(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 278 เริ่มสงสัย / ตอนที่ 279 พบหน้าซือเหยี่ยนอีกครั้ง
- Home
- (Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์
- ตอนที่ 278 เริ่มสงสัย / ตอนที่ 279 พบหน้าซือเหยี่ยนอีกครั้ง
ตอนที่ 278 เริ่มสงสัย
เจียงมู่เฉินบนเตียงคนไข้กำมือแน่น เอ่ยประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด เหงื่อผุดตามหน้าผากเขา สีหน้าซีดเซียว
ซังจิ่งเข้ามาจากด้านนอกก็เห็นท่าทางแบบนี้ของอีกฝ่าย เขารีบดึงมือที่กำแน่นของเจียงมู่เฉินให้คลายออกทันที
เจียงมู่เฉินสั่นสะท้าน พลิกมือมากุมมือซังจิ่งไว้
เขาคว้ามือซังจิ่งแล้วเอ่ยพึมพำไม่หยุด “อย่าไป อย่าไป…”
ซังจิ่งหัวใจบีบคั้น รีบกุมมือเจียงมู่เฉินไว้แน่น พลางเอ่ยปลอบใจ “ผมไม่ไป วางใจเถอะ…ผมจะไม่ไปไหน”
เขานั่งลงอยู่ข้างๆ เจียงมู่เฉิน ปล่อยให้อีกคนรั้งมือเขาไปอยู่อย่างนั้น
ราวกับเจียงมู่เฉินกำลังฝันร้ายไม่มีผิด เหงื่อไหลท่วมหน้าผาก ซังจิ่งหยิบเอากระดาษทิชชูที่อยู่ด้านข้างซับเหงื่อบนหน้าผากของเขาอย่างเบามือและอ่อนโยน
บางทีการปลอบประโลมของซังจิ่งก็มีประโยชน์ เจียงมู่เฉินค่อยๆ สงบลงอย่างช้าๆ แล้ว
ซังจิ่งเห็นสถานการณ์แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกมาโดยไม่ตั้งใจ
ตลอดทั้งคืนซังจิ่งอยู่เคียงข้างกายเจียงมู่เฉินตลอด แม้แต่เพียงครึ่งก้าวก็ไม่ละออกไปไหน
……
เช้าวันต่อมา เจียงมู่เฉินค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นอย่างช้าๆ เขาลืมตาก็เห็นห้องพักผู้ป่วย เรื่องเมื่อวานนี้ทุกอย่างกลับเข้ามาในสมอง
เขาอยากจะยกมือขึ้นมากดหัวที่ปวดขึ้นมา กลับพบว่ามีคนกุมมือเขาอยู่
เจียงมู่เฉินมองตามเข้าไป ก็เห็นเพียงซังจิ่งฟุบหน้าอยู่ข้างเตียง รั้งมือเขาไว้อยู่
ท่าทางการขยับมือของเขาทำให้ซังจิ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมานิดหน่อย ซังจิ่งลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เมื่อเห็นเจียงมู่เฉินก็ยันกายขึ้นมานั่งในทันใด “คุณตื่นแล้ว?”
