(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 396 ยังคงพลาดเหมือนเดิม / ตอนที่ 397 สารภาพกับคุณพ่อเจียง
- Home
- (Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์
- ตอนที่ 396 ยังคงพลาดเหมือนเดิม / ตอนที่ 397 สารภาพกับคุณพ่อเจียง
ตอนที่ 396 ยังคงพลาดเหมือนเดิม
เขาไม่อยากให้มั่วไป๋รับการรักษาที่ไม่มีที่สิ้นสุดโดดเดี่ยวแบบนี้ อาการเจ็บป่วยทางใจจำเป็นต้องใช้ยาทางใจรักษา
เขาบอกเรื่องพวกนี้กับไป๋จิ่ง ก็เป็นเพียงแค่การให้โอกาสหนึ่งกับมั่วไป๋
และนี่ก็เป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาทำเพื่อมั่วไป๋ได้แล้ว
เขาเป็นเพื่อนคนสนิทที่สุดของมั่วไป๋ เพียงแค่อยากให้มั่วไป๋พอจะมีชิวิตที่ดีๆ ได้บ้าง
ถ้าไป๋จิ่งทำให้มั่วไป๋กลับมาเป็นเขาคนเดิมเมื่อแรกเริ่มนั้นได้
เช่นนั้นเขาก็จะช่วยดึงเขากลับมา
ส่วนไป๋จิ่งจะไปหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับทางเลือกของตัวเขาเองแล้ว
……
หลังจากเจียงมู่เฉินออกไป ไป๋จิ่งถึงค่อยได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา
ประโยคเมื่อครู่นี้ยังคงวิ่งวกไปวนมาในหัวเขาไม่หยุด มั่วไป๋เขาอยากจะจากไปแล้ว…
เขาเพิ่งจะรู้ว่าว่ามั่วไป๋ก็คือหลินฝาน ยังไม่ทันได้ทำอะไรสักอย่าง เขาก็ต้องการจะไปจากที่นี่แล้ว
ไป๋จิ่งตะกายขึ้นมาจากพื้นกะทันหัน ไม่สนว่าเนื้อตัวจะสกปรกอย่างไรแล้ว มือคว้าหยิบกุญแจรถ แล้วพุ่งตัวออกไปทันที
เขาพุ่งตัวเข้าไปยังลานจอดรถ ขับรถด้วยความเร็วปานจรวดมุ่งหน้าไปยังสนามบิน
ในใจไป๋จิ่งคิดอะไรไม่ออกแล้ว มีเพียงแค่ความคิดเดียว ก็คือจะต้องคว้ามั่วไป๋ไว้ให้ได้
เขาจะปล่อยมั่วไป๋ให้จากไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้เด็ดขาด
ตอนนั้นเขาผิดพลาดไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้จะผิดพลาดอีกไม่ได้เด็ดขาด
เหมือนไป๋จิ่งไม่คิดถึงชีวิตตัวเองแล้ว ขับรถเร็วปานลมกรด เลือดขึ้นหน้า ขอบตาบวมแดง มีหรือท่าทีง่ายๆ สบายๆ แบบเมื่อก่อน
เดินทางจะมาถึงสนามบินอย่างรวดเร็ว ไป๋จิ่งจอดรถลวกๆ อยู่ด้านข้าง แล้วพุ่งตัววิ่งเข้าไป
เนื้อตัวมอมแมมของเขาดึงดูดสายตาผู้คนอยู่ไม่น้อย ถึงอย่างไรเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่ ทรงผมกระเซอะกระเซิง มองดูแวบเดียวก็เหมือนกับคนเร่ร่อนอย่างไรอย่างนั้น
