(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 428 นายแม่งปล่อยมือสิ / ตอนที่ 429 เริ่มจัดการหน้าที่ต่อจากนี้
- Home
- (Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์
- ตอนที่ 428 นายแม่งปล่อยมือสิ / ตอนที่ 429 เริ่มจัดการหน้าที่ต่อจากนี้
ตอนที่ 428 นายแม่งปล่อยมือสิ
ซือเหยี่ยนผลักประตูเปิดเข้าไปด้วยความระมัดระวัง จากห้องรับแขกไปห้องครัวก็ไม่เห็นเงาของเจียงมู่เฉินเลย
เดิมทีหัวใจที่พองโตขึ้นมาก็ห่อเ**่ยวลงไปในพริบตา คิดๆ ดูก็ใช่ ตอนนี้เจียงมู่เฉินควรจะอยู่ที่บ้านตระกูลเจียง แล้วจะมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ได้ยังไง
ซือเหยี่ยนรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองมีอาการเหมือนผีเข้านิดหน่อยแล้ว จะคิดถึงเจียงมู่เฉินได้อย่างไม่คาดคิด
บนโต๊ะอาหารยังมีอาหารหน้าตาสวยงามวางไว้อยู่ อุณหภูมิอุ่นกำลังพอดี มองดูแวบแรกก็รู้ว่าเพิ่งจะทำเสร็จออกมา
เจียงมู่เฉินทำอาหารไม่เป็น จุดนี้ซือเหยี่ยนเข้าใจลึกซึ้งกว่าใคร
รู้จักกับเจียงมู่เฉินมาตั้งหลายปีขนาดนี้ จะมีก็แต่ครั้งเดียวเท่านั้นที่อยู่ในคฤหาสน์ของตัวเอง เจียงมู่เฉินเคยทำอาหารให้เขา แต่ครั้งนั้นทำให้ห้องครัวเขาเละไม่เป็นท่า
ดังนั้นเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่เจียงมู่เฉินจะทำอาหารแบบนี้ออกมาได้
แต่ถ้าไม่ใช่เจียงมู่เฉิน แล้วจะเป็นใครไปได้
หรือว่าจะเป็นพ่อแม่เขา เป็นห่วงที่เขาทำงานล่วงเวลา ไม่มีเวลากินข้าว เลยให้คนมาทำให้เขาไว้ล่วงหน้าเหรอ
สายตาซือเหยี่ยนมาหยุดอยู่ที่เทียนไขที่ยังคงติดไฟอยู่
ร่างกายสูงใหญ่ของเขาสั่นสะเทือน นี่เป็นสิ่งที่เขาเห็นตอนที่เขาไปเดินซื้อของกับเจียงมู่เฉินอยู่ครั้งหนึ่ง
ตอนนั้นเจียงมู่เฉินยังพูดล้อเล่นอยู่เลยให้วันนั้นเขาทำอาหารสำหรับดินเนอร์ใต้แสงเทียน
แต่น่าเสียดายพวกเขายังไม่ทันได้ใช้ ก็ถูกคุณแม่เจียงมาพบเข้าเสียก่อน แล้วเลิกกับเจียงมู่เฉิน
ซือเหยี่ยนมองดูเปลวไฟเล็กๆ นั้น หัวใจก็ค่อยๆ จุดประกายไฟแห่งความดีใจขึ้นมาอย่างช้าๆ รู้ว่าเทียนไขแบบนี้มีเพียงแค่เจียงมู่เฉินเท่านั้น
เขานึกถึงก่อนหน้านี้ไม่นานที่เจียงมู่เฉินโทรมา ในใจก็มีอะไรอยากเอ่อล้นออกมา
ซือเหยี่ยนหันหลังเดินออกจากห้องครัวไป แล้วเดินตามทางเข้าไปข้างใน ก็เห็นแค่ประตูห้องนอนที่เปิดเอาไว้เพียงครึ่งหนึ่ง
ข้างในมีไฟเปิดอยู่ ซือเหยี่ยนยื่นมือผลักประตูเดินเข้าไป ในห้องน้ำมีเสียงน้ำดังออกมา