“อืม” เจียงมู่เฉินขานรับ “เมื่อวานลำบากนายแล้ว”
“ไม่เป็นไร คุณตื่นก็ดีแล้ว” ซังจิ่งโล่งใจไปที “เมื่อวานคุณเกือบทำให้ผมตกใจแทบตาย”
เจียงมู่เฉินมองดูเวลา “เมื่อวานฉันเป็นอะไรไปเหรอ”
“คุณกับผมแข่งรถกัน จู่ๆ รถคุณก็เสียการควบคุมพุ่งตัวออกไป อาการโดยรวมคุณไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ไม่มีอะไรปัญหาติดขัด กลับไปพักฟื้นดีๆ ก็ได้แล้ว”
เจียงมู่เฉินพยักหน้า “เมื่อไหร่ฉันถึงจะออกจากโรงพยาบาลได้”
“เดี๋ยวรอหมอเข้ามาตรวจอาการสักพัก ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว”
ซังจิ่งให้เจียงมู่เฉินนอนต่ออีกสักหน่อย ส่วนเขาออกไปข้างนอก
เจียงมู่เฉินนอนอยู่บนเตียงคนไข้ อดจะคิดไม่ได้ว่าฝีมือของเขาถึงแม้จะไม่ได้ถึงขั้นเป็นมืออาชีพ แต่เป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะทำให้รถเสียการควบคุมกะทันหันได้แบบนั้น
อีกอย่างก่อนที่รถทั้งสองคันนั้นจะออกตัวไป ก็ได้ทำการตรวจสอบสภาพแล้ว ไม่ได้มีอันตรายแอบแฝงใดใด
จู่ๆ เขาก็นึกเรื่องที่ระหว่างทางตัวเองปวดหัวอย่างรุนแรงขึ้นมากะทันหันได้
เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกแล้ว
ครั้งก่อน เขาเองก็เคยประสบเหตุการณ์แบบเดียวกัน
ครั้งนั้นเกือบจะโดนชนกับครั้งนี้ที่หมดสติไปกะทันหัน ล้วนแล้วแต่ทำให้เขาเกิดอาการปวดหัวอย่างสาหัสทั้งสิ้น
เจียงมู่เฉินหรี่ตา ร่างกายเขาเกิดปัญหาอะไรกันแน่ หรือว่าจะเป็นเพราะอุบัติเหตุเมื่อห้าปีก่อนนั้น?
หลังจากตั้งแต่ที่สูญเสียความทรงจำในอุบัติเหตุครั้งนั้น หลายปีมานี้เขาก็อยู่อย่างดีมาตลอด ไม่ได้ปรากฏเรื่องทำนองนี้ขึ้นเลย แต่ตอนนี้ในระยะเวลาสั้นๆ ไม่ถึงเดือน คาดไม่ถึงว่าจะปรากฏขึ้นสองครั้งแล้ว
เจียงมู่เฉินขมวดคิ้ว หรือว่าจะเป็นสาเหตุมาจากอาการข้างเคียงอันตรายแฝงที่อุบัติเหตุนั้นทิ้งไว้?
ไม่เพียงเท่านี้ เขารู้สึกว่าในความทรงจำที่ตัวเองสูญเสียไปมีบางเรื่องที่เขาไม่รู้
ครั้งก่อนที่ทะเลาะกันกับซูเตอร์ จู่ๆ ร่างกายเขาก็ปรากฏความคุ้นเคยเรื่องๆ หนึ่งอย่างน่าประหลาดใจเกินจะบรรยายได้ เหมือนเมื่อก่อนเขาก็ทำแบบนี้อยู่บ่อยๆ เป็นประจำอย่างไรอย่างนั้น
ยังมีการแข่งรถครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของเขาอยู่ทนโท่ แต่กลับรู้สึกว่าเมื่อก่อนตัวเองเคยทำท่าทางแบบเดียวกันนั้นอยู่หลายครั้งหลายครา
ข้างในนั้นมีความรู้สึกเคยชินอย่างบอกไม่ถูกซึมซาบผ่านเข้ามา
เจียงมู่เฉินอดจะสงสัยไม่ได้ ตัวเองในอดีตมีความลับอะไรกันแน่
