ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 586 - 2 ใครหลอกใคร
“ยังมีเรื่องที่บังเอิญมากอีกเรื่องหนึ่ง วันที่ไปถึงเมืองซิงชิ่ง ข้ากับพวกพี่หูต่างเคยเห็นอวี้เจีย และในคืนนั้นแม่ทัพของสามทัพใหญ่ก็ถูกลอบสังหารพร้อมกัน และอวี้เจียในยามนี้กลับหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อเห็นนางปรากฏตัวอีกครั้งก็อยู่รอบนอกปาเยี่ยนเฮ่าเท่อแล้ว ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่า…” หลินหว่านหรงหยุดพูด ไพล่หลังเดินย่ำเท้าไปหลายก้าว ดวงตากระจ่างวูบเร็วรี่ คล้ายเสือชีตาร์ที่มีปฏิภาณไหวพริบตัวหนึ่ง
หนิงอวี่ซีมองเขาเบาๆ โจรน้อยยามนี้ปราศจากท่าทางสรวลเสเฮฮาดังกาลก่อน ทว่ากลับเหมือนผู้อาวุโสซึ่งผ่านความยากลำบากมามากมายและเปี่ยมล้นด้วยสติปัญญา ทุกสายตาต่างซุกซ่อนด้วยประกายแห่งปัญญา
บนโลกนี้ผู้ที่รังแกเขาได้น่าจะยังไม่เกิดกระมัง! นางเซียนยิ้มเล็กน้อยรู้สึกสบายใจ กล่าวตำหนิออกมาเบาๆ ว่า “จะพูดก็พูดมา มาเล่นลวดลายอะไรกัน”
“เรื่องแปลกน่ะหรือ พี่สาวน่าจะรู้เช่นกัน” หลินหว่านหรงหัวเราะร่า กุมมืออันเรียบลื่นของนางแล้วพูดว่า “…เห็นชัดว่าอวี้เจียตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเราแล้ว ลู่ตงจ้านก็เห็นกับตา แต่เจ้าถูสั่วจั่วอ๋องขวาทูเจวี๋ยนั่นกลับไม่รู้เรื่องแม้แต่น้อย ท่านว่ามันแปลกหรือไม่?”
เรื่องนี้แปลกประหลาดจริงด้วย ลู่ตงจ้านกลับไปเค่อจือเอ่อร์ โยกย้ายกำลังหนักไปช่วยเหลือแนวหน้า ย่อมได้พบหน้าถูสั่วจั่วแน่นอน แต่มันกลับไม่บอกเรื่องที่อวี้เจียถูกจับต่ออ๋องขวา! ในนี้จะต้องมีเลศนัยแน่นอน
หนิงอวี่ซีผงกศีรษะ “เป็นเพราะอ๋องซ้ายและอ๋องขวาทูเจวี๋ยขัดแย้งกันอย่างยิ่ง ส่วนอวี้เจียก็ถูกจับที่แนวหน้า ลู่ตงจ้านถึงจงใจปิดบังข่าวนี้หรือไม่?!”
หลินหว่านหรงส่ายหน้าเล็กน้อย “อย่าดูแคลนลู่ตงจ้าน หากคนผู้นี้มีจิตจคับแคบเช่นนี้ เช่นนั้นมันก็ไม่ได้รับการขนานนามว่าเป็นผู้ที่ปราดเปรื่องที่สุดของทูเจวี๋ยแล้ว”
“เช่นนั้นเหตุใดนางถึงไม่บอกถูสั่วจั่ว?!” นางเซียนถามด้วยความสงสัย
“นั่นน่ะสิ นี่ก็คือสิ่งที่ข้าสงสัย” หลินหว่านหรงผงกศีรษะ ทันใดนั้นก็ควักดาบน้อยสีทองเจิดจรัสเล่มนั้นออกมาจากอก กวัดแกว่งสองครา จากนั้นก็กล่าวระคนหัวเราะ “พี่สาว ท่านยังจำได้หรือไม่ ขณะที่พวกเราเข้าสู่ทะเลแห่งความตายจากอี้อู๋ ลู่ตงจ้านทำอะไรไว้?!”
