ตอนที่ 2: อดีตไม่เคยจางหาย
เมื่อผมเปิดประตูบ้านก็เจอน้องสาวยืนอยู่ตรงนั้น
ดูเหมือนเธอกำลังร้อนรน
“เห? กะ กลับช้าจังเลยนะ? กะ กลับมากับชิซุกะจังเหรอ?”
(พูดปกติๆกันไม่เป็นรึไง คนเรื่องนี้ ติดอ่างอยู่นั่น)
อย่างงี้นี่เอง แอบดูผ่านกล้องหน้าบ้าน ตอนที่กำลังคุยกันสินะ
“กลับมาแล้วครับ…… ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่ขอขึ้นไปเลยได้ไหมครับ?”
“อะ อึ อื้ม…… เน่ พี่ชาย พาเพื่อนเพิ่มหน่อยดีมั้ย? เมื่อก่อนเคยร่าเริงขนาดนั้นแท้ๆ…….
แล้วก็อย่าเป็นทางการขนาดนั้นสิ…. สะ สนิทกับฉัน…….”
ในใจผมไม่ได้ข้องใจอะไรแล้ว แต่ถ้าเป็นตอนมอต้นคงจะไม่ใช่แบบนี้แน่ๆ
ตอนนั้นผมยังอ่อนแอ แล้วก็ยังมีความหวังอยู่
ตอนที่ข่าวลือแย่ๆของผมกระจายออกไป น้องสาวไม่ได้เชื่อผมและพูดว่า “ใช้กำลังเนี่ยเลวร้ายที่สุดเลย-“
…..ถึงจะยังจำได้แต่ก็ไม่สนอะไรแล้ว
ถึงจะพึ่งได้รับคำสารภาพรักปลอมๆจากเพื่อนสมัยเด็กเมื่อกี้ ใจผมก็ไม่เจ็บปวดเลย
ถ้าไม่อยากให้เข้าใจผิด ต้องพูดออกไปให้ชัดเจน
“คุณฮารุกะ ขอตัวนะครับ”
“พี่ชาย…….”
ไม่ได้เกี่ยวข้องกันทางสายเลือด พวกเราไม่ได้เป็นพี่น้องกัน
เป็นแค่เพื่อนร่วมบ้านเท่านั้น
ผมมุ่งหน้าไปยังห้องของตัวเอง
“อ้าว ยินดีต้องรับกลับนะ มาโคโตะ ทำไมกลับช้าจัง? รีบๆเตรียมตัวซะล่ะ ถึงแม่จะมาสายเพราะงานก็เถอะ
วันนี้จะไปกินข้าวนอกบ้านฉลองเข้าเรียนกันนะ”
ไม่เห็นรู้เลยว่าวันนี้จะไปกัน
“ไม่ล่ะ ผมไม่เป็นไรครับ ไปสนุกกันเป็นครอบครัวเถอะครับ”
เมื่อตอนเด็กๆก็เคยตั้งตารอที่จะได้ไปเที่ยวกับครอบครัวอยู่หรอก
หลังจากเหตุการณ์นั้น พ่อแม่ก็ยังชวนผมร่วมกิจกรรมครอบครัวอยู่
ตอนนั้นยังเด็กเกินไปก็เลยตามไปด้วย แต่พอผมตามไปด้วยบรรยากาศก็แย่ลงทันที
เพราะงั้นแหละ ผมก็เลยพยายามไม่ออกไปไหนกับครอบครัวอีก
ไม่มีใครอยู่บ้านก็สบายดีด้วย ถ้าเป็นตอนเด็กก็คงเหงานั่นแหละ แต่ว่า ตอนนี้กลับไม่รู้สึกอะไรเลย
ผมเรียนคนเดียวมาตลอด ได้เขียนนิยายก็รู้สึกสนุกดี
พ่อแม่ชอบพูดว่า “แกเป็นพี่ชาย—” บลาๆ อะไรๆก็น้องสาวก่อนตลอด
แต่ว่า มันก็ช่วยไม่ได้ ทุกอย่างก็ต้องมีลำดับความสำคัญ
และสิ่งสำคัญของผมคือความสงบ
“ลูกน่ะ…… เลิกงอนได้แล้วนะ…… คุณพ่อเองก็ล่วงหน้าก่อนไปแล้ว พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันนะ
แล้วก็—“
“ขอโทษด้วยครับ ครั้งหน้าผมจะระวังครับ”
งอนงั้นเหรอ? ความรู้สึกแบบนั้นมันไม่มีอีกแล้ว ไม่แม้แต่จะคิดเลย
ผมไม่ไปด้วยคือตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว แบบนั้นดีกับครอบครัวที่สุดแล้ว
ที่จริง ทั้งแม่ทั้งน้องสาวดูเหมือนจะมีความสุขมากกว่าถ้าผมไม่ได้ไปด้วย
ถึงแม่จะทำหน้าเหมือนลำบากใจ แต่จริงๆก็คงโล่งใจที่ผมไม่ไปด้วยมากกว่า
ตั้งใจเรียนและพยายามใช้ชีวิตในโรงเรียนอย่างจริงจัง อย่างน้อยมันก็ช่วยลดภาระให้ครอบครัวเรื่องข่าวลือแย่ของผมได้