ไป๋จิ่งไม่สนใจสายตาคนรอบข้างเลยสักนิด ในใจมีเพียงแค่ความคิดเดียว คือต้องตามหามั่วไป๋ให้เจอ หลังจากนั้นไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็จะต้องทำให้มั่วไป๋อยู่กับเขาให้ได้
ไป๋จิ่งวิ่งวุ่นราวกับคนบ้าอยู่ในสนามบิน ก่อความแตกตื่นอยู่ไม่น้อย จนแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามเองก็จับตาดูไป๋จิ่งด้วยเช่นกัน
ไป๋จิ่งไม่ได้ชายตามองพวกเขาเลยด้วยซ้ำ เขาพุ่งตรงไปยังเคาน์เตอร์บริการข้อมูลให้พวกเขาช่วยเขาตามหาข้อมูลของมั่วไป๋
พนักงานในเคาน์เตอร์เห็นท่าทางของไป๋จิ่งแล้ว ก็รู้สึกกลัวจนไม่อยากจะช่วยเขาหาข้อมูล
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นสถานการณ์ก็กลัวเขาจะก่อความวุ่นวาย จึงแอบเดินเข้าไปหาเงียบๆ เหมือนกับมีอะไรผิดปกติจะเกิดขึ้น แล้วจะลงมือได้ทันที
“รบกวนช่วยผมหาข้อมูลด่วน ผมมีเรื่องสำคัญมากครับ”
พนักงานในเคาน์เตอร์คนนั้นมองดูไป๋จิ่ง ถึงแม้จะดูน่าตกใจไปบ้าง แต่ท่าทีกลับดูจริงใจอยู่ไม่น้อย
จึงรีบทำตามคำพูดของไป๋จิ่งอย่างรวดเร็ว หาข้อมูลสายการบินของมั่วไป๋
“ขออภัยด้วยครับ เครื่องบินของคุณมั่วไป๋เพิ่งบินขึ้นเมื่อครู่นี้เองครับ”
ไป๋จิ่งได้ยินประโยคนี้ เรี่ยวแรงที่มีทั้งร่างกายเหมือนถูกกระชากออกในพริบตา
เขามองไปยังนอกหน้าต่างด้วยดวงตาคู่นั้นที่ล่องลอย ราวกับว่ามีเพียงแค่แบบนี้เท่านั้นถึงจะเห็นมั่วไป๋จากไปได้
ไม่รู้ว่าไป๋จิ่งคิดถึงอะไรขึ้นมา จู่ๆ เขาก็พุ่งตัวออกจากสนามบิน เขายืนมองดูท้องฟ้าอยู่นอกสนามบิน
เครื่องบินลำหนึ่งได้ทะยานขึ้นสู่ฟ้าไปพอดี เขามองดูเครื่องบินที่ยิ่งห่างไกลออกไปเรื่อยๆ ในใจก็เจ็บกระตุกขึ้นมาระลอกหนึ่ง
เขายังคงมาสายอยู่ดี
เครื่องบินบินขึ้นไปแล้ว
‘ครั้งนี้เขา…ยังคงพลาดเหมือนเดิมใช่ไหม’
ไป๋จิ่งมองดูเครื่องบินลำนั้นที่หายเข้ากลีบเมฆอยู่บนท้องฟ้า หัวใจเขาก็เจ็บปวดรุนแรงหายใจติดขัด
เขาค่อยๆ นั่งยองๆ ลงไปอย่างช้าๆ ขดตัวเข้าหากัน ราวกับว่ามีเพียงแค่ทำแบบนั้นถึงจะทำให้เขาค่อยยังชั่วขึ้น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ ไป๋จิ่งถึงได้ขยับร่างกายอันแข็งทื่อของเขาอย่างช้าๆ
เขาจับราวจับเอาไว้ ค่อยๆ ลุกยืนขึ้นมา เหมือนคนชราดั่งไม้ใกล้ฝั่ง ไป๋จิ่งเงยหน้ามองท้องฟ้าผืนนั้นอยู่นานสองนาน จู่ๆ ก็ยิ้มหัวเราะขึ้นมากะทันหัน
เหมือนเขาจะคิดถึงอะไรได้ สีหน้าหม่นหมองก็มีรอยยิ้มเล็กๆ แต่งแต้มขึ้นมา
