ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนที่ 115 หินแปลกจากคนประหลาด (2)
ซีเหมินจินเหลียนครุ่นคิดไปมาแต่ก็ยังรู้สึกไม่เชื่อเขา พูดออกไปว่า “เรื่องนี้เดี๋ยวค่อยพูดกันทีหลัง คุณจำไว้ว่าคุณเป็นหนี้บุญคุณฉันก็พอ”
“เห็นได้ชัดว่าหากคุณชนะคุณก็ได้หุ้นของบริษัทหมิงฮุยจิวเวอรี่ไปเต็มๆ ทำไมผมถึงติดหนี้บุญคุณคุณได้?” จ่านมู่ฮวาสีหน้าบอกบุญไม่รับ แล้วแกล้งทำเป็นท่าทางที่น่าสงสาร
“บางทีฉันอาจจะทำให้คุณแพ้พวกเขาก็ได้!” ซีเหมินจินเหลียนอมยิ้ม การเดิมพันในวันพรุ่งนี้ เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี โดยเฉพาะการแก่งแย่งเดิมพันในงานหินใหญ่ที่น่าตื่นเต้นในวันนี้ เกรงว่าจุดประสงค์ของคนพวกนี้ไม่ได้อยากจะชนะเพื่อแก่งแย่งหินหยกก้อนนั้นมาจากคนอื่น และไม่น่าจะทำเพื่อเงินหนึ่งล้าน ดูเหมือนว่ากำลังทดสอบพฤติกรรมอะไรอยู่!
จู่ๆ ซีเหมินจินเหลียนก็รู้สึกว่า ทดสอบพฤติกรรมคำนี้ เมื่อถูกใช้ในที่แห่งนี้ก็เหมาะสมที่สุดแล้ว
“ผมเชื่อว่าคุณไม่ทำให้ผมแพ้เขาหรอก แต่ผมก็ต้องทำเป็นคนตัวเล็กไว้ก่อนแล้วภายหลังค่อยยิ่งใหญ่” จ่านมู่ฮวาพูด “ถ้าหากเป็นเรื่องส่วนตัวของคุณ แม้ว่าจะต้องใช้ชีวิตของผม ผมก็จะไม่โทษใครทั้งนั้น แต่ถ้าหากเป็นเรื่องของจ่านมู่หรง ถึงแม้ตอนนี้ผมรับปากกับคุณ แต่ภายหลังอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
“นายมันก็กลับกลอกเปลี่ยนไปมาได้เก่งจริงๆ” จ่านป๋ายยิ้มอยู่ข้างๆ ซีเหมินจินเหลียน “วางใจได้ นี่เป็นเรื่องของจินเหลียน ถ้าเป็นเรื่องฉัน ถึงตายฉันก็ไม่ขอร้องนายหรอก”
“นี่เป็นการทำธุรกิจ” ซีเหมินจินเหลียนกะพริบตาปริบๆ พูดอย่างอ่อนโยน เรื่องของจ่านมู่ฮวาทั้งหมดเป็นเรื่องเกี่ยวผลประโยชน์เป็นหลัก เพราะฉะนั้นเธอจึงเน้นคำว่าธุรกิจสองคำนี้อย่างหนักแน่น ระหว่างเธอและเขา มีเพียงแค่เรื่องธุรกิจเท่านั้น แม้ว่าในการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้ สำหรับหมายเลขที่เธอวางเดิมพันไปจะชนะ แต่ท้ายที่สุดก็ยึดหลักข้อตกลงตั้งแต่ครั้งแรก ห้าต่อห้าแบ่งกัน เธอไม่อยากได้เงินของเขาแม้แต่น้อย อย่าพูดถึงเรื่องเงินนั่นให้คุณ ใช้ยังไงก็ได้ตามสบายเลย…
จ่านมู่ฮวาถอนหายใจออกมา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้การวางเดิมพันในหินใหญ่จบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากคณะกรรมการตัดสินเริ่มพูดประโยคไร้สาระจบ ก็มาถึงช่วงสำคัญในการเจียระไนหิน
การเดิมพันหินครั้งใหญ่คืนนี้ก็คึกคักมาก เพราะฉะนั้นมีเครื่องเจียระไนวางตามพื้นถึงยี่สิบสามเครื่อง เริ่มการเจียระไนในสถานที่กว้างใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นผู้เข้าร่วม หรือคนที่มาดูความคึกคักทั้งหมดต่างมารวมตัวกัน