เมื่อเห็นดาบทองเล่มนั้นก็นึกถึงเรื่องราวในอดีต หนิงอวี่ซีกล่าวด้วยความตกใจ “มันเอาดาบทองเล่มนี้คืนกลับมาให้เจ้าอีก!”
“ไม่ใช่ให้ข้า” หลินหว่านหรงส่ายหน้าอย่างเงียบงัน “แต่อาศัยมือของข้าให้ดาบทองเล่มนี้กลับสู่มืออวี้เจีย เพราะเมื่อดาบทองอยู่ในมืออวี้เจียถึงจะใช้ประโยชน์ได้สูงสุด”
“ประโยชน์อะไร?” นางเซียนรีบถาม
หลินหว่านหรงถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง “ทั่วทั้งทุ่งหญ้าต่างรู้กันว่าดาบทองคือของแทนใจที่อวี้เจียจะมอบให้ที่ถูกใจ! ลู่ตงจ้านกำลังแสดงเจตนาต่อข้าว่าดาบทองของเยวี่ยหย่าเอ๋อร์ยังไม่ได้มอบออกไป และหมายความว่าดอกนุ่นที่งดงามมากที่สุดบนทุ่งหญ้ายังหาคนถูกใจไม่ได้! ฮิๆ!”
เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ เจตนาหลักก็ปรากฏให้เห็นอย่างรำไรแล้ว หนิงอวี่ซีปรากฏความตกใจอยู่เต็มใบหน้า “โจรน้อย เจ้าหมายความว่าทั้งหมดนี้คือหมากที่ลู่ตงจ้านกับอวี้เจียจงใจวางขึ้นมา?”
หลินหว่านหรงกุมมือนาง “นับตั้งแต่ที่เยวี่ยหย่าเอ๋อร์ตกอยู่ในเงื้อมมือข้า ข้าก็มีลางสังหรณ์แปลกประหลาดบางอย่าง คล้ายตกลงไปในหลุมพรางลึกอย่างหนึ่ง หลังจากบุกโจมตีปาเยี่ยนเฮ่าเท่อแล้ว เหตุใดอวี้เจียถึงมาโผล่อยู่ตรงหน้าข้าอย่างประจวบเหมาะได้? แล้วเหตุใดถึงถูกพวกเราจับเป็นตัวประกันได้ง่ายดายเช่นนี้? สาวน้อยผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งความรักซึ่งปรากฏอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ติดตามอยู่ในทะเลทรายไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ไม่หนีไม่พรากจากบนภูเขาหิมะ ยังมีเจ้าถูสั่วจั่วที่ไม่ดี้รู้เรื่องรู้ราวอะไรนั่นอีก! เฮ้อ ที่จริงแล้วข้าก็เกลียดการวางหมากมากจริงๆ นะ”
