ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 584 - 1 แข่งขันชิงแพะ
ถูสั่วจั่วมองรอบด้านด้วยความสงสัย สะบัดแขนคราหนึ่งในบัดดลพร้อมตวาดเสียงดังออกมาว่า “ค้น!”
ผู้ที่มันพามาด้วยล้วนเป็นผู้กล้าชั้นยอดที่สุดภายในชนเผ่าของมัน แม้จะมีเพียงร้อยคน ทว่าแต่ละคนนั้นกลับมีฝีมือไม่ธรรมดา เมื่อได้ยินมันออกบัญชา ชาวทูเจวี๋ยก็ชักดาบโค้งแวววาวออกมาภาในชั่วพริบตา แยกกระจายเลียบไปตามค่ายกระโจม ตรวจค้นตามพงหญ้าอันรกชัฏนั้น ดาบทำศึกที่อยู่ในมือพวกมันกวัดแกว่งเป็นระยะ ออกแรงฟันหญ้าและกิ่งไม้แห้งขาดเป็นท่อน เดินดันไปเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
“หรือว่านางจะกลับมาแล้ว?!” มองดูฝีเท้าที่ย่ำใกล้เข้ามาของเหล่าผู้กล้าภายในชนเผ่า ถูสั่วจั่วพูดพึมพำกับตนเอง ดวงตาสาดประกายเจิดจ้าและความตื่นเต้น
เจ้าคังหนิงใบหน้าทั้งเขียวทั้งบวม หน้าซีดเผือด เพียงอยู่ใต้ชายคาผู้อื่นไม่อาจไม่ก้มหัว ความหวังในการกลับไปต้าหัวอยู่ที่อ๋องขวาทูเจวี๋ยผู้นี้ทั้งหมด แล้วมันจะกล้าผิดใจถูสั่วจั่วได้อย่างไร? แส้นี้จึงทำได้เพียงรับเอาไว้เท่านั้น
เมื่อได้ยินถูสั่วจั่วพูดเองเออเองกับตนเอง อ๋องน้อยก็กัดฟันกรอด ฝืนดาหน้าประชิดเข้าไปหา พูดจาประจบประแจงว่า “ใต้เท้า ท่านกำลังหาอะไรหรือ?”
คำพูดและการกระทำของมันเหมือนไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของถูสั่วจั่ว อ๋องขวาทูเจวี๋ยหนุ่มมองมันแวบหนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวออกมาช้าๆ ว่า “กำลังตามหากลิ่นกลิ่นหนึ่ง”
เมื่อเห็นว่าถูสั่วจั่วไม่ได้กระทำหยาบคายรุนแรงอีก เจ้าคังหนิงจึงสบโอกาสหาเวลาปลอบใจตัวเองชั่วคราวได้บ้าง มันเอามือกุมหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นกลิ่นหนึ่ง? ใต้เท้า พอจะบอกรายละเอียดสักนิดได้หรือไม่!”
ถูสั่วจั่วหัวเราะฮ่าๆ สองครา “เรื่องราวเกี่ยวพันถึงนางในดวงใจของถูสั่วจั่ว พูดไปเจ้าก็ไม่เข้าใจ”
เจ้าคังหนิงรีบยิ้มประจบ “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้! สตรีที่ถูกใต้เท้าอ๋องขวาท่านต้องตาต้องใจได้ จะต้องฉลาดหลักแหลม รูปโฉมดั่งเทพเซียนบนสรวงสวรรค์แน่นอน เฉกเช่นดอกนุ่นที่งามเจิดจ้ามากที่สุดบนทุ่งหญ้า คังหนิงขออวยพรให้ใต้เท้าสมดั่งใจปอง บรรลุความหวังอันยิ่งใหญ่โดยเร็ว!”
