ยอดเซลล์แมนทะลุมิติ - ตอนที่ 547.1
คบเพลิงที่กำลังลุกไหม้แผดเผาอย่างรุนแรงส่งเสียงเพียะๆ เบาๆ อยู่เป็นระยะ สายตาของทุกคนไปรวมอยู่ที่เหรียญทองแดงเล็กๆ เหรียญนั้น ทุ่งหญ้าอันกว้างใหญ่เงียบสงัดไร้ซึ่งสรรพสำเนียง เสียงหัวใจเต้นดังตึกตักของเด็กและสตรีชาวทูเจวี๋ยได้ยินอย่างชัดเจน แม้แต่ทหารม้าต้าหัวซึ่งมือถือคบเพลิงก็ยังอดกลั้นหายใจไม่ได้ จดจ้องเหรียญทองแดงที่กำลังหมุนเบาๆ นั้นไม่ได้
เหรียญทองแดงเล็กๆ ร่วงหล่นลงบนพื้นหญ้าอันแสนจะอุดมสมบูรณ์ กระเด้งหลายครั้งแล้วกลิ้งไปข้างหน้า ตั้งตรงอย่างเงียบงัน หยุดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงล้มลงไปอย่างแช่มช้า
เมื่อเห็นเหรียญทองแดงนั้นหยุดนิ่งลง หูปู้กุยจ้องเขม็ง ไม่กล้ากะพริบตา เขานิ่งอึ้งอยู่นาน จากนั้นถึงถอนหายใจออกมาเบาๆ “ออกหัว! นี่ หรือว่าจะเป็นมติฟ้า?” สีหน้าเขาสลับซับซ้อน ระหว่างที่ถอนหายใจยาวๆ คล้ายรู้สึกไม่ยินยอมอยู่บ้าง ทว่ากลับแฝงความรู้สึกโล่งอกอยู่บ้างเช่นกัน
เหล่าเด็กและสตรีชาวทูเจวี๋ยยินดีเป็นบ้าเป็นหลัง ตระกองกอดซึ่งกันและกัน เต้นแร้งเต้นกากู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง น้ำตาไหลนองใบหน้า เด็กน้อยที่พวกนางกอดอยู่ในอ้อมอก แม้จะไม่เข้าใจความหมายของการกู่ร้องด้วยความยินดีปรีดามารดาของพวกเขา ถึงกระนั้นกลับเหมือนถูกความรู้สึกนี้ทำให้เกิดอารมณ์ร่วมด้วย ยิ้มหน้าบาน ยื่นมือน้อยที่มีขนาดเล็กกระจิ๋วนุ่มนิ่มออกมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้ามารดา
หลินหว่านหรงหลุบตาลง สงบนิ่งเงียบงันประดุจสายน้ำ หันหลังยืนนิ่งอยู่นาน ไม่เปล่งวาจา ปราศจากความเสียใจและปราศจากความยินดี ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ มีเพียงฝ่ามือที่กำจนแน่นนั้นเท่านั้นที่แสดงความรู้สึกภายในใจของเขาออกมาให้รู้บ้าง
สตรีชาวทูเจวี๋ยยินดีเป็นบ้าเป็นหลังอยู่ครู่หนึ่ง เสียงกู่ร้องยินดีค่อยๆ หายไป สมองค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นมาเช่นกัน พวกนางถึงรับรู้ได้ว่าโจรหน้าดำที่มีสิทธิ์ชี้ความเป็นความตายของพวกนางยังคงเงียบงันอยู่ สองมือที่เขากำแน่นอยู่นั้นมีเส้นเอ็นปูดโปนออกมาให้เห็นอย่างชัดเจน เห็นการต่อสู้ทางความคิดอย่างรุนแรงภายในใจเขาได้
โยนเหรียญทองแดงชนะแล้วจะทำไม? ขอเพียงเจ้าคนต้าหัวคนนี้ส่ายหน้าเพียงเล็กน้อย เด็กและสตรีชาวทูเจวี๋ยสามพันกว่าคนก็ยังหนีไม่พ้นชะตาที่จะถูกเข่นฆ่าอยู่ดี ชาวทูเจวี๋ยจำนวนนับไม่ถ้วน ทั้งสตรี ทั้งเด็ก นัยน์ตาสีฟ้า สายตาที่มีทั้งความคาดหวังและความโกรธแค้นต่างจ้องมองร่างที่ยืนนิ่งนั้นเขม็ง รอคอยการตัดสินสุดท้ายของเขา
“ไม่อย่างนั้นก็โยนอีกครั้งหนึ่ง สามชนะสอง?!” เกาฉิวประชิดข้างกายหลินหว่านหรง ใช้เสียงที่พวกตนสามคนจะได้ยินเท่านั้นเอ่ยถามด้วยเสียงอันแผ่วเบา
ข้อเสนอหน้าไม่อายเช่นนี้น่าจะมีแค่เหล่าเกาอย่างเจ้าที่คิดออกมาได้ หูปู้กุยถลึงตามองเขาคราหนึ่ง กระทั่งยังดูแคลนเสียด้วยซ้ำ
หลินหว่านหรงพ่นลมหายใจออกมายาวๆ ก่อนจะค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้น กวาดสายตามองหูปู้กุยน้อยๆ หลายครั้ง กล่าวเอื่อยเฉื่อยออกมาว่า “พี่หู ถ้าหากข้าเอาภาระนี้มอบให้ท่าน ท่านจะลงมือได้หรือไม่?!”
