ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 128 กลซ้อนกล
ซีเหมินจินเหลียนขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรออกมา ฉินเฮ่าจึงถามขึ้นว่า “คุณอยากจะพูดอะไรกันแน่?”
“คนที่คุ้นเคยกับคลับหยก คนที่รู้ว่าเวลานั้นผมจะดับไฟ คนคนนี้จะต้องไม่ใช่คนนอกแน่ๆ” จ่านมู่ฮวาส่ายหน้าแล้วยิ้มออกมา “อีกอย่าง คนอย่างหวังหมิงเหยาจะอยู่จะตายก็ไม่มีอะไรแตกต่าง ฆ่าเขาก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าหมาตัวหนึ่ง คงจะไม่มีใครได้ผลประโยชน์จากเรื่องนี้ เพราะอย่างนั้นเป้าหมายของเขาก็คือทำเพื่อจินเหลียน”
ซีเหมินจินเหลียนไม่เข้าใจ เงยหน้าขึ้นไปมองจ่านมู่ฮวา เป็นเพราะหวังหมิงเหยายุ่งเกี่ยวกับเธอ เขาถึงได้ต้องมาตายอย่างนั้นหรือ?
จ่านป๋ายคิดดูแล้วถึงพูดว่า “ในเมื่อนายบอกว่าฆ่าเขาก็ไม่ต่างอะไรกับฆ่าหมา บางทีนายอาจจะได้ผลประโยชน์ไม่ใช่เหรอ นายอาจจะอยากจะฆ่าเล่นๆ ก็ได้?”
“เสี่ยวป๋าย!” ซีเหมินจินเหลียนทนฟังต่อไปไม่ไหว แม้ว่าหวังหมิงเหยาจะไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับเธอสักนิด แต่อย่างน้อยนี่ก็ถือว่าเป็นชีวิตมนุษย์คนหนึ่ง พวกเขาพูดแบบนี้ก็เกินไป มีคนตายทั้งคน แต่พวกเขากลับนั่งโต้เถียงในประเด็นที่ไม่มีความสร้างสรรค์ อ้อ…จริงสิ ในเมื่อมีคนตายก็ต้องมีคนแจ้งความสิ?
จ่านป๋ายรูดซิปปิดปากอย่างสนิท ส่วนซีเหมินจินเหลียนก็หันไปมองที่จ่านมู่ฮวา “คุณแจ้งความแล้วหรือยัง” เธอเดาว่าเขาคงยังไม่ได้แจ้งความ ไม่อย่างนั้นคลับหยกคงจะไม่เงียบสงัดขนาดนี้ คงถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจค้นตั้งแต่แรกแล้ว
“แจ้งความทำไมครับ” จ่านมู่ฮวาถามกลับ
“นี่คุณ…” ซีเหมินจินไม่พอใจกับท่าทางของจ่านมู่ฮวาที่ไม่รู้เรื่องเช่นนี้ “ที่ของคุณเกิดคดีใหญ่ขึ้นมา แต่คุณกลับไม่ได้แจ้งความเนี่ยนะ?”
“ชีวิตของคนพวกนี้ ในสายตาของเขาแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก” จ่านป๋ายพูดต่ออย่างเยือกเย็น
“ที่ผมเรียกพวกคุณมา ไม่ใช่จะปรึกษาว่าจะทำอย่างไรกับคดีความ แต่พวกเราจะแก้ปัญหาต่อไปยังไงต่างหาก” จ่านมู่ฮวาไม่พอใจจ่านป๋าย พูดขึ้นอย่างฟึดฟัด
“วิธีที่ดีที่สุดนั่นก็คือรักษาสภาพเดิมของที่เกิดเหตุเอาไว้และรีบแจ้งความ!” ซีเหมินจินเหลียนพูดขึ้นอย่างขมขื่น ทำไมพวกเขาถึงได้เลอะเลือนขนาดนี้นะ? มีเงินก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ชีวิตมนุษย์ก็เป็นอีกเรื่อง ตั้งแต่ไหนแต่ไรก็มักพูดกันว่าชีวิตมนุษย์ขึ้นอยู่กับชะตาฟ้า! เรื่องใหญ่แบบนี้ หรือพวกเขาจะแค่ใช้เงินจัดการนิดๆ หน่อยๆ ก็ได้แล้ว?