เขาคิดถึงเรื่องที่พ่อแม่เขาไม่ยอมปริปากเอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวกับอุบัติเหตุเมื่อหลายปีก่อนนั้นอีกครั้ง ยังมีคนที่ถานโจวที่รู้จักเขาทั้งหมดไม่รู้ถึงอดีตที่ผ่านมาของเขา
ราวกับมีคนเจตนาลบทิ้งจนเกลี้ยง หรือเก็บซ่อนเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
เจียงมู่เฉินหรี่ตา จู่ๆ ตอนนี้เขาก็อยากรู้อยากเห็นเรื่องราวแต่ก่อนนั้นขึ้นมา ดูท่าว่าเขาจะต้องสืบหาอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาในอดีตใช่หรือเปล่า
ตอนที่ 279 พบหน้าซือเหยี่ยนอีกครั้ง
ซังจิ่งโทรศัพท์เสร็จ กลับเข้ามาจากข้างนอก ก็เห็นเจียงมู่เฉินนอนขมวดคิ้วอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
เขาเดินเข้าไปถามใกล้ๆ “เป็นอะไรไป จู่ๆ สีหน้าถึงได้ดูผิดปกติขนาดนี้”
เจียงมู่เฉินส่ายหัว “ไม่มีอะไร ฉันก็แค่กำลังคิดว่าทำไมจู่ๆ รถถึงเสียการควบคุมได้”
ซังจิ่งสีหน้าเคร่งขรึม “ผมติดต่อสนามแข่งรถไปแล้ว รถคุณคันนั้นผ่านการตรวจสอบแล้วว่าไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นสาเหตุที่เสียการควบคุม ตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่”
“ฉันรู้ ก่อนฉันจะออกตัวไป ก็ตรวจสอบสภาพรถแล้ว ไม่มีปัญหาได้หรอก”
“อย่าเพิ่งคิดเรื่องนี้ไปก่อนเลย เดี๋ยวหมอจะเข้ามาตรวจดูอาการคุณแล้ว ผมจะไปซื้ออาหารเช้ามาสักหน่อย เดี๋ยวพอตรวจเสร็จไม่มีปัญหาอะไร ผมก็จะพาคุณกลับไป”
เจียงมู่เฉินพยักหน้า “โอเค งั้นรบกวนนายแล้ว”
ซังจิ่งไปซื้ออาหารเช้า หลังจากทั้งสองคนกินเสร็จ หมอก็เข้ามาตรวจอาการเจียงมู่เฉินรอบหนึ่ง หลังจากตรวจดูอาการทุกอย่างเสร็จแล้ว หมอถึงได้กล่าวออกมา “ไม่มีอะไร กลับไปพักผ่อนสงบๆ สองวันก็ดีแล้วครับ”
หลังจากทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลแล้ว ซังจิ่งกำลังจะเตรียมพาเจียงมู่เฉินออกจากที่นี่
เจียงมู่เฉินเปลี่ยนชุดผู้ป่วยที่อยู่บนตัวมาสวมใส่เป็นเสื้อทีเชิ้ตตัวเรียบๆ ดูสะอาดเกลี้ยงเกลาเหมือนเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยเลยทีเดียว
“จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว พวกเราออกไปข้างนอกกันเถอะ”
เจียงมู่เฉินพยักหน้า เพราะร่างกายยังไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่ จึงเดินได้อย่างไม่กระฉับกระเฉงนัก
ซังจิ่งมองดูเขา “เอางี้ไหมให้ผมอุ้มคุณ”
เจียงมู่เฉินถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง “เห็นว่าคุณชายอย่างฉันจำเป็นต้องให้คนอื่นอุ้มหรือไง”
ซังจิ่งรู้ดีว่าเขาไม่มีทางเห็นด้วย เดิมทีเขาเองก็พูดไปส่งๆ ไม่ได้คิดจริงๆ ว่าเจียงมู่เฉินจะยอมตกลงได้
ทั้งสองคนออกจากห้องพักผู้ป่วยแล้ว ก็เจอซือเหยี่ยนที่เข้ามาตรวจดูอาการที่โรงพยาบาลพอดี
