ความลับแห่งจินเหลียน - ตอนพิเศษ 6 ร่ำรวยในชั่วข้ามคืน
เจ้าของร้านเองก็ไม่ได้พูดอะไร ยังคงยิ้มตาหยี ผู้อาวุโสเจี่ยกวาดสายตามอง เห็นทุกคนที่เหลือไม่มีใครสนใจซื้อ จึงพยักหน้าพูด “ตกลง”
หูชีเยี่ยนได้ยินเช่นนี้ ไม่เพียงแค่ดีใจ แต่ยังรีบบอกให้ซีเหมินเวิ่นเสว่จ่ายเงินทันที วนเวียนอยู่ในถนนเฟ่ยชุ่ยตั้งหลายวัน เขารู้แล้วว่า การแลกเปลี่ยนขนาดย่อมมากมาย ล้วนจ่ายด้วยเงินสดโดยตรง โชคดีที่เขาเองก็ให้ซีเหมินเวิ่นเสว่เตรียมเงินสดสามหมื่นหยวนไว้กับตัว ไม่อย่างนั้นคงลำบากน่าดู
ซีเหมินเวิ่นเสว่เองก็ไม่ได้พูดอะไร ถอดกระเป๋าสะพายหลังออก หยิบเงินสามปึกหนาออกมายื่นให้ผู้อาวุโสเจี่ยพร้อมพูด “ท่านลองนับดู”
ผู้อาวุโสเจี่ยเพียงยิ้ม แล้วเก็บไปโดยไม่นับด้วยซ้ำ แพ้ไปเป็นสิบล้าน ยังจะสนใจว่าหายไปแค่ใบเดียวหรือ?
“พ่อหนุ่ม หินเหล่านี้เป็นของนายทั้งหมด” ผู้อาวุโสเจี่ยเองก็เป็นนักพนันหินมืออาชีพ แม้อารมณ์จะไม่ดี แต่ก็ยังพูดพร้อมรอยยิ้ม
“ใช่” หูชีเยี่ยนพูดกับเจ้าของร้าน “เถ้าแก่ ฉันผ่าหินที่นี่ได้มั้ย?”
“แน่นอน” น้ำใจแค่นี้เจ้าของร้านก็มีอยู่ พลันเรียกผู้ช่วยสองคนมาช่วยเขา
หูชีเยี่ยนหยิบปากกาน้ำมันจากม้านั่งข้างๆ ขึ้นมา มองหยกดิบที่ถูกผ่าจนไม่เหลือชิ้นดี หลังจากนั้นก็เดินไปอยู่ตรงหน้าหยกดิบที่ยังถือว่าใหญ่อยู่ตามภาพในความทรงจำ แล้ววาดเส้นจากปากทางที่ถูกผ่าลงไปประมาณสองเซนติเมตร พลันชี้เส้นนั้นพูด “ผ่าตรงนี้ให้ฉันทีเดียวก็พอ”
ทุกคนอดตะลึงไม่ได้ จากนั้น ถึงขั้นที่มีคนหัวเราะออกเสียง สายตาที่มองหูชีเยี่ยนก็ดูแปลกประหลาดเด็กหนุ่มคนนี้คงจะเป็นพวกผลาญเงินครอบครัวไปวันๆ เสียเงินซื้อก้อนหินมาผ่าเล่น
ถึงอย่างไร ถ้าผ่าลงไปตามเส้นที่หูชีเยี่ยนวาดไว้ ก็เป็นทางเดียวกับที่ผู้อาวุโสเจี่ยผ่าตั้งแต่แรก ก็แค่เอียงไปสองเซนติเมตรเท่านั้น
ผู้ช่วยสองคนของเจ้าของร้านเองก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี และคำพูดหลังจากนั้นของหูชีเยี่ยนยิ่งทำให้ทุกคนแทบหงายหลัง “ฉันผ่าหินไม่เป็น ทั้งสองท่านช่วยหน่อย”
“พ่อหนุ่มคนนี้น่าสนใจจริงๆ…” มีคนพูดพร้อมเสียงหัวเราะท่ามกลางฝูงชน
“เงินเยอะจนไม่มีที่เก็บล่ะสิ…” มีคนหัวเราะเยาะอย่างหวังดี