ไป๋จิ่งกลับไปที่รถ เขาค่อยๆ ขับรถเคลื่อนตัวออกจากสนามบินไป
ตอนที่ 397 สารภาพกับคุณพ่อเจียง
เจียงมู่เฉินออกจากที่ที่เจอไป๋จิ่งแล้ว ก็มุ่งหน้าไปห้องทำงานของซือเหยี่ยนทันที
เขามีเรื่องอยากจะคุยกับซือเหยี่ยนพอดี แต่พอไปถึงห้องทำงานของซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยนกลับไม่อยู่ที่นั่น
เจียงมู่เฉินตะลึงงันไปพักหนึ่ง ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบกลับมาเท่าไหร่
เขาเห็นเสี่ยวหลิวพอดี จึงเอื้อมมือไปคว้าตัวคนไว้ “ประธานซือของพวกนายล่ะ”
เสี่ยวหลิวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เพิ่งออกไปเมื่อกี้เองครับ คงจะมีธุระมั้งครับ ไม่งั้นคุณก็ติดต่อกับประธานซือดูไหมครับ”
เห็นสถานการณ์แล้ว เจียงมู่เฉินพยักหน้ารับ “ได้ งั้นฉันติดต่อเองแล้วกัน”
เขาหยิบมือถือขึ้นมาโทรหาซือเหยี่ยน
เดิมทีคิดว่าจะรับสายกันเร็วมาก คิดไม่ถึงว่าทางปลายสายจะอยู่ในสถานะปิดเครื่องได้
เจียงมู่เฉินชะงักงันในทันใด เวลานี้ไม่อยู่ห้องทำงาน มือถือยังปิดเครื่องอีก นี่ตกลงว่าซือเหยี่ยนเกิดอะไรขึ้นกันแน่
อีกด้านหนึ่ง ซือเหยี่ยนที่เจียงมู่เฉินเตรียมจะไปหาก็กำลังขับรถไปยังเจียงเฉินกรุ๊ป
ซือเหยี่ยนเอารถมาจอดใต้ตึกเจียงเฉินกรุ๊ป เขามองดูตึกสูงระฟ้า ก็ถอนหายใจเงียบๆ
เขาอยากจะได้รับการยอมรับจากตระกูลเจียงโดยเร็ว จึงทำได้เพียงเป็นฝ่ายมาเองอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป
ถึงอย่างไรตัวเขาเองไปยอมรับเองก่อน อย่างนี้อารมณ์โกรธจัดของคุณพ่อเจียงคุณแม่เจียงจะได้มาระบายลงที่เขา
ไม่ไปลงที่เจียงมู่เฉิน
ซือเหยี่ยนกุมขมับ เดินเข้าเจียงเฉินกรุ๊ปทีละก้าวๆ พร้อมหอบเอาความคิดที่อาจจะถูกไล่ออกไปด้วย
ก่อนจะมาซือเหยี่ยนคิดว่าเรื่องของตัวเองกับเจียงมู่เฉิน คุณแม่เจียงคงจะยังไม่ได้บอกคุณพ่อเจียง
ดังนั้นเขาเข้าไปก็ไม่น่าจะยาก
แต่ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานกี่นาที ถึงจะถูกไล่ตะเพิดออกมา
ซือเหยี่ยนคิดว่าถ้าเจียงมู่เฉินรู้ว่าเขาถูกไล่ตะเพิดออกมา คงจะทนไม่ไหวเชิดริมฝีปากหัวเราะเยาะ
ซือเหยี่ยนเข้าไปเจียงเฉินกรุ๊ปบอกว่าต้องการพบคุณพ่อเจียง เป็นไปตามที่เขาคาดการณ์ไว้ ถูกเชิญให้ขึ้นไปอย่างรวดเร็ว
คุณพ่อเจียงกำลังประชุมอยู่พอดี ซือเหยี่ยนจึงรออยู่ในห้องทำงานของคุณพ่อเจียง
