(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 426 เลือดหลั่งริน / ตอนที่ 427 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
- Home
- (Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์
- ตอนที่ 426 เลือดหลั่งริน / ตอนที่ 427 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
ตอนที่ 426 เลือดหลั่งริน
ข้างนอกประตูมีเสียงจ้อกแจ้กจอแจ เหมือนมีคนกำลังย้ายบ้านอยู่
มั่วไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อย ข้างๆ ห้องเขาไม่ใช่ว่าว่างมาตั้งหลายเดือนแล้วเหรอ ทำไมจู่ๆ ถึงมีคนย้ายมาอยู่ได้
แต่ว่าแต่ไหนแต่ไรมามั่วไป๋ไม่ได้สนใจปัญหาเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว
เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องของคนอื่น ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว
โดนเจียงมู่เฉินทำเสียงดังจนตื่น ตอนนี้ก็นอนไม่หลับแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ถือโอกาสจัดเก็บข้าวของไปเลยแล้วกัน วันนี้รับปากเหยียนอวี้แล้วว่าจะไปเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
มั่วไป๋ลงจากเตียงอย่างเชื่องช้า เก็บเสื้อผ้าอยู่ไม่กี่ชิ้นแล้วแต่จะหยิบ
เขาไม่จำเป็นต้องเอาอะไรไปมากมาย ถึงอย่างไรไปโรงพยาบาลก็ต้องใส่ชุดผู้ป่วยอยู่ดี ไม่ถึงสิบนาที มั่วไป๋ก็จัดของใส่ถุงเสร็จ
เบาหวิวไม่ต่างจากตัวเขาที่ไร้น้ำหนัก
ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ มั่วไป๋เดินเท้าเปล่าอยู่บนพื้นไม้ที่เย็นเฉียบ เขาเดินเข้าไปยังห้องครัว
ข้างในสะอาดเหมือนไม่เคยมีใครเข้ามาก่อน
เขายืนอยู่หน้าทางเข้าห้องครัว รู้สึกใจลอยอย่างแปลกประหลาด ราวกับว่าเห็นไป๋จิ่งยืนอยู่ข้างใน เขาเหมือนจะได้ยินเสียงจึงหันกลับมา เห็นมั่วไป๋เดินเข้ามาก็ยิ้มหัวเราะเบาๆ “ตื่นแล้วเหรอ”
มั่วไป๋อ้าปากกำลังจะพูด เงาคนในห้องครัวก็สลายหายไปในพริบตา
“อืม” เขาเอ่ยขานรับ แต่เสียงนั้นก็ลอยอยู่ในอากาศ นอกจากเขาแล้วไม่มีใครได้ยิน
มั่วไป๋มองห้องครัวที่ว่างเปล่า ทันใดนั้นก็ยกมุมปากล่างขึ้น เจือความเจ็บปวดแสนขมขื่น
เขาเดินถึงหน้าประตูตู้เย็น ยื่นมือดึงเปิดประตูตู้เย็น แล้วหยิบน้ำแร่ข้างในออกมา
“อย่าดื่มของเย็นเลย ท้องคุณไม่ดี ผมจะอุ่นนมร้อนให้คุณนะ”