คำพูดนี้คล้ายได้ผลยิ่งนัก ใบหน้าถูสั่วจั่วคลี่รอยยิ้มออกมาหลายครั้ง มันตบบ่าเจ้าคังหนิงแล้วพูดว่า “ไม่เพียงเช่นนี้ นางยังดีกว่าที่เจ้าคิดเอาไว้เป็นร้อยเท่า…อ๋องน้อย ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงเรื่องของแนวหน้า เมื่อครู่ข้าอารมณ์พลุ่งพล่านเกินไป พลั้งมือไปชั่วขณะ เจ้าก็อย่าใส่ใจเลยนะ”
“มิได้ มิได้” อ๋องน้อยตื่นตระหนก ประสานมือคารวะอย่างต่อเนื่อง “เมื่อครู่ท่านอ๋องขวาสั่งสอนถูกต้องยิ่งแล้ว คังหนิงร้อนใจจะสร้างผลงาน ช่างไม่เหมาะสมจริงๆ”
ถูสั่วจั่วอืมหลายครั้ง “พรุ่งนี้เช้าทหารชั้นยอดจำนวนแสนนายก็จะออกเดินทางไปแนวหน้า ตอนนี้หากข้าเสนอความเห็นอันแปลกประหลาดต่อราชครู ผู้อื่นจะต้องคิดว่าข้าเป็นผีขวัญอ่อน สุดท้ายก็จะกลายเป็นไร้เหตุผล ข้าถูสั่วจั่วไม่กล้ากระทำเรื่องโง่เขลาเข่นนี้ หากที่เจ้าพูดเมื่อครู่เป็นความจริง ปาเต๋อหลู่อาศัยโอกาสสะกดผู้กล้าของข้าจริง ข้าจะรายงานท่านข่านตามวาระโอกาสที่เหมาะสม เชื่อว่าท่านข่านจะต้องตัดสินอย่างยุติธรรม ลงโทษคนชั่ว คืนความเป็นธรรมให้ผู้กล้าของข้า!”
เมื่อมีประโยคนี้ แส้เมื่อครู่ก็ถือว่าคุ้มแล้ว เจ้าคังหนิงยืนดียิ่งนัก ค้อมกายลงพร้อมประสานมือ “คังหนิงขอขอบคุณบุญคุณของใต้เท้าแทนบิดาในปรโลกและราษฎรต้าหัวผู้ตกทุกข์ได้ยาก”
“นี่ยังต้องมาขอบคุณอีกหรือ” ถูสั่วจั่วประคองมันเล็กน้อย “เจ้าคิดอ่านแทนท่านข่านเช่นกัน แม้คำพูดจะเกินเลยไปบ้าง แต่แม้ว่าจะแพร่ไปถึงหูของท่านข่าน ก็ไม่มีผู้ใดจะตำหนิเจ้าได้”
นอกจากผงกศีรษะด้วยความยินดี เจ้าคังหนิงก็ไม่อาจสรรหาคำพูดใดมาบรรยายความรู้สึกในยามนี้ของตนได้อีกแล้ว
สองคนสนทนากันหลายประโยค ผู้กล้าทูเจวี๋ยที่รับผิดชอบในการค้นหาก็กลับมาแล้ว ในมือถือดอกไม้ต้นหญ้าที่เปียกชุ่มหลายกำ มีหยดน้ำหยดติ๋งๆ
“ท่านอ๋องขวา ในพงหญ้าไม่พบความผิดปกติอันใด เหล่าผู้กล้าเพียงเก็บดอกไม้ใบหญ้าพวกนี้ได้จากในทะเลสาบ ต่างเห็นได้ทั่วไป อาจเป็นคนเลี้ยงสัตว์ในเผ่าที่ทิ้งลงไปก็ได้ขอรับ”
เจ้าคังหนิงอยู่ที่ทูเจวี๋ยมาสักระยะหนึ่ง พอฝืนเข้าใจภาษาที่ผู้กล้าคนนี้พูดออกมาอยู่บ้าง
ถูสั่วจั่วรับดอกไม้ใบหญ้าที่ชุ่มน้ำนั้นไปไว้ที่จมูกแล้วสูดดมเบาๆ หลายครั้ง ผ่านไปเนิ่นนานถึงผ่อนลมหายใจออกมายาวๆ แล้วส่ายหน้าอย่างแช่มช้า ความยินดีบนใบหน้ากลับยากจะสะกดกลั้นได้อีกต่อไป “เป็นนางหรือไม่?! ถึงเวลาแล้วเช่นกัน นางควรกลับมาได้แล้ว!”
“ยินดีกับใต้เท้าอ๋องขวา!” เจ้าคังหนิงฟังอยู่ข้างกายมันอย่างชัดเจน ไหนเลยจะปล่อยโอกาสเลียแข้งเลียขาที่อยู่ตรงหน้าไปได้
มองดูดอกไม้ที่มัดจนแน่นนั้น ถูสั่วจั่วก็ส่ายหน้ายิ้มแย้ม ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเต็มไปด้วยประกายวูบวาบ พูดพึมพำกับตนเองว่า “สถานะตอนนี้ต่างจากเดิมแล้ว เจ้ากลับยังชอบเล่นสนุกเช่นนี้อีก!”