ทอดสายตามองเด็กและสตรีสามพันกว่าคนที่อยู่ตรงหน้า สตรีผู้ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เด็กแบเบาะซึ่งกำลังร้องไห้กระจองอแงเพราะต้องการอาหาร สีหน้าหูปู้กุยบัดเดี๋ยวแดงบัดเดี๋ยวซีด กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกอย่างรุนแรง เขากัดฟันกรอดชูดาบเหล็กขึ้นมา ทว่าสองมือซึ่งสังหารคนมานับไม่ถ้วนกลับสั่นเทาเล็กน้อย ละล้าละลังอยู่นาน ในที่สุดเขาก็แหงนหน้ากู่ร้องด้วยโทสะคราหนึ่ง ดาบใหญ่ในมือห้อยลงมาอย่างหมดแรง เหล่าหูสีหน้าประหนึ่งเถ้าถ่าน ส่ายหน้าอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าน้อยยากจะลงมือขอรับ!”
หลินหว่านหรงถอนหายใจอย่างเงียบงัน หันไปถามเกาฉิวว่า “ในเมื่อพี่หูลงมือไม่ได้ พี่เกา เช่นนั้นท่านก็ทำเถอะ!”
“ข้า?!” เหล่าเกาอึ้ง เขาหันหน้ากลับไปมองเด็กและสตรีสามพันกว่าคนที่มือปราศจากอาวุธ ปากขมุบขมิบอยู่นาน หน้าซีดมากขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ยิ้มขื่นพร้อมส่ายหน้า “น้องชาย หากสังหารบุรุษทูเจวี๋ยสามพันคน ข้าเหล่าเกาจะไม่กะพริบตาเลย แต่เด็กและสตรีเหล่านี้…” เขาถอนหายใจดังเฮ้อ ส่ายหน้าอย่างหมดแรง
หลินหว่านหรงย่างก้าวอย่างแช่มช้า เดินไปเบื้องหน้าเหรียญทองแดงที่ร่วงหล่นสงบนิ่งอยู่บนพื้น คุกเข่าแล้วหยิบขึ้นมา เป่าดินทรายที่ติดอยู่บนเหรียญทองแดงออกเบาๆ ใช้มือถูอย่างละเอียด เขาเงียบงันอยู่นาน จากนั้นจึงเก็บเหรียญทองแดงนั้นกลับเข้าไปในอก
หูปู้กุยจ้องใบหน้าเขาเขม็ง กล่าวพร้อมถอนหายใจเบาๆ “ท่านแม่ทัพ ท่านตัดสินใจจริงๆ แล้วหรือขอรับ?!”
หลินหว่านหรงไม่ตอบ แววตาเขาประดุจสายฟ้า กวาดมองเด็กน้อยทูเจวี๋ยซึ่งดวงตาแฝงด้วยความหวาดกลัวและความเคียดแค้นชิงชังเหล่านั้นทีละคน ผ่านไปนานถึงถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “พี่หู ท่านลองดูสายตาเคียดแค้นของเด็กพวกนี้สิ เมื่อพวกเขาเติบโต มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นมิตรกับต้าหัวเราหรือไม่?!”
หูปู้กุยเบิกตาโพลง ใช้สายตามีโทสะมองไปยังชาวทูเจวี๋ยหลายครั้ง เด็กน้อยเหล่านั้นตกใจจนเบือนหน้าไปทันที เหล่าหูหัวเราะฮ่าๆ หลายครั้ง กล่าวด้วยท่าทีเ**้ยมหาญ “ไม่เป็นมิตรแล้วจะทำไม?! วันนี้พวกเราฆ่าบิดาของพวกมันได้ วันหน้าลูกหลานของเราก็เข่นฆ่าพวกมันได้เหมือนกัน คนหนุ่มต้าหัวเราไม่มีวันขี้ขลาดตาขาว ยังจะกลัวมันทำไม?!”
