(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์ - ตอนที่ 144 แค่หนุ่มบาร์โฮสต์เป็นคนคุ้นหน้ากัน / ตอนที่ 145 พะเน้าพะนอคลอเคลียยามเช้า
- Home
- (Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์
- ตอนที่ 144 แค่หนุ่มบาร์โฮสต์เป็นคนคุ้นหน้ากัน / ตอนที่ 145 พะเน้าพะนอคลอเคลียยามเช้า
ตอนที่ 144 แค่หนุ่มบาร์โฮสต์เป็นคนคุ้นหน้ากัน
ความรู้สึกทำนองนั้นก็คือเหมือนเสือชีตาร์แสนดุร้ายที่จู่ๆ กลายร่างเป็นแกะน้อยแสนเชื่อง ดูไม่ชอบมาพากลเหมือนมีความลับรั่วไหลออกมาจากทุกทาง
แต่กลับดูไม่ออกว่าสุดท้ายแล้วไม่ชอบมาพากลตรงไหน
“โอเค ฉันรู้แล้ว ไสหัวไปได้แล้ว” เจียงมู่เฉินเอนกายไปข้างหลังเตรียมตัวจะนอน
ซือเหยี่ยนลูบจมูกป้อยๆ นี่คือใช้เสร็จแล้วทิ้งเลย เขายังคิดว่าเจียงมู่เฉินจะให้เขานอนด้วยคืนหนึ่งแล้วค่อยไปเสียอีก
“ผมจะไปแล้วนะ……” ซือเหยี่ยนแค่พูดแต่ไม่ขยับ “ผมจะไปจริงๆ แล้วนะ……”
เจียงมู่เฉินอยู่บนเตียง ปฏิกิริยาตอบสนองสักนิดก็ไม่มี
ซือเหยี่ยนทำหน้าน้อยใจ “เฮ้อ ดูท่าว่าคุณไม่อยากจะให้ผมอยู่ต่อจริงๆ งั้นผมไปก็ได้ จะได้ไม่ทำให้คุณไม่สบายใจอีก”
“เพียงแต่ว่า ลงจากเครื่องมา ก็ให้คนขับรถมาส่งผมที่นี่เลย เดิมทีผมคิดว่าคุณจะเห็นใจผม ผมเลยให้คนขับออกไปก่อนแล้ว……”
“แต่ก็ช่างเถอะ ดึกขนาดนี้ไม่มีรถ ผมเดินกลับเองก็ได้ พรุ่งนี้เช้าคงจะถึงได้พอดี” เขาพูดไปพลางลุกยืนขึ้นเตรียมจะเดินออกไป “งั้นผมไปแล้วนะ เฉินเฉินคุณก็พักผ่อนดีๆ แล้วกัน”
ซือเหยี่ยนยังไม่ทันได้ก้าวเท้าถึงสองก้าว ก็โดนฉุดดึงกลับมา เจียงมู่เฉินกดเขาลงไปกับเตียงไป “จะพล่ามอะไรมากมาย นอน”
ยามราตรีมืดมิด ซือเหยี่ยนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ สมหวังดั่งใจได้นอนข้างเจียงมู่เฉินบนที่ครึ่งหนึ่งของเตียง เขาผ่อนลมหายใจออกอย่างสบายอารมณ์
ด้านเจียงมู่เฉินลืมตาค้างนอนไม่ค่อยจะหลับ เขานอนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ซือเหยี่ยนรั้งเขาเข้ามากอดด้วยความเคยชิน เป็นครั้งแรกที่เจียงมู่เฉินไม่ดิ้นรนขัดขืน ปล่อยให้เขาโอบเอวอยู่อย่างนั้น
“คิดอะไรอยู่เหรอ” ซือเหยี่ยนงับใบหูเขาไว้
เจียงมู่เฉินรำคาญไม่อยากจะสนใจเขา “ไม่มีอะไร นอนเถอะ”
เขาหาท่านอนที่ทำให้สบายตัวได้แล้ว ดวงตาคู่นี้ปิดลงจนหลับไป ครั้งนี้ไม่ถึงห้านาที เจียงมู่เฉินก็เข้าสู่นิทราไปเป็นที่เรียบร้อย
ซือเหยี่ยนกอดกุมหลังมือของเจียงมู่เฉินไว้แน่น แล้วปล่อยกายนอนหลับ เป็นการนอนที่ดีครั้งแรกหลังจากที่ไม่ได้เจอเจียงมู่เฉินมา
เช้าวันต่อมา แสงแดดสาดส่องทะลุผ่านผ้าม่านมาตกกระทบบนพื้น มั่วไป๋ขยับร่างกายที่ปวดเมื่อย ร่างกายที่ไม่เหมือนปกติทำให้เขาตกใจกลัวเล็กน้อย เมื่อคืนความทรงจำอันบ้าคลั่งถาโถมกลับเข้ามาในหัวทั้งหมด