มองดูสีหน้าอ้างว้างหดหู่ของโจรน้อย นางเซียนหนิงก็ไม่รู้ว่าจะใช้ถ้อยคำอะไรมาบรรยายความตื่นตระหนกภายในใจของตนเวลานี้ ประเด็นสงสัยซึ่งแต่เดิมกระจัดกระจายถูกโจรน้อยเชื่อมโยงกันทีละจุด กลับกลายเป็นข้อสรุปอย่างหนึ่งขึ้นมา หากเป็นอย่างที่เขาวิเคราะห์จริง เช่นนั้นผู้ที่วางแผนหมากกระดานนี้ไม่เพียงจะมีความคิดชั้นยอด ความรู้ชั้นยอด ความกล้าชั้นยอดเท่านั้น ยิ่งต้องมีสภาวะจิตใจอันสูงส่งอย่างยิ่งอีกด้วย นางต้องใช้เวลาศึกษานิสัยใจคอโจรน้อยมาอย่างยากลำบาก กระทั่งว่าต้องรู้ข้อดีข้อด้อยเขาอย่างยิ่ง
“เพียงแต่เหตุใดนางถึงเลือกพุ่งเป้ามาที่ตัวเจ้าล่ะ?!” นางเซียนพูดพึมพำกับตนเอง
หลินหว่านหรงหัวเราะร่วนพลางส่ายหน้า “ใครจะรู้ อาจจะเป็นเพราะข้าค่อนข้างหล่อก็ได้”
อันที่จริงไม่จำเป็นต้องให้เขาตอบ ใจของหนิงอวี่ซีก็รู้อะไรเลาๆ แล้ว หลินซานยามนี้คือราชบุตรเขยคู่ของต้าหัว ทลายพรรคบัวขาว กำจัดเฉิงอ๋อง ในวงราชการมีซ้ายสวีขวาหลี่ ไม่มีผู้ใดเทียมทัด ส่วนชื่อเสียงในหมู่ราษฎรก็ยิ่งถึงขีดสุด ลู่ตงจ้านราชครูทูเจวี๋ยก็ยอมสยบเขาทั้งกายและใจ เนื่องจากฮ่องเต้ปราศจากองค์ชาย ขอเพียงคนแซ่หลินยินดี เขาไปถึงจุดสูงสุดของอำนาจในต้าหัวก็ยังได้
เลือกสยบเป้าหมายเช่นนี้ ไม่เพียงมีความท้าทายอย่างยิ่ง สิ่งที่สำคัญไปกว่าก็คือหากสำเร็จจะสร้างความกระทบกระเทือนต่อฮ่องเต้ต้าหัว ต่อจิตใจของราษฎรและทหารของต้าหัว นั่นจะเกิดการทำลายล้าง พูดได้ว่าหากคิดสยบต้าหัวก็ต้องสยบหลินซาน!
หนิงอวี่ซีส่ายหน้าอย่างจนใจ ถอนหายใจออกมาเบาๆ “สตรีอันดีงามผู้หนึ่ง เหตุใดถึงมีสติปัญญาและแผนการอันยากหยั่งคะเนเช่นนี้ได้?”
หลินหว่านหรงยิ้มขื่นแล้วเอ่ยว่า “คำถามนี้น่าจะมีแค่อวี้เจียที่ตอบได้แล้วล่ะ”
นางเซียนพลันแค่นเสียง “เจ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าอวี้เจียมีเจตนาอื่น ดังนั้นการคุ้มกันในทะเลทราย ส่งชุดบนภูเขาหิมะก็เป็นแค่การเล่นลูกไม้ของเจ้าใช่หรือไม่? พอเจ้าหลอกลวงคนขึ้นมากลับมีลูกเล่นมากมาย ทำให้คนติดกับแล้วกลับไม่รู้ตัว อวี้เจียผู้นั้นกลับน่าสงสารมาก”
“นี่ พี่สาวเทพเซียน” หลินหว่านหรงเกือบกระเด้งขึ้นมาแล้ว “ขอร้องท่านช่วยมีมุมมองในการแยกถูกผิดสักหน่อยได้หรือไม่? ต้องรู้ว่าที่ถูกคนหยอกเล่นอยู่ไม่ใช่เยวี่ยหย่าเอ๋อร์คนนั้น แต่เป็นน้องชายเช่นข้าคนนี้นะ!”