‘ถ้าถึงเวลานี้แล้ว ยังไม่เข้าใจอีก งั้นเขาก็เป็นคนโง่จริงๆ แล้ว’
นอกจากเจียงมู่เฉินแล้วใครจะวิ่งเข้าไปอาบน้ำแบบไม่สนใจอะไรขนาดนี้ได้
ซือเหยี่ยนยับยั้งชั่งใจที่ฮึกเหิม ยื่นมือไปผลักเปิดประตูห้องน้ำ
เจียงมู่เฉินอารมณ์ดีมาก ขณะที่อาบน้ำอยู่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะฮัมเพลง อาบน้ำไปด้วย ฮัมเพลงที่ไม่เป็นทำนองไปด้วย
แต่เขากลับยังทำหน้าพึงพอใจ รู้สึกว่าตัวเองร้องเพลงเพราะกว่านักร้องเสียอีก
เสียงข้างในกลบเสียงเปิดประตูของซือเหยี่ยนแล้ว ซือเหยี่ยนเห็นเงาร่างเพรียวยาวท่ามกลางไอร้อน ดวงตาก็จมดิ่งในอารมณ์เสียเดี๋ยวนั้น
เขามองดูเจียงมู่เฉินที่อยู่ข้างใน ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เอามือขึ้นมาจัดการปลดกระดุมบนเสื้อสูทของตัวเอง
ซือเหยี่ยนวางเสื้อผ้าไว้ข้างๆ เสื้อเชิ้ตก็ไม่ถอด เดินเข้าไปทั้งอย่างนี้
เจียงมู่เฉินกำลังอาบน้ำเพลินๆ ก็โดนคนมากอดเอวไว้จากทางด้านหลัง
เพียงชั่วพริบตานั้น เจียงมู่เฉินหัวชาไปหมดแล้ว ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงกัดเขาไปคำหนึ่ง “รีบร้อนขนาดนี้เชียว”
เจียงมู่เฉินเอามือผลักเขาออก “คุณชายอาบน้ำอยู่ นายเข้ามาในนี้ทำไม”
ซือเหยี่ยนจับเขาปรับท่าปรับทาง กดเขาแนบชิดเข้าผนังกระเบื้องด้านหลัง “เพื่อประหยัดเวลา พวกเราทำด้วยกันเถอะ”
เจียงมู่เฉินมองเขาแล้วขบกรามเงียบๆ เขาไม่อยากจะทำอะไรด้วยกันกับซือเหยี่ยน
“นายออกไปสิ คุณชายไม่ได้อยากจะทำอะไรกับนายสักหน่อย”
ซือเหยี่ยนหาได้ฟังกันไม่ กดมือเขาไว้เสียเลย “สายไปแล้ว ตอนนี้ผมเพียงแค่อยากทำอะไรด้วยกันกับคุณ”
เสียงต่ำของเขาพูดจบ ก็ประกบจูบเจียงมู่เฉินไปทีหนึ่ง เสียงริมฝีปากที่สัมผัสกันดังขึ้นมาทำเอาเจียงมู่เฉินคนหน้าหนาหน้าทนค่อนข้างจะรู้สึกกระดากอายเลยทีเดียว
แต่ซือเหยี่ยนกลับทำหน้าเอาจริงเอาจัง ไม่กระดากอายเลยสักนิด ไม่ได้เห็นสิ่งนี้บนใบหน้าเขาทั้งนั้น
เจียงมู่เฉินปวดขมับ เขาออกแรงขยับมือ แต่กลับถูกซือเหยี่ยนกดไว้จนขยับเขยื้อนไม่ไหว
“นายแม่งปล่อยมือสิ” เจียงมู่เฉินเริ่มจะระเบิดลงแล้ว
ซือเหยี่ยนฉวยโอกาสเอามือเขาวางบนเสื้อผ้าของตัวเอง “ช่วยสักหน่อยสิ”
เจียงมู่เฉินขบกราม “ไม่อยากช่วย”
ซือเหยี่ยนหรี่ตาลงเล็กน้อย แสดงท่าทีน้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด “เฉินเฉิน ผมอยากให้คุณช่วยผม”
ตอนที่ 429 เริ่มจัดการหน้าที่ต่อจากนี้