เขาหลับตาลง ในหัวฉายภาพความทรงจำบางอย่างขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ เขากอดไป๋จิ่งไว้ประทับรอยจูบตามอำเภอใจอยู่อย่างนั้น
ใช้เวลากว่าสองนาทีถึงทำให้ใจสงบลงได้ เขาหันมามองไป๋จิ่งที่ยังนอนหลับอยู่ข้างกาย มั่วไป๋ค่อยๆ ลงจากเตียงอย่างระมัดระวัง สวมเสื้อผ้าที่อยู่ข้างๆ แล้วหยิบเงินสดปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋ากางเกงวางไว้ข้างเตียง จากนั้นถึงค่อยเดินออกไป
เขาคิดเสียว่าเมื่อคืนตัวเองแค่หาหนุ่มบาร์โฮสต์มาช่วยตัวเองที่โดนวางยา ให้คลายฤทธิ์ยาออก แต่บังเอิญว่าหนุ่มบาร์โฮสต์เป็นคนคุ้นหน้ากันพอดีเท่านั้นเอง
มั่วไป๋สีหน้าเย็นชา เดินออกจากคอนโดมิเนียมของไป๋จิ่งไป ราวกับว่าเมื่อคืนนี้เรื่องราวทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
……
อีกด้านหนึ่ง เจียงมู่เฉินนอนอยู่ข้างกายซือเหยี่ยน ทั้งสองคนกอดรัดพันเกี่ยวกันอยู่ใต้ผ้าห่ม
ในห้องเงียบสงัด เหลือแค่เพียงเสียงลมหายใจที่เป็นจังหวะมั่นคง
ทันใดนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา “เฉินเฉิน ใกล้จะเที่ยงแล้ว รีบลงมากินข้าวเร็วลูก”
เจียงมู่เฉินตกใจตื่น ตอบกลับอย่างเอื่อยเฉื่อย “รู้แล้วครับแม่ เดี๋ยวจะรีบลงไปครับ”
“อืม เร็วเข้าล่ะ แม่จะรอลูกอยู่ข้างล่าง”
เจียงมู่เฉินบิดขี้เกียจตามความเคยชิน มือไปโดนเรือนผิวกายอุ่นร้อนพอดี เขาชะงักไปหันมองด้านข้าง ซือเหยี่ยนนอนเอ้อระเหยอยู่ข้างกาย เพิ่งจะลืมตาง่วงๆ ตื่นขึ้นมาได้ไม่นานนี้เอง
“อรุณสวัสดิ์” ซือเหยี่ยนคว้ามือเจียงมู่เฉินที่สัมผัสโดนแผ่นอกของตัวเองขึ้นมาจูบ
‘แม่งเอ๊ย ใจหายหมด’ เจียงมู่เฉินรีบชักมือกลับ เขาลืมไปได้ยังไงว่าบนเตียงยังมีซือเหยี่ยนไอ้คนระยำนั่นนอนอยู่
“นาย นายทำไมยังอยู่ที่นี่อีก” เจียงมู่เฉินนึกขึ้นมาได้กะทันหันว่าเมื่อครู่นี้ยังดีที่แม่เขายังเคารพความเป็นส่วนตัวของเขา ไม่เปิดประตูเข้ามาเอง
ไม่เช่นนั้นมาเห็นเขากับซือเหยี่ยนนอนกันแบบนี้บนเตียง กลัวว่ามีแปดปากก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน
ซือเหยี่ยนมองดูเจียงมู่เฉินที่กำลังลุกลี้ลุกลนแล้วหัวเราะ “คุณถามผมแบบนี้เหรอ เมื่อคืนคุณให้ผมนอนที่นี่ ผมไม่อยู่ที่นี่แล้วจะให้ผมไปไหน”
ตอนที่ 145 พะเน้าพะนอคลอเคลียยามเช้า
ขมับเจียงมู่เฉินอดจะกระตุกสั่นไม่ได้ เมื่อคืนเขาไม่ควรใจอ่อนให้ซือเหยี่ยนไอ้หมอนั่นอยู่ต่อเลย ตอนนี้คนตัวโตขนาดนี้อยู่บนเตียงของตัวเอง จะให้ปีนออกจากหน้าต่างไปก็ไม่ได้
เจียงมู่เฉินเริ่มปวดหัว หรือว่าจะต้องพาไอ้หมอนี่ลงไปข้างล่างด้วย?