ผมคำนับพวกเขาแล้วกลับไปที่ห้องตัวเอง
การเรียนไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร ที่ต้องทำก็แค่จดจ่ออยู่กับมัน
ผมชอบเขียนนิยายเป็นงานอดิเรกเพราะมันทำให้ผมคล้อยตามเรื่องราวไปได้
สำหรับคนไม่มีอะไรเลยแบบผม ไม่มีงานอดิเรกไหนดีไปกว่านี้แล้ว
มีแค่โทรศัพท์ก็ทำได้แล้ว
……ส่วนเรื่องเงิน ผมต้องรีบหาเลี้ยงตัวเองจะได้ไม่เป็นภาระของที่บ้านอีก
“หืม? นี่มันอะไร?”
ข้อความของเว็บไซต์เขียนนิยายแสดงไอคอนแจ้งเตือนสีแดงขึ้นมา
มีสองข้อความ
พอเปิดข้อความแรกขึ้นมา เป็นข้อความถึงเรื่องราวเกิดใหม่ในต่างโลกที่ผมเขียน คงจะเป็นแฟนล่ะมั้ง
เขียนชื่นชมผลงานผมซะยาวเหยียดเลย
“ขอบคุณนะ”
ผมยิ้มออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ มีแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่ผมจะรู้สึกถึงความรู้สึกของตัวเอง
ถ้าไม่มีตรงนี้จิตใจผมอาจจะพังไปแล้วก็ได้
พอเปิดข้อความที่สอง……. ตรงนั้นก็…….
“ได้ตีพิมพ์?….. สำนักพิมพ์…….โปรดติดต่อกลับ”
มือที่ถือโทรศัพท์ของผมสั่นขึ้นมา
หรือว่าผมจะรีบอ่านเกินไปรึเปล่า? ผมสูดหายใจเข้าลึกให้ใจสงบลง
……ใจนึงก็ดีใจ อีกใจก็กลัวว่ามันจะเป็นเรื่องยุ่งยาก
ใจที่มีความสุขอยู่ชั่วหนึ่งก็เหี่ยวเฉาลงทันที
ไม่เกี่ยวกับเรื่องเรียนด้วย……. อย่าดูเลยดีกว่า
ในคืนนั้น ผมก็นอนหลับดีๆไม่ได้เลย
*****************
ห้องเรียนก่อนคาบโฮมรูมก็โหวกเหวกเหมือนเดิม
คุณไซโต้ที่ไม่สวมแว่น จัดได้ว่าเป็นสาวงาม
ถึงจะรู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่ห้องเดียวกับคุณไซโต้ แต่เราก็ไม่ได้ข้องเกี่ยวกัน
ไม่เหมือนตอนมอต้น เธอทำทรงผมทันสมัยแล้วก็แต่งหน้าด้วย ไม่มีใครคิดว่าเธอจืดจางอีกแล้ว
เป็นเรียจูศูนย์กลางของห้องโดยสมบูรณ์เลย
หัวใจของผมก็ยังไม่รู้สึกอะไร แค่ไม่ไปข้องเกี่ยวก็พอแล้ว
เหตุการณ์เมื่อตอนนั้นก็เพราะโชคร้ายเท่านั้นแหละ
ตอนนั้นผมยืนคุยกับคุณไซโต้อยู่ในห้องสมุด ผมกำลังสนุกเพราะเรามีงานอดิเรกเหมือนกัน
ตอนนั้นในใจผมอาจจะมีความรักแฝงอยู่นิดๆก็ได้ แต่ตอนนี้จำอะไรไม่ได้แล้ว
วันนั้นฝนตกหนักมาก ห้องสมุดก็เลยมีคนน้อยกว่าปกติ
—แล้วก็เกิดแผ่นดินไหว
ถึงมันจะสั่นแค่ไม่นาน แต่กระเป๋าที่วางอยู่บนชั้นตกลงมาใส่คุณไซโต้
อย่าไปวางของในที่แบบนั้นสิฟะ! ตอนนั้นร่างกายผมมันขยับไปก่อนที่จะได้พูดออกมา
ผมตะโกนว่า “คุณไซโต้!!” แล้วพุ่งเข้าไปกอดเธอไว้
อะไรบางอย่างแข็งๆกระแทกเข้าที่หัวและหลังของผม
ผมทนรับแรงกระแทกไม่ไหว
ผมล้มลงทับร่างกายของคุณไซโต้
ตอนนั้นผมคงจะสลบไปวูบหนึ่ง หรืออาจจะพอมีสติอยู่นิดหน่อย
จำไม่ค่อยได้แล้วล่ะ
พอรู้ตัว ก็เห็นคุณไซโต้กำลังร้องไห้–
มีเลือดไหลออกมาจาหัวของผม หลังจากนั้น–ผมก็ถูกกลุ่มนักเรียนลุมประณาม
“ทำไมนายต้องกอดเธอด้วย!”
