน ๆ ออกไปว่า
“คุณมาจากสำนักข่าวไหน?”
“หะ?”
“ต่อไป อย่าถ่ายภาพในระยะประชิดแบบนี้อีก เดี๋ยวได้โดนใครเขาตีเอาหรอก” เต๋อชูเหอวางกระเป๋าของเขาลง แล้วเรียกรถแท็กซี่ ก่อนจะก้าวขึ้นรถไป
หลังจากที่เหอไป๋ยืนนิ่งโดยถูกควันจากท่อไอเสียของแท็กซี่คันก่อนหน้าพ่นใส่ เขามองไปที่กล้องในอ้อมแขนของเขาและรั้วว่าสายเกินไปที่จะแก้ตัว
“เฮ้! คุณจะพูดอะไร ผมไม่ใช่ปาปารัสซี่นะ”