‘แล้วถ้าแม่เขาถามขึ้นมาจะอธิบายยังไง’
คิดถึงตรงนี้ เจียงมู่เฉินก็อดจะถลึงตาใส่ซือเหยี่ยนไม่ได้
คนโดนจ้องเขม็งลูบจมูกป้อยๆ ทำไขสือมองเขา เจียงมู่เฉินถอนหายใจ ไม่ช้าก็เร็วคงมีสักวันที่ตัวเองจะต้องตายด้วยเงื้อมมือของซือเหยี่ยน
“งั้นตอนนี้จะทำยังไง” เจียงมู่เฉินลนลานขึ้นมาแล้ว เขากลัวว่าแม่เขารู้จะไล่ฆ่าเขา
แต่ซือเหยี่ยนกลับทำหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาไม่มีผิด เจียงมู่เฉินโมโหจนขบกรามแน่น ยกเท้าถีบเขาแรงๆ ไปที
“ทำไมนายไม่ร้อนใจบ้าง ถ้าโดนแม่ฉันจับได้ขึ้นมา พวกเราสองคนจบกันเลยนะ”
ถึงแม้ว่าเรื่องที่เขาคบกับซือเหยี่ยน ไม่ช้าก็เร็วสักวันพ่อแม่เขาจะต้องจับได้ เขาเองก็ไม่คิดจะปิดเรื่องซือเหยี่ยน แต่ว่าเรื่องราวระหว่างเขากับซือเหยี่ยนในตอนนี้ยังไม่ได้ทำให้ชัดเจน มันยังไม่ใช่โอกาสที่ดีในการเปิดเผยเรื่องนี้
ซือเหยี่ยนคืนสภาพกลับมาเป็นคนหัวสูงขี้เก๊กเหมือนปกติเช่นเดิมแล้ว เขากวาดสายตามองเจียงมู่เฉินที่อยู่บนเตียง “หยิบเสื้อผ้าให้ผมหน่อย คุณจะให้ผมแต่งตัวสภาพแบบนี้เหรอ”
เจียงมู่เฉินขบกรามแน่น อยากพุ่งเข้าไปกัดเขาสักที นี่มันใช่เวลามาห่วงรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเองไหม
แต่ว่าสุดท้ายก็ยังใจอ่อนอยู่ดี เจียงมู่เฉินหาเสื้อผ้าใหม่ที่ตัวเองไม่เคยใส่จากในตู้เสื้อผ้ามาให้เขา
“นี่ ยังไม่เคยใส่”
ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองแวบหนึ่งก่อนจะโยนกลับไป
เส้นเลือดบนหัวเจียงมู่เฉินกระตุกแล้วกระตุกอีก ตอนนี้เขาฆ่าซือเหยี่ยนจับหมกยัดตู้จะเป็นไรไหม แบบนี้แก้ไขสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานได้ไม่พอ ยังไม่ทำให้เขาอกแตกตายด้วย
ซือเหยี่ยนเดินอ้อมเตียงมา ปลดกระดุมบนเสื้อเชิ้ตไป พลางมุ่งหน้าไปยังตู้เสื้อผ้าด้วย
เจียงมู่เฉินมองดูเขาค่อยๆ ปลดกระดุมออกจนหมด จากนั้นถอดเสื้อเชิ้ตออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นร่างกายกำยำกล้ามเนื้อกระชับแน่นวาบไปวาบมาต่อหน้าต่อตาเขา
ซือเหยี่ยนควานหาเสื้อเชิ้ตที่เจียงมู่เฉินเคยใส่ออกมาจากตู้เสื้อผ้า ค่อยๆ ปลดกระดุมออก เอามาสวมคลุมตัว
เขายืนอยู่ตรงนั้นตั้งนานก็ยังไม่แต่งตัวให้เสร็จสักที
เจียงมู่เฉินโมโหจนถลึงตาใส่เขา “นายใส่ให้มันเร็วขึ้นหน่อยจะได้ไหม”