“เด็กจอมผลาญเงิน” อีกคนพูดต่อ
สำหรับวงการพนันหิน โดยทั่วไปแล้วรุ่นหนุ่มสาวล้วนมีอาจารย์พาเข้า และถ้าตอนที่ยังไม่ได้พนันหินด้วยตัวเอง ก็จะทำงานเป็นคนผ่าหิน สั่งสมประสบการณ์ แต่อย่างหูชีเยี่ยน…หาดูได้ยากมากจริงๆ ทุกคนจึงอดขำไม่ได้
“ผ่าหินไม่เป็นไม่ได้หมายความว่าจะพนันหินไม่ได้” หูชีเยี่ยนยักไหล่อย่างไม่สนใจ เขาผ่าหินไม่เป็นจริงๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้จักการพนันหิน ตรงกันข้าม เขาชำนาญในกฎการพนันหินเก่าแก่อย่างมาก
อย่างเช่นการสังเกตหิน ลองเชิงหินและสัมผัสหิน…สิ่งที่คนสมัยนี้ไม่ให้ความสนใจเท่าไหร่ เขารู้หมด รวมทั้งการจำแนกแสงและเยื่อหุ้ม
แม้แต่พิธีไหว้หิน บูชาดาบหิน เขาก็รู้จัก
ซีเหมินเวิ่นเสว่เองก็ได้แต่หัวเราะแห้งๆ กับเขา และผู้ช่วยทั้งสองคนก็คล่องแคล่วอย่างมาก ไม่นานก็ขนหยกดิบก้อนนั้นไปไว้บนเครื่องผ่าหยก กดที่จับผ่าลงไปตามเส้นที่หูชีเยี่ยนวาดไว้
จวบจนกระทั่งตอนนี้ ซีเหมินเวิ่นเสว่เริ่มตื่นเต้นขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถึงขั้นที่แม้แต่นิ้วมือของเขายังเริ่มสั่นเบาๆ ทีหนึ่ง
“นายจะตื่นเต้นขนาดนี้ทำไม?” หูชีเยี่ยนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาถาม
“นายไม่ตื่นเต้นเหรอ คราวนี้เป็นของเราแล้วนะ” ซีเหมินเวิ่นเสว่แปลกใจ เมื่อครู่นี้ก่อนที่คนอื่นผ่าหยก ใบหน้าของเขาแปลกประหลาดเต็มประดา ตอนนี้พอถึงคราวตัวเอง เขากลับนิ่งมาก
“เมื่อกี้ฉันตื่นเต้นจริงๆ แต่ตอนนี้ไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด” หูชีเยี่ยนยิ้มน้อยๆ หลังจากได้สัมผัสหิน เขาก็รู้สึกแปลกอย่างไม่ทราบสาเหตุ ถ้าผู้อาวุโสเจี่ยเดินมีดผิด วันนี้เขาก็จะได้รับโชคไปเต็มๆ เพราะฉะนั้น เขากังวลการลงมีดของผู้อาวุโสเจี่ย แต่ตอนนี้ หยกดิบก้อนนี้เป็นของเขาแล้ว เขายังต้องตื่นเต้นอะไรอีก?
ไม่นานผู้ช่วยทั้งสองก็ผ่าหินเสร็จ หลังจากนั้นกลับสูดหายใจเข้าด้วยความตกใจ หูชีเยี่ยนค่อยยังชั่ว ส่วนซีเหมินเวิ่นเสว่นั้นรีบเข้าไปดูแทบรอไม่ไหวแล้ว ทันใดนั้นเขาพลันส่งเสียงด้วยความตกใจ “สือโท่ว(ซึ่งแปลว่าก้อนหิน) หยก…”
หูชีเยี่ยนถึงกับไปไม่เป็น “นายเรียกฉันหรือเรียกก้อนหิน?”