นิ้วมือมั่วไป๋ที่ถือขวดน้ำแร่อยู่สั่นสะท้าน เสียงไป๋จิ่งอยู่ใกล้มาก เหมือนยืนอยู่ข้างหลังเขาอย่างไรอย่างนั้น
เขารีบหันกลับไปมอง แต่ข้างหลังไม่มีอะไรสักอย่าง
มั่วไป๋กำขวดแก้วในมือแน่นสนิท จับไว้อย่างเอาเป็นเอาตาย หัวใจเจ็บปวดราวกับโดนทิ่มแทง ไล่จากจากทรวงอกมาทีละนิดๆ อย่างช้าๆ แล้วลุกลามไปตามหัวใจทีละน้อยๆ
เขาหลับตาลงพิงประตูตู้เย็น เหมือนอยากจะรอให้ความเจ็บปวดทรมานนั้นค่อยๆ ผ่านพ้นไปทีละนิดๆ
เวลาผ่านไปนานจนกระทั่งคนทั้งคนหายใจไม่ติดขัดแล้ว แพรขนตายาวของมั่วไป๋สั่นไหวโดยไม่ตั้งใจ
ที่แท้ไป๋จิ่งก็แทรกซึมเข้ามาในร่างกายของตัวเองโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวอีกครั้ง เติมเต็มจนประสานเป็นร่างเดียวกันกับตัวเองมาตั้งแต่แรกแล้ว
แยกจากกันไม่ออกโดยสิ้นเชิง
มั่วไป๋จนใจยิ้มอย่างขื่นขม อยากจะดึงคนคนนั้นออกจากร่างกายทีละน้อยๆ
ครั้งนั้น เขาเจ็บปวดจนเลือดหลั่งริน
ครั้งนี้…ก็คงจะยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน…
……
ดื่มน้ำสักหน่อย มั่วไป๋ดูเวลาแล้วหิ้วกระเป๋าเดินทางที่น้อยจนน่าเห็นใจ เดินออกไปทันที
เขามองดูห้องในคอนโดมิเนียมของตัวเอง ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดล็อคประตูไว้
ตอนที่มั่วไป๋ออกไป เดินตัวตรงผึ่งผาย แต่สีหน้ากลับขาวซีดลงเล็กน้อย
หลังจากเขาออกจากที่นั่นแล้ว ข้างห้องก็ยังมีคนเข้าๆ ออกๆ อยู่ตลอดเวลา เพียงไม่นานห้องคอนโดมิเนียมข้างห้องที่ว่างมานานก็ค่อยๆ ถูกเติมเต็มอย่างช้าๆ
“คุณไป๋ครับ ของย้ายเข้ามาทั้งหมดเรียบร้อยแล้วครับ”
ไป๋จิ่งเดินจากข้างในออกมา เขาพยักหน้าพร้อมเอ่ยขึ้น “โอเค ลำบากนายแล้ว”
กลุ่มคนที่มาขนของย้ายบ้านก็ออกจากที่นั่นไปอย่างรวดเร็ว
ไป๋จิ่งไม่ได้ปิดประตู แต่เดินไปยังประตูห้องของมั่วไป๋ ตรงนั้นประตูบานใหญ่ปิดแน่นสนิท ไป๋จิ่งยื่นมือไปลูบประตูบานนั้นเบาๆ
ราวกับว่าใช้วิธีนี้แล้วจะทำให้ตัวเองได้ใกล้ชิดกับมั่วไป๋มากยิ่งขึ้น
เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้นไล่ตามมาจนถึงที่อเมริกา จนกระทั่งด้านได้อายอดย้ายมาอยู่ห้องฝั่งตรงข้ามกับมั่วไป๋
การกระทำทั้งหมดของเขาในตอนนี้ไม่เหมือนกับไป๋จิ่งในตอนนั้นอย่างสิ้นเชิง แต่ไป๋จิ่งกลับไม่รู้สึกผิดแผกไปสักนิด
ตั้งแต่ที่รู้ว่ามั่วไป๋คือหลินฝาน ไป๋จิ่งก็คิดมาเสมอ เขาควรจะทำอย่างนี้มาแต่แรกแล้ว