“จินเหลียน ผมส่งคนไปจัดการที่สถานีตำรวจแล้ว แต่นี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ!” จ่านมู่ฮวาพูด
“แล้วอะไรล่ะที่สำคัญ?” ซีเหมินจินเหลียนผ่อนลมหายใจลง ที่แท้เขาก็แจ้งความแล้วสินะ? ก็ถือว่ายังดี ที่เขายังรู้อยู่ว่าควรจะต้องทำอะไร
“เรื่องสำคัญก็คือ…ใครเป็นคนฆ่าเขา และเป้าหมายของฆาตกรคนนั้นคืออะไร” จ่านป๋ายรับช่วงพูดต่อ
“ใช่!” ฉินเฮ่าพยักหน้าพูด “จริงๆ แล้วหวังหมิงเหยาก็ไม่ได้มีความสำคัญต่อใคร แล้วใครกันที่อยากจะฆ่าเขา”
จ่านมู่ฮวามองไปที่ซีเหมินจินเหลียนและพูดขึ้นว่า “จินเหลียน ที่นี่ไม่มีคนนอก ผมอยากจะถามอะไรคุณสักหน่อย”
“อะไรคะ” ซีเหมินจินเหลียนถามอย่างแปลกใจ
“หวังหมิงเหยา…คุณส่งคนมาจัดการเขาหรือเปล่า?” จ่านมู่ฮวาถามขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนสมองว่างเปล่า เวลาผ่านไปนานเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมา จ่านมู่ฮวาเห็นท่าทีของเธอแล้วก็รู้ว่าตนประเมินสถานการณ์ผิดไป
“ทำไมคุณถึงได้มีความคิดอะไรแบบนี้ได้?” ในที่สุดซีเหมินจินเหลียนก็เรียกสติคืนกลับมาได้และพูดขึ้น
“มีเพียงคุณที่มีแรงจูงใจในการฆ่าเขา” จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดขึ้นมา
ซีเหมินจินเหลียนยิ่งรู้สึกมึนงงมากกว่าเดิม ฆ่าคน? ทั้งชีวิตนี้เธอก็ไม่เคยมีความคิดที่จะฆ่าใครมาก่อน แล้วพวกเขามาสงสัยเธอได้อย่างไรกัน? จ่านมู่ฮวาก็ช่างเถอะ แต่นี่แม้แต่จ่านป๋ายเขาก็คิดแบบนี้ด้วยเหรอ?
“ทำไมฉันจะต้องฆ่าเขาด้วย?” ซีเหมินจินเหลียนถามออกไปซื่อๆ
“เพราะว่า…เขาเคยขู่จะแบล็กเมล์คุณถึงสองครั้ง อีกอย่าง ถ้าหากคุณไม่อยากจะจดจำช่วงเวลาเหล่านั้น ก็มีแต่ต้องจัดการคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องทั้งหมดให้สิ้นซาก” จ่านป๋ายพูดวิเคราะห์ขึ้น เขารู้ว่าซีเหมินจินเหลียนไม่ได้เป็นคนลงมือทำ แต่ปัญหาก็คือ…จากรูปการณ์แล้วเธอเป็นคนที่น่าสงสัยที่สุด
ซีเหมินจินเหลียนทบทวนเล็กน้อยก่อนจะปริปากถามขึ้น “คุณรู้ได้ยังไงว่าเขาขู่แบล็กเมล์ฉันถึงสองครั้ง?” ถ้าหากเธอจำไม่ผิด ทั้งสองครั้งนั้นจ่านป๋ายไม่ได้อยู่ข้างๆ เธอ ในเมื่อเป็นอย่างนี้หรือว่าเขาจะดักฟังมือถือของเธออย่างนั้นเหรอ?