ซีเหมินจินเหลียนกับจ่านป๋ายถูกเบียดเสียดท่ามกลางผู้คน ส่วนจ่านมู่ฮวาเพียงชั่วพริบตาเดียวก็หายไปไม่เห็นแม้แต่เงา
ผู้เชี่ยวชาญในการเจียระไนมีฝีมือที่ชำนาญคล่องตัว ไม่นานก็เจียระไนหินทั้งหมดออกมาได้ เป็นหินหยกสีเขียวอ่อนเนื้อน้ำแข็ง ที่ทำให้ผู้พบเห็นมองอย่างชื่นชมไม่หยุดหย่อน แถมยังเป็นชนิดเนื้อน้ำแข็งที่โปร่งใสน้อย คุณสมบัติถือว่าไม่ได้ย่ำแย่เลยทีเดียว
ที่เหลือนั้นค่อนข้างธรรมดา เมื่อวางตรงกลางเวทีก็ไม่ได้โดดเด่นอะไรไปกว่ากัน หินหยกหมายเลขยี่สิบที่ซีเหมินจินเหลียนสนใจ หรือที่จ่านป๋ายบอกว่า หยกสีแดงของคนญี่ปุ่นรายนั้นก็ถูกเจียระไนออกมาแล้ว
สีของหยกแดงพอใช้ได้ แดงเข้มไปทางมืดหน่อย แต่ก็เป็นเนื้อแก้วที่ไม่เลว สีสันใสสะอาด ทำให้ผู้คนที่ชื่นชอบในหยกสีแดงแทบจะร้องไม่ออก กระทั่งบางคนเริ่มรู้สึกเสียดายว่าทำไมไม่วางเดิมพันไปที่หมายเลขยี่สิบ
น่าจะเป็นความตั้งใจของคนญี่ปุ่น คนส่วนมากไม่ได้ให้ความสนใจไปที่หินหยกก้อนนี้ แม้กระทั่งอาจจะมีคนสนใจบ้าง แต่เพราะว่าเหตุผลในใจ ก็ไม่ยินยอมที่วางเดิมพันลงไปที่เขา
ตามไปด้วยหินหยกหมายเลขเก้าก็ถูกเจียระไนออกมา สองมือของผู้เชี่ยวชาญเจียระไนหินหมายเลขเก้าสั่นไปหมด เขายกหินหยกไปวางไว้ที่ป้ายหมายเลขด้านล่าง ภายใต้แสงไฟ หยกสีน้ำเงินราวกับท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งใสสะอาด กะพริบวิบวับดูแวววาว
ไม่มีโอกาสให้ผู้คนได้หายใจพักผ่อน หินหยกหมายเลขสิบเจ็ดก็มีแสงวิบวับเผยออกมาให้คนเห็นกลางงาน
“สีเขียวจักรพรรดิ นี่เป็นสีเขียวจักรพรรดิในตำนาน!” ท่ามกลางผู้คน มีคนร้องเสียงหลงออกมา
ถึงแม้จะเล่นหยก บางคนถึงแม้เล่นมาทั้งชีวิตก็ไม่สามารถพบเจอสีเขียวจักรพรรดิจริงๆ สักก้อนหนึ่ง แต่ตอนนี้หินหยกสีเขียวจักรพรรดิก้อนนี้ วางอยู่บนโต๊ะตรงกลางในการเดิมพันหินใหญ่อย่างสูงตระหง่าน ให้ความรู้สึกถึงอำนาจพลังของราชา ที่สูงส่ง
หยกสีน้ำเงินหมายเลขเก้าที่ไม่ยอมน้อยหน้าไปกว่ากัน มีแสงสีน้ำเงินสว่างใสส่องเข้าไปในดวงตา ภายใต้แสงไฟยิ่งสว่างเข้าไปอีก แม้ว่าสีของหยกสีแดงหมายเลขยี่สิบครั้งที่แล้วจะเป็นรอง แต่ก็ดึงดูดสายตาผู้คนให้ลุกวาว
“จินเหลียน ไม่น่าเชื่อเลย พวกเราเดิมพันผิดไปแล้ว?” จ่านป๋ายยิ้มขมขื่น ตอนนี้ยังมีหินหยกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้เจียระไนออกมา แต่ก็ค่อยๆ ทยอยเผยหินลักษณะแปลกๆ ขึ้น เนื้อแก้วโบราณมีสามก้อน แม้แต่สีเขียวจักรพรรดิที่ไม่ได้เผยให้เห็นในทุกวันต่างปรากฏให้เห็นเลย
“ไม่ต้องรีบร้อน รอดูก่อนเถอะ” ซีเหมินจินเหลียนพูด “ไม่รู้ว่าคืนนี้ใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่” ในระหว่างที่พูดประโยคนี้ ในใจของเธอลึกๆ ยังหวาดกลัวจนเหงื่อตกกับเจียหยวนฮวาราชาแห่งนักเดิมพันหิน คืนนี้ขอแค่คณะกรรมการตัดสินลำเอียง เขาก็จะไม่เหลืออะไรเลย เสียดายหินหยกก้อนนั้นเหลือเกิน…