ตอนนั้นหลินฝานก้าวเดินมาตั้งมากมายหลายก้าวเพื่อเขาได้ขนาดนั้น ตอนนี้มั่วไป๋ไม่ยินดีจะก้าวเดินต่อไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นเขาเอง
ตอนที่ 427 ดินเนอร์ใต้แสงเทียน
ถึงอย่างไรไม่ว่าจะเป็นมั่วไป๋ หรือหลินฝาน เขาก็ไม่คิดจะยอมแพ้ทั้งนั้น
ไป๋จิ่งยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของมั่วไป๋ นัยน์ตาเขามีคำสาบานอย่างจริงใจและหนักแน่น ราวกับว่าตัดสินใจแล้วว่าจะรั้งมั่วไป๋ให้ถึงที่สุด
……
หลังจากเจียงมู่เฉินวางสายจากมั่วไป๋ไปแล้ว ก็นอนอยู่บนโซฟาอยู่นานสองนาน ท้องฟ้าค่ำลงแล้ว
คาดว่าคงอีกไม่นานซือเหยี่ยนก็จะกลับมาแล้ว
เขากลับมาที่นี่ไม่ได้บอกซือเหยี่ยนไว้ ซือเหยี่ยนเจ้าหมอนั่นน่าจะคิดว่าเขาอยู่ที่บ้านตระกูลเจียง
เจียงมู่เฉินครุ่นคิด ตัดสินใจจะทำเซอร์ไพรส์ให้ซือเหยี่ยน
เขาคิดไตร่ตรองอย่างจริงจัง ตัดสินใจจะทำอาหารเย็นให้ซือเหยี่ยน ถึงแม้ว่าเขาจะทำ…ไม่ค่อยเป็น แต่ว่าไม่เป็นไรคุณชายน้อยเจียงอย่างเขาคนที่ออกจะฉลาดขนาดนี้ แม้แต่อาหารจะทำไม่ได้เลยเชียวเหรอ
เจียงมู่เฉินตัดสินใจจะทำตามความคิด พุ่งตัวไปยังห้องครัวทันที ข้างในไม่มีอะไรสักอย่าง
เหลือเพียงแค่ผัดสดที่เหลือจากครั้งที่แล้ว
เจียงมู่เฉินร้อนใจแล้ว เขามองดูผักสดนั้น หนังหัวก็ชักจะเจ็บๆ ขึ้นมา คิดแล้วสุดท้ายก็ยอมจำนนต่อความเป็นจริง
ครั้งก่อนทำอาหารให้ซือเหยี่ยน อีกนิดเกือบจะทำห้องครัวในคฤหาสน์ของซือเหยี่ยนระเบิดแล้ว
ครั้งนี้เป็นบ้านที่พวกเขาเองอย่างเป็นทางการ เขาไม่อยากให้ที่นี่ต้องผ่านเหตุการณ์ภัยพิบัติ
ด้วยเหตุนี้เจียงมู่เฉินจึงตัดสินใจออกไปซื้อของข้างนอก
ตอนที่เขาออกจากคอนโดมิเนียมไปก็เป็นเวลาหกโมงกว่าๆ แล้ว ขณะที่เดินทางไปก็ยังจงใจสืบข่าวคราวความเคลื่อนไหวของซือเหยี่ยนไปด้วย
เห็นว่าเขายังไม่กลับมาอีกสักพัก เจียงมู่เฉินถึงได้วางใจ
ถึงอย่างไรก็อยากจะทำเซอร์ไพรส์ให้เขา ถ้าซือเหยี่ยนกลับมาก่อน ก็จะไม่ใช่การเซอร์ไพรส์เลยสักนิด
เจียงมู่เฉินหยิบมือถือมุ่งหน้าออกจากเขตที่พักอาศัย ไปซื้ออาหารจากร้านอาหารที่อยู่ระแวกข้างๆ ขณะที่กลับไปก็เดินผ่านร้านขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะพอดี
หลังจากที่พวกเขาย้ายมาอยู่ที่คอนโดมิเนียม เขากับซือเหยี่ยนก็เลิกกัน ห้องชุดในคอนโดมิเนียมนี้จึงยังไม่มีความพร้อมและครบครัน
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพวกเครื่องดื่มเหล้าเบียร์หรือไวน์อะไรเลย