ในเมื่อจ่านมู่ฮวายังสามารถติดตั้งอุปกรณ์พิเศษในคลับหยกเพื่อไว้ให้เธอใช้ฟังเสียงโทรศัพท์ของคุณนายซูได้ แล้วการที่จ่านป๋ายจะทำอะไรกับมือถือเธอมันคงจะไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน
“เห็นได้ชัดว่ามีคนแอบฟังคุณคุยโทรศัพท์” ฉินเฮ่ายิ้มออกมาอย่างประสงค์ร้าย
จ่านป๋ายสีหน้าเรียบนิ่ง “ผมยอมรับว่าผมแอบฟัง แล้วอย่างไรครับ?”
“ฉันไม่เคยมีความคิดที่จะฆ่าใคร และไม่เคยคิดอยากจะลบล้างความทรงจำเก่าๆ นั่น!” จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็เผยยิ้มออกมา “ทำไมฉันต้องลบล้างเรื่องในอดีตทั้งหมดด้วย? เป็นเพราะว่าฉันเคยจนมาก่อน เคยลำบากมาก่อนอย่างนั้นเหรอ?”
มนุษย์เราก็แค่ใช้ชีวิตไปเพื่อเดินหาหนทางแห่งความตายในตอนสุดท้าย ถึงจะเคยจนเคยลำบากตรากตรำมาก่อน แต่นั่นก็เป็นบทเรียนอันล้ำค่า ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ไม่มีทางที่จะไปปกปิดเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาได้หรอก
“จินเหลียน ขอเพียงแค่คุณไม่ได้ฆ่า ถ้าอย่างนั้นผมก็ต้องลากตัวไอ้ฆาตกรคนนั้นออกมาให้ได้!” จ่านมู่ฮวายิ้ม “วันนี้เขาสามารถมาฆ่าหวังหมิงเหยาถึงที่คลับหยกได้ ก็ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้อาจจะมารัวกระสุนยิงจ่อหัวผมก็ได้?” คลับหยกเป็นสถานที่ของเขา แต่คิดไม่ถึงว่าจะยังมีคนมาสร้างคดีฆาตกรรมอย่างโหดเ**้ยมเช่นนี้ได้
“ความจริงแล้ว ถ้าอยากจะหาก็ง่ายมาก” จ่านป๋ายพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
“อ้อ” จ่านมู่ฮวาขมวดคิ้ว “ไม่ทราบว่าท่านมีความคิดเห็นเช่นไรหรือครับ?”
“ง่ายมาก อย่างแรกคนคนนี้รู้ตำแหน่งที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดของคลับหยก ถึงสามารถหามุมหลบกล้องและลงมือฆ่าได้ อย่างที่สองคนคนนี้รู้ถึงความสัมพันธ์ของจินเหลียนกับหวังหมิงเหยา อย่างที่สามคนคนนี้รู้ว่าไฟจะต้องดับ และนั่นถึงเป็นเหตุผลที่เขาสามารถหลบหนีออกไปได้อย่างสะดวกหลังจากที่ไฟได้ดับลง” จ่านป๋ายวิเคราะห์ “และคนที่รู้ทั้งสามข้อนี้นั้น มีไม่เยอะ”
ซีเหมินจินเหลียนฉุกพูดขึ้น “คนที่รู้ทั้งสามข้อ เหมือนจะมีแค่พวกคุณสองคน” แม้แต่ฉินเฮ่าก็ยังไม่รู้ว่าคืนนี้เธอจะใช้ให้จ่านมู่ฮวาดับไฟในคลับหยก โดยใช้เวลาแค่หนึ่งนาทีเพื่อทำให้คลับหยกมืดสงัดลง
เพราะฉะนั้นคนที่รู้สามข้อนี้ก็มีแค่จ่านป๋ายกับจ่านมู่ฮวา คลับหยกเป็นสถานที่ของจ่านมู่ฮวา ไม่มีใครจะคุ้นเคยได้เท่าเขาอีกแล้ว ส่วนจ่านป๋ายก็เป็นคนในตระกูลจ่านเช่นกัน เขาคงจะคุ้นเคยในคลับหยกไม่มากก็น้อย
“ตอนนั้นผมอยู่ที่งานนิทรรศการนะ!” จ่านป๋ายพูด “จ่านมู่ฮวา นายอยู่ที่ไหน” เขาช่วยซีเหมินจินเหลียนสับเปลี่ยนหินหยก เพราะฉะนั้นตอนนั้นเขาไม่ได้ปลีกตัวไปไหน
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่มีความจำเป็นจะต้องฆ่าคน!” จ่านมู่ฮวาสูดลมหายใจลึกๆ และส่ายหน้าพูดออกมา “ถ้าฉันจะฆ่าใคร ฉันก็ไม่ต้องลงมือเอง แค่ปริปากก็มีคนมากมายพร้อมจะไปตายแทนฉันแล้ว แต่ยังมีอีกคนหนึ่งที่รู้การวางหมากในคลับหยกของเรา และเรื่องราวของพวกเรา”
“ใคร?” ซีเหมินจินเหลียนและจ่านป๋ายถามขึ้นพร้อมกัน
“หลินเสวียนหลาน!” จ่านมู่ฮวาพูด
“เขาเหรอ?” ซีเหมินจินเหลียน จ่านป๋ายและฉินเฮ่าหันมามองหน้ากัน เป็นไปได้อย่างไรกัน?