อ๋องขวาทูเจวี๋ยผู้หนุ่มแน่นและหล่อเหลาสูดลมหายใจลึก รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าทำให้คนเห็นแล้วตาโตอ้าปากค้าง
เจ้าคังหนิงกะพริบตาเร็วรี่ เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดอยู่ สตรีที่ทำให้วีรบุรุษบนทุ่งหญ้าเช่นถูสั่วจั่วยอมสยบได้มีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่นะ มันเหลียวซ้ายแลขวาคราหนึ่ง จากนั้นจึงถามอย่างไม่เข้าใจ “ใต้เท้าอ๋องขวา ความหมายของท่านคือพระชายาอยู่ในละแวกนี้หรือ?!”
เจ้าคังหนิงกลับไหลลื่นยิ่งนัก ประเดี๋ยวเดียวก็เรียกพระชายาแล้ว ถูสั่วจั่วหัวเราะฮ่าๆ พร้อมส่ายหน้า “อ๋องน้อยเข้าใจผิดแล้ว นางไม่อาจเป็นพระชายาของข้าได้!”
ไม่อาจเป็น? เช่นนั้นเจ้ายังดีอกดีใจขนาดนี้อีก? เจ้าคังหนิงมองด้วยความงงงวยเหลือล้น
ถูสั่วจั่วไม่อธิบายเช่นกัน มันหัวเราะแล้วพูดว่า “ข้ากับนางเติบโตบนทุ่งหญ้ามาด้วยกัน นางคือสตรีที่งดงามมากที่สุด มีความสามารถมากที่สุดของทูเจวี๋ยเราในรอบร้อยปี ความฉลาดหลักแหลมไม่มีผู้ใดเทียบ ทำงานเด็ดขาด นิสัยมีเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่เคยชอบให้ผู้อื่นสืบหาร่องรอยของนาง วันนี้พวกเราพบดอกไม้เหล่านี้ที่ทะเลสาบก็ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยินดีอย่างเหลือเชื่อแล้ว! เพียงแต่จากการคาดคะเนของข้า หากไม่ผิดจากที่คาดไว้ ไม่กี่วันนี้นางก็จะกลับราชธานี อย่างไรเสียงานใหญ่ก็ใกล้จะมาถึงแล้ว”
ครั้นเอ่ยถึงงานใหญ่ ใบหน้าของถูสั่วจั่วก็ผุดรอยยิ้มตื่นเต้นขึ้นมา ดวงตาเปี่ยมล้นด้วยความมุ่งหวัง เจ้าคังหนิงรีบเอ่ยว่า ใต้เท้า งานใหญ่อันใดหรือ?!”
ถูสั่วจั่วหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง ส่ายหน้าไม่เอื้อนเอ่ยวาจา ผู้ติดตามข้างกายมันคนหนึ่งตวาดด้วยความไม่พอใจ “อ๋องน้อยจ้าว เจ้ามาถึงแคว้นเราก็นานขนาดนี้แล้ว หรือยังจะไม่รู้ว่าช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปีที่ราชธานีของพวกเราก็มีงานแข่งขันชิงแพะกัน?!”
แข่งขันชิงแพะ? เจ้าคังหนิงตระหนักขึ้นมาได้ทันที รีบประสานมือพร้อมกล่าวด้วยความพินอบพิเทา “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คังหนิงขอแสดงความยินดีต่อใต้เท้าอ๋องขวามา ณ ที่นี้ ธงโบกสะบัดได้รับชัย อาชาบรรลุประสบความสำเร็จ วันหน้าคังหนิงจะต้องมอบไข่มุกที่ล้ำค่ามากที่สุดของต้าหัวมาร่วมแสดงความยินดีกับวันอันเป็นมงคลของใต้เท้า!”