“จินเหลียน คุณดูหินหยกหมายเลขยี่สิบเอ็ดสิ นั่นของเถ้าแก่โจว…” จู่ๆ จ่านป๋ายก็พูดขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนเงยหน้าขึ้นไปดู หินหยกหมายเลขยี่สิบเอ็ดมาจากร้านของเถ้าแก่โจว สีดั้งเดิมชนิดเนื้อแก้วโบราณ สีเหลืองน้ำมันไก่บวกกับสีแดงสด สีดูกลมกลืนกันอย่างความสามัคคี เพียงแต่สีแดงไม่ได้ดูโดดเด่น แต่หินหยกแบบนี้มาเผยตัวอยู่ที่การเดิมพันหินใหญ่ เกือบจะทำให้ทุกคนตกตะลึงจนร้องไม่ออก บางคนเริ่มถอนหายใจไม่หยุด ม้ามืดที่ขึ้นนำในคืนนี้ต้องเป็นหมายเลขยี่สิบเอ็ดอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถึงทั้งสองสีจะทำให้คนโปรดปรานมาก ทว่าสีเขียวจักรพรรดิและหยกสีน้ำเงินก็ทำให้คนอิจฉาไม่หยุด แม้กระทั่งคณะกรรมการบางคนบนเวทีก็เริ่มกระซิบกระซาบเจรจาตกลงกัน เรื่องที่น่าแปลกเช่นนี้ พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน
เดิมทีการเดิมพันหินใหญ่ แม้แต่เนื้อแก้วยังหายาก แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว เมื่อคืนมีหินแปลกประหลาดโผล่มา วันนี้ยิ่งมีสีสันยิ่งกว่า แถมยังเพี้ยนขึ้นไปเรื่อยๆ ดึงดูดใจขึ้นไปอยู่ต่อเนื่อง
สีเขียวจักรพรรดิ หยกสีน้ำเงิน สีเหลืองแดงสองสี? หยกสีแดงมืดเข้มก้อนนั้นทำให้คน มองไม่วางตา
“ดูนี่สิ สามสี ฮกลกซิ่ว…หมายเลขยี่สิบสาม!” ท่ามกลางผู้คนมีคนส่งเสียงตกใจขึ้น
“จินเหลียน มีคนเจียระไนหยกฮกลกซิ่วออกมาได้ ในการเดิมพันหินใหญ่คืนนี้ดูร้อนแรงมาก” จ่านป๋ายพูด
ซีเหมินจินเหลียนจดจ้องไปที่หยกฮกลกซิ่วบนเวที หินหยกหมายเลขยี่สิบสาม ไม่ใหญ่แต่ก็ไม่เล็ก สามสีไม่ถือว่าสมดุลเท่ากัน สีกลับหาพบเจอได้ยาก ในนั้นมี…สีเหลือง แดง เขียว สีเขียวมีอัตราส่วนสองในสาม ส่วนสีเหลืองและสีแดงสองสีนี้กว้างเพียงหนึ่งนิ้วมือ ชนะขาดเรื่องสีสดใสสว่าง และยังเป็นชนิดเนื้อแก้ว
“จินเหลียน สีนี้มีความสวยหยาดเยิ้มจริงๆ” จ่านป๋ายพูดขึ้น
ซีเหมินจินเหลียนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า ความจริงสีนี้มันเยอะไป แค่มีความสดสวย แต่กลัวว่าคนส่วนมากไม่คิดอย่างนั้น ไม่นานก็พูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ฉันเจียระไนออกมาเป็นฮกลกซิ่ว สีกลมกลืนด้วยดี มีแดงเหลืองม่วง เป็นสามสีที่ล้ำค่าชนิดหนึ่ง”
“เมื่อสักครู่ได้ยินคนพูดว่า คุณสามารถเปลี่ยนหินให้เป็นทองจริงๆ หือ! จินเหลียน หินหยกหมายเลขยี่สิบสองถูกเปิดออกมาแล้ว สีนี่มัน…” จ่านป๋ายจดจ้องไปที่หินหยกก้อนนั้นตรงกลางเวที ไม่นานก็พูดออกมา ส่วนผู้คนที่เหลือก็ตาค้างอ้าปากอย่างตกตะลึง