รออยู่ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง คุณพ่อเจียงถึงได้เข้ามา
“ขออภัยเสี่ยวเหยี่ยนด้วยที่ทำให้รอนาน” คุณพ่อเจียงในชุดสูทสั่งตัดพิเศษที่เหมาะเจาะพอดีตัว กาลเวลาไม่ได้ทำให้ใบหน้าเขาทิ้งริ้วรอยมากจนเกินไป
มองอย่างละเอียด เจียงมู่เฉินกับคุณพ่อเจียงมีความคล้ายคลึงกันเจ็ดส่วนเป็นอย่างน้อย
คิดภาพได้ไม่ยาก ถึงแม้ว่าอีกหลายปีให้หลังเจียงมู่เฉินจะเป็นคุณพ่อเจียงในวันนี้ ถึงกระนั้นก็ยังจะต้องดูดีกว่านี้
อวัยวะบนใบหน้าของเจียงมู่เฉินเทียบกับคุณพ่อเจียงแล้ว จะดูสวยกรีดกรายกว่านิดหน่อย
แล้วคุณพ่อเจียงก็โลดแล่นในวงการธุรกิจมาหลายปี จึงดูภูมิฐานมากกว่าอย่างชัดเจน
ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะ “ไม่เป็นไรครับ”
คุณพ่อเจียงได้ให้คนมายกชาเขียวชั้นดีสองแก้วมาให้ เขาดื่มไปสองคำ ถึงค่อยได้เอ่ยปากขึ้น “ทำไมวันนี้ถึงมาหาอาได้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
ซือเหยี่ยนได้ยินคุณพ่อเจียงถามแบบนี้ เขาก็ทำสีหน้าเคร่งขรึมแล้วเอ่ยเปิดประเด็นอย่างจริงจัง “อาเจียงครับ วันนี้ผมมารับผิดครับ”
คุณพ่อเจียงได้ยินคำว่า ‘รับผิด’ สองคำนี้ ก็ชะงักงันไปทันที เอ่ยถามอย่างงุนงง “นายมารับผิดอะไร นายมีความผิดอะไรให้น่ารับเหรอ”
“มีอยู่แล้วครับ”
ซือเหยี่ยนทำเอาคุณพ่อเจียงไปไม่เป็น รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยจะเข้าใจความหมายของซือเหยี่ยนเท่าไหร่นัก
“เสี่ยวเหยี่ยน จู่ๆ นายมารับผิดแบบนี้หมายความว่าไง นายไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ต้องมาขอโทษอา มีอะไรให้น่ารับผิดเหรอ”
ซือเหยี่ยนมองคุณพ่อเจียงอย่างจริงจัง เอ่ยเน้นคำต่อคำ “เรื่องนี้เกี่ยวกับเฉินเฉินด้วยครับ”
คุณพ่อวางแก้วลง มองเขา “นายกับเฉินเฉินเป็นอะไรไป”
เรื่องที่ซือเหยี่ยนกับลูกชายของตัวเองต่างฝ่ายต่างไม่ชอบใจกันมาหลายปี ไม่ว่าอย่างไรเขาก็พอจะได้ยินมาบ้าง
เพียงแต่ว่าเรื่องคนวัยหนุ่มทะเลาะกัน มีอะไรให้ต้องมารับผิดกัน
“เสี่ยวเหยี่ยน นายทำให้อางงไปหมดแล้ว เรื่องระหว่างนายกับเฉินเฉิน แล้วจะมารับผิดอะไรกับอา”
“ผมกับเฉินเฉินคบกันครับ”
จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็ทิ้งระเบิดลงกะทันหัน
คุณพ่อเจียงชะงักไปไม่กี่วินาที ราวกับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาอย่างไรอย่างนั้น ไม่พูดอะไรอยู่พักใหญ่