“เรียกนายๆ นายมาดู…หยกออกมาแล้ว เป็นหยกจริงๆ” ซีเหมินเวิ่นเสว่ดีใจมาก แม้จะห้ามไม่ให้หูชีเยี่ยนพนันหินมาโดยตลอด แต่พอพนันหินขึ้นมาจริงๆ ตอนผ่าหินเขากลับตื่นเต้นยิ่งกว่าตนเสียอีก หยิบน้ำเปล่าที่วางอยู่ข้างๆ มารดบนพื้นผิวรอยผ่า แสงสีเขียวขจีที่ส่องสว่างนั่น ยิ่งน่ายินดี
บนพื้นผิวรอยผ่าทั้งแถบ หยกนั่นยาวประมาณสามสิบเซนติเมตร ความกว้างก็ประมาณยี่สิบเซนติเมตร อีกอย่างภายนอกดูดีกว่าเปลือกนอกเมื่อครู่นี้มาก เป็นประกายระยิบระยับ สว่างไสวฉ่ำน้ำ พื้นผิวละเอียดและโปร่งแสงอย่างมาก
“ห้าล้าน” คนวัยกลางคนที่พูดเมื่อครู่นี้รีบเข้ามา ยื่นมือไปลูบ พร้อมชื่นชมว่า “ช่างเป็นของดีจริงๆ พ่อหนุ่ม ส่งต่อในราคาห้าล้านนะ”
“สือโท่ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่หวั่นไหว ห้าล้าน…เพียงพอให้พวกเขาใช้ทั้งชีวิตแล้ว
หูชีเยี่ยนกลับส่ายหน้าเบาๆ หยิบปากกาน้ำมันวาดเส้นบนหยกดิบแล้วพูดว่า “ผ่าออกจากขอบ ขุดหยกทั้งหมดออกมา”
ยังมีคนที่ต้องการจะเสนอราคา พอเห็นว่าเขาไม่มีท่าทีจะส่งต่อ ก็ไม่ได้พูดอะไร ส่วนผู้อาวุโสเจี่ยนั่น สีหน้าซับซ้อนสับสนขึ้นมาทันที เริ่มจากตะลึง ตามด้วยหงุดหงิดโมโห ถ้าผ่าลงไปอีกครั้ง ก็จะ…
จากพื้นผิวรอยผ่านั่น แม้สีเขียวจะหยั่งลึกลงไปอีกเพียงหนึ่งถึงสองเซนติเมตร มูลค่าก็เกินจะประมาณแล้ว
ผู้ช่วยสองคนนั้นได้ยินเช่นนี้ ก็เริ่มผ่าหินอีกครั้ง ไม่นานหยกที่อยู่ตรงกลางหยกดิบนั่นก็ถูกขูดออกมาทั้งหมด สีเขียวที่เห็นนั่น ลึกลงไปกว่าที่ทุกคนจินตนาการเอาไว้มาก ประมาณเกือบสิบเซนติเมตร สิ่งที่ทำให้ทุกคนชื่นชมไม่ขาดปากเลยคือ ขอบของหยกก้อนนี้ เป็นสีม่วงกว้างประมาณนิ้วโป้ง
สีเขียวและสีม่วงตัดกันได้อย่างกลมกลืนสมบูรณ์แบบ สีม่วงเป็นสีไวโอเลตบริสุทธิ์ ลอยอยู่บนสีเขียวมรกต เป็นหยกม่วงมรกตอย่างแท้จริง
“พ่อหนุ่ม จะส่งต่อหยกก้อนนี้หรือไม่?” คนวัยกลางคนคนนั้นเดินเข้ามา ยื่นบุหรี่มวนหนึ่งให้พร้อมถาม และไม่ลืมที่จะยื่นนามบัตรใบหนึ่งให้ หูชีเยี่ยนเหลือบมองก็เห็นว่าเป็นท่านประธานบริษัทหมิงฮุยจิวเวลรี่ฮ่องกง คุณอวิ๋น
“แน่นอน” หูชีเยี่ยนพยักหน้า ถ้าไม่ส่งต่อ ของแบบนี้อยู่ในมือเขาก็เป็นเพียงแค่ก้อนหิน จะเอาไปทำอะไรได้?