“เรื่องในคืนนี้เขาน่าจะรู้ทั้งหมด ถึงคุณจะให้เขากลับไป แต่เขากลับไปหรือเปล่าใครจะไปรู้” จ่านมู่ฮวาพูด
เพราะว่าเกี่ยวข้องกับหลินเสวียเหวิน เรื่องบางอย่างซีเหมินจินเหลียนจึงไม่อยากให้หลินเสวียนหลานมารับรู้ รวมถึงการเดิมพันหินใหญ่ในคืนนี้ด้วย แต่นั่นมันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาโง่ คนที่ไม่พูดอะไร ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้อะไรเลย
“ทำไมคุณถึงสงสัยเขา” ซีเหมินจินเหลียนรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองไม่เคยเต้นแรงขนาดนี้มาก่อน เรื่องนี้เมื่อเทียบกับข่าวที่หวังหมิงเหยาตายแล้วก็ยิ่งทำให้เธอรับไม่ได้ขึ้นกว่าเก่า
จ่านมู่ฮวายิ้มอย่างมีเลศนัย “เขาขโมยของผมไปบางอย่าง แต่เพราะเห็นแก่หน้าคุณ ผมเลยไม่ได้พูดออกไปก็เท่านั้น”
“อะไรนะ?” ซีเหมินจินเหลียนตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะลุกขึ้นมาในทันที “คุณก็หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว!” หลินเสวียนหลานจะทำเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?
“ของอะไร” จ่านป๋ายไม่ได้ตกใจอะไรนัก เขาถามขึ้นอย่างเรียบเฉย
“แปลนก่อสร้างของห้องจัดนิทรรศการ” จ่านมู่ฮวาพูด “ผมคิดมาตลอดแต่ก็คิดไม่ออกว่าเขาจะเอาสิ่งนี้ไปทำอะไร แต่ตอนนี้ก็พอจะเข้าใจได้แล้ว ที่แท้เขาก็เตรียมตัวมาอย่างดี คุณนายซูใช้หวังหมิงเหยามาเป็นของวางเดิมพัน เกรงว่าคงไม่ใช่ความตั้งใจของคุณนายซูเองหรอก?”
“เขา…ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วย?” ในใจของซีเหมินจินเหลียนยากที่จะสงบความว้าวุ่นได้ ทำไม? ทำไมหลินเสวียนหลานต้องทำแบบนี้?