“ดีๆ!” ถูสั่วจั่วหัวเราะดังลั่น ดวงตาเต็มไปด้วยความยินดี
“ท่านแม่ทัพ จะลงมือตอนนี้หรือไม่ขอรับ?!” ดำอยู่ใต้น้ำมานานจนอยู่ไกลห่างจากกระโจมของถูสั่วจั่ว สวี่เจิ้นโผล่ขึ้นผิวน้ำ พ่นลมหายใจยาวๆ ทำท่าทีด้วยความตื่นเต้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความดุร้าย
ถูสั่วจั่วอ๋องขวาทูเจวี๋ยผู้มาอย่างกะทันหันคนนี้ถือเป็นปลาใหญ่ของแท้แน่นอน หากกำจัดมันไปได้ก็เท่ากับตัดแขนซ้ายขวาชาวทูเจวี๋ย นอกจากนี้ยังมีเจ้าคังหนิงที่ขายบรรพชนเพื่อลาภยศอีก จึงยิ่งทำให้คนเคียดแค้นจนรู้สึกเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน หากกำจัดมันสองคนได้ ถือเป็นการกระทำเพียงหนึ่งแต่ได้กลับมาถึงสอง มิน่าสวี่เจิ้นถึงดวงตาเป็นประกาย
ช้อนสายตามองไปที่ฝั่ง ชาวทูเจวี๋ยกับเจ้าคังหนิงกำลังสนทนากันอย่างมีความสุข องครักษ์ร่างกำยำนับร้อยของอ๋องขวาค่อยๆ แผ่ขยายขอบเขตในการลาดตระเวน แม้แต่ทะเลสาบก็ส่งเวรยามมาเฝ้าไว้คนหนึ่ง หลินหว่านหรงส่ายหน้าอย่างแช่มช้า “เจ้าถูสั่วจั่วคนนี้ไม่ใช่ไอ้งั่งอย่างเซิ่งตัน มันผู้นี้ละเอียดรอบคอบยิ่งนัก รูปแบบในการตั้งค่ายก็พิถีพิถันมาก กองไฟตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบ ทว่ากระโจมกลับอยู่ห่างจากน้ำ ทำให้คนไม่อาจล้อมโจมตีได้ บวกกับผู้กล้านับร้อยที่คุ้มกันอย่างเต็มที่นั่นอีก ขอเพียงมีความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย มันก็จะควบม้าหลบหนีได้”
สวี่เจิ้นประเมินค่ายของถูสั่วจั่วอย่างถ้วนถี่ เป็นดั่งที่หลินหว่านหรงว่าไว้จริง อ๋องขวาทูเจวี๋ยออกโรงย่อมไม่ธรรมดาจริงด้วย กระโจมของพวกมันอยู่ห่างกันอย่างเหมาะสม แฝงกระบวนในการป้องกัน องครักษ์ชาวทูเจวี๋ยนับร้อยคนนั้นก็ยิ่งเป็นสุดยอดของสุดยอด แต่ละคนต่างแข็งแกร่งทรงพลัง ผ่านการสู้รบมาอย่างช่ำชอง ขอบเขตในการลาดตระเวนก็แผ่ขยายออกไปหลายร้อยจั้ง ไม่ว่าจะบุกจากทิศทางใดก็ต้องปรากฏอยู่ในสายตาของพวกมัน หากพวกมันต้องการจะเฝ้ารักษาเป็นแม่นมั่นอาจจะยากอยู่บ้าง แต่หากต้องการหลบหนีกลับหาใช่เรื่องยากเย็น
สวี่เจิ้นถอนหายใจด้วยความจนใจ สีหน้าเดือดแค้น หลินหว่านหรงตบบ่าเขาพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง “เสี่ยวสวี่ เจ้าต้องจำไว้ เป้าหมายของพวกเราไม่ใช่แค่ถูสั่วจั่วเพียงคนเดียว แต่เป็นทั้งราชธานีทูเจวี๋ย! โจมตียึดเค่อจือเอ่อร์นั่นถึงจะสร้างความกระทบกระเทือนใจโดยตรงและทรงพลังต่อชนเผ่านอกด่านมากที่สุด! ส่วนถูสั่วจั่วกับเจ้าคังหนิงจะต้องมีวันที่เก็บพวกมันแน่นอน!”
สวี่เจิ้นสีหน้าตื่นตะลึง รีบผงกศีรษะ “ท่านแม่ทัพกล่าวถูกต้อง ตอนนี้พวกเราควรสละตัวเล็กเพื่อจับตัวใหญ่ นั่นถึงจะสะใจขอรับ”
หลินหว่านหรงตบบ่าเขา หัวเราะฮ่าๆ เสียงดังหลายครั้ง สิ่งที่รู้จากบทสนทนาระหว่างเจ้าคังหนิงกับถูสั่วจั่วนั่นก็คือชนเผ่านอกด่านจำนวนหนึ่งแสนซึ่งรวมพลอยู่รอบนอกเค่อจือเอ่อร์ใกล้จะไปช่วยแนวหน้าที่เฮ่อหลานซานแล้ว ดูท่าว่าสวีจื่อฉิงกำลังคิดหาหนทางดึงดูดสายตาศัตรูอย่างเต็มที่จริงๆ ด้วย เพื่อสอดประสานกับการเคลื่อนไหวของหลินหว่านหรง