“เป็นอะไรรึเปล่าคุณไซโต้? ไปห้องพยาบาลกันนะ?”
“เอาจริงดิ…… ข่าวลือเป็นจริงเหรอเนี่ย……”
รู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบเดียวกับตอนคุณมิยาซากิที่เป็นเพื่อนสมัยเด็กเลย
ตอนนั้นผมเสียใจมากจริงๆ อยู่คนเดียวก็ดีแล้วแท้ๆ
แต่ถึงอย่างนั้น ในใจผมก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ยังเชื่อในตัวคุณไซโต้
เธอต้องเข้าใจแน่ๆว่าตอนนั้นมีของหล่นใส่เธอ
“เอ่อ มันมีของหล่น–“
ผมถูกคุณไซโต้ตะโกนขัดจังหวะ และจ้องมาที่ผม
“จู่ๆมาโคโตะคุงก็!! ฉะ ฉันกลัวนะ…… อย่าเข้ามาใกล้นะ!!!”
นึกว่าจะเจอคนที่เชื่อใจได้แล้วซะอีก
แต่ว่า มันก็เป็นแค่เรื่องลวง
ไม่มีใครยอมเชื่อผม
ผมใจหายมากจนเหมือนสติจะหลุดลอยไปไกล
จากนั้น ข่าวลือก็เริ่มแพร่กระจาย และผมก็กลายเป็นคนร้ายจู่โจมคุณไซโต้
หลังจากตอนนันผมก็ไม่ได้คุยกับคุณไซโต้อีกเลย
ผมเป็นมีไข้ขึ้นสูงเพราะแผลที่หัว ก็เลยหยุดเรียนไปสามวัน
ไม่มีโอกาสให้แก้ตัว แต่ก็ไม่จำเป็นหรอก
ผมถูกน้องสาวเยาะเย้ย พ่อแม่ก็รู้เรื่องจากน้องสาว พวกเขามองผมอย่างกับตัวน่ารำคาญ
พวกเขาไม่ดุผมแล้วด้วยซ้ำ พวกเขาเบื่อจะดุแล้วไงล่ะ
โชคยังดีที่คุณไซโต้ก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไร
แต่ถึงได้ยินแบบนั้นผมก็ไม่ได้รู้สึกอะไร เหมือนมีบางอย่างหลุดลอยออกไปจากใจผมพร้อมกับความรักจางๆอันนั้น
เสียงหัวเราะของคุณไซโต้ดึงสติผมกลับมาจากอดีต
“คือว่านะ มิยุอยากไปคาราโอเกะจังเลย~ เฮะเฮะ”
“โอ้ วันนี้ไปคาราโอเกะกัน!”
“อื้ม มิยุจจิ ร้องเพลงเก่งด้วยนี่เนอะ!”
ผมกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะของตัวเอง
ผมไม่ได้แตะโทรศัพท์เลย ถ้าความแตกว่าผมเข้าไปดูเว็บไซต์เขียนนิยายต้องวุ่นวายแน่ๆ
อย่างแย่คือมีคนแย่งโทรศัพท์ผมไปดูนี่แหละ
ไม่อยากทำเรื่องเปล่าประโยชน์
อ่านหนังสือไปคิดเนื้อเรื่องต่อไปพลางยังจะดีกว่า
นั่นล่ะความสุขของผม
คุณชิโนสึกะที่นั่งลงที่นั่งข้างๆผม ก็โดดเดี่ยวเหมือนกัน
เธอกำลังอ่านหนังสือด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
แพร่ออร่าว่า “อย่ามาคุยกับฉันนะ” อย่างชัดเจนเลย
ดูจากภายนอกที่เป็นสาวผมทองสวมชุดเครื่องแบบบวกกับแววตาดุๆนั่นเลยถูกคนอื่นๆเหมาว่าเป็นแยงกี้
ถึงจะพึ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน แต่ผมก็ได้ยินข่าวลือของเธอมาบ้างแล้ว
แต่ว่า เรื่องแบบนั้นจะยังไงก็ช่าง ข่าวลือแย่ๆผมเองก็มีเต็มไปหมด
พออาจารย์เข้ามาในห้อง ทั้งผมและคุณชิโนสึกะก็ปิดหนังสือลง
ในห้องเรียนที่เสียงดังวุ่นวาย มีแค่รอบๆตัวผมกับเธอที่เงียบสงบ
*****************
“เอ่อ ชินโจ คาบต่อไปเรียนที่ห้องโสตนะ รีบไปล่ะ”
(新庄 真 ชินโจ มาโคโตะ ตอนแรกก็งงว่าใครคือชินโจฟะ)
“งั้นเหรอครับ ขอบคุณมากนะครับ”
“พูดสุภาพอีกแล้ว ช่างมันละกัน”
ผู้ชายในห้องบางครั้งก็จะมาเตือนผมแบบนี้อยู่บ้าง
ผมยิ้มตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเจื่อนๆ
ถ้าทำแบบนี้ก็จะรักษาความสัมพันธ์ระดับนี้ต่อไปได้
ถ้าผมเมินหรือไม่คุยกับพวกเค้าเลย ก็จะกลายเป็นเป้าให้ถูกเกลียดง่ายๆ ตัวอย่างเช่น
ถ้าดูอย่างคุณชิโนสึกะก็จะรู้ได้ทันที พวกผู้หญิงไม่มีใครชอบเธอเลย เหตุผลไม่สำคัญ
ถ้าเข้าไปคุยก็จะถูกเมิน เพราะหน้าตาดีเลยถูกตีตัวห่าง เพราะเป็นแยงกี้–
ถ้ามีคนมาคุยด้วยผมจะไม่เมินเด็ดขาด แต่จะรีบตัดบทสนทนาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
แค่ยิ้มมันเรื่องง่ายๆ แค่หลี่ตา ยกมุมปากนิดหน่อย ก็เลี่ยงการเข้าใจผิดได้แล้ว
ผมจะทำตัวเป็นตัวละครจืดจางเวลาอยู่ในห้อง
……บอกตามตรง เคยคิดว่าคุณไซโต้เอาข่าวลือตอนช่วงมอต้นไปโพนทะนาซะอีก แต่ก็ไม่มีวี่แววเลย
แต่ถึงข่าวจะแพร่ออกไปผมก็ไม่เป็นอะไรหรอก หัวใจผมมันไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว
คุณชิโนสึกะที่นั่งข้างๆกำลังหลับอย่างสงบ
ผมไม่ได้คิดจะปลุกเธอหรอก ถ้าเข้าใจผิดกันขึ้นมาเดี๋ยวจะยุ่งยาก
รีบไปเลยดีกว่า
ที่ทางเข้าห้องเรียน กลุ่มพวกเรียจูที่จะไปเที่ยวกันกำลังคุยกันอยู่
“ขอโทษน้า~ มิยุ ฉันมีธุระต้องไปทำน่ะ ไปกันก่อนเลยนะ! เดี๋ยวตามไป!”
เข็มขัดสั้นสุดๆเลย (คาดไม่ถึง)
ไซโต้ มิยุเข้ามาหาตรงที่นั่งของผม
“เอ่อ มาโคโตะคุง ใช่มั้ย? อะ จำได้มั้ย? มิยุไง? นั่นไง เราเคยอยู่ห้องสมุดด้วยกันตลอดไง?