“ห้าสิบล้าน” ผู้อาวุโสเจี่ยที่ผ่าหินผิดพลาดในตอนแรกก็เข้ามา แทบจะกัดฟันพูด ทีแรกนี่เป็นของของเขา จะไม่ให้เขาโกรธได้อย่างไร?
สุดท้ายหลังจากทั้งสองประมูลแข่งกัน คุณอวิ๋นซื้อหยกดิบนั่นไปในราคาที่สูงถึงแปดสิบล้าน หลังจากนั้นเขาขอบัญชีธนาคารของหูชีเยี่ยน แล้วโทรไปสั่งโอนที่ธนาคาร
“ดึกขนาดนี้แล้ว ธนาคารยังรับโอนอยู่เหรอ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ถามเสียงต่ำ
“อื้ม” หูชีเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “บริษัทจิวเวลรี่ขนาดใหญ่พวกนี้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคาร แน่นอนว่าธนาคารจะต้องอำนวยความสะดวกให้พวกเขาอย่างสุดความสามารถ ต่อไปถ้าเรามีเงิน ธนาคารก็จะประจบประแจงนายเหมือนกัน”
“ตอนนี้นายมีเงินแล้ว” ซีเหมินเวิ่นเสว่ยิ้มก่นด่าอย่างไม่สบอารมณ์
หลังจากแน่ใจแล้วว่าได้รับโอน หูชีเยี่ยนจึงยกหยกดิบก้อนนั้นให้คุณอวิ๋น ในใจกลับพึมพำคำว่าบริษัทหมิงฮุยจิวเวลรี่ฮ่องกง…
“เด็กหนุ่มคนนั้นแซ่หูเหรอ?” และคุณอวิ๋นเองก็สนใจในตัวเขา หาธนาคารแห่งหนึ่งแล้วล็อกหยกดิบก้อนนั้นไว้ในตู้เซฟ จากนั้นก็ชวนหูชีเยี่ยนรับประทานอาหารค่ำอย่างสุภาพ แต่หูชีเยี่ยนกลับปฏิเสธอย่างมีมารยาท
หลังจากนั้นก็ไปหาร้านอาหารเล็กๆ ร้านหนึ่ง กับซีเหมินเวิ่นเสว่ สั่งผัดผักธรรมดาๆ สองสามจาน เบียร์สองขวดดื่มกันอย่างช้าๆ
“สือโท่ว เราจะไปเจียงหนานกันพรุ่งนี้ หยางโจวหรือซูโจวก็ดี นายเลือกที่ที่ชอบสักที่” ซีเหมินเวิ่นเสว่ค่อยๆ จิบเบียร์พร้อมพูดขึ้น
“เหอะ…” หูชีเยี่ยนเพียงยิ้มน้อยๆ
เห็นหูชีเยี่ยนไม่สนใจ แน่นอนว่าซีเหมินเวิ่นเสว่ต้องรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดอย่างขึ้งโกรธ “หูชีเยี่ยน ข้าคุยกับเอ็งอยู่นะ”
“เฮ้ย…” หูชีเยี่ยนยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันเพิ่งเจอน้าแท้ๆ มา จู่ๆ แม้แต่พ่อก็โผล่มาด้วย…”
“อะไรนะ?” ซีเหมินเวิ่นเสว่อึ้ง ตามด้วยหัวใจที่กระตุกวูบขึ้นมา พลันถาม “คุณอวิ๋นบริษัทหมิงฮุยจิวเวลรี่ฮ่องกงคนนั้น?”