“คุณชอบผู้ชายหน้าตาดี!” จู่ๆ ฉินเฮ่าก็เอ่ยปากพูดขึ้น “ข้อนี้ผมกับจ่านป๋ายสู้ไม่ได้จริงๆ แต่ว่าไม่ใช่กับคุณชายใหญ่จ่าน ถ้าจัดการคุณชายใหญ่จ่านได้ เขาถึงมีโอกาส!” และนี่ต่างหากคือนิสัยที่แท้จริงของหลินเสวียนหลาน ของที่ชอบเขาจะไม่ไปแก่งแย่ง แต่จะหาหนทางจัดการศัตรูฝ่ายตรงข้ามเพื่อแย่งมันมา แล้วเขาก็จะได้สิ่งนั้นมาครอบครองทุกอย่าง
ยกตระกูลหลินที่ไม่เหลืออะไรเลยให้กับซีเหมินจินเหลียนแล้วยังไง? ขอแค่เขาสามารถแต่งงานกับซีเหมินจินเหลียนได้ ทุกอย่างก็ยังคงเป็นของเขา สาวงามกับหยก เขาก็จะได้ครอบครองทั้งหมด นี่ถึงเป็นเป้าหมายที่แท้จริงของเขา
เรื่องทั้งหมดน่าจะเป็นความตั้งใจของหลินเสวียเหวิน สุนัขจิ้งจอกเฒ่าคนนั้น เขามันก็เจ้าเล่ห์จริงๆ!
ฉินเฮ่าคว้าแก้วคริสตัลหรูทรงสูงขึ้นมารินเหล้าจนเต็มแก้วของตน จากนั้นกระดกดื่มเข้าไปในลำคอ “เขาไม่มีโอกาสที่จะกำจัดคุณชายจ่านได้ และไม่สามารถไปแย่งชิงอะไรกับคุณชายจ่าน แต่การปรากฏตัวของคุณนายซูช่วยพลิกวิกฤติให้เขา เรื่องที่คุณนายซูแอบรักคุณชายจ่านดูเหมือนว่าไม่ใช่ความลับอะไรสินะ?”
ซีเหมินจินเหลียนออกแรงจับเก้าอี้ไม้จันทน์ และเป็นเพราะออกแรงมากไป ข้อนิ้วมือจึงกลายเป็นสีซีดขาว ทำไม…ทำไมถึงเป็นแบบนี้?
หรือการที่คุณนายซูเอาหวังหมิงเหยามาเดิมพันกับจ่านมู่ฮวา จะเป็นความตั้งใจของหลินเสวียนหลาน? หรือว่าเรื่องทั้งหมดก็ถูกพวกเขากำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว?
“ความผิดพลาดครั้งใหญ่ของผม คือผมไม่น่าไปเจียหยางเลย!” ฉินเฮ่าพูด
จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดขึ้นว่า “ที่คุณไปที่เจียหยาง ก็เป็นเพราะความตั้งใจของหลินเสวียนหลานใช่ไหม?”
ฉินเฮ่าพยักหน้า “ผมคิดว่าผมฉลาด แต่จนกระทั่งวันนี้ผมถึงเพิ่งได้รู้ว่า ที่แท้ผมก็ตกเป็นเครื่องมือของเขา ตอนนั้นก็เป็นเขานี่แหละ ที่ให้ผมจีบซีเหมินจินเหลียน”
จ่านป๋ายนั่งพิงกับเก้าอี้ นวดขมับที่ปวดตุบก่อนพูดขึ้นว่า “พวกเราซื้อหุ้นตระกูลหลินนั่นก็เป็นเรื่องที่ผิดพลาดแล้ว แต่ในเมื่อเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้นแล้ว ก็ไม่ควรจะหาว่าใครต้องรับผิดชอบ แต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องฆ่าคนคนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเหรอ?” ความคิดที่จะซื้อหุ้นตระกูลหลิน หากมองผิวเผินก็คงจะคิดว่าเป็นพวกเขาที่เริ่มต้นคิดขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้วนี่ก็เป็นแผนการของหลินเสวียนหลานที่คิดจะหลีกทางในหุ้นบริษัทตระกูลหลินอยู่แล้ว ตอนที่อยู่ในงานประมูลที่เจียหยางนั้น ถ้าห้ามปรามหลินเจิ้งได้ ตระกูลหลินคงไม่ล้มละลายลงถึงขนาดนี้
แต่เขากลับเฝ้าดูอยู่เรื่อยๆ มองหลินเจิ้งที่ทำให้ตระกูลหลินค่อยๆ ล้มละลายลงจนหาทางออกไม่เจอ