ซือเหยี่ยนเห็นสีหน้าเจียงมู่เฉินซีดเซียวแบบนั้น คิ้วก็ขมวดผูกปมเข้าหากันทันที เดินเข้าไปถามโดยที่ไม่ทันได้คิดอะไร “ทำไมมาโรงพยาบาลได้ บาดเจ็บมาเหรอ”
เจียงมู่เฉินถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ออกห่างจากเขา “คุณซือ ระหว่างพวกเราไม่สนิทกันมั้ง”
ซือเหยี่ยนหัวใจบีบคั้น หายใจหอบติดขัดบ้างแล้ว
เขากดหน้าต่ำลงมองเจียงมู่เฉิน “บาดเจ็บมาแล้ว”
เจียงมู่เฉินยิ้มหัวเราะ “ฉันบาดเจ็บหรือไม่บาดเจ็บเกี่ยวข้องอะไรกับคุณซือเหรอ” เขาไม่อยากพูดกับซือเหยี่ยนมากเกินจำเป็น มุ่งหน้าเดินแฉลบผ่านอีกฝ่ายไป
ซือเหยี่ยนกลับนัยน์ตามืดดับยื่นมือไปกักตัวคนแล้วฉุดเข้าไปข้างในห้องพักผู้ป่วยของเจียงมู่เฉิน เจียงมู่เฉินที่ยังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับไป ก็โดนซือเหยี่ยนจับกดอัดเข้าผนังทันที
ซังจิ่งรีบตามเข้าไป กำลังจะเตรียมยื่นมือช่วย ประตูก็ถูกซือเหยี่ยนปิดล็อคไว้แล้ว
“ซือเหยี่ยน ปล่อยเจียงมู่เฉินออกมานะ”
เสียงร้องตะโกนของซังจิ่งเข้าหูซ้าย ทะลุหูขวาซือเหยี่ยนไป เขากอดรัดเจียงมู่เฉินไว้แน่นสนิท “ตกลงแล้วบาดเจ็บตรงไหน”
เจียงมู่เฉินโดนเขาเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาขนาดนี้ เพียงเสี้ยวนาทีก็เวียนหัวจนไม่ไหว สีหน้าซีดลงในทันใด
เขากระชับจับเสื้อผ้าของซือเหยี่ยนไว้แน่นหนา เสียงต่ำเอ่ยตวาดใส่ “นายแม่งอย่าเหวี่ยงแล้วได้ไหม”
ซังจิ่งยังตะโกนอยู่นอกประตู ทำให้คนตกใจอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นมีคนจะไปตามคนมาไขเปิดประตูแล้ว
เจียงมู่เฉินกลัวเรื่องราวจะวุ่นวายใหญ่โต รอให้พอหายเวียนหัวสักพักแล้วเอ่ยเสียงต่ำ “ซังจิ่งฉันไม่เป็นไร อีกแป๊บเดียวจะออกมา ไม่ต้องตะโกนแล้ว”
ซังจิ่งได้ยินเสียงเจียงมู่เฉินแล้วถึงได้หยุดลง ข้างนอกเองก็เงียบสงบลงแล้วเช่นกัน
เจียงมู่เฉินถูกกักตัวอยู่ในอ้อมกอดของซือเหยี่ยน เขากดขมับที่ปวดขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “นายถอยออกห่างฉันสักหน่อยก่อนจะได้ไหม ฉันเวียนหัว”
ซือเหยี่ยนเห็นสีหน้าเขาซีดเซียว คิ้วขมวดเกร็งแน่น ท่าทางทรมานเหลือเกิน จึงรีบคลายมือออกเพิ่มระยะห่างนิดหน่อย
เจียงมู่เฉินผ่อนคลายลงสักพัก รู้สึกว่าสบายขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว
ซือเหยี่ยนเห็นสีหน้าเขาพอมีเลือดฝาดกลับมาบ้างเล็กน้อยแล้ว ก็โล่งใจไปที เจียงมู่เฉินเมื่อครู่นี้ดูน่าตกใจกลัวเลยทีเดียวจริงๆ
“คุณเป็นอะไรไป ถึงได้ทำตัวเองกลายเป็นแบบนี้ได้”
เจียงมู่เฉินยกมุมปากขึ้น “ไม่มีอะไร ไม่ทันระวังเลยรถชน”