ซือเหยี่ยนเอียงตัวหันมามองเขา “โทษที เพิ่งจะตื่นนอนเวียนหัวนิดหน่อย” จากนั้นถึงได้ค่อยๆ สวมเสื้อเชิ้ตบนตัวเข้าไปดีๆ
เสื้อเชิ้ตของเจียงมู่เฉินเมื่อมาอยู่ในร่างของซือเหยี่ยนก็จะคับนิดหน่อย แต่พอใส่เสื้อสูทเข้าไปก็มองไม่ออกแล้ว
สวมเสื้อผ้าเสร็จ เขาก็เดินเข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน ท่าทางคล่องแคล่วดูคุ้นเคยราวกับอยู่บ้านตัวเองไม่มีผิด
เจียงมู่เฉินรู้สึกว่าหางตาจะดำๆ คล้ำๆ แล้ว เขาเดินตามเข้าไป
คนสองคนอยู่ในห้องน้ำ กระจกสะท้อนภาพคนสองคนที่ทำอะไรๆ เหมือนๆ กัน เจียงมู่เฉินก้มตัวลงไปล้างหน้า กำลังจะเตรียมดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดหน้า ก็โดนซือเหยี่ยนโอบเอวไว้แน่นแล้วประทับรอยจูบลงไป
เขาเบิกตากว้างมองซือเหยี่ยน ไม่นึกถึงน้ำที่ยังไม่ได้เช็ดให้แห้งบนใบหน้าเลย
ซือเหยี่ยนจูบจนพอใจถึงได้ปล่อยมือ เจียงมู่เฉินยึดไหล่เขาไว้ หายใจหอบ “แม่ฉันยังอยู่ข้างล่าง สนใจระวังหน่อยจะได้ไหม”
แววตาซือเหยี่ยนทอประกายความเจ้าเล่ห์ ตั้งแต่ตอนที่เจียงมู่เฉินตื่นนอน เขาก็อยากทำแล้ว ตัวเองพะเน้าพะนอคลอเคลียมาตั้งเท่าไหร่ เจียงมู่เฉินก็ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด
รอให้เจียงมู่เฉินโผเข้ามาจูบเขา เกรงว่ารอถึงพรุ่งนี้ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงพึ่งลำแข้งของตัวเอง
ซือเหยี่ยนผู้ได้ลิ้มชิมความหวานสมใจรับกระดาษทิชชูเช็ดหน้าต่อจากมือเจียงมู่เฉิน หลังจากช่วยเขาเช็ดหน้าอย่างเบามือแล้ว ถึงได้เอ่ยปาก “ไปกันเถอะ คุณชายน้อยเจียงของผม”
โดนซือเหยี่ยนพาลงไปชั้นล่างแบบงงๆ เจียงมู่เฉินถึงเพิ่งรู้ตัว เขายังไม่ได้คิดดีๆ เลยว่าจะอธิบายเรื่องของซือเหยี่ยนกับแม่เขาแบบไหน
เจียงมู่เฉินเอามือกุมหัว ต้องเป็นเพราะเขาโดนจูบจนขาดอากาศหายใจแน่ๆ สมองถึงได้ประมวลผลไม่ได้แบบนี้
แต่ซือเหยี่ยนกลับสุขุมนิ่งสงบ ค่อยๆ เดินลงบันไดช้าๆ ราวกับเดินเล่นอยู่ไม่มีผิด เจียงมู่เฉินขบกรามแน่น รอดูอีกสักพัก ว่าซือเหยี่ยนไอ้หมอนี่จะอธิบายเรื่องเมื่อคืนที่ลอบขึ้นมาที่เตียงเขายังไง
คุณแม่เจียงอยู่ชั้นล่างรอเจียงมู่เฉินเรียบร้อยแล้ว เธอได้ยินการเคลื่อนไหวจากชั้นบนจึงเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นซือเหยี่ยนอยู่ข้างกายเจียงมู่เฉิน สีหน้าตกตะลึงมึนงง……