เจียงมู่เฉินมองดูซือเหยี่ยน เห็นสีหน้าอารมณ์ที่แสดงออกบนใบหน้าของเขาที่ไม่ยอมถอยเลยสักนิด จึงจำใจต้องส่งมือไปช่วยเขา
ทั้งสองคนอาบน้ำกันอย่าง ‘ลึกซึ้ง’ ตลอดหัวจรดเท้า กว่าจะออกมาอีกครั้ง เทียนไขบนโต๊ะก็ใกล้จะเผาไหม้จนหมดแล้ว เจียงมู่เฉินขาอ่อนปวกเปียกนั่งเป็นอัมพาตอยู่บนเก้าอี้
เขาเห็นเทียนไขเป็นแบบนั้นก็ขบกราม เดิมคิดอยากจะโรแมนติกกับซือเหยี่ยนสักหน่อย มีดินเนอร์ใต้แสงเทียนอะไรอย่างนี้
‘ตอนนี้เป็นยังไงล่ะ ซือเหยี่ยนกินอิ่มแล้ว ส่วนท้องเขายังหิวอยู่เลย ยังไม่ได้กินอะไรเลยนะ’
เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองซือเหยี่ยนด้วยสีหน้าไม่รับแขก ส่วนซือเหยี่ยนออกกำลังจนอารมณ์ดีสดชื่นไปแล้ว
เขาเห็นท่าทางของซือเหยี่ยนที่ได้สนองความต้องการของตัวเองแล้ว ก็อดจะยกเท้าขึ้นมาถีบใส่ซือเหยี่ยนไปทีหนึ่ง ผลสุดท้ายออกแรงมากเกินไป ไม่ระวังจนร้าวไปถึงบริเวณที่ปวดอยู่
เจ็บแปลบจนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
ซือเหยี่ยนกินก็ได้กินแล้ว หน้าที่ต่อจากนี้ก็ต้องทำให้ดีเป็นธรรมดา
แฟนตัวเองตอนนี้รู้สึกไม่สบายตัว เขาเองก็จะทำตัวสบายไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ซือเหยี่ยนจึงเอ่ยถามขึ้น “ของพวกนี้คุณเป็นคนเตรียมเหรอ”
เจียงมู่เฉินมองเขาแวบหนึ่งอย่างไม่สบอารมณ์ “หรือว่าจะยังเป็นนายได้ล่ะ”
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเล็กน้อย มองดูเจียงมู่เฉิน “เฉินเฉิน ผมมีความสุขมากนะ”
เจียงมู่เฉินทำหน้าขรึม แต่พอได้ยินคำพูดนี้ของซือเหยี่ยน กลับอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย
เพื่อจะไม่แสดงออกถึงความดีใจจนออกนอกหน้าเกินไป เจียงมู่เฉินจึงถลึงตาใส่ซือเหยี่ยน “อาหารเย็นหมดแล้ว”
ซือเหยี่ยนยิ้มอย่างอ่อนโยน “ผมจะเอาไปอุ่นให้” ขณะพูดก็จะหยิบขึ้นมาด้วย
เวลานี้ก็ค่ำลงแล้ว เจียงมู่เฉินคร้านจะเรื่องเยอะ เขายื่นมือไปขวางซือเหยี่ยนไว้ “ไม่ต้องหรอก กินมันแบบนี้เถอะ”
มีหรือที่ซือเหยี่ยนจะทำใจให้เจียงมู่เฉินกินอาหารเย็นๆ ได้ลงคอ เขาก้มหน้าเข้าไปใกล้ ก่อนจะจูบเจียงมู่เฉิน “ไม่เป็นไร ไม่จำเป็นต้องเห็นใจผมหรอก”
ขณะพูดก็ยื่นมือไปยกอาหารที่อยู่บนโต๊ะเข้าห้องครัวไป อุ่นร้อนใหม่อีกครั้ง
เจียงมู่เฉินยกมือขึ้นมาเช็ดแก้มที่ถูกเขาจูบ เอ่ยอย่างไม่อย่างสบอารมณ์ “ฉันไม่ได้เห็นใจนายสักหน่อย”
เขาเช็ดๆ ถูๆ ไป กลับอดไม่ได้ที่จะลูบตรงบริเวณที่ถูกซือเหยี่ยนจูบ นัยน์ตาประกายรอยยิ้ม