นางเซียนหนิงทั้งโมโหทั้งขบขัน “การกระทำทุกย่างบนทะเลทรายและภูเขาหิมะของเจ้าทำให้นางหลั่งน้ำตาตั้งหลายครั้ง หรือว่านางก็หยอกเจ้าเล่นด้วย? ข้าว่าเจ้ากำลังแสดงละครหลอกนางถึงจะถูก”
“ไม่ใช่การหลอกลวงแน่นอน!” หลินหว่านหรงโบกมือด้วยสีหน้าจริงจัง “ด้วยความเที่ยงตรงที่ทุกคนบอกต่อกันไปของข้า แล้วข้าจะไปทำเรื่องต่ำช้าพวกนั้นได้อย่างไร? อันที่จริงหลักการของข้านั้นง่ายดายมาก อวี้เจียทำกับข้าเช่นไร ข้าก็ทำกับนางเช่นนั้น ข้าไม่เอาเปรียบนาง แต่ก็ไม่มีทางเสียเปรียบแน่นอน”
ยิ่งใหญ่นักนะ อวี้เจียหลอกเจ้า เจ้าก็หลอกนาง ยุติธรรมมากจริงๆ หนิงอวี่ซีถอนหายใจยาวออกมาคราหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ได้ยินเจ้าพูดกับอวี้เจียว่านี่คือการละเล่นที่แสนจะอันตราย ข้ายังเชื่อไม่สนิทใจ บัดนี้ถือว่าเข้าใจถ่องแท้แล้ว สตรีทูเจวี๋ยผู้นั้นเจ้าเล่ห์อุกอาจ แต่เจ้ากลับเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกยิ่งกว่านาง”
“อันที่จริงความเจ้าเล่ห์กลิ้งกลอกเป็นแค่เปลือกนอกของข้า นั่นสำหรับผู้แสดงละครเช่นอวี้เจียนี้เท่านั้น” หลินหว่านหรงจับมือนาง พูดอย่างอับจนปัญญาว่า “ส่วนสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ใต้ชุดตัวนอกของข้าคือความจริงใจ มีเพียงสตรีที่มีความจริงใจเช่นพี่สาวเท่านั้นถึงจะสัมผัสได้ นี่ถึงจะเป็นเขตแดนอันสูงสุดของความรัก!”
ถ้อยคำหวานที่ใช้หลอกคนให้ดีใจของโจรน้อยไม่ต้องผ่านสมองแล้ว แค่อ้าปากก็ออกมา นางเซียนหน้าแดงเล็กน้อย ส่ายหน้าเบาๆ “เจ้าคนนี้ก็เอาแต่ชอบพูดจาหลอกลวงให้ข้าดีใจเท่านั้น อวี้เจียมีความคิดไม่ซื่อแน่นอน แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่ข้าว่าเจ้ากลับไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้…นางแค่แสดงละครจริงหรือ?”
หลินหว่านหรงรีบกะพริบตา “มะ…หมายความว่าอย่างไร?!”
“แกล้งทำเลอะเลือนกับข้าอีกแล้ว!” หนิงอวี่ซียิ้มพลางเหลือบมองเขา “แม้จะเป็นสตรีที่เจ้าเล่ห์อีกสักเท่าใด แต่สายตาและการเต้นของหัวใจนั้นก็ไม่อาจเสแสร้งได้ นางสละชีวิตลืมเลือนความตายปกป้องถุงน้ำในทะเลทราย ความแน่วแน่ของจิตใจยามเผชิญหน้ากับความตายนั้น แม้แต่ข้าก็รับรู้ได้ หากเช่นนี้ก็เป็นการแสดงละครด้วย นั่นก็พูดได้แค่ว่านางหลอมรวมตัวตนอยู่ในการแสดงตั้งแต่แรก แม้แต่ตนเองก็ไม่อาจจำแนกได้ว่าสิ่งใดจริงสิ่งใดเท็จ ชีวิตคนเราเฉกเช่นละคร ละครเฉกเช่นชีวิตคน สำหรับนาง ทุกสิ่งนี้ไม่ต่างกันแล้ว”
นางเซียนพูดไปพูดมากลับทอดถอนใจ เริ่มทอดถอนใจเล็กน้อย คล้ายเพิ่มความเห็นใจต่ออวี้เจียขึ้นมาหลายส่วน
หลินหว่านหรงอ้าปากกว้างร้องอ๊ะเล็กน้อย ยิ้มประจบพร้อมพูดว่า “เอ่อ…พี่สาวเทพเซียน ท่านวิเคราะห์ลึกซึ้งเกินไปแล้ว ข้าฟังไม่เข้าใจเลยสักนิดเลยนะ! พวกเราไปพูดเรื่องอื่นกันดีกว่า!”