เมื่อเห็นหูปู้กุยมีความเ**้ยมหาญเปี่ยมล้น เกาฉิวกลับรู้สึกกังวลยิ่งนัก “เหล่าหู ที่ท่านพูดย่อมไม่ผิด แต่วันนี้สถานการณ์พิเศษ หากปล่อยเด็กและสตรีเหล่านี้ไป เกรงว่าน้องหลินจะต้องแบกรับเสียงก่นด่าไม่รู้จักจบสิ้น ต้าหัวเราจะต้องมีพวกผู้มีความรู้ตำหนิด่าทอเขาว่าสายตาตื้นเขิน มีความเมตตาเยี่ยงสตรี…ชนเผ่านอกด่านฆ่าล้างเมืองได้ เหตุใดพวกเราถึงล้างเมืองไม่ได้…เมตตาธรรมที่มีต่อศัตรูก็คือความโหดร้ายทารุณต่อตนเอง…เฮ้อ หากต้องถูกน้ำลายของเจ้าคนพวกนี้ท่วมจนตาย ไม่สู้ฆ่าเด็กและสตรีเหล่านี้เสียให้มันจบสิ้นกันไปจะดีกว่า”
คำพูดของเหล่าเกานี้กลับรู้แจ้งเห็นจริงถึงแก่นแท้ ฆ่าเด็กและสตรีเหล่านี้ แม้ราษฎรต้าหัวจะรู้สึกว่าโหดร้ายทารุณ แต่ก็ไม่มีผู้ใดตำหนิ ตรงกันข้ามหากปล่อยพวกนางไป เมื่อกลับต้าหัวแม่ทัพหลินก็ไม่รู้ว่าจะต้องรับบริภาษตำหนิติเตียนมากเท่าใด หูปู้กุยมองหลินหว่านหรงครั้งแล้วครั้งเล่า ก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
หลายคนต่างเงียบงันอยู่นาน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงของหลินหว่านหรงดังเอื่อยเฉื่อยขึ้นมา “พี่เกา พี่หู ข้าขอคำชี้แนะจากท่านเรื่องหนึ่ง หัวเซี่ยเราอยู่มานับพันปี เจริญรุ่งเรืองไม่เสื่อมถอย ขุนพลนายทหารชั้นยอดและมีชื่อเสียงมากมายดุจดวงดาราบนท้องนภา มากมายนับไม่ถ้วน พวกท่านปกป้องหัวเซี่ย สร้างบารมีเกริกไกร ผลการศึกยิ่งใหญ่ ให้พวกชนเผ่านอกด่านพอได้ยินนามต่างขวัญผวา มองเห็นก็ต้องหลบหนี เรื่องราวอันเปี่ยมล้นด้วยความสามารถของบรรพชนเหล่านี้เล่าขานไปทั่วทุกสารทิศ แต่พวกท่านทั้งหลายมีกี่ท่านที่ใช่การฆ่าล้างเมืองเพื่อได้รับชัย ทั้งมีกี่ท่านที่อาศัยการฆ่าล้างเมืองเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงอันยั้งยืนยง?!”
คำถามนี้ทำให้หูปู้กุยกับเกาฉิวนิ่งอึ้งทันที ไม่เคยพิจารณาปัญหานี้อย่างถ้วนถี่มาก่อน พอมาคิดดูตอนนี้ก็เป็นเช่นหลินหว่านหรงว่าไว้จริง หัวเซี่ยสืบทอดมานับพันปี ชนะศึกมากจนนับไม่ถ้วน รบพุ่งกับชนกลุ่มน้อยชายแดนไม่ใช่เพียงครั้งนี้เท่านั้น เหล่าบรรพชนปกบ้านป้องเมืองสู้รบกับชนเผ่านอกด่านและคนเถื่อน ไม่เคยได้ยินว่าท่านใดที่อาศัยการฆ่าล้างเมืองเพื่อให้ได้ชัย เมื่อทอดสายตามองคนรุ่นก่อนผู้มีความสามารถ หากต้องการหาขุนพลผู้มีชื่อเสียงซึ่งฆ่าล้างเมืองก็ยากยิ่งนัก
เกาฉิวส่งเสียงจึ๊จ๊ะด้วยความประหลาดใจ “เอ๊ะ?! เป็นเช่นนี้จริงด้วย น้องหลิน ที่เจ้าพูดเรื่องนี้เพื่ออะไรกันแน่?!”