“ใช่” หูชีเยี่ยนพยักหน้า แล้วส่ายหน้าพูด “ฉันไม่อยากมีญาติที่ไม่เกี่ยวข้องโผล่ออกมาโดยใช่เหตุมากมายขนาดนั้นหรอกนะ”
“นายพอเถอะ” ซีเหมินเวิ่นเสว่อดขำไม่ได้ “นายมันลูกคนจน เขาเป็นถึงท่านประธานบริษัทจิวเวลรี่ อย่าบอกว่านายไม่อยากนับญาติเลย แม้นายไปนับ เขาก็ไม่อยากรับนายหรอก”
หูชีเยี่ยนยังคงเอาแต่ยิ้ม “คนใช้จิตใจอำมหิตรังแกเจ้านาย”
“ปัดโถ้เอ้ย” ซีเหมินเวิ่นเสว่อดสบถเสียงต่ำไม่ได้ พลันถาม “แล้วจะทำไม?”
“เถ้าแก่ เหล้าขาวสองขวด กับแก้มอีกสองสามจาน” จู่ๆ หูชีเยี่ยนก็ตะเบ็งเสียง
และหลังจากนั้น ไม่ว่าซีเหมินเวิ่นเสว่จะถามอย่างไร เขาก็ไม่ปริปากพูดอะไรมากไปกว่านั้น เพียงดื่มเข้าไปแก้วต่อแก้ว จนกระทั่งเอ้อร์กัวโถวที่มีปริมาณแอลกอฮอล์หกสิบดีกรีเข้าท้องเขาทั้งหมด สุดท้ายก็นอนหมอบอยู่บนโต๊ะ ไม่สามารถขยับตัวได้
ซีเหมินเวิ่นเสว่อยากจะดึงตัวเขาขึ้นมา ตบสักทีสองที แต่สุดท้ายก็แบกเขากลับโรงแรมไปอย่างจนปัญญา เช้าวันถัดมา หูชีเยี่ยนตื่นมาก็เห็นซีเหมินเวิ่นเสว่ยกน้ำชาเข้มข้นแก้วหนึ่งมายื่นให้เขาพร้อมพูดว่า “ดื่มชา จะได้สร่าง เดี๋ยวฉันจะไปซื้อตั๋วรถไฟ”
“ฉันไม่อยากไป” หูชีเยี่ยนรับน้ำชาไป เอนบนเตียงแล้วจิบคำหนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ฉันปวดหัวมาก เราพักที่นี่อีกวัน พรุ่งนี้ค่อยไป”
ขอเพียงแค่เขาไม่ไปพนันหิน อยู่อีกสักวันซีเหมินเวิ่นเสว่ก็ไม่ว่าอะไร สุดท้าย หูชีเยี่ยนนอนอยู่ในห้องวันหนึ่ง ช่วงค่ำ ซีเหมินเวิ่นเสว่ซื้ออาหารมา แต่เขากลับบอกว่าดื่มมากไป ไม่อยากอาหาร อยากทานแตงโมแก้กระหาย ให้เขาออกไปซื้อให้
ซีเหมินเวิ่นเสว่ตามใจเขามาโดยตลอด จึงลุกขึ้นและออกไปซื้อแตงโมให้เขาทันที หูชีเยี่ยนถือแตงโมครึ่งลูก ค่อยๆ ทานอย่างช้าๆ และมองซีเหมินเวิ่นเสว่ที่ทานข้าวอย่างมูมมาม
ซีเหมินเวิ่นเสว่
“นายมองฉันทำไม?” ซีเหมินเวิ่นเสว่ถูกเขามองจนรู้สึกแปลกๆ จึงเงยหน้าขึ้นถาม
“ฉันก็จะดูว่า นายกินยาระงับประสาทเข้าไปเท่าไหร่ ถึงจะล้ม” หูชีเยี่ยนหัวเราะชอบใจ
“นาย…” ซีเหมินเวิ่นเสว่เพิ่งอยากจะลุกขึ้น แต่กลับรู้สึกวิงเวียนอย่างรุนแรง ร่างกายเอียงและยวบลงพื้นไป