เจียงมู่เฉินเดินเข้าไปซื้อไวน์แดงมาสองขวด หลังจากนั้นถึงค่อยกลับบ้านไป
เมื่อมายืนอยู่ที่หน้าประตู เจียงมู่เฉินก็รู้สึกใจแป่วอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกอยู่เสมอว่าที่เข้าไปไม่ใช่บ้านตัวเอง
เขาผลักประตูเข้าไปอย่างระมัดระวัง ข้างในมืดสนิท ดูท่าว่าซือเหยี่ยนจะยังไม่ได้กลับมาจริงๆ เขาอดจะโล่งใจไม่ได้
เจียงมู่เฉินพลิกมือกลับมาปิดล็อคประตู รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องครัว เอาอาหารที่ตัวเองซื้อมาจัดใส่ภาชนะให้เรียบร้อย
จากนั้นก็เอาขวดไวน์แดงวางในแช่เย็นอยู่ในน้ำแข็ง
ทำทุกอย่างนี้เสร็จแล้ว เจียงมู่เฉินยังรู้สึกว่ามีบางจุดขาดอะไรไปสักอย่าง
คิดดูแล้ว เขาก็หยิบเทียนไขที่ซื้อมาเพื่อความสนุกเมื่อครั้งก่อนออกมา
หลังจากนั้นก็เอาอุปกรณ์กินอาหารขึ้นมาจัดแจงบนโต๊ะ แล้วจุดไฟใส่เทียนไข เจียงมู่เฉินจ้องมองผลงานชิ้นเยี่ยมของตัวเองด้วยความเบิกบานใจ รู้สึกว่าสุดยอดจนว่าไม่ได้เลย
เจียงมู่เฉินทำทุกอย่างนี้เสร็จ ยังไม่ถึงหนึ่งทุ่ม เขารู้สึกว่าเมื่อครู่นี้เขาตื่นเต้นไปตื่นเต้นมา ตื่นเต้นจนร่างกายมีกลิ่นเหงื่อออกมา
ถึงอย่างไรซือเหยี่ยนก็ยังไม่กลับมา ตอนนี้จะได้ไปอาบน้ำพอดี
ด้วยเหตุนี้เจียงมู่เฉินจึงเข้าไปในห้องนอนใหญ่ รื้อค้นเสื้อผ้าออกมาจากด้านใน แล้วย่องเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำทันที
……
ซือเหยี่ยนเลิกงานแล้วก็กลับไปยังคอนโดมิเนียมทันที ขณะที่ยืนอยู่หน้าประตูห้องจะเปิดประตูอยู่นั้น ก็อดจะอยากย่องไปบ้านตระกูลเจียงแอบลักพาตัวคนมา
ถ้าไม่ใช่รู้สึกว่าเพิ่งจะได้ความเห็นชอบจากพ่อแม่ของเจียงมู่เฉิน จะชิงตัวก็โจ่งแจ้งเกินไปไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
ถ้าไม่อย่างนั้นพาคนกลับมาตั้งแต่แรก แล้วจะยังอดทนได้จนถึงพรุ่งนี้ได้อย่างไร
ซือเหยี่ยนเอื้อมมือไปเปิดประตู เดิมทีคิดว่าข้างในจะมืดสนิท
แต่ใครจะคิดว่าข้างในจะมีแสงไฟลอดออกมา ไม่เท่านั้นยังมีกลิ่นหอมจางๆ โชยมาด้วย ซือเหยี่ยนตกตะลึงเบาๆ นิ้วมือสั่นขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ
‘เวลานี้เกิดสิ่งที่ปรากฏที่นี่…ก็มีเพียงแค่เจียงมู่เฉินเท่านั้นที่เป็นไปได้’
ซือเหยี่ยนเริ่มประหม่านิดหน่อยโดยไม่ได้ตั้งใจ หายใจดังก็ยังไม่กล้าหายใจออกมา