หลินหว่านหรงถอนหายใจแผ่วเบา ทอดสายตามองเด็กและสตรีที่มีอยู่เต็มพื้นที่นี้ สายตาหนักอึ้งอย่างหาที่เปรียบมิได้ กัดฟันกรอดพร้อมพูดออกมาเบาๆ “เพราะ…พวกเราคือคน ไม่ใช่หมาป่า!”
พวกเราคือคน ไม่ใช่หมาป่า! หูปู้กุยกับเหล่าเกาพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกัน พลันรู้สึกว่าประโยคนี้ของหลินหว่านหรงพูดออกมาจากความคิดภายในก้นบึ้งจิตใจของพวกเขา
“คนย่อมมีสัญชาตญาณแห่งความเป็นคน ชาวต้าหัวเราจิตใจดีเมตตา นี่เป็นสิ่งที่ฝังลึก มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดกาล ชนเผ่านอกด่านป่าเถื่อนดุร้าย แม้แต่ร่างของคนในเผ่าตนก็ยังเหยียบย่ำได้ เรื่องนี้หากเปลี่ยนเป็นต้าหัวเราก็ไม่มีวันเกิดเรื่องเช่นนี้เป็นแน่ ถ้าหากพวกเราเลียนแบบชาวทูเจวี๋ย ฆ่าเพื่อฆ่าเพียงอย่างเดียว นั่นถือเป็นการทำลายสัญชาตญาณแห่งความเป็นคนของพวกเรา ช่วงที่สัญชาตญาณแห่งความเป็นคนถูกขจัดไป ไม่ใช่แค่ความเจ็บปวดเสียใจของพวกเราแต่ละคน แต่ยิ่งเป็นความเจ็บปวดเสียใจของชนชาติเราทั้งชนชาติ นับจากนั้นพวกเราจะกลายเป็นหมาป่าชั่วร้ายที่กลืนกินพวกเดียวกันเฉกเช่นชาวทูเจวี๋ยนั่น! พี่เกา พี่หู พวกท่านยอมเห็นการมาถึงของช่วงเวลานี้หรือ?!”
กลายเป็นหมาป่าทูเจวี๋ยที่ชั่วร้าย? หูปู้กุยและเกาฉิวสองคนตัวสั่นด้วยความหนาวเหน็บพร้อมกัน รีบส่ายหน้าทันที
“ก็ตามนี้ล่ะ” หลินหว่านหรงกล่าวเรียบๆ “โลกนี้ใหญ่มากและสลับซับซ้อนมาก เกรงกลัวความเคียดแค้นชิงชังของผู้อื่นนั่นเป็นการกระทำของคนขี้ขลาด แต่หากอาศัยการเข่นฆ่าเด็กและสตรีเพื่อเพิ่มขวัญกล้า ไม่สู้สร้างตนเองให้แข็งแกร่ง ให้คนที่เคียดแค้นชิงชังไม่กล้าเคียดแค้นชิงชังจะดีกว่า…” เขาหยุดครู่หนึ่ง โบกมือเบา ๆ “…ตัดเสบียง ไล่เด็กและสตรีเหล่านี้เข้าไปในทุ่งหญ้า ให้พวกนางอยู่และแตกดับด้วยตัวเองก็แล้วกัน!”
หูปู้กุยผงกศีรษะ หันกลับไปโบกมืออย่างเร็วรี่ ทหารม้าต้าหัวเปิดทางให้อย่างพร้อมเพรียงกัน
เหล่าสตรีชาวทูเจวี๋ยแทบไม่กล้าเชื่อสายตาตนเอง ชาวต้าหัวปล่อยพวกนางจริงหรือ?
ความตกใจระคนหวาดกลัว ความลังเลสงสัย ความมุ่งหวังรอคอย ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด มีสตรีชนเผ่านอกด่านที่มีความกล้าหลายคนเคลื่อนฝีเท้าอย่างแช่มช้า ทดสอบปฏิกิริยาของทหารม้าต้าหัว เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ บรรดาสตรีชาวทูเจวี๋ยจึงรีบกู่ร้อง จูงลูกเด็กเล็กแดงวิ่งห้อตะบึง ภาพเช่นนั้นประหนึ่งเกี๊ยวที่เดือดพล่านอยู่ในกระทะ เสียงกรีดร้องของสตรี เสียงร่ำไห้ของเด็กน้อยดังสลับกันไปมา สะท้อนก้องไปทั่วทุ่งหญ้า