แบบว่า พวกเราก็ผ่านอะไรมาเยอะ~ ก็เลยเข้ามาคุยด้วยลำบากน่ะ”
เป็นยินน้ำเสียงเอกลักษ์ของพวกเรียจู ที่มองต่ำลงมา
ผมพยายามปล่อยผ่านไปด้วยรอยยิ้ม
“ครับ”
“อะไรล่ะนั่น? ตลกดีจัง!? เน่เน่ กำลังอ่านอะไรอยู่เหรอ?
อ๊ะ เล่มนี้ฉันก็อ่านนะ! น่าสนใจมากเลยเนอะ!”
“ได้เวลาไปห้องโสตแล้วล่ะครับ”
“ทางการฝุดๆ อย่างฮา!!”
คำพูดสุดท้ายที่ได้ยินจากคุณไซโต้คือ “อย่าเข้ามาใกล้นะ ฉันกลัว”
จากนั้นก็ไม่ได้คุยกันเลย หมายความว่าไงล่ะเนี่ย?
มีแค่อย่างเดียวที่ผมรู้
–อย่าไปยุ่งเกี่ยว หนีไปซะ อย่าสร้างปัญหา
“จะว่าปาย น้า มิยุ กังวลม๊ากมากเลยนะ? นั่นไง เพราะมิยุเข้าใจผิด……..มาโคโตะคุงก็เลยต้องเดือดร้อนใหญ่เลย
เพราะง้าน ถ้าสนุกกับชีวิตมอปลายได้ก็ดีเน้อ! เพื่อนๆก็เป็นคนดีกันทั้งนั้น! ไปคาราโอเกะกันนะ! เพื่อมาโคโตะคุงเลยนะ!
……แล้วก้อ……… อยากอ่านหนังสือด้วยกันสองคนอีกจัง……..”
คุณไซโต้พูดแบบนั้นแล้วก็หน้าแดง
เพื่อผมเหรอ–
งั้นเหรอ นี่เป็นเจตนาดีสินะ
ไม่เป็นไร ผมไม่รู้สึกอะไรอีกแล้ว เจตนาดีอะไรนั่นไม่ต้องการ
ผมลุกจากที่นั่ง
“–ขอตัวก่อนนะครับ”
“เดี๋ย เดี๋ยวก่อน อย่างเพิ่งไปสิ!? โธ่! มิยุเชื่อในตัวมาโคโตะคุงนะ……..
ตอนจบการศึกษาน่ะนะ ฉันได้ยินมาจากคณะกรรมการห้องสมุดแล้ว มาโคโตะคุงช่วยมิยุเอาไว้สินะ?
……ขอบคุณนะ มาโคะโตะคุงกับมิยุที่จืดจาาง เป็นช่วงเวลาที่มีค่ามากเลยนะ……. เพราะงั้น หลังจากนี้–“
เชื่อใจ–เหรอ
ตอนนั้น ไม่ว่าใครจะพูดความจริง แต่บรรยากาศมันไม่ยอมให้เป็นอย่างนั้น จริงหรือหลอกก็ไม่สำคัญ
จากเรื่องตอนนั้นผมก็เรียนรู้แล้ว เพราะงั้นจะไม่พลาดอีกแน่
แค่คิดจะระบายยังทำไม่ได้ ถึงอย่างนั้นใจผมมันก็ยังว่างเปล่า–
เพราะงั้น–
“คุณไซโต้ อตีดที่ผมถูกกล่าวหาว่าทำร้ายเธอมันลบไม่ได้หรอกนะ –ขอโทษนะ
ป่านนี้แล้วมาเชื่อใจกันมันสายไปแล้วล่ะ —เป็นได้แค่ลมปากเท่านั้น”
ผมลืมพูดแบบสุภาพไปเลย
ผมลุกขึ้นยืน แล้วเดินผ่านคุณไซโต้ไปทั้งอย่างนั้น
แล้วก็ พอรู้ตัว คุณชิโนสึกะก็หายไปแล้ว
“–มะ มาโคโตะคุง……..มิ มิยุน่ะ……..ไม่ดีเหรอ? ทำไมล่ะ…… เพื่อมาโคโตะคุง……..ถึงสวยขึ้น……..”
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปและปิดประตูห้องเรียนลงเบาๆ–
======================================
Chapters
Comments
- ตอนที่ 2: อดีตไม่เคยจางหาย มีนาคม 4, 2022
- ตอนที่ 1: หากเชื่อใจ จะถูกหักหลัง มีนาคม 3, 2022
ผมไม่เอาNTR
นี้สิพระเอกแนวนี้ช้อบชอบๆๆ