‘สกิลความซึนเดเระ [1] ของคุณชายเจียงมาเต็ม’
ซือเหยี่ยนทำทุกอย่างด้วยความรวดเร็ว เพียงไม่นานก็อุ่นอาหารทุกอย่างเสร็จ ยกออกมาเสิร์ฟใหม่อีกครั้ง
เจียงมู่เฉินยังคงนั่งขดตัวอยู่บนเก้าอี้ ท่าทางเฉื่อยชา ราวกับแมวจอมขี้เกียจตัวหนึ่ง
ซือเหยี่ยนมองเขาด้วยความขบขัน เดินเข้าไปวางอาหารลงต่อหน้าเจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินขี้เกียจขยับมือ จึงเอาแต่นั่งพิงเก้าอี้อยู่อย่างนั้น
ซือเหยี่ยนเห็นแบบนี้แล้ว ก็เอื้อมมือไปดึงเจียงมู่เฉินขึ้นมาวางอยู่บนตัวเขาแล้วกอดเอาไว้
ผู้ชายตัวโตสองคนทำท่าทางแบบนี้ก็ออกจะดูสนิทชิดเชื้อกันชัดเจนจนเกินไป
แต่ซือเหยี่ยนกับเจียงมู่เฉินกลับไม่มีความรู้สึกทำนองนี้เลยสักนิด เจียงมู่เฉินพิงซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนก็นั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้
คนหนึ่งหลังแข็ง คนหนึ่งหลังอ่อน สองสไตล์มาผสานกันได้อย่างลงตัว
ซือเหยี่ยนเองก็ไม่รีบร้อนจะกิน เขาหยิบตะเกียบคีบอาหารป้อนเจียงมู่เฉิน
เจียงมู่เฉินเองก็เอนกายอยู่บนร่างของซือเหยี่ยนโดยไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย นอกจากอ้าป้ากินข้าวก็ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่น
กอดเขาอยู่แบบนี้ เมื่อมองเข้าไปจากมุมของซือเหยี่ยนก็จะเห็นได้เพียงแพรขนตายาวและสันจมูกตรงของเขา รวมไปถึงริมฝีปากได้รูปนั่นอีก
สำหรับซือเหยี่ยนแล้ว ทุกส่วนบนร่างกายของเจียงมู่เฉินช่างยั่วยวนใจอย่างหาใดเปรียบไม่ได้
ซือเหยี่ยนพยายามให้ตัวเองเบนสายตาหนีออกจากเจียงมู่เฉิน ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะอดใจไม่ไหวไม่รอให้เจียงมู่เฉินกินอาหารเสร็จก่อน ก็อยากจะแปลงร่างเป็นหมาป่าโผตัวเข้าไปตะครุบจับไว้แล้ว
เจียงมู่เฉินไม่มีความรู้สึกระแวงถึงอันตรายเลยแม้แต่น้อย เขาเหมือนแมวตัวหนึ่ง หรี่ตาลงเล็กน้อย ทำหน้าสดชื่นสบายใจ
เขากินไปสองคำก็รู้สึกได้ว่าจนถึงตอนนี้ซือเหยี่ยนยังไม่ได้กินอะไรเลย ซือเหยี่ยนส่งอาหารมาอีกครั้ง เจียงมู่เฉินส่ายหัว “นายกินก่อนเถอะ”
ซือเหยี่ยนยกยิ้มมุมปากขึ้นด้วยความขบขัน “ยังไงกัน ทำใจเห็นผมหิวไม่ลงเหรอ”
[1] ซึนเดเระ เป็นคำจำกัดความของบุคลิกภาพแบบหนึ่ง ที่มักจะปรากฏในการ์ตูน หมายถึง บุคลิกที่เมื่อแรกเริ่มจะไม่เป็นมิตร ดุ และเย็นชา แต่มาภายหลังกลับเปลี่ยนเป็น อ่อนไหว อ่อนหวาน