นางเซียนหนิงมองค้อนเขาหลายครั้ง กล่าวอย่างจนใจออกมาว่า “หากเจ้าจะแสร้งเลอะเลือน ข้าก็หมดหนทาง เพียงแต่ไม่อาจโทษเจ้าได้ ใครใช้ให้สตรีทูเจวี๋ยผู้นั้นหลอกลวงคนก่อน ซ้ำนางยังเป็นชนเผ่านอกด่านอีกด้วย”
หลินหว่านหรงรีบผงกศีรษะส่งเสียงอืมคราหนึ่ง ไม่ว่าผลลัพธ์ที่แท้จริงจะเป็นเช่นไร คราแรกที่อวี้เจียตกอยู่ในเงื้อมมือเขา เป้าหมายไม่มีทางเรียบง่ายแน่นอน เรื่องนี้ปราศจากข้อสงสัย เพียงแต่ระหว่างการดำเนินการอาจเกิดความเปลี่ยนแปลงอันน่าประหลาดที่ตัวนางเองก็ไม่เคยคิดขึ้นมาบางอย่างเช่นกัน ถึงทำให้นางรับมือไม่ทันอยู่บ้าง ส่วนเรื่องราวจะแสดงไปถึงขั้นใดกันแน่ คงมีแค่สวรรค์ที่รู้แล้ว
เฮ้อ ผู้ชายโดดเด่นมากเกินไปก็ยุ่งยากมากขึ้นเท่านั้นนะ! ก่อนหน้านี้มีน้องสาวจังกึมที่ยังไม่ทันได้สะสาง ตอนนี้มีอวี้เจียโผล่มาอีกคนหนึ่ง นี่ข้าไปหาเรื่องใครมากันแน่?! เขาส่ายหน้าถอนหายใจ สีหน้าบัดเดี๋ยวยินดีบัดเดี๋ยวกลัดกลุ้ม ท่าทางแปลกประหลาดยิ่งนัก
เมื่อเห็นเขาเงียบงันไม่เอ่ยวาจา นางเซียนจึงกล่าวระคนยิ้มออกมาทันที “โจรน้อย ราชธานีของชนเผ่านอกด่านอยู่แค่ตรงหน้า เจ้าเตรียมตัวลงมือเช่นไร?!”
“ข้ากำลังคิดอยู่” หลินหว่านหรงขมวดคิ้ว “ศัตรูจำนวนมากข้ามีจำนวนน้อย มิหนำซ้ำยังเป็นศึกโจมตีเมือง อีกทั้งมีถูสั่วจั่วนั่งคุมเชิงอีก การศึกครั้งนี้ช่างสู้ยากจริงๆ!”
“ยากก็ยากสักหน่อย เพียงแต่ไม่ใช่ว่าเจ้าคิดออกแล้วหรือ? การแข่งขันชิงแพะนั่นกำลังจะเกิดขึ้น นี่กลับเป็นโอกาสอันดี!” หนิงอวี่ซีพูดเบาๆ
“พี่สาว ท่านสนับสนุนความคิดของข้า?” หลินหว่านหรงรู้สึกยินดียิ่งนัก คิดแล้วคิดอีกกลับส่ายหน้าอีกครา “ยังไม่ได้อยู่ดี ฟังจากความหมายของถูสั่วจั่ว จุดสำคัญของการแข่งขันชิงแพะน่าจะอยู่ในมืออวี้เจีย แต่ตอนนี้เยวี่ยหย่าเอ๋อร์อยู่ในมือพวกเรา ถึงเวลาย่อมไม่อาจปรากฏตัวได้ เจ้าอ๋องขวาแซ่ถูคนนี้ไม่น่าจะเข้าร่วมแล้ว ส่วนข่านทูเจวี๋ยนั่นจะปรากฏตัวหรือไม่ก็ยิ่งเป็นปัญหา”
“แค่เรื่องนี้หรอกหรือ?!” หนิงอวี่ซีหัวเราะออกมาทันที “เช่นนั้นเจ้าก็สบายใจได้ ข้าขอรับรองกับเจ้า อวี้เจียต้องปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าอ๋